DND.
อาจารย์พรายเหลือบมองทุกคนเขายังคงจ้องมองปิงหวูชิง
“ปิงหวูชิงข้าจะให้ภารกิจนี้กับเจ้า”
หม่าซูกับที่เหลือเสียใจเมื่อได้ฟังแต่มันก็คือการตัดสินใจอย่างเป็นธรรม ปิงหวูชิงนั้นมีคุณสมบัติมากกว่าพวกเขา
“โอ้เย้!”
กงซุนหวูซื่อกระโดดขึ้นด้วยความดีใจนางเหลือบมองซือหยูและเยาะเย้ย
“ฮื่ม!ภารกิจนี้อยู่ที่ปลายเล็บพี่หวูชิง! เจ้าน่ะเสียแรงเปล่า!”
ซือหยูมิได้แสดงสีหน้าใดแม้ว่าเขาจะผิดหวัง เขาก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ
เพราะเขารู้ว่าเขาอาจจะเจอภารกิจอื่นที่ทำให้เขาออกจากตำหนักได้แต่เขาอาจจะต้องรอโอกาสนั้นไปอีกหลายวัน
และเมื่อทุกอย่างตัดสินคนคุ้มกันคนหนึ่งก็รีบเข้ามา เขาขยับปากและส่งเสียงทางจิตไปให้อาจารย์พราย อาจารย์พรายตกใจมากและรีบยืนขึ้น
“เชิญนางเข้ามา!”
เจ้าพันธมิตรโจวกับผู้เฒ่าจิงสับสนผู้เฒ่าจิงถามด้วยความแปลกใจ
“เฒ่าพรายเกิดอะไรขึ้น?”
อาจารย์พรายจ้องปิงหวูชิงและถอนหายใจเบาๆปิงหวูชิงขมวดคิ้ว นางรู้สึกถึงลางไม่ดี
ฟึ่บ!
จากนั้นดาวตกได้พุ่งทะยานมาจากฟ้าตรงมาที่บ้านศิลา! อากาศสั่นสะเทือนลั่นจนบ้านสั่นไปทั้งหลัง ราวกับว่าบ้านศิลากำลังจะถล่ม
พลังระดับนี้น่าประทับใจมาก!ดาวตกได้กลายเป็นเงาร่างสตรี
“ปิงหวูชิงทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ปิงหวูชิงคนนี้คือศิษย์ของม่อเทียนฉวนนางคือผู้นำศิษย์ทุกคนในตำหนักโลหิต! ว่ากันว่านางเคยต่อสู้กับลู่จือยี่ ผู้ครองสวรรค์สตรีคนแรก อาจจะเอาชนะได้ ซึ่งแท้จริงแล้วนางมีพลังไปถึงจ้าวเทวะระดับเก้าแล้ว นั่นหมายความว่านางต่อสู้กับแม้กระทั่งกับกู้ไทซู!
ในตำหนักนอกจากอสูรเนรมิตรก็ไม่มีใครมั่นใจว่าจะเอาชนะปิงหวูชิงคนนี้ได้ ดังนั้นจึงมีผู้เฒ่าหลายคนจากตำหนักในรวมถึงเจ้าสำนักซ้ายขวาแสดงความรับถือต่อนางเมื่อได้พบ
ซือหยูตาลุกวาว…นางแข็งแกร่งจริงๆ!
ร่างที่มานี้ไม่ใช่ร่างจริงแต่เป็นร่างเงาของนางมันคือร่างเงาที่เกิดจากจิตสำนึกของนาง
ในภาวะปกติร่างเงาเช่นนี้จะมีพลังไม่ถึงหนึ่งในสิบของร่างจริง แต่ซือหยูรู้สึกว่าร่างเงานี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าใครเลย อีกทั้งยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่แม้แต่หม่าซูยังเทียบไม่ติด
แค่ร่างเงาของนางอย่างเดียวก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้วซือหยูได้แต่คิดว่าร่างจริงของนางจะแข็งแกร่งเพียงใด! ซือหยูคิดว่ากำลังเจอพลังที่แข็งแกร่งเท่ากู้ไทซู!
“เจ้ามาเพื่อชี้แนะสิ่งใดหรือ?”
อาจารย์พรายนั้นสุภาพกับปิงหวูชิงอีกคนราวกับเป็นคนในฐานะเดียวกันเขาไม่ได้มองนางในฐานะศิษย์ตำหนักเลย
ปิงหวูชิงอีกคนนั้นเย็นชาแม้แต่เสียงของนางก็ให้ความรู้สึกเยือกเย็น
“อย่าให้ภารกิจกับนาง!ถ้าเจ้าทำก็เตรียมใจรับผลที่ตามมาได้เลย!”
ปิงหวูชิงอีกชนชี้ดัชนีไปที่ปิงหวูชิง!นามของทั้งสองคล้ายกัน แทบจะไม่มีความต่างในการเขียนเลย
ปิงหวูชิงใบหน้าไร้อารมณ์อย่างประหลาดแต่ตอนนี้เมื่อได้เป็นปิงหวูชิงอีกคน นางก็ระเบิดความโกณธ
“ปิงหวูชิง!เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินเรื่องของข้า?”
“ก็เพราะว่า…ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า!อย่าลืมสัญญาของเรา! คนที่อ่อนแอจะต้องถูกอีกคนควบคุม! ชีวิตเจ้า ทุกสิ่งของเจ้า…ทุกอย่างเป็นของข้า! มันจะเป็นแบบนี้จนกว่าเจ้าจะเหนือกว่าข้าได้!”
ปิงหวูชิงพูดอย่างเยือกเย็น
คำพูดของนางนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ทั้งปวงราวกับว่านางเป็นคนที่ไม่มีใครรู้สึกเลย
“เจ้าพยายามจะหยุดข้าไม่ให้ได้สี่ล้านคะแนนสินะ?”
ปิงหวูชิงกัดฟันถาม
ปิงหวูชิงอีกคนตอบ
“ใช่!แล้วจะทำไม? ถ้าเจ้ากล้าผิดคำสัญญา ข้าจะเอาชีวิตเจ้าตอนนี้!”
เมื่อพูดจบปิงหวูชิงอีกคนก็ได้กลายเป็นเงาร่างพุ่งออกจากบ้านศิลา บ้านศิลากลับเข้าสู่ความเงียบไปนาน สิ่งเดียวที่เหลือก็คือแววตาโกรธเกรี้ยวของปิงหวูชิง
ในตอนนั้นอาจารย์พรายหัวเราะอย่างขมขื่น
“ปิงหวูชิงเจ้าได้ยินแล้วสินะ ข้าทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ข้าจะให้ภารกิจกับหม่าซู”
ปิงหวูชิงขบริมฝีปากและไม่โต้แย้งวความผิดหวังหยั่งรากลึกในแววตา ซือหยูที่อยู่ใกล้ๆสัมผัสได้ชัดว่าร่างกายละเอียดอ่อนของนางกำลังสั่นด้วยความแค้นและความเศร้า
“หม่าซูภารกิจจะถูกมอบหมายให้เจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำข้าผิดหวัง…”
อาจารย์พรายกล่าว
หม่าซูดีใจมากเขาโค้งคำนับ
“ขอบคุณท่านอาจารย์พราย!”
“ช้าก่อน!”
ในตอนนั้นเองซือหยูพูดแทรก
“อาจารย์พรายทำไมถึงไม่เลือกข้า?”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินคำถาม…เจ้าหมอนี่ยังไม่หมดหวังอีกรึ?
แต่อย่างน้อยอาจารย์เกาก็พูดไปแล้วว่าภารกิจแบบนี้ต้องการผู้ที่มีพลังจริงๆมิใช่แค่โชคที่ดีถึงหม่าซูกับอีกสองคนจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างปิงหวูชิง พวกเขาก็มีพลังเหนือกว่าซือหยูมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจได้ง่าย
“เจ้าน่ะรึ?”
อาจารย์พรายส่ายหน้าและพูด
“ไม่…ข้าไม่ต้องคิดใหม่อีก….”
ตอนนั้นเองตอนที่เขากำลังจะทำใจเต็มที่ เจ้าพันธมิตรโจวก็พูดออกมา
“เฒ่าพรายช้าก่อน ให้ข้าถามศิษย์คนนี้สักหนึ่งคำถาม…”
ผู้คนรู้สึกแปลกพวกเขาสงสัย…หรือว่าเจ้าพันธมิตรโจวจะสนใจซือหยูเข้าจริงๆ?
เขาเป็นพี่น้องร่วมสำนักอาจารย์พรายมาหลายปีดังนั้นสายสัมพันธ์จึงแน่นแฟ้น อีกทั้งยังมีวิชาการปรุงยาที่ลึกซึ้งคล้ายกัน เพียงแต่ว่าอีกคนเข้าร่วมกับตำหนักโลหิต และอีกคนเข้าร่วมกับพันธมิตรปรุงยาที่เมืองเทียนหยา
“บอกนามของเจ้ามาได้หรือไม่?”
เจ้าพันธมิตรโจวถามและจ้องมองซือหยูเขายิ้มอย่างอ่อนน้อม
ซือหยูตอบ
“ข้าชื่อซือหยูเซี่ยนท่านมีสิ่งใดจะชี้แนะข้าหรือ?”
เมื่อได้ฟังนอกจากปิงหวูชิงและกงซุนหวูซื่อ คนที่เหลือตกตะลึง
หม่าซูถามด้วยความตกใจ
“ซือหยูเซี่ยนศิษย์ระดับสูงจากตำหนักนอกหรือ? ข้าได้ยินว่าเจ้าไปทำงานที่เมืองเทียนหยาแล้วขายวารีผงกลั่นดวงใจได้มากนัก! ซือหยูเซี่ยนผู้นั้นคือเจ้าหรอกรึ?”.ไอลีนโนเวล.
อาจารย์พรายตกใจเช่นกันเพราะทุกคนในตำหนักในต่างได้ยินนามของซือหยูเซี่ยนมาแล้ว!
วารีผงกลั่นดวงใจนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือความเชี่ยวชาญในภาษาไม้ของซือหยู ซึ่งความรู้ของเขานั้นเหนือกว่าคนจากดินแดนมีดสวรรค์
เขามีฐานะสำคัญในตำหนักเขายังเคยถูกม่อเทียนฉวนถามหา เขาจะถูกมอบหมายงานสำคัญและถูกปกป้อง ในด้านตำแหน่ง เขามิได้ต่ำต้อยไปกว่าผู้เฒ่าในตำหนักในเลย
ทีแรกเขาคิดว่าซือหยูเป็นแค่ศิษย์ที่ไม่มีความสำคัญ เขาไม่เคยคิดเลยว่าศิษย์ที่มาจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง!
ผู้เฒ่าจิงชายตามองนางหน้าเศร้า
“เช่นนั้น…เจ้าก็คือซือหยูเซี่ยน!”
นางตั้งใจจะรับซือหยูเซี่ยนเป็นศิษย์แต่ก็ล้มเหลวนางกำลังจะส่งคนไปตามตัวซือหยูเซี่ยนมาพบนาง แต่ตอนนี้นางได้พบกับเขาที่นี่ตอนนี้!
ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไปในขณะนี้ส่วนซือหยูนั้นมองเจ้าพันธมิตรโจวด้วยความดูสุขุมเยือกเย็น เขาได้ยินว่าคนอื่นเรียกเขาว่า ‘เจ้าพันธมิตรโจว’ เมื่อครู่ เขาจึงรู้แล้วว่าผู้เฒ่าเครายาวผู้นี้คือใคร
“ฮ่าๆๆๆเป็นเจ้าจริงๆด้วย!”
เจ้าพันธมิตรโจวหัวเราะและยืนขึ้นเดินไปที่หน้าซือหยูเขาจับมือทั้งสองข้างของซือหยูด้วยความเป็นมิตร
เขาพูด
“ข้าคือโจวถิงจากพันธมิตรปรุงยาเดือนก่อน เจ้าช่วยเหล่าหลานสาวข้าจากกลุ่มสามสังหาร ข้าอยากจะไปเยี่ยมเจ้าตั้งแต่วันนั้น แต่พอข้าออกจากการบ่มเพาะ เจ้าก็กลับมาที่ตำหนักแล้ว ข้าก็เลยมาที่ตำหนักโลหิตเพื่อที่จะขอบคุณเจ้าในครั้งนี้”
อาจารย์พรายตกใจเมื่อได้ฟัง
“เฒ่าโจวเขาเป็นคนที่ช่วยหลานซนๆของเจ้ารึ?”
“ฮ่าๆๆใช่แล้ว เจ้าของร้านตงหลินคนก่อนยังไงล่ะ!”
เขาหัวเราะและตบบ่าซือหยู
“ตอนนั้นเจ้าเป็นแค่เจ้าของร้านเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นปราชญ์ระดับสูงตอนที่ข้ารู้ข่าวอีกที!”
ซือหยูยิ้ม
“เจ้าพันธมิตรโจวชมข้าเกินไปแล้วส่วนเรื่องช่วยหลานสาว ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”
“โฮ่…ไม่มีเหตุผลเลยที่ข้าจะไม่ตอบแทนน้ำใจของเจ้า!”
เจ้าพันธมิตรโจวพูดและหยิบเอาขวดหยกออกมาจากชายเสื้อมันมีโอสถสามสีอยู่ภายใน
อาจารย์พรายตาลุกวาว
“นี่คือโอสถไร้จันทร์สามวิถีที่เจ้าเพิ่งจะแปลมาจากสูตรโอสถโบราณใช่ไหม?ข้าจำได้ว่าเจ้าต้องพยายามมากนักเพื่อที่จะได้มันมา”
โอสถไร้จันทร์สามวิถีเป็นโอสถที่ถูกเก็บกู้สูตรมาพร้อมกับโอสถหกอสูรมันคือโอสถโบราณ มันปรุงได้ยากเพราะสูตรเต็มไปด้วยคำพูดที่สูญหายไปแล้ว ดังนั้นการจะปรุงมันได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีมากในการถอดความ
ด้วยความหายากและวัตถุดิบที่มีน้อยเขาปรุงได้แค่สามชิ้น ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะเก็บไว้ใช้เองแต่อยากจะให้มันกับซือหยู!
“ฮ่าๆๆๆ!ชีวิตของหลานสาวสามคนของข้าจะเทียบกับโอสถได้ยังไง?”
เจ้าพันธมิตรโจวหัวเราะและยัดโอสถเหล่านั้นใส่มือซือหยู
เขาพูด
“ข้าควรจะออกมาจากการบ่มเพาะพลังและขอบคุณเจ้าตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเดี๋ยวนั้นเลยแต่บังเอิญนักที่ข้ากำลังปรุงโอสถนี้อยู่ ข้าไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนเจ้าได้เลย โปรดรับโอสถไร้จันทร์สามวิถีที่เพิ่งปรุงนี้แทนคำขอบคุณจากข้า”
เขาพูดต่อ
“มันมีฤทธิ์ของแบบกับภูติชั้นกลางอย่างเจ้าประการแรกคือจะช่วยเพิ่มฐานพลัง และอย่างที่สองก็คือการต้านพิษ หากเจ้ารับประทานเข้าไป มันจะกลายเป็นชั้นป้องกันภายในร่างกายเจ้า จะไม่มีพิษใดทำอันตรายเจ้าได้”
ซือหยูพยายามจะปฏิเสธหลายครั้งแต่เจ้าพันธมิตรโจวก็ยืนยันที่จะให้
“ถ้าเจ้าไม่รับเอาไว้ข้าจะเรียกหลานสาวทั้งสามคนของข้ามาคุกเข่าขอบคุณต่อหน้าตำหนักโลหิตจนกว่าเจ้าจะรับมัน!”
เมื่อเจ้าพันธมิตรโจวพูดเช่นนี้ซือหยูก็ได้แต่รับมันเอาไว้ ในตอนนั้น กงซุนหวูซื่อจ้องโอสถพร้อมกับเลียริมฝีปาก นางเหมือนกับลูกแมวน้อยที่กำลังหิวโหย
หลังจากกลับมานั่งเจ้าพันธมิตรโจวครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองสหายด้วยความละอาย
“เฒ่าพรายภารกิจจะให้กับใครก็ได้ ให้กับซือหยูเซี่ยนเถอะ”
อาจารย์พรายกระอักกระอ่วนเมื่อสหายขอร้องแทนซือหยู
“แต่ครั้งนี้พวกเราได้ข้อมูลที่แม่นยำของมั่วหยางถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ล่ะก็…”
“เฒ่าพรายข้าเป็นคนที่ได้ข้อมูลมา เจ้าจะไม่เกรงใจข้าสักหน่อยหรือ?”
เจ้าพันธมิตรโจวเริ่มไม่พอใจเขากำลังสนับสนุนซือหยูเต็มกำลัง
อาจารย์พรายหมดคำพูดเขาจ้องมองซือหยูและถอนหายใจ
“แต่เฒ่าโจวเจ้าไม่กลัวว่าเขาจะตายด้วยพลังระดับนั้นหรือ?”
ซือหยูประสานมือทันที
“สบายใจได้อาจารย์พราย ข้าสัญญาว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสัญญาเช่นนี้?”
อาจารย์พรายขมวดคิ้ว
ซือหยูยิ้ม
“ข้ามั่นใจก็เพราะว่าปิงหวูชิงจะไปช่วยข้า!ทีนี้ ยังมีสิ่งใดที่ท่านยังกังวลอยู่อีก?”
ทุกคนตกใจพวกเขาหันไปมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตาราวกับมองสัตว์ประหลาดที่ไม่กลัวตาย! ปิงหวูชิงอีกคนเพิ่งจะพูดขู่ แต่ซือหยูกลับกล้าต่อต้านนาง!
ปิงหวูชิงจ้องมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตานางตัวสั่น นางไม่เคยคิดเลยว่าซือหยูจะให้นางช่วยเขาทำภารกิจนี้! เพราะสองวันก่อน ซือหยูยังไม่สนใจนางอยู่เลย!
แต่เมื่อคิดต่อปิงหวูชิงก็รู้ความตั้งใจของซือหยูและใบหน้าเยือกเย็นลง
“ข้าไม่ต้องการความสงสารจากเจ้า!ต่อให้ไม่มีภารกิจนี้ข้าก็เก็บสี่ล้านคะแนนได้อยู่ดี! ฮื่ม!”
“ใครบอกว่าข้าจะให้คะแนนเจ้า?ทั้งสามล้านคะแนนจะต้องเป็นของข้าคนเดียว! ส่วนเจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากจะตกเป็นเบี้ยล่างปิงหวูชิงอีกคน เจ้าก็ช่วยข้าทำภารกิจนี้ซะ!”
ซือหยูพูดทุกคนตกใจมากไปอีกขั้น
Noteจากผู้แปล ::: จะสับสนเรื่องปิงหวูชิงหน่อยนะครับ ในเรื่องนี้มีปิงหวูชิง 2 คน คนแรกก็คือปิงหวูชิงจากเขาอสูรที่เรารู้จักกันดี ส่วนปิงหวูชิงอีกคนคือคนที่เป็นศิษย์ม่อเทียนฉวนนั่นเองครับ