แต่ ผู้ใดคือ ลีจื้อเทียน ?  เขาเป็นสองรองเพียงแค่ยอดปรมาจารย์ผู้ทรงพลัง จุ้นเป้ยเฉิน เช่นนั้น จักไม่เป็นปัญหาในภายภาคหน้าหรือหากเขาปล่อยให้บุตรชายตกอยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ ?  มิใช่เพราะไม่มีผู้ใดในทั้งสองฝ่ายพยายามเข้าเจรจา หากแต่ทุกการเจรจานั้นสั่นยิ่งและจบลงอย่างน่าสังเวช  เช่นนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น  ไม่นาน คฤหัสน์ฉือฮั่นเหนื่อยอ่อนยิ่ง และเกือบถูกกำจัดไปโดยเหล่า อสูรเชวียน ราวกับพวกเขาจักกลายเป็นอาหาร ต่อจากนั้นถูกย่อยกลายเป็นมูล

ดังนั้น ลีจื้อเทียน และ ฉีฉางเซี่ยวไร้สิ้นหนทางจึง ประกาศขอความช่วยเหลือจากเหล่ายอดฝีมือเชวียนจากทั่วโลก

 

และ นั่นคือเวลาที่ จวินโม่เซี่ยและคนอื่นๆรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

เรื่องนี้กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ …

 

ทุกผู้ต่างสับสนว่าเหตุใดสิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้น ?  พวกเขาประหลาดใจว่าสิ่งใดยั่วยุสองราชันอสูรเชวียน

 

พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้กับ คฤหัสน์ฉือฮั่น … แต่ด้วยเหตุใด ?  ข้ามิอาจเข้าใจ …

 

คำถามนี้ มิเพียงทำให้ผู้คนต่างหม่นหมอง แต่ยังทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อ  ลีจื้อเทียนและผู้อื่นๆจาก คฤหัสน์ฉือฮั่นสันสนและโกรธเคืองยิ่ง

พวกเราไปทำสิ่งใด ?  เหตุใดเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้เกิดกับพวกเรา ?  ผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ?  ประหลาดยิ่งนัก !

 

ลีจื้อเทียน ไต่ถาม กระเรียน และ หมีใหญ่หลายหนว่า

” เหตุใด ?  พวกเราอยู่อย่างสงบมาช้านาน  ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราทั้งสองยังมีการค้าร่วมกัน  เช่นนั้น เหตุใดพวกเจ้าจึงโจมตีพวกเรากระทันหันเช่นนี้ ?  หากพวกเราจักต่อสู้กัน … อย่างน้อยเจ้าจักมิบอกกล่าวเหตุผลเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้หรือ ? “

 

คำถามของ ลีจื้อเทียนมิได้ไร้เหตุผล  ความจริงแล้ว นั่นคือคำถามที่ยุติธรรม  มิควรมีเหตุผลที่ดีที่สองกองกำลังทำสงความกันหรือ ?

 

กระนั้น สองราชันอสูรเชวียนมิอาจตอบเขาได้ทุกครั้ง

ไม่ผิดหรอกหรือที่จักบอกเขาว่า พวกเราแพ้เดิมพันคนผู้หนึ่ง และ คฤหัสน์ฉือฮั่นของเจ้านั้น อุจาดนัยน์ตาคนผู้นั้น  ดังนั้น พวกเราจึงมาที่นี่เพื่อหักขาลูกชายเจ้า … เพียงเท่านั้น … ?

 

ผู้เราจักไม่เสียหน้ามากยิ่งกระนั้น ?

 

มันจะดูคล้ายดั่งพวกเรากลายเป็น นักเลงรับจ้าง .. ที่ทำตากคำสั่งของผู้อื่น

การสอบถามเช่นนั้น ทำให้ หมีใหญ่ มิอาจควบคุมอารมณ์ .เจ้ามิใช่ปรมาจารย์อันดับสอง ?  และ เจ้าอาจหาญไต่ถามพวกเราเช่นนั้น ?  เจ้ามิรู้หรือพวกเราคือผู้ใด ?

 

ลีจื้อเทียนมิได้ไต่ถามผื่นใดหลังจาก ลีจื้อเทียนเอ่ยวาจานั้น  แต่ ทั้งสองฝ่ายเริ่มโจมตีใส่กันหนักหน่วงขึ้น  ความจริง หาเหล่าอสุรเชวียนล่าถอยในตอนนั้น … ลีจื้อเทียนก็จักตามพวกเขา และโจมตี ป่าเถียนฟา

 

ทุกผู้มีโทสะ …

 

จากนั้น หมีใหญ่จึงเอ่ยประโยคดั้งเดิม

” เหตุใดจะไม่ ?  เจ้ามิได้ต้องตาข้า  ข้าเฝ้าดู คฤหัสน์ฉือฮั่น ของเจ้ามาช้านาน และข้าต้องการโจมตีมัน !  วันนั้นเจ้ากลั่นแกล้งพวกเราทั้งสองมิใช่หรือ ?  ตอนนี้ พวกเรากลับมาพร้อมกับอสูรมากมายเพื่อเอาคืนเจ้า มิได้หรือ ?  เจ้าเฒ่าชั่วช้า !  เจ้านั้นอายุราว แปดสิบแล้ว และยังคงเล่นกับหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดลูกชาย !  หากเจ้ามิอับอายในเรื่องนี้ … ข้าเพื่อนบ้านของเจ้า รู้สึกอับอายยิ่ง !  เช่นนั้น ข้าจึงตัดสินใจสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้า ! ”

 

 

ปรมจารย์อับดับสอง อายุร้อยปีเกือบกระอักเลือด  จากนั้น การต่อสู้งของทั้งสองฝ่ายเพิ่มความรุนแรงขึ้นหลังจากที่ ยอดปรมาจารย์ได้ฟังวาจานั้น

 

ในจุดนี้ ทั้งสองฝั่งมิอาจสามารถเจรจากันได้แล้ว ….

 

ดังนั้น มนุษย์และอสูรเชวียนมากมายรวมตัวกันต่อสู้จนถึงชีวิต  สิ่งนี้ก่อให้เกิดกองภูเชาซากศพขนาดใหญ่ และทะเลแห่งสายโลหิต  แต่ พวกเขามิเข้าใจถึงเหตุแห่งความเกลียดชังนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ …

 

แม้แต่ผู้ที่ก่อให้เหตุเหตุการณ์นี้ คุณชายน้อยแห่งสกุลจวิน จวินโม่เซี่ยก็สับสนและตกลึงงัน

 

ข้าเพียงแค่ของให้เจ้าสร้างความเสียหาย ?  แต่ตอนนี้ ข้าเห็นว่าเจ้าก่อให้เกิดสงความโลก !

 

ข้ามิอาจรับผิดต่อการต่อสู้นี้ !  ข้ามิได้ประสงค์ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ข้ามิได้ผิด !

 

ลีจื้อเทียน ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตสร้าง คฤหัสน์ฉือฮั่น  แต่มันกลับถูกทำลายพังพินาศ  แต่ หากเขาได้รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ คือเขามีเมียเด็กสาวเพื่อให้มีบุตรชาย จักมิน่าประกลาดใจเลย หากเขาหน้าแดงด้วยโทสะและสิ้นใจ

 

สตรีชั่วร้ายคืออันใด ?  ไม่มีบุรุษใดสามารถเข้าใจความหมายภายใต่สถานการณนี้  แต่ ซากศพมากมายของอสูรเชวียน และเลือดของยอดฝีมือเชวียนที่ค้นหาความจริงอยู่บนสรวงสวรรค์ และสุดท้ายก็ได้พบถึงเหตุที่แท้จรงิของเรื่องนี้ …

 

เมื่อเวลาช้านาน มีตำนานของสาวงามผู้ที่ทำให้ทั้งอาณาจักรเกิดปัญหากัน  แต่ ไม่มีหญิงสาวคนใดเป็นเหตุให้เกิดปัญหากันระหว่า มนุษย์โลก และ อสูร…

 

กวนเซียงฮั่น หญิงสาวจากสกุลจวินนั้นเป็นสิ่งที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน  นางทิ้งห่างสตีอื่นไม่เห็นฝุ่น !

 

หากมีรายชื่อไล่เรียงถูกเขียนขึ้น เป็นที่แน่นอนว่า หญิงสาวจากสกุลจวิน กวนเซียงฮั่น จะเป็นสตีผู้งดงามอันดับหนึ่งในโลกหล้า !  เป็นธรรมดาของความงดงามเช่นนี้ที่จักก่อให้เกิดความวุ่นวาย  และ ความงดงามเช่นนี้มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน … พวกนางไร้เดียงสา

 

และนางเป็นผู้ที่ไร้เดียงสาที่สุด !

 

กวนเซียงฮั่น มิเคยรู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้ในตอนที่มันเกิด  นางอยู่ห่างไกลไปนับร้อยลี้จากดินแดนแห่งโศกอนาฎกรรมและโศกเศร้านี้  ดังนั้น นางจักรู้ถึงเรื่องของกองภูเขาซากศพที่เกิดขึ้นเพราะนางได้อย่างไร ?

 

ความจริงแล้ว เรื่องทั้งมดนี้จักกลายเป็นปริศนาที่มิอาจแก้ได้ไปชั่วนิรันดิ์ !

 

ในเวลานั้น มียอดฝีมือเทพเชวียนหกคนอยู่ชั้นล่างสุดใน หอมณีวิจิตรซึ่งกำลังคาดเดาไปต่างๆนาๆ  เช่นเดียวกัน จวินโม่เซี่ยก็ขมวดคิ้ว และคุ่นคิดถึงปัญหานี้ขณะที่เขาหลบอยู่ใตดิน

 

การก่อกบฏของอสูรเชวียน … มีจุดประสงค์อันใด ?  การต่อสู่ของกองทัพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ?  ไร้ค่านักในความเห็นข้า …

 

จวินโม่เซี่ยยังคงนิ่งเงียบอยู่ใต้ดิน  ความคิดของเขาวนเวียนไปมาอยู่ในหัว อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามิอาจเข้าใจสิ่งสำคัญของเรื่องนี้  รู้สึกได้ว่าเกิดเหตุบางอย่างที่มิได้คาดคิดและเตรียมการ

 

ท้ายที่สุด เขาจึงล้มเลิกความสนใจในเรื่องนี้

การก่อกบฏของอสูรเชวียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ?  แท้จริงแล้ว ข้าคิดว่านี่คือเหตุบังเอิญยิ่ง !  นอกจกานี้ ข้าเพียงไปยัง ป่าเถียนฟาเพื่อหาสมบัติ  ผู้อื่นอาจไปเพื่อยั้บยั้งการก่อกบฏนี้  แต่ข้าไม่มีเวลาทำเช่นนั้น …

 

ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้น่าเกลียดชังยิ่งนัก  พวกเขาวางแผนจัดการน้าสามและสกุลจวินของข้า  ความจริงแล้ว พวกเขาวางแผนการจักกำจัดสกุลจวินของเราในคราเดียว !  สิ่งนี้มิอาจยอมรับได้ !

 

จากนั้น จวินโม่เซี่ยจึงจากไป  เขาเคลื่อนที่ไปใต้ดินอย่างเงียบๆ  คุณชายน้อยจวินหลบซ่อนอย่างดีตลอดเวลานั้น

 

เคล็ดอิสระหยินหยางลึกลับยิ่ง  แม้แต่ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง ก็ยากยิ่งจักสัมผัสเขาได้  ก่อนหน้านี้ เล้ยวูเบ้ยสามารถสัมผัสกลิ่นอายของคุณชายน้อยได้อย่างเลือนลาง  แต่เขาก็มิอาจระบุตำแหน่งที่แท้จริงได้  จวินโม่เซี่ย ประหลาดใจต่อความเฉียบคมของสัมผัสแห่งยอดปรมาจารย์ยิ่ง  กระนั้น ความเชื่อมั่นใน เคล็ดอิสระหยินหยางของเขายังคงเพิ่มมากขึ้นหลากหลายเท่า  หาก ยอดปรมาจารย์ยังมิอาจสัมผัสร่องรอยของเขาได้ ผู้อื่นนั้นก็ลืมไปได้เลย

 

เซี่ยวเฟิงวู มิได้ปรากฏตัวขึ้นในการรวมตัวนี้  บางทีอาจเป็นเพราะสถานภาพของเขา บางที เขาอาจมีได้มีความสูงส่งเพียงพอที่จักได้เข้าร่วมการพบปะชั้นสูงเช่นนี้  กระนั้น จวินโม่เซี่ยก็มิได้หลงลืมประสงค์หลักที่มาที่นี่

 

เพียงสิ่งขอชั้นดีชิ้นเดียวที่สามารถยั่วยุปฏิกริยาเช่นนี้จาก เจดีย์หงษ์จวิน … หยกเสริมวิญญาณ ของสกุลเซี่ยว ?  ชื่อนั้นออกเสียงได้ยากยิ่งนัก !

จวินโม่เซี่ยต มุมปากของเขาโค้งงอ  แก่นวิญญาณ ของเซี่ยวปู้ยู ?  เชื่อต่อกับกลิ่นไอวิญญาณข้า ห้าร้อยลี้ ?

 

อืม อืม  ข้าจักเข้าไปยัง เจดีย์หงส์จวิน เมื่อข้าได้สิ่งที่ต้องการ  แม้แต่ แก่นวิญญาณของผู้เป็นอัมตะก็มิอาจใช้ได้ ?  และ สำหรับเคล็ดการ เชื่อมต่อกลิ่นไอวิญญาณนั้น … เคล็ดของเจ้าอาจจะเป็นเลิศ แต่ก็ยังมิอาจสัมผัสพบข้าได้ ?

 

ในความเป็นจริงนั้น อาจตรงกับวาจาที่ว่า

” คุณธรรมสูงเพียงหนึ่งฟุต แต่ความชั่วร้ายนั้นสูงสิบฟุต ”

เจ้าแข็งแกร่ง แต่ข้านั้นยิ่งกว่าเจ้า !

 

ยากยิ่งสำหรับผู้อาวุโสเซี่ยวที่จักแสดงถึงเจตนาที่ดีเช่นนี้  เซี่ยวเฟิงวูอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องที่แยกออกไป ราวกับสิ่งของที่ถูกจัดใส่พาน  เจตนาที่ดีเช่นนี้ เหมาะสมยิ่งกับข้า  ราวกับว่ามันถูกหยิบยื่นมาให้ด้วยสองมือ ! เช่นนั้น ข้าจักเสียใจต่อ เจตนาการและจ้อเสนอที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไร ?

 

จวินโม่เซี่ยจักรู้สึกผิดยิ่งหากเขาปฏิเสธเจตนาอันดีของผู้อาวุโสสองแห่งสกุลเซี่ยวที่มอบให้เข้า …

 

ผู้อาวุโสสองแห่งสกุลเซี่ยวมิได้เพียงใจบุญเท่านั้น แต่เขายังไม่ถือตัวเช่นกัน …

 

ดังนั้น จวินโม่เซี่ยเริ่มค้นหาไปทั่วทั้งอาคารเพื่อหาสมบัติที่ซุกซ่อนไว้ด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาจงใจจัดวางทุกอย่างในจุดที่ทำให้เขาสามารถขมอยมันไปได้อย่างง่ายดาย  เช่นนั้น จึงมิใช่เรื่องยากที่จักค้นหามัน

 

จวินโม่เซี่ยใจเย็นขณะที่เขาค้นหาทุกห้องด้วยจิตสัมผัส  พบว่าแต่ละห้องมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน  ทุกห้องมีแก่นวิญญาณลึกลับบางส่วนอยู่ภายใน ไม่ว่าจักเบาบางหรือรุนแรง ซึ่งใช้เพื่อการเฝ้าดูห้องเหล่านี้ ในขณะที่ห้องลับที่อยู่กลางอาคารนี้เต็มไปด้วยกลิ่นไอแก่นนี้  ดังนั้น ผู้ที่บุกเข้ามาจึงไม่อาจล่าถอยไปได้โดยมิถูกตรวจจับ

 

จวินโม่เซี่ยยิ้มเนื่องจากเขามิได้รู้สึกหวาดกลัว  จากนั้นเขาจึงเริ่มเคลื่อนที่ตรงไปยังห้องลับนั้น

เจ้าโง่ !  เจ้าคิดว่าเจ้าคือยอดปรมาจารย์ ?  เจ้าคิดจักใช้ แก่นวิญญาณเพื่อเฝ้าดูห้อง ?  จริงหรือ ?  เจ้าถือตัวยิ่ง และดูถูกข้านัก !

 

แน่นอน ทุกสิ่งเป็นดั่งคาดการ

 

เซี่ยวเฟิงวูนั่งขัดสมาธิหลังตรงอยู่ภายในห้อง  ดวงตาปิดลง  ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย  มือของเขาวางอยู่ตรงหน้าอกเพื่อคุ้มกันหยก  หยกชิ้นนั้นคือเป้าหมายหลักของ คุณชายน้อยจวิน หยกเสริมวิญญาณ แห่งสกุลเซี่ยว !

 

ของสิ่งนี้เป็นของจริงแท้ มิปลอมแปลง  จวินโม่เซี่ยสามารถสัมผัสพลังบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ภายใน  ปราณเชวียน วนเวียนในทุกลมหายใจของ เซี่ยวเฟิงวู ทีละนิด มันหลั่งออกมาจากหยก และแปรเปลี่ยนเป็นปราณเชวียน จากนั้นเริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของเขา  สามารถเห็นได้จาก ผิวของ เซี่ยวเฟิงวูที่ดีขึ้นอย่างเชื่องช้าในทุกลมหายใจ

 

วิธีการใช้งาน หยกเสริมวิญญาณแห่งสกุลเซี่ยประจักชัดต่อคุณชายน้อยจวินในทันที

 

คุณชายน้อยจวินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันบริสุทธิ์ที่เซี่ยวเฟิงวูดูดซึมเข้าไป  หยกซ่อนเร้นพลังอันมหาศาล แต่คุณชายผู้นั้น ดูดกลืนเข้าไปเพียงเศษเสี้ยว  แต่ จวินโม่เวี่ยโศกเศร้ายิ่ง

เจ้าชั่วช้าผู้นี้คอบครองของสิ่งนี้ได้อย่างไร !  สกุลเซี่ยต่ำช้าได้รับอนุญาตให้ถือครองสมบัติล้ำค้านี้ได้อย่างไร !  พวกเขาเป็นผู้เหมาะสมที่จะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่มิอาจประเมิณค่าเช่นนี้ได้อย่างไร ?

 

พวกเขามิควรได้รับอนุญาตให้ครอบครองสมบัติสวรรค์  ความคิดของพวกเขาน่ารังเกียจ  พวกเขาทำให้สวรรค์โกรงเคืองและผู้คนโกรธแค้น

 

มีเพียงคุณชายน้อยผู้นี้ที่เหมาะสมกับหยกชิ้นนี้

 

ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงเหาะข้ามไปด้วยความเร็วอันยอดเยี่ยมไร้ลังเล  มือขงอเขาแปรเปลี่ยนเป็นดั่งกรงเล็บเหยี่ยว ขณะที่ยื่นออกไปตรงร่างของเขา จากนั้นเขาคว้ามันอย่างรวดเร็ว

 

การเคลื่อนไหวของเขาเป็นดั่งสายฟ้า !