ตอนที่ 919 - ไม่สำคัญ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ปิงหวูชิงตัดสินใจที่จะหาโอกาสรับภารกิจนี้นางเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่งของปิงหวูชิงอีกคนที่สั่งว่านางจะไม่ได้ทำภารกิจใด นี่ก็ไม่แปลก ด้วยอุปนิสัยของนาง นางมักจะต่อต้านทุกคนอยู่เสมอ
  ส่วนซือหยูเขาถือว่าโชคดีที่ได้ยอดฝีมืออย่างปิงหวูชิงมาช่วย หากพูดตรงๆ ทั้งคู่ดูจะมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่
  ปิงหวูชิงหรี่ตาไม่เพียงแต่ใบหน้านางจะเย็นชา ดวงตาของนางยังเยือกเย็นด้วย
  “เจ้ามันโง่นัก!ก็ดี! เราก็แค่ใช้กันและกัน! ข้าจะช่วยเจ้าฆ่ามั่วหยาง!”
  นางผิดหวังในซือหยูมากและนางก็ไม่หวังอะไรอีกแล้ว
  อาจารย์พรายตาลุกวาว
  “ซือหยูเซี่ยนเจ้ายังไม่รู้ว่าปิงหวูชิงอีกคนเป็นใคร ข้าแนะนำให้เจ้าคิดดูใหม่จะดีกว่า”
  ซือหยูยักไหล่เขาพูดโดยไม่คิดมาก
  “นางพูดชัดแล้วอาจารย์พรายไม่ได้รับอนุญาตให้มอบภารกิจให้ปิงหวูชิงคนนี้ แต่นางไม่ได้บอกว่าปิงหวูชิงคนนี้จะไปช่วยข้าทำภารกิจไม่ได้ แล้ว…มันจะผิดอะไรหรือ?”
  อาจารย์พรายเงียบเขาพูดถูกก็จริง…เรื่องเล็กน้อยนี่เป็นช่องโหว่! แต่ปิงหวูชิงอีกคนก็พูดชัด เพราะนางไม่อยากจะให้ใครช่วยให้ปิงหวูชิงคนนี้ได้สี่ล้านคะแนน
  ถ้าหากใครช่วยนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการต่อต้านปิงหวูชิงอีกคน นั่นจะทำให้ซือหยูลำบาก!
  “อาจารย์พรายไม่ต้องกังวลข้ามีวิธีจัดการกับสิ่งที่จะตามมา…”
  ซือหยูกล่าว
  แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักปิงหวูชิงอีกคนเขาก็จะไปไกลจากตำหนักหลังจากนี้ เขาไม่คิดว่าปิงหวูชิงอีกคนจะทำอะไรเขาได้ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม
  อาจารย์พรายครุ่นคิดก่อนจะอนุญาตอย่างไม่เต็มใจ
  “ก็ได้…ข้าเพียงแต่หวังว่าเจ้าจะเตรียมใจดีแล้วเช่นนั้น…ภารกิจนี้ถูกมอบหมายให้เจ้า”
  ซือหยูยิ้ม
  “ขอบคุณท่านมาก!”
  “เฒ่าจิงเจ้านำค่ายกลป้องกันห้าธาตุมาด้วยหรือไม่?”
  อาจารย์พรายมองผู้เฒ่าจิงและถาม
  เขาพูด
  “พวกเราเสียศิษย์ไปหลายคนแล้วพวกเจ้าจะไม่ต้องเสี่ยงอีกต่อไป ข้าหารือกับผู้เฒ่าจิงที่จะให้พวกเจ้าได้ยืมค่ายกลชั่วคราว การมีเครื่องป้องกันในระดับจ้าวเทวะระดับห้าย่อมเป็นผลดีกับพวกเจ้า”
  แต่อาจารย์พรายก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆผู้เฒ่าจิงได้ถอนหายใจแรงและจ้องมองซือหยู
  “หึ…ถ้าเป็นคนอื่นข้าก็ให้ยืมได้ไม่ติดใจแต่ซือหยูเซี่ยนน่ะรึ ฮ่าๆๆ เขาดูจะรู้สึกดีกับตัวเองมาตลอดอยู่แล้ว! จนข้าคิดว่า…ทำไมเขาถึงต้องการค่ายกลจากคนไม่สำคัญอย่างข้าด้วย?”
  ทุกคนสับสนเมื่อนางพูดเช่นนั้นฟังจากน้ำเสียง นางน่าจะมีเรื่องกับซือหยูมาก่อน
  ซือหยูมองผู้เฒ่าจิงและพูด
  “จะมีค่ายกลของเจ้าหรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญกับข้าแม้แต่น้อย”
  หรือพูดอีกอย่างก็คือซือหยูกำลังพูดว่าผู้เฒ่าจิงนั้นเป็นคนที่ไม่มีความหมายสำหรับเขาเลย เรื่องนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าค่ายกลไปแล้ว
  ปั้ง!
  ผู้เฒ่าจิงซัดหมัดกับโต๊ะและยืนขึ้นนางอารมณ์ร้อนแรงอย่างที่มักจะไม่เคยเป็น
  “เจ้าอยากตายเรอะ!”
  นางตะโกน
  พอพูดจบนางไม่ลังเลที่จะใช้พลังเลย นางพุ่งตรงไปที่ซือหยู! อาจารย์พรายกับเจ้าพันธมิตรโจวต้องการหยุดนางแต่ก็ล้มเหลว ขณะที่หม่าซูกับคนที่เหลือก็ไกลเกินกว่าจะเข้ามาขวางได้
  ซือหยูแววตาสุขุมหอคอยขนาดเท่าฝ่ามือซ่อนอยู่ใต้ชายเสื้อ เมื่อกำหมัด ซือหยูรวบรวมพลังห้าธาตุจากโลกอัดลงสู่หอคอย จากนั้นคลื่นพลังหลากสีก็พุ่งออกมาจากหอคอยล้อมรอบซือหยูเอาไว้
  ปั้ง!
  ในตอนนั้นเองผู้เฒ่าจิงที่ซัดมือหนึ่งข้างเข้ามานั้นได้ใช้พลังของจ้าวเทวระดับสี่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คลื่นพลังของซือหยูสั่นไหวแม้แต่น้อย แต่แรงปะทะที่กลับมานั้นทำให้ผู้เฒ่าจิงกระเด็นไปข้างหลัง!
  “เจ้ากล้าตอบโต้เรอะ?”
  ผู้เฒ่าจิงเดือดดาล
  หรือก็คือนางอับอายและโกรธที่ถูกทำให้ขายหน้าต่อหน้าทุกคน แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น
  เสียงนั้นกล่าว
  “หยุดซะถึงเจ้าจะเป็นผู้เฒ่า เจ้าก็รอดชีวิตจากมือข้าไม่ได้”
  ตอนนั้นเองผู้เฒ่าจิงรู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอ มีเส้นไหมที่จับต้องไม่ได้พันรอบคอนางอยู่!
  เส้นไหมนี้ปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมาจนผู้เฒ่าจิงตัวสั่นหม่าซู ปิงหวูชิง อาจารย์พรายและเจ้าพันธมิตรโจวเองก็ตัวสั่นเช่นกัน หัวใจของทุกคนเต้นแรงจนกล้ามเนื้อกระตุก
  พวกเขารู้สึกถึงบางอย่างที่อันตรายอย่างมากแต่พวกเขามิอาจมองเห็นได้ด้วยตา
  ผู้เฒ่าจิงหายใจเบาๆและไม่ขยับเขยื้อนความโกรธแค้นในแววตานางสลายหายไปในบันดล มันแทนที่ด้วยความสยอง นางมองมือขวาของซือหยูและเห็นว่านิ้วชี้กับนิ้วโป้งของเขากำลังดึงบางสิ่งที่นางมองไม่เห็น นางรู้สึกว่าหากซือหยูขยับตัวเพียงครั้งเดียว หัวของนางจะขาดสะบั้นตกลงไปยังพื้น!
  “เขายังมีวิชาที่แข็งแกร่งซ่อนเอาไว้อีกหรือ?”
  คนรอบๆมองคลื่นพลังห้าสีและเส้นไหมลึกลับด้วยใจเต้นแรง
  แม้แต่ปิงหวูชิงก็หรี่ตามองนางสงสัยว่าซือหยูจะสังหารมั่วหยางได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีไพ่ตายมากมายที่มากพอที่จะสังหารผู้แข็งแกร่ง แม้แต่ไม้สกปรกเขาก็ยังมีไว้ใช้งาน!
  ทุกคนเงียบกริบซือหยูเก็บเส้นไหมและดีดนิ้ว คลื่นเกราะห้าสีสลายหายไป
  เขามองผู้เฒ่าจิงอย่างไม่แยแส
  “ข้านับถือเจ้าในฐานะผู้เฒ่าแต่อย่าให้มีอีก…”
  แม้เขาจะพูดคำขู่ก็ไม่มีใครเลยที่คิดว่ามันป่าเถื่อนหรืออวดดีแต่ซือหยูนั้นรู้ดีว่าเหตุที่เขาเหนือกว่านางได้ง่ายๆก็เพราะว่านางใช้อารมณ์มากเกินไปในตอนที่พุ่งพรวดมาหาเขา
  ผู้เฒ่าจิงกัดฟันใบหน้านางแดงทั้งใบ
  “อาจารย์พรายที่นี่ไม่ต้องการข้าอีกแล้ว ข้าขอลาก่อน!”
  แม้ว่าอาจารย์พรายจะเกลี้ยกล่อมให้นางอยู่ต่อผู้เฒ่าจิงก็ทำเป็นไม่ได้ยินและเดินตรงออกไป
  “นางไปก็ดีแล้วผู้เฒ่าจิงอารมณ์ร้อนนัก! ด้วยนิสัยเช่นนี้ ศิษย์ในตำหนักหลายคนจึงไม่พอใจนาง…”
  อาจารย์พรายกล่าวเขาถอนหายใจมองซือหยู
  ทุกคนตกตะลึงเพราะพวกเขาเพิ่งจะเห็นเกราะที่แม้แต่จ้าวเทวะระดับห้ายังทำลายได้ยาก!
  “ซือหยูเซี่ยนภารกิจเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าต้องการใครมาช่วยและจะให้ตอบแทนกี่คะแนนก็เป็นเรื่องของเจ้า เราจะเริ่มเดินทางในอีกสองวัน จดหมายนี้มีตำแหน่งสุดท้ายที่เจอมั่วหยาง เจ้าเปิดอ่านดูได้ในระหว่างทาง…”
  อาจารย์พรายส่งจดหมายปิดผนึกให้ซือหยู
  “ย่อมได้!”
  ซือหยูพูดอย่างกระตือรือร้น
  หลังจากซือหยูกลับไปเจ้าพันธมิตรโจวก็กล่าวอย่างกังวล
  “เฒ่าพรายผู้เฒ่าจิงออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น! นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่รึ? ดูจากท่าทางนางแล้ว นางคงมิใช่คนใจกว้างนัก”
  เขากังวลว่าผู้เฒ่าจิงอาจจะทำร้ายซือหยู
  อาจารย์พรายตอบ
  “ไม่ต้องห่วงนางรู้กฎดี ซือหยูเซี่ยนกำลังรับภารกิจ นางย่อมไม่แตะต้องเขา”
  “ถ้าเช่นนั้นข้าก็เบาใจ…”.ไอลีนโนเวล.
  เจ้าพันธมิตรโจวกล่าว
  ในตอนนั้นเองที่เรือนของผู้เฒ่าจิง ศิษย์สตรีสองคนยืนนิ่งไม่กล้าขยับ พวกนางได้ยินเสียงของถูกขว้างปาอัดกำแพงแตกละเอียดเป็นระยะๆ
  นั่นก็เพราะตั้งแต่ที่ผู้เฒ่าจิงกลับมานางได้ขว้างข้าวของราวกับคนบ้า นางโกรธถึงขีดสุด นางราวกับเพิ่งถูกยั่วยุอย่างร้ายแรงในตอนที่นางออกไปข้างนอก เสียงข้าวของแตกกระจายดังอยู่นานก่อนที่นางจะออกจากเรือนไป นางเดินตรงไปที่บางแห่งของตำหนักใน
  “เฉาชุนกวง!”
  ผู้เฒ่าจิงเรียกเมื่อมาถึงหน้าห้องลับ
  เมื่อประตูห้องลับถูกเปิดออกเฉาชุนกวงก็ปรากฏตัวให้เห็น จากนั้นเขาก็มองรอบๆอย่างระมัดก่อนจะให้ผู้เฒ่าจิงเข้าไปข้างใน
  “เป็นอย่างไรบ้าง?ท่านคิดเรื่องที่ข้าบอกแล้วสินะ? หากท่านให้ข้ายืมค่ายกลทลายค้อน ข้าจะยอมทำทุกอย่าง…”
  เฉาชุนกวงกล่าว
  เขาเคยแอบมาหาผู้เฒ่าจิงก่อนแล้วโดยหวังว่านางจะให้เขายืมสมบัติวิเศษค่ายกลทลายค้อน แต่นางก็ปฏิเสธ หากตอนนี้นางมาหาเขา เขาก็คิดว่านางคงจะมาด้วยเรื่องนี้
  ผู้เฒ่าจิงใบหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
  “ข้าให้เจ้ายืมก็ได้แต่เจ้าต้องตอบแทนข้า!”
  “ตอบแทนแบบใดรึ?”
  เฉาชุนกวงรีบถาม
  “เจ้าจะต้องสั่งสอนซือหยูเซี่ยนจากตำหนักนอก!คนผู้นี้ป่าเถื่อนอวดดียิ่งนัก ความโกรธของข้าจะไม่หายไปจนกว่ามันจะได้รับการลงโทษ!”
  ผู้เฒ่าจิงพูดด้วยความชิงชัง
  เฉาชุนกวงใบหน้าชั่วร้ายขึ้นมา
  “ซือหยูเซี่ยน?ท่านแน่ใจจะว่าเป็นเขา?”
  “เจ้าถามทำไมกัน?เจ้ารู้จักมันเรอะ?”
  ผู้เฒ่าจิงตาเป็นประกาย
  เฉาชุนกวงถอนหายใจแรงและตอบ
  “คนคนนี้เอาแต่หาเรื่องตระกูลเฉาของข้าพวกเรามีศัตรูคนเดียวกันแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักขวา ข้าคงออกนอกตำหนักไปทำลายพลังมันแล้ว!”
  “ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าก็มีความชังชิงต่อมันด้วย!”
  ผู้เฒ่าจิงยิ้มเมื่อรู้เรื่อง
  นางพูดต่อ
  “ดีล่ะ!ถ้าเจ้าช่วยข้าสั่งสอนซือหยูเซี่ยน ข้าก็ไม่ติดใจที่จะให้เจ้ายืมค่ายกลทลายค้อน! แต่ข้าให้เจ้ายืมสมบัติวิเศษที่เจ้าต้องการไม่ได้เพราะข้ามีแค่ชิ้นเดียว ถ้าเจ้าทำหายหรือทำมันพัง มันก็จะเป็นปัญหาใหญ่!”
  นางสรุป
  “ข้าให้เจ้ายืมได้แค่สมบัติที่มีพลังของค่ายกลทลายค้อนถึงจะใช้ได้ครั้งเดียว มันก็เพียงพอกับที่เจ้าต้องการแล้ว”
  เฉาชุนกวงตาเป็นประกาย
  “ขอบคุณท่านมากไม่ต้องกังวลเรื่องซือหยูเซี่ยน ต่อให้มันไม่มาหาข้า ข้าก็จะไปหามันเอง แต่ตอนนี้เจ้าสำนักขวากำลังจับตาดูข้าอยู่ ข้าผลีผลามไม่ได้ แต่ข้าจะลงมือเมื่อมีโอกาส”
  ผู้เฒ่าจิงพยักหน้าจากนั้นจึงุาม
  “บอกข้าได้ไหม…ว่าเจ้าจะเอาค่ายกลทลายค้อนไปทำไม?สิ่งนี้ใช้เพื่อทำลายผนึกโดยเฉพาะ เจ้าเจอซากโบราณงั้นหรือ?”
  “ท่านไม่ต้องห่วงท่านส่งมันให้ข้ามาก็พอแล้ว…”
  เฉาชุนกลวงไม่อบอกอะไร
  ผู้เฒ่าจิงไม่ได้รบเร้าถามไปมากกว่านั้นนางเพียงแค่ส่งเครื่องรางสีเหลืองทองให้เขาและรีบเดินออกไป เฉาชุนกวงแสยะยิ้มที่มุมปาก
  “ฮื่ม!ในที่สุดข้าก็ได้มันมา! วันดีๆกำลังจะกลับคืนตระกูลเฉาของข้าแล้ว! ข้าไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ในตำหนักโลหิตอีกแล้ว!”
  ตอนนั้นซือหยูกลับเขาอสูรพร้อมกับปิงหวูชิงที่ตามหลังเขา นางจ้องมองแผ่นหลังซือหยูตลอดทาง นางพูด
  “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง…เจ้าแค่สงสารข้าใช่หรือไม่?”
  จากที่นางคิดซือหยูนั้นมีความมั่นใจที่จะจัดการมั่วหยางได้ด้วยตัวเอง เขาได้ยืนยันที่จะให้นางมาช่วยเพียงเพราะว่าทนเห็นนางถูกปิงหวูชิงอีกคนรังแกไม่ได้
  ดังนั้นเขาก็น่าจะสงสารนางจึงยอมให้นางมาช่วย นางย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้!
  ซือหยูหันไปมองแววตาของเขาว่างเปล่า
  “เจ้าคิดมากไปแล้ว!ทำไมถึงคิดว่าข้าสงสารเจ้าเล่า? พอฆ่ามั่วหยาง หัวมันก็เป็นของข้า เจ้าจะไม่ได้อะไรเลย!”
  เมื่อได้รับคำตอบแบบเดิมปิงหวูชิงหลับตาช้าๆ เมื่อลืมตาอีกครั้งนางก็เดินผ่านซือหยูไปโดยไม่พูดสักคำ
  นางยังคงทำตามซือหยูในการต่อต้านปิงหวูชิงอีกคนนั่นเป็นเหตุให้นางยอมช่วยซือหยูทำภารกิจนี้
  กงซุนหวูซื่อจ้องมองซือหยูและเดินตามปิงหวูชิงไปนางพูด
  “พี่หวูชิงไม่ต้องไปสนจหรอกข้ารู้วิธีทำให้มั่วหยางตายอย่างทรมาน เขาจะไม่ได้กลับมาสักคะแนนเดียว!”
  ปิงหวูชิงไม่พูดอะไรนางเพียงแค่กลับเข้าเรือนเงียบๆ จากนั้นก็บ่มเพาะพลัง ซือหยูกลับเข้าเรือนเช่นกัน เขาถอนหายใจเงียบๆตลอดทาง เพราะมันเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ เขาก็ช่วยปิงหวูชิงเพราะความสงสาร
  การแสดงความไม่แยแสของเขาก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะสานสัมพันธ์ใดกับทุกคนก่อนที่จะออกจากตำหนักเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเรียกโอสถไร้จันทร์สามวิถีออกมา ดวงตาเขาร้อนผ่าว
  มันคือโอสถโบราณที่มิได้น่าตกตะลึงเท่าโอสถหกอสูรแต่มันก็ยังเป็นโอสถล้ำค่าที่มีคุณภาพสูง และยิ่งใกล้การเดินทางเท่าใด ยิ่งเขาพักได้มาก เขาก็ยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตมาก
  ซือหยูจึงรับประทานโอสถเข้าไปเมื่อโอสถเข้าสู่ร่าง ความเผ็ดฉุนได้แผ่ซ่านในลำคอจนเกือบจะอาเจียน แต่ทันใดนั้นความอบอุ่นก็ได้ซึมเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของซือหยูอย่างรวดเร็ว พลังในจุดกำเนิดพลังของเขาแทบจะเติมเต็มที่