บทที่ 1****22: การสนับสนุนที่ล่าช้า!
หงหยิงสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าอ้วนยินดีกับนางด้วยใจจริง มันยิ่งทำให้นางรู้สึกพอใจกับเขาอย่างสุดหัวใจ อย่างไรก็ตามนางรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้รับรางวัลใหญ่เช่นนี้โดยไม่ต้องทำสิ่งใด ตู๋เชียนเฉิงเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินและไม่เพียงแต่มีสมบัติวิญญาณอยู่ในมือเท่านั้น เป็นไปได้ที่เขาจะมีสิ่งอื่นครอบครองอยู่ แน่นอนว่าสิ่งของเหล่านั้นมีมูลค่าน้อยกว่าสมบัติวิญญาณ แต่มันก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอที่จะเปลี่ยนฐานะจากยาจกเป็นมหาเศรษฐีได้เลย หลังจากที่ฝึกฝนมาอย่างยาวนาน เหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินจะยากจนได้อย่างไร หรือไม่ใช่?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หงหยิงอดทนกับความรู้สึกขยะแขยงและเริ่มค้นหาสิ่งของของตู๋เชียนเฉิง นางหยิบแหวนสีดำออกมาจากมือขวาของเขาได้ หลังจากเช็ดคราบเลือดบนแหวน นางยื่นมันให้กับเจ้าอ้วนอย่างกระตือรือร้นพร้อมกล่าวว่า “พี่ชายอ้วน แหวนมิติเก็บของ! มันเป็นของคุณภาพสูงที่สุดด้วย! แม้แต่บิดาของข้าก็ยังไม่ได้ครอบครองมัน มีของมากมายอยู่ในแหวนวงนี้ มันเป็นของเจ้า!”
“ฮ่าฮ่า งั้นข้าขอดูสักหน่อยว่าในแหวนนี้มีสิ่งใดบ้าง!” เจ้าอ้วนไม่ได้หยิบเอาแหวนมาในทันที เขาใช้จิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบสิ่งของภายในแหวน
สุดท้ายแล้ว เจ้าอ้วนได้รู้ว่าภายในแหวนมีมิติขนาดกว้างสามพันฟุตและมีอุปกรณ์มากมายอยู่ภายในนี้ มีหินจิตวิญญาณระดับสูงหลายพันก้อน และหินจิตวิญญาณระดับกลางนับหมื่นก้อน และหินจิตวิญญาณระดับต่ำนับล้านก้อน สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ เป็นวัสดุที่ใช้ในการปรับแต่งอาวุธและยาอายุวัฒนะ
หลังจากที่เขาตรวจสอบอุปกรณ์ภายในแหวนทั้งหมดแล้ว เจ้าอ้วนได้แต่บ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แปลกมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ข้างในนั้น แต่ไม่มีสมบัติวิเศษสักชิ้นเดียว อย่าบอกนะว่าตู๋เชียนเฉิงไม่ได้สังหารเหล่าผู้ฝึกตนระดับจินตันหลายพันคนเพื่อแย่งชิงสมบัติวิเศษ? มันหายไปไหนกันนะ?”
“บางทีเขาอาจจะใช้มันไปแล้ว?” หงหยิงดวงตาเบิกกว้างขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ในครั้งสุดท้ายตู๋เชียนเฉิงถูกซุ่มโจมตีโดยบิดาและมารดาของข้า เขาทำลายสมบัติวิเศษมากกว่าสองร้อยชิ้นเพื่อหลบหนี ในคราวที่เราเจอเขา ตอนนั้นเขาก็บาดเจ็บหนักแล้ว เขาคงถูกโจมตีครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ข้าเดาว่าเขาคงระเบิดสมบัติวิเศษพวกนั้นทั้งหมดแล้วหลบหนีอย่างแน่นอน!”
“จริงด้วย!” เจ้าอ้วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นเขาเริ่มเอาของออกจากแหวนและเอาไปเก็บไว้ในมิติลึกลับของตนเอง
เมื่อหงหยิงเห็นเช่นนั้น นางถามออกมาอย่างงุนงง “พี่ชายอ้วน เจ้ากำลังทำอะไร?”
“ความมั่งคั่งไม่ควรประกาศให้ใครล่วงรู้ มีหินจิตวิญญาณนับล้านก้อนที่นี่ เราไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับเช่นนี้ได้ ข้าต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อย้ายมัน และจะเหลือทิ้งไว้เพียงบางอย่างเท่านั้น ถ้าหากมีผู้อื่นพบเห็นหลังจากที่เหลือสิ่งของพวกนี้ไว้ เขาเหล่านั้นจะได้ไม่รู้สึกอิจฉามากเกินไป!” เจ้าอ้วนอธิบายในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
หลังจากที่หงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างสับสนอีกครั้ง “พี่ชายอ้วน แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าหากพวกเขารู้? อย่าบอกนะว่าพวกเขาจะปล้นเจ้า?”
“อา ข้าจะพูดอย่างไรดี?” เจ้าอ้วนจ้องมองใบหน้าของบุคคลที่ไม่เคยสัมผัสต่อความโหดร้ายของโลกใบนี้อย่างหนักใจ จากนั้นเขาถอนหายใจพร้อมกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “บางทีพวกเขาอาจจะไม่ทำ แต่พวกเขาอาจจะถูกความมั่งคั่งเช่นนี้ล่อลวงจนหน้ามืดตามัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ข้าทำคือการป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“เรื่องนั้น…. ข้าเข้าใจ!” หงหยิงไม่โง่เขลาและนางเข้าใจทันทีหลังจากเจ้าอ้วนอธิบาย
“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจมัน!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกับเผยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขารีบเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทั้งหลายอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาชั่วครู่เขาสามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มากพอ วัสดุหลากหลายที่หายากทั้งหมดและสมุนไพรมากมายถูกนำออกไปทั้งหมดไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว เขาเหลือไว้เพียงอุปกรณ์ที่ไม่สำคัญอะไรเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนกำลังง่วนอยู่กับการเก็บของอยู่ข้างกาย หงหยิงรู้สึกกระวนกระวายในหัวใจ ในแหวนนั้นมีสิ่งของมากมายที่กระเป๋ามิติเก็บของธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลย และกระเป๋ามิติของเจ้าอ้วนเล็กมากซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจใส่ของเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน หากใครพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องสงสัย แต่หงหยิงเข้าใจเขา แม้ว่าอายุนางจะน้อยกว่าและเห็นว่าเจ้าอ้วนไม่ได้อธิบายสิ่งใด นางรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นความลับของเขา ดังนั้น นางจึงไม่ถามสิ่งใดออกมาอีกแต่หันไปเล่นกับกระบี่เฟิ่งหมิงอย่างตื่นเต้นยินดีแทน
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เขากำลังจะกล่าวอะไรออกมาสักอย่าง แต่ว่าในขณะนี้เขาได้ยินเสียงราวกับท้องฟ้ากำลังสะเทือนอย่างรุนแรง ภูเขากำลังสั่นไหวและหินพร้อมที่จะถล่มลงมาทุกเมื่อ
“ตู๋เชียนเฉิง เจ้ากล้าแตะต้องบุตรสาวของข้างั้นหรือ?! วันนี้ข้าจะถลกหนังของเจ้า!” เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น คนทั้งสามทำลายน้ำตกเข้ามาพร้อมกับหอบลมพายุขนาดใหญ่มาด้วย พวกเขาทั้งสามปรากฏตัวตรงหน้าเจ้าอ้วนและหงหยิงทันที
เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้รีบมาที่นี่อย่างเต็มกำลัง พวกเขาหยุดฝีเท้าลงทันทีที่เข้ามา ลมแรงที่พวกเขาพามานั้นเทียบได้กับพายุใต้ฝุ่นระดับสิบสอง แม้กระทั่งผู้ที่โครงสร้างแข็งแกร่งเช่นเจ้าอ้วนยังถูกเป่ากระเด็นทันที เขาติดอยู่กับผนังถ้ำอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
แม้ว่าสภาพของเจ้าอ้วนจะน่าสงสารอย่างมาก แต่หงหยิงกลับมีสภาพที่สมบูรณ์เช่นเดิม เพราะเมื่อเกิดพายุขึ้น กระบี่เฟิ่งหมิงได้ปกป้องเจ้าของของมันไว้ด้วยแสงสีทอง ซึ่งแรงลมไม่อาจสู้ได้แม้แต่น้อย
ในตอนแรกหงหยิงคิดว่าเป็นการโจมตีของศัตรูและรีบทำการป้องกันทันที แต่หลังจากมองดูอย่างรอบคอบแล้วนางพบว่าพวกเขาทั้งสามคนคือผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินของสำนักเสวียนเทียน คือจ้าวสำนักและภรรยา พร้อมกับนักบวชฮัวอวิ๋น สำหรับคนที่สี่เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิที่รับผิดชอบในภารกิจล่าอสูรกายครั้งนี้ การปรากฏตัวของเขาในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง ลำคอของเขาอยู่ในมือของจ้าวสำนัก ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด
หลังจากที่ทุกคนในภารกิจล่าอสูรกายหลบหนีไป ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิรีบใช้ยันต์แจ้งข่าวไปยังภรรยาของจ้าวสำนักทันที ว่าบุตรีของนางอยู่ในกลุ่มได้พบเจอกับอุบัติเหตุระหว่างทาง ในขณะที่ภรรยาของจ้าวสำนักกำลังกังวลเรื่องความปลอดภัยของหงหยิง นางจึงบอกกล่าวเรื่องนี้แก่จ้าวสำนัก
หลังจากที่ทำลายยันต์นี้ มันถูกสร้างเป็นกระจกขนาดใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ นี่คือยันต์สื่อสารทางไกลระดับสูง แม้ว่าจะห่างออกไปหลายพันลี้ก็ตาม ก็ยังสามารถช่วยให้สื่อสารกันแบบเห็นหน้าได้
ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมยันต์สื่อสารและรีบอธิบายทุกสิ่งกับภรรยาจ้าวสำนักทันที หลังจากที่ภรรยาจ้าวสำนักได้ยินชื่อตู๋เชียนเฉิง ใบหน้าของนางตกตะลึงพร้อมกับเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว หลังจากที่นางทราบว่าหงหยิงไม่ได้หนีออกมาและยังคงติดอยู่ในถ้ำ นางแทบจะเป็นลมในทันที
หลังจากเกิดความวุ่นวายอยู่ในสำนักเสวียนเทียนเสร็จแล้ว หลังจากนั้นจ้าวสำนักกับภรรยาของเขาพร้อมด้วยนักบวชฮัวอวิ๋น รีบพุ่งมาที่นี่ทันที พวกเขาส่งจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังเทพธิดาเหมยฮวาแต่ไร้ประโยชน์ นางอยู่ระหว่างการเก็บตัวฝึกฝน แม้ว่าการสนับสนุนจะน้อยลง แต่พวกเขาก็ยังไม่รีรอเพียงเพราะบุตรสาวคนเดียวของพวกเขาอยู่ที่นั่น
ด้วยความเร็วที่น่ากลัวของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน พวกเขาใช้เวลาเพียงยี่สิบถึงสามสิบนาทีเท่านั้นเพื่อมายังที่แห่งนี้ แต่ทั้งสามคนไม่รู้ตำแหน่งของถ้ำ พวกเขาจึงค้นหาผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ จ้าวสำนักที่กังวลใจเกี่ยวกับบุตรสาวอย่างมาก เขาคว้าเอาคอของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิราวกับว่าหยิบจับสุนัขที่ตายแล้วพร้อมกับสั่งให้เขานำทาง
“ท่านแม่!” เมื่อมองเห็นมารดา น้ำตาของหงหยิงที่กลั้นไว้ไหลออกมา นางเก็บกระบี่เฟิ่งหมิงทันทีพร้อมกับวิ่งไปกอดมารดาอย่างโหยหา
จ้าวสำนักและภรรยานั้นกังวลเรื่องบุตรสาวอย่างมาก และยิ่งเห็นว่านางร้องไห้ พวกเขาทั้งสองลืมสิ่งที่ต้องทำไปเสียสนิท จ้าวสำนักโยนผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิราวกับขยะเปียกชิ้นหนึ่งพร้อมกับไถ่ถามกับบุตรสาวของตนอย่างรีบร้อน “หงหยิง ตู๋เชียนเฉิงกับอ้วนน้อยอยู่ที่ใด?”
“พวกเขาควรจะอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ?” หงหยิงชี้นิ้วกลับเข้าไปด้านในถ้ำขณะที่ตอบ
เมื่อมองไปยังที่ที่หงหยิงชี้ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งสามคนตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด! พวกเขาเห็นอาชญากรของโลกแห่งผู้ฝึกตนนามว่าตู๋เชียนเฉิงถูกสังหารเสียแล้ว! เขานอนอยู่ตรงนั้นราวกับเศษเนื้อและกำลังจะจมลงไปในดิน!
สำหรับเจ้าอ้วน เขาค่อย ๆ คลานออกมาจากโคลนอย่างยากลำบาก การปรากฏตัวของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจเนื่องจากเขายังมีชีวิตอยู่และสภาพร่างกายของเขาสมบูรณ์ทุกอย่าง!
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งสามได้แต่จ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินพร้อมด้วยสมบัติวิญญาณต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนมือใหม่ภายในถ้ำ ในตอนสุดท้ายของการต่อสู้ บุคคลที่ตายตกไปกลับเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ทุกคนจะเชื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร?
จ้าวสำนักถามออกไปด้วยตกใจ “อ้วนน้อย บอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่?”
เจ้าอ้วนลูบศีรษะของตนพร้อมกล่าวอย่างขมขื่น “ท่านจ้าวสำนัก ศิษย์ของท่านและศิษย์น้องหงหยิงพยายามที่จะสังหารตู๋เชียนเฉิง หลังจากที่การพยายามอย่างหนักผ่านพ้นไปแล้ว ในตอนนี้ข้ากำลังจะถูกฆ่าโดยท่านอีกครั้ง!”
จ้าวสำนักและผู้คนทั้งหมดได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ เพราะความจริงในตอนที่พวกเขาเข้ามาที่ถ้ำแห่งนี้ได้ใช้วิธีที่รุนแรงอย่างมาก มันทำให้เจ้าอ้วนต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้าอ้วนมีกระดูกที่แข็งแรง ถ้าหากเป็นผู้ฝึกตนอื่น กระดูกของพวกเขาอาจจะแตกหักไปแล้ว
“เหอะ ๆ นั่นเป็นเพราะข้าเป็นห่วงมากยังไงล่ะ!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างอับอาย
นักบวชฮัวอวิ๋นไม่ห่วงเรื่องนั้นแต่เขารีบสอบสวนเจ้าอ้วนอย่างรวดเร็ว “อ้วนน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าสังหารตู๋เชียนเฉิงงั้นหรือ? เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้า? แค่เจ้าอย่างนั้นหรือ? สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้?”
“รายงานท่านอาวุโส ถ้าหากตู๋เชียนเฉิงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แม้ว่าจะมีข้าสักหนึ่งพันคนก็มิอาจทำเช่นนี้ได้ แต่ในตอนที่ข้าเจอกับเขา เขาบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นศิษย์ของท่านจึงขังเขาไว้ในระฆัง และเขาตายตกไปเพราะดิ้นรนที่จะออกจากระฆังใบนี้เพราะทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว!”
“อย่างนั้นหรือ?” ภรรยาจ้าวสำนักไถ่ถามหงหยิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
“ใช่แล้วท่านแม่!” หงหยิงรีบหยักหน้าพร้อมกล่าว “เป็นเช่นนั้น!” นางไม่แน่ใจว่าเหตุใดเจ้าอ้วนจึงโกหก แต่นางก็เลือกที่จะสนับสนุนบุรุษที่ขโมยจูบแรกของนางไป!