EG บทที่ 708 เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านได้มั้ย?
รถสีดำขัดเงาอย่างดีจอดอยู่ชั้นล่างและทุกคนที่กำลังกวาดหิมะอยู่ก็หยุดทำงานทันที พวกเขามองไปที่รถสีดำสวยงามคันนั้น ต้องเป็นใครสักคนที่มาหาตาเฒ่าเฝิงแน่ๆ
ดูตาเฒ่าเฝิงสิ เขามีลูกชายที่มีความสามารถและชีวิตของเขาก็ดีขึ้น
คนขับลงจากรถและมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้กับเฝิงหยู่อย่างรวดเร็ว
เอ๊ะ? นั่นมันลูกชายของตาเฒ่าเฝิงไม่ใช่หรอ? เขากลับมาแล้วหรอ?
“เสี่ยวหยู่กลับไปหาพ่อแม่หรอ?” คุณป้าทักทายเขาก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทักทายเฝิงหยู่ต่อหน้าคนอื่น
“ป้าหลี่กำลังกวาดหิมะหรอครับ? ให้ผมช่วยดีกว่า ลุงจ้าว คุณหวัง……” เฝิงหยู่ทักทายเพื่อนบ้านของเขาทุกคน คนพวกนี้ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่
“ไม่เป็นไรๆ ป้าถือว่าการกวาดหิมะเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ช่วงปิดเทอมในฤดูหนาวของมหาวิทยาลัยเริ่มมาสักพักแล้วใช่มั้ย? แล้วทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ?”
“ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการในเมืองปิงนิดหน่อย แต่ผมก็ยังกลับมาทันวันตรุษจีนนะครับ”
เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวจากด้านหลังผู้ใหญ่แล้วถามว่า “พี่เฝิงหยู่ ปีนี้จะมีจุดพลุอีกมั้ยคะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเสี่ยวเปาชอบดูพลุ งั้นเราก็จะจุดกัน คราวนี้เราจะจุดพลุเยอะๆ เลย! พี่มั่นใจว่าเธอต้องชอบแน่ๆ!”
“เย้!!! พี่เฝิงหยู่เจ๋งที่สุดเลย!” เสี่ยวเปาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
จางมู่ฮวากำลังรอลูกชายของเธอที่หน้าต่าง เธออยากเป็นคนแรกที่ต้อนรับลูกชายของเธอกลับบ้าน
“ป้าครับ ลุงครับ ผมไปก่อนนะครับ ถ้าทุกคนว่าง แวะมาคุยกับผมที่บ้านได้นะครับ” เฝิงหยู่พูดและเดินเข้าตึกไปมือเปล่า คนขับของเขาและหลิวจี้ฉวนตามหลังเขามาพร้อมกับขนของทุกอย่างที่เขาซื้อมา
เฝิงหยู่คอยจับตาดูหลิวจี้ฉวนมาระยะหนึ่งแล้ว และตัดสินใจให้เขาเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่พวกเขาก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เฝิงหยู่รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องให้เขามาเป็นบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งคนขับรถคนใหม่ของเฝิงหยู่มีชื่อว่าเหม่ยจื้อเกา เขาก็มาจากเมืองปิงด้วยเช่นกัน
“จี้ฉวน คุณกลับไปก่อน ผมแน่ใจว่าลุงหลิวกำลังรอคุณอยู่ จื้อเกา คุณก็กลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวของคุณได้แล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้หรอก อีกอย่างต้าจ้วงก็ยังอยู่แถวนี้”
ต้าจ้วงเป็นบอดี้การ์ดที่ได้รับมอบหมายให้ไปคุ้มกันพ่อของเฝิงหยู่ พ่อแม่ของเขาได้เสียชีวิตไปแล้วและน้องสาวของเขาก็ย้ายไปมณฑลอื่น เขาอยู่คนเดียวและเลือกที่จะใช้วันหยุดอยู่กับตระกูลเฝิง
เหม่ยจื้อเกาพยักหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าผู้จัดการเฝิงจะต้องบอกให้พวกเขากลับไป หลังจากขอบคุณเฝิงหยู่ เขาก็ออกไปพร้อมกับหลิวจี้ฉวน หลิวจี้ฉวนไปส่งเขาไปที่สถานีรถบัสเพื่อนั่งรถกลับไปที่เมืองปิง
“ทำไมกลับมาช้าจังเลยลูก? ติดงานหรอ? ลูกมอบหมายงานทั้งหมดให้คนอื่นทำแล้วไม่ใช่หรอ?” จางมู่ฮวาบ่น
“ผมไปซื้อของบางอย่างที่อเมริกามาครับ นี่ผมก็รีบกลับมาทันทีหลังจากทำงานเสร็จเลยนะ ทำไมพ่อกับแม่ไม่ย้ายไปที่เมืองปิงล่ะครับ จะได้เจอจือสิงบ่อยๆ ด้วย” เฝิงหยู่ตอบ
แม้ว่าอากาศในหมู่บ้านจะดีมาก แต่การจราจร บริการทางการแพทย์ และเรื่องอื่นๆ ก็ไม่สามารถเทียบกับเมืองได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมืองปิงก็ไม่ได้สกปรกเหมือนในอนาคต
“โอเค พ่อกับแม่ตั้งใจจะซื้อบ้านริมแม่น้ำ เพราะจะสะดวกกว่าเวลาที่พ่อของแกไปตกปลา”
“อ๊ะ? จริงหรอครับ?” เฝิงหยู่รู้สึกประหลาดใจ เขาพยายามขอให้พ่อกับแม่ย้ายไปที่เมืองตั้งนานแล้ว แต่พ่อแม่ของเขาปฏิเสธ แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาต้องการที่จะย้ายไปกะทันหันแบบนี้ล่ะ?
“ลุงเหวินกำลังจะถูกย้ายไปเมืองปิง และพ่อของแกก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะในหมู่บ้านนี้ อีกอย่างสุขภาพของคุณปู่ก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน พ่อเค้าอยากพาคุณปู่ไปอยู่กับเราที่เมืองปิงด้วย ถ้าเขาเกิดป่วยขึ้นมา จะได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลได้สะดวกกว่า”
“ลุงเหวินกำลังย้ายไปยังเมืองปิงหรอครับ? เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกแล้วหรอ?” พ่อของเหวินตงจวินเลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วเกินไปแล้ว เขากำลังขี่จรวดอยู่หรือไง?
“แม่ว่าเป็นแค่การย้ายงานเท่านั้นนะ เขาจะเป็นรองหัวหน้าสำนักงานเกษตรของเมือง”
เฝิงหยู่เลิกคิ้ว “หัวหน้ากำลังจะเกษียณหรอครับ?”
“ใช่แล้ว แม่ได้ยินมาว่าเขาจะเกษียณในอีกไม่ถึง 2 ปี แล้วลูกรู้ได้ยังไง?” จางมู่ฮวาถามอย่างสงสัย
ยังต้องถามอีกหรอ? ลุงเหวินถูกย้ายไปที่เมืองเพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานเกษตรของเมือง เมืองปิงเป็นแผนกย่อยระดับจังหวัด นั่นหมายความว่าลุงเหวินจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานในไม่ช้างั้นหรอ? หลายคนจะต้องอิจฉาเขา แต่ลุงเหวินก็ได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่
“ผมก็แค่เดานะครับ พ่ออยู่ไหนหรอครับ? ที่โรงงานหรอ?”
“เขาไปจับกบกับตาเฒ่าจ้าวน่ะ เห็นบ่นว่าอยากกินกบทอด ถ้าอยากกินกบ ทำไมถึงไปจับกบด้วยตัวเองก็ไม่รู้? แค่ซื้อจากร้านมาก็ได้ละ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อเค้าคงอยากหาอะไรทำสนุกๆ น่ะครับ บางทีเขาอาจจะเบื่อกับการเล่นไพ่นกกระจอกทุกวัน”
ในตอนเที่ยง เฝิงซิ่งไท่ก็กลับมาบ้านพร้อมถังกบและปลาตัวเล็ก เขาบอกให้เฝิงหยู่รีบโทรหาเหวินตงจวินเพื่อเชิญครอบครัวมาทานอาหารเย็นและดื่มด้วยกัน ราวกับว่ากบเป็นอาหารรสเลิศมาก
เหวินตงจวินมาถึงบ้านของเฝิงหยู่ก่อนเวลาเพื่อเล่นวิดีโอเกมกับเขา พวกเขาเสียบปลั๊กเกมลิตเติ้ลไทแรนท์รุ่นที่สองเข้ากับโทรทัศน์และเริ่มเล่นเกม พวกเขาตะโกนและเล่นกันอย่างตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้เล่นด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว
“เอ๊ะ เพิ่งมีร้านเกมมาเปิดใหม่ในหมู่บ้าน พรุ่งนี้อยากลองไปเล่นที่นั่นกันดูมั้ย?” สำหรับเหวินตงจวินแล้ว การปิดเทอมก็เป็นเพียงการเล่นและสนุกอยู่กับตัวเองเท่านั้น เขามีเพื่อนไม่เยอะและรอให้เฝิงหยู่กลับมาที่หมู่บ้านตั้งนานแล้ว
ตอนนี้มีร้านเกมแล้วหรอ? เฝิงหยู่สนใจอยากไปสถานที่นี้มาก ดังนั้นเขาจึงตกลงว่าจะไปกับเหวินตงจวินในวันพรุ่งนี้
แม่ของเหวินตงจวินช่วยเตรียมอาหารเย็น พอมีคนมาช่วย ไม่นานอาหารเย็นก็พร้อมเสิร์ฟ เมื่อเหวินเต๋อกวางกลับมาจากที่ทำงาน โต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหาร อาหารจานหลักสำหรับมื้อเย็นคือกบทอด
“แกสองคนใกล้จะเรียนจบแล้ว วางแผนอะไรกันหรือยัง?” เฝิงซิ่งไท่ถาม
“ผมหรอ? ก็ทำธุรกิจต่อไปนั่นแหละ”
“แกบอกเองไม่ใช่หรอว่าอยากเข้ารับราชการ?” เฝิงซิ่งไท่ไม่พอใจ เด็กบ้านี่โกหกเขาอีกแล้ว
“พ่อครับ การทำธุรกิจก็มีส่วนช่วยประเทศชาติเหมือนกันนะครับ พ่อไม่เคยได้ยินหรอว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติมาก นอกจากนี้ ด้วยทรัพย์สินของผมตอนนี้ พ่อคิดว่าผมยังสามารถเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใครได้อีกหรอครับ?” ด้วยสินทรัพย์ในปัจจุบันขอเฝิงหยู่ เขาสามารถเข้าไปเป็นคณะกรรมการพรรคของรัฐบาลกลางได้โดยง่าย ยกเว้นเรื่องอายุของเขาเพียงอย่างเดียว
“ตาฒ่าเฝิง เดี๋ยวนี้เด็กๆ เค้ามีความคิดเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการไปเถอะ” เหวินเต๋อกวางพูดและหันไปหาเหวินตงจวิน “แล้วแกล่ะ?”
เหวินตงจวินยังคงก้มหน้าก้มตากินกบอยู่ ปากของเขามันเยิ้มและเขารีบกลืนอาหารทันทีเมื่อได้ยินเสียงพ่อของเขาถามขึ้นมา
“ผมหรอครับ? ผมก็คงเข้ารับราชการแหละ” เหวินดองจุนตอบไปเรื่อย พ่อของจางฮั่นช่วยปูทางให้เขาไว้แล้ว คงจะโง่มากถ้าเขาไม่เข้ารับราชการ ยิ่งไปกว่านั้น มันคือความฝันของเขาที่จะได้เป็นข้าราชการ เขาอยากเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรหลังจากที่เขาได้เป็นข้าราชการแล้ว!
“มีหน่วยงานราชการตั้งเยอะแยะ แล้วแกจะไปทำฝ่ายไหนล่ะ?” เหวินเต๋อกวางรู้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกชายกับจางฮั่นและรู้ว่าพ่อของจางฮั่นได้จัดการไว้ให้หมดแล้ว
“อ๊ะ? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เหวินตงจวินตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
เฝิงหยู่ยกมือขึ้นมาปิดหน้า “ผ่านมาตั้งนานแล้วนายยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกหรอ?”
“อ๋อ ผมนึกออกล่ะ ผมจะเข้าไปทำงานในฝ่ายเดียวกับจางฮั่นครับ!” เหวินตงจวินตอบกลับด้วยสีหน้าแบบว่า “ผมก็มีแผนของผมเหมือนกันนะ”
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านของเฝิงหยู่ ป่านนี้เหวินเต๋อกวางคงวิ่งไล่ตีลูกชายของเขาไปแล้ว คนอะไรไม่เคยคิดวางแผนอะไรล่วงหน้าเลย?
เฝิงหยู่มองหน้าเหวินตงจวิน เขาสูง 190 เซนติเมตรและไม่ว่าเขาจะไปทำงานที่ฝ่ายไหนก็ตาม ไม่มีผู้นำคนไหนชอบเขาแน่นอน บางทีอาจจะมีแค่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจหรือกีฬาเท่านั้นที่เหมาะกับเขา แต่ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาจะอยู่รอดในกรมตำรวจได้หรอ?
“ตงจวิน เธอไม่ควรทำตามจางฮั่นทุกเรื่องนะ ให้จางฮั่นเข้าร่วมกรมตำรวจไปและเธอก็ไปอยู่กรมกีฬาแห่งชาติจีน ถ้าทั้งคู่ทำงานในแผนกเดียวกัน จะต้องมีสักคนที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ด้วยขนาดตัวของเธอ หัวหน้างานคงจะไม่สนับสนุนเธออย่างแน่นอน แต่ที่กรมกีฬาแห่งชาติจีน ขนาดตัวของเธอจะไม่ดูโดดเด่นมากนัก อีกอย่าง เธอยังได้เล่นกีฬากับนักกีฬาที่นั่นด้วย น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า”
ดวงตาของเหวินตงจวินเป็นประกายขึ้นมา “ใช่แล้วครับ ผมจะไปเป็นคนดูแลจัดการเรื่องสนามกีฬาเอง และผมก็สามารถเล่นกับนักกีฬาที่นั่นได้ด้วย! พ่อครับ ผมพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ผมอยากเข้าทำงานที่กรมกีฬาแห่งชาติจีนครับ!”
เหวินเต๋อกวางส่ายหัว กรมกีฬาแห่งชาติจีนเนี่ยนะ? โอเค ลักษณะนิสัยของเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้คงจะทำให้ผู้นำในฝ่ายอื่นๆ ไม่พอใจแน่ๆ อาจจะดีกว่าถ้าเขาเข้าทำงานที่กรมกีฬาแห่งชาติจีน
“โอเค”
“โอ้ ลุงเหวินครับ เราเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านของเราได้มั้ยครับ?” จู่ๆ เฝิงหยู่ก็ถามขึ้นมา