บทที่ 328 แรงกระตุ้นที่ร้อนแรง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 328
แรงกระตุ้นที่ร้อนแรง

“ปล่อยนะ เอามือออกไปจากข้า” มู่หรงสบัดจนหลุดและพูดออกมาอย่างเย็นชา

“ปล่อยงั้นเหรอ?! เจ้ายังคิดว่ามันจะเป็นไปได้อีกงั้นเหรอ?” หวังฉิงจับไปที่เอวเล็กของเธออย่างเย็นชาและรีบอุ้มเธอขึ้นมาทันที

“อ่า” มู่หรงเสวี่ยร้องอุทาน

หวังฉิงอุ้มเธอและพาขึ้นไปบนหลังม้าในทันที มือที่แข็งแกร่งและทรงพลังของเขากอดเอวเธอไว้แน่นซึ่งแน่นกว่าปกติมาก

สีหน้าของมู่หรงเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่กล้าที่จะดิ้นให้หลุดอะไรมากมาย
“ถอยทัพ กลับไปที่เมือง” หวังฉิงออกคำสั่ง

“ไป!” ม้าที่อยู่ใต้บังเหียนควบออกไป

สายลมเย็นๆที่พัดผ่านทำให้ใบหน้าสวยๆของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บ เธอแทบจะลืมตาไม่ขึ้นและทำได้เพียงล้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อที่จะหลบสายลมแรง

หวังฉิงควบม้าตรงกลับไปที่ตำหนักโดยไม่หยุด เขาไม่ยอมลงม้าจนกระทั่งเข้าไปถึงตำหนัก

“ฝ่าบาท” แม่บ้านรีบเข้ามาต้อนรับเขาทันที

“ถอยไป นี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า” หวังฉิงตรงไปที่ห้องพร้อมกับมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในอ้อมแขน

มือและเท้าของมู่หรงพยายามที่จะขัดขืน “ปล่อยข้านะ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลย”

บ้าจริง ถ้าเธอหลุดไปได้นะ จะฆ่าหวังฉิงให้ตายภายในเสี้ยววินาทีเลยจริงๆ

มู่หรงถูกโยนลงบนเตียงและร่างสูงก็เข้ามากดไว้ในทันที

“เจ้า เจ้าต้องการอะไร?” สีหน้าของมู่หรงปรากฏร่องรอยตื่นตกใจอย่างที่หาได้ยาก

หวังฉิงรู้สึกโกรธมากจนอยากที่จะทำอะไรเธอ

“เจ้าคิดว่าข้าต้องการอะไรล่ะ?” มือของหวังฉิงวางอยู่ทั้งสองข้างของมู่หรงเสวี่ยสายตามองร่างเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาเปล่งประกาย ไฟร้อนที่อยู่ข้างในทำให้มู่หรงเสวี่ยถึงกับสั่น

“ข้าขอเตือนเจ้าเลยนะ อย่าทำเรื่องแบบนี้” หลังมู่หรงพยายามที่จะถอยไปแต่ก็ชนเข้ากับขอบเตียง ไม่มีทางให้หนีได้เลย

หวังฉิงมองไปที่มู่เทียนที่กำลังนอนอยู่เบื้องล่างเขา
ใบหน้ารูปไข่, ดวงตาแสนสวย, คิ้วได้รูป, ผมดำสลวยราวน้ำตก ช่างเป็นภาพที่สวยชวนมองจริงๆ เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ สายตาเจ้าเล่ห์ที่ยั่วยวนเขาอย่างมีเสน่ห์ หวังฉิงรู้สึกได้ในทันทีว่าร่างกายของเธอเกรงและทั่วทั้งร่างของเธอก็ร้อนรุ่มไปหมด โดยเฉพาะริมฝีปากแดงระเรื่อของหวังฉิงที่ในตอนนี้ดึงดูดสายตาเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดออกมาเลย ความคิดทั้งหมดของเขาพุ่งตรงไปที่ริมฝีปากแดง

เขาค่อยๆก้มตัวลงมา ริมฝีปากบางที่เย็นเยือกแตะตรงไปที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ ความอ่อนหวานที่แทรกซึมเข้ามาทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้

“อือ” น้ำเสียงปฏิเสธที่ดังตอบกลับมาทำให้เขากอดเธอแน่นจนราวกับว่าร่างจะแตก หวังฉิงราวกับว่าได้เจออาหารเลิศรสที่น่าตื่นตาตื่นใจ เขาบดเคี้ยวริมฝีปากของมู่เทียนอย่างบ้าคลั่ง

มู่หรงเสวี่ยที่ได้รับแรงที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เธอแทบจะขัดขืนไม่ได้

ฟันที่ปิดแน่นจู่ๆก็ทำให้ฝ่ามือของเขาสัมผัสเธออย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งอุทานออกมาเมื่อประตูฟันปิดแน่น หวังฉิงไม่เคยรู้สึกถึงความปรารถนาที่แรงกล้าขนาดนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกเจ็บปวดที่อยู่เบื้องล่างเขาแทบจะทนไม่ไหวอีกแล้ว

สัญชาตญาณของหวังฉิงร้องบอกให้ฉีกเสื้อผ้าของ มู่เทียนออกและทันใดนั้นก็เผยให้เห็นผิวขาวเนียนของเธอ

ร่างกายที่เย็นเฉียบของเขาทำให้สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปในทันทีและมือของเขาก็เกาะกุมอยู่ที่หน้าอกของเธอ

“ไม่ ปล่อยข้านะ” มู่หรงร้องอุทาน

ในตอนนี้ หวังฉิงไม่ฟังเสียงที่ปฏิเสธของเธอเลย สายตาของเขาถูกร่างกายที่เปลือยเปล่าแสนสวยของมู่เทียนดึงดูดไว้ หวังฉิงก้มหัวลงต่ำ ไหลตามมาที่แก้มตลอดทางจนถึงคอที่เรียวระหงจนมาถึงหน้าอกที่เสื้อถูกฉีกขาดแล้วจูบลงไปที่ปานแดงระเรื่ออันอ่อนนุ่ม

ร่างกายที่ถูกกระตุ้นทำให้มู่หรงครางออกมา “อา อย่า”
อย่างไรก็ตามหวังฉิงดูเหมือนจะตื่นเต้นมากจนไร้ความสามารถที่จะต้านทานได้ เขาแทบจะทนไม่ไหว เขาดึงเสื้อผ้าตัวเองออกและโหยหาเรือนร่างของมู่เทียนอย่างต่อเนื่อง

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายเย็นชา เธอหยิบวัตถุหนักๆออกมาจากมิติลับและทุบตรงไปที่หัวของหวังฉิงจนเกิดเสียงดังปัง

หวังฉิงหยุดการเคลื่อนไหวทันที ความรู้สึกเจ็บที่หัวแล่นแปลบขึ้นทำทำให้เขารู้สึกมึนขึ้นมาในทันที

เขาส่ายหัวและของเหลวอุ่นๆก็ไหลลงมาจากหัวเขา เขาใช้มือเช็ดไปที่หัวและสิ่งที่เห็นคือสีแดงสด

มู่หรงไม่สนใจเขาแต่รีบหยิบเสื้อผ้ามาและก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร เธอก็แวบเข้าไปในมิติลับแล้ว

หวังฉิงที่ยังรู้สึกโกรธอยู่จู่ๆความตื่นตกใจก็เข้ามาแทนที่ก่อนที่เขาจะระเบิดออกมา ความร้อนรุ่มของร่างกายยังไม่จางหายไปและความเจ็บปวดที่ร่างกายเบื้องล่างก็ยังคงอยู่ แต่ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ทำให้สิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมดสูญเปล่า ไร้ความหมาย

หวังฉิงเกลียดทักษะของมู่เทียนอย่างมากที่ทำให้เขาหาเธอไม่เจอ

ในตอนนี้มู่เทียนที่เพิ่งเข้ามาในมิติลับก็เจอเข้ากับ เฟิงจือหลิงในทันที เฟิงจือหลิงเห็นสภาพของเธอ ดวงตาก็เอ่อล้นและแดงระเรื่อขึ้นมาทันที มือเธอเขียวช้ำไปหมด

“ตายแน่ไอ้ลูกหมา” เฟิงจือหลิงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เธอไม่โทษเฟิงจือหลิงหรอกที่โกรธขนาดนี้ ในตอนนี้ที่คอขาวเนียนของเธอมีรอยจูบแดงเต็มไปหมดไม่ต่างอะไรกับตามร่างกาย

มู่หรงดึงมือเขาไว้ พร้อมส่ายหัวและพูดออกมาเสียงกระซิบ “ข้าเหนื่อยอยากที่จะพัก”

เมื่อเฟิงจือหลิงได้ยิน น้ำตาก็ไหลร่วงออกมาจากดวงตา ความเจ็บปวดในหัวใจมันรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะอุ้มมู่หรงเสวี่ยไว้ในอ้อมแขน เธอตัวเบาอย่างมากจนเขากลัวว่าถ้าตัวเองไม่ระวัง มู่เทียนก็อาจจะแตกได้ราวกับเป็นแจกันลายครามที่เปราะบาง

“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง” น้ำตาที่ห่างตายังคงไหลลงมาไม่หยุด ใครบอกกันว่าผู้ชายร้องไห้ไม่ได้แต่นี่มันเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุด เขาไม่กล้าที่จะถามด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น

มู่หรงเพียงแค่เงียบไปชั่วขณะและไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ เธอค่อยๆผลักเฟิงจือหลิงออกแล้วจึงพูดออกมาเสียงเบา “ข้าไม่เป็นไร ข้าไปอาบน้ำก่อนนะ” กลิ่นแปลกๆบนร่างกายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและเธอรู้สึกต่อต้านกับมันมากด้วยเหตุผลบางอย่าง

ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอก เมื่อเจอเรื่องที่หวังฉิงทำ

หลังจากที่มู่หรงอาบน้ำเสร็จ เธอก็เดินออกมาและเจอเฟิงจือหลิงที่กำลังยืนอยู่ที่ประตูนิ่งราวกับหินสลัก

เธอแตะไปที่ไหล่ของเฟิงจือหลิง “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

เฟิงจือหลิงเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยด้วยความสับสนอย่างมาก ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนกลับมาอยู่ในร่างของผู้ชายแล้ว เสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนทำให้เธอดูหล่อขึ้นมากแต่ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนยังทำผู้คนรู้สึกสงสัยได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

“ข้าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าหนีเข้ามาในมิติลับได้ทันเวลา” มู่หรงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรจึงพูดปลอบใจออกไป

ท่าทางของเฟิงจือหลิงยังคงสับสนอยู่ มู่เทียนเป็นคนที่สวยมาก เขาทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง “ต่อไปข้าจะทำดีกับเจ้า” เฟิงจือหลิงพูดอย่างจริงจัง

คิ้วของมู่หรงเลิกขึ้นอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ข้ารู้!”

“ข้าหมายความตามนั้นจริงๆนะ ถึงแม้จะเป็นวาระสุดท้ายของข้า ข้าก็จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้าอย่างแน่นอน ถึงแม้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม” ดวงตาของเฟิงจือหลิงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

มู่หรงเงียบไปแล้วจึงรีบพูดขึ้นมาทันที “ข้ารู้ ขอบคุณมากนะ เจ้าก็เหมือนกับพี่ชายของข้า”

เฟิงจือหลิงพยักหน้าและไม่ปฏิเสธคำพูดของเธอ เขาจะไม่มีวันให้มู่เทียนได้รู้จิตใจที่สกปรกของเขา เขาจะใช้ชีวิตที่เป็นนิรันดร์ของเขาเพื่อปกป้องเธอ ตราบใดที่เธอปลอดภัย

เสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเดินเข้ามาและถามด้วยความแปลกใจ “มู่เทียน เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”

เฟิงจือหลิงรีบดึงเสี่ยวไป๋ให้ออกมาห่างๆเพราะกลัวว่าเขาจะพลั้งปากพูดอะไรที่ทำให้มู่เทียนเจ็บปวดออกไปอีกซึ่งจะยิ่งทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดและรู้สึกราวกับตกนรกมากไปกว่าเดิมอีก

ในห้องหวังฉิงจัดการกับบาดแผลที่หัวอย่างลวกๆ โชคดีที่ในตอนนั้นแรงของมู่เทียนไม่ได้แรงมากเท่าไร ไม่งั้นเขาคงมายืนอยู่แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ เขามองไปที่ผ้าห่มที่ยุ่งเหยิงบนเตียงและแวบประกายอารมณ์ขึ้นมาในสายตา แล้วเขาก็รีบออกไปเพื่อจัดเหล่าทหารให้มาล้อมรอบห้องทั้งห้องไว้จนแม้แต่แมลงก็ยังหนีรอดไปไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าตัวเองจะหลบอยู่ในมิติลับไปตลอดไม่ได้และเธอต้องออกมาเผชิญหน้า หวังฉิงสนใจในตัวเธออย่างมาก จะใช่เสน่ห์ความสวยอีกครั้งดีไหม?! แต่เธอกลัวว่าครั้งนี้ หวังฉิงคงจะไม่ถูกหลอกง่ายๆแน่ แต่ยังไงก็ต้องลองดู

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่หรงก็มองไปที่เฟิงจือหลิงที่ยังฝึกตนอยู่แล้วแอบออกมาเงียบๆ

ในระหว่างนี้เฟิงจือหลิงกำลังฝึกตัวเองอย่างบ้าคลั่ง มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขารู้สึกผิดและอยากที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เขาบ้าคลั่งมากจนเธอกลัวว่าเขาคงจะถูกหัวใจของปีศาจครอบงำไปแล้วและการฝึกตนในอนาคตของเขาก็จะถูกขัดขวาง

เธอออกมาในห้อง แล้วก็มองไปข้างนอกมิติลับและเห็นว่าหวังฉิงไม่ได้อยู่ในห้อง

มู่หรงถอนหายใจเล็กน้อยแล้วจึงแวบออกมานอกมิติลับ

ตอนที่เธอไม่เห็นใครในห้อง เธอก็รีบเดินไปที่ประตูและเปิดออก อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาหลังจากที่เธอเปิดประตู มู่หรงเสวี่ยก็แทบอยากที่จะปิดอีกรอบ ทหารที่หนาแน่นตรงประตูต่างก็จ้องตรงมาที่เธอ

เธออ้าปากค้างและการต่อสู้ก็ดูน่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ เธอเดินออกมาและเหล่าทหารก็ยกอาวุธออกมาทันที

ประกายเย็นชาแวบเข้ามาในดวงตาของมู่หรงเสวี่ย ริมฝีปากบางของเธอแสยะเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์แบบปีศาจ รอยยิ้มเย็นชา เธอยังเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เธอไม่คิดว่าคนพวกนี้กล้าที่จะทำร้ายเธอ

แน่นอนว่าทุกครั้งที่เธอเดินไปข้างหน้า เหล่าทหารจะก้าวถอยหลัง และหดอาวุธกลับเข้าไปเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยขนลุกไปทั่วทั้งตัว หวังฉิงมองเธอราวกับเป็นนกน้อยในกรงทองจริงๆ เธอหันสายตาไปและมองไปที่หน้ากากของพวกการ์ด ทันใดนั้นเธอก็หยิบผงยาออกมาจากมิติลับและโยนไปที่พวกเขา

จังหวะนี้ มู่หรงเห็นช่องว่างจึงรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที

“เร็วเข้า ใครก็ได้หยุดเขาที” หลังจากที่ไล่ตามอยู่นาน ทหารก็ร้องตะโกนออกไปและทหารที่อยู่ใกล้ๆก็รีบวิ่งเข้ามาทันที มู่หรงเสวี่ยรีบโยนผงยาออกไปอีกครั้ง

เป้าหมายของยานี้ไม่ใช่เพื่อทำให้พวกเขาสลบแต่เพื่อทำให้การมองเห็นของพวกเขาเบลอไปชั่วคราวเท่านั้น มู่หรงใช้จังหวะที่พวกเขากำลังตามหาแล้วแวบหนีเข้าไปในมิติลับ หลังจากที่วิ่งมาได้แค่ไม่กี่สิบเมตร มู่หรงก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอมองออกไปนอกมิติลับและเห็นว่าพวกทหารต่างก็กำลังตามหาเธอกันให้วุ่น

“น่าแปลก เขาหายไปไหนแล้วล่ะ?”

“เขาคงหนีไปได้ไม่ไกล เราน่าจะลองตามหาดูก่อน”

“บ้าจริง…”

ในตอนนี้มีบางคนวิ่งไปรายงานฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือยังคงอยู่ประจำที่