เมื่อทั้งสองนั่งรถม้ามาถึงบริเวณจวนตระกูลเฝิง หวงฝู่อี้เซวียนสั่งให้คนรถหยุดรถ และพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ข้าไม่เข้าไปด้วยนะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”

 

 

ฐานันดรของหวงฝู่อี้เซวียนสูงส่ง หากเขาเข้าไปในจวน พวกนั้นจะต้องวุ่นวายจัดการต้อนรับเขาเป็นแน่ เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ลงจากรถม้าไป เดินไปยังจวนตระกูลเฝิง

 

 

คนเฝ้าประตูของจวนตระกูลเฝิงรู้จักนาง ทั้งยังได้รับคำสั่งมาก่อนหน้าแล้ว จึงรีบพานางไปยังจวนของเฝิงจิ้งเหวิน

 

 

ทั้งจวนจุดไฟจนสว่างไปทั่ว ราวกับว่าจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับนาง

 

 

เมื่อเดินเข้ามาในจวนของเฝิงจิ้งเหวิน สาวใช้ข้างกายของเฝิงจิ้งเหวินก็เห็นนาง และรีบเข้าไปแจ้งให้ด้านในทราบ “ฮูหยิน แม่นางเมิ่งมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

พูดจบ ผ้ากั้นประตูก็ถูกเปิดออก เฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินออกมาต้อนรับด้วยกรอบตาที่แดงก่ำ

 

 

เฝิงจิ้งเหวินอยากจะยิ้มให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว นางฉีกมุมปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยิ้มออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเฝิงฮูหยิน “วันนี้เชี่ยนโยวมาเพื่อรับโทษ ที่ไม่ได้ดูแลน้องซูเอ๋อร์ให้ดี”

 

 

เฝิงฮูหยินเร่งฝีเท้า รีบไปพยุงนางขึ้น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “เหวินเอ๋อร์และซูเอ๋อร์ได้บอกเรื่องทั้งหมดกับข้าแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าโทษตัวเองเป็นอันขาด”

 

 

เฝิงจิ้งเหวินเองก็เดินมาด้านหน้า และพูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดเช่นนี้เป็นอันขาด เรื่องนี้จะโทษเป็นความผิดเจ้าไม่ได้ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรพานางไปที่จวนอ๋อง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก ถามว่า “น้องซูเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

 

 

“หลังจากกลับมาก็ร้องไห้ตลอด ร้องจนเหนื่อยก็หลับไป ข้ากับท่านแม่กลัวว่านางจะคิดสั้น จึงได้อยู่ข้างกายนางตลอด รอจนคิดว่าเจ้าใกล้จะมาแล้ว จึงได้กลับจวนของตัวเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดกับเฝิงจิ้งเหวินว่า “ข้ามาจากจวนอ๋อง มิได้นำเข็มยามาด้วย ข้าได้สั่งให้คนนำมาให้แล้ว ท่านสั่งให้คนปล่อยตัวนางเข้ามา รอข้ารักษาท่านเรียบร้อยแล้ว เราค่อยไปดูนางด้วยกัน”

 

 

เฝิงจิ้งเหวินสั่งคนใช้

 

 

ทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง แล้วนั่งลง เฝิงฮูหยินสั่งให้คนรับใช้นำน้ำชา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รีรอ เปิดปากถามเฝิงฮูหยินทันที “วันนี้พระชายาพูดถึงเรื่องที่ให้น้องซูเอ๋อร์สมรสกับท่านแม่ทัพ มิทราบว่าฮูหยินและนายท่านจะตัดสินใจอย่างไร”

 

 

เฝิงฮูหยินได้ยินแล้ว จึงถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ถามซูเอ๋อร์แล้ว นางเอาแต่ร้องไห้ ไม่ตอบอะไรเลย ข้าและท่านพี่ก็ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไร มิอาจตอบตกลงได้”

 

 

“จวนอ๋องฉีมีบ่าวไพร่มากมาย แม้ว่าท่านอ๋องฉีและรัชทายาทจะกำชับเด็ดขาดแล้วว่าห้ามให้เรื่องในวันนี้แพร่ออกไป แต่หน้าต่างย่อมมีหูประตูย่อมมีช่อง ไม่แน่ว่าในเร็ววันนี้คนทั้งเมืองหลวงก็อาจจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ได้ ถึงวันนั้นน้องซูเอ๋อร์จะเสียหาย จวนตระกูลเฝิงเองก็จะพลอยเสียหายไปด้วย ดังนั้นงานสมรสครั้งนี้ยิ่งตกลงเร็วเท่าไรยิ่งดี ข้าเองรู้จักกับท่านแม่ทัพฉู่มาหลายปีแล้ว ข้ากล้ารับรองว่า ขอแค่น้องซูเอ๋อร์ยอมแต่งงานกับเขา เขาจะต้องรักและดูแลนางอย่างดีเป็นแน่”

 

 

“ฐานันดรของแม่ทัพฉู่นั้นสูงส่ง พวกเราเป็นเพียงครอบครัวค้าขายผู้ต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับการสมรสครั้งนี้ ข้าและนายท่านได้ปรึกษากันแล้ว หากซูเอ๋อร์ยืนยันจะไม่ตกลงแต่งงาน พวกเราจะส่งนางกลับไปหลบที่บ้านเกิดสักพัก รอให้เรื่องเงียบไปก่อนจึงค่อยไปรับนางกลับมา” เฝิงฮูหยินพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย พูดว่า “ฮูหยินและนายท่านรักน้องซูเอ๋อร์มาก หวังให้นางสมรสกับคนที่คู่ควร เรื่องนี้ข้าทราบดี แต่พวกท่านคิดหรือไม่ว่า หากน้องซูเอ๋อร์ตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไร จะทำแท้งหรือว่าจะเก็บเด็กเอาไว้ ทำแท้งนั้นเป็นผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดีไม่ดีอาจไม่สามารถมีครรภ์ได้อีกเลย หากคลอดออกมาจะเลี้ยงลูกเองโดยลำพัง หรือจะให้ผู้อื่นไป คำพูดคนน่ากลัวนัก หญิงที่มีลูกทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะถูกคำพูดของผู้คนทำลายจนสิ้น หากให้ผู้อื่นไป แต่เด็กคนนั้นเป็นถึงลูกท่านแม่ทัพ หากเขารู้เรื่องเข้า เกรงว่าจวนตระกูลเฝิงจะต้องเดือดร้อนเอาได้ และแม้ว่าพวกท่านจะคิดได้แล้วส่งเด็กคนนั้นกลับมา พวกท่านคิดหรือไม่ว่า ตอนนั้นท่านแม่ทัพอาจจะแต่งงานไปแล้ว ไม่มีทางที่ฮูหยินของท่านแม่ทัพจะยอมรับเด็กคนนี้เป็นแน่”

 

 

วันนี้เฝิงจิ้งเหวินที่ตาแดงก่ำพยุงเฝิงจิ้งซูที่ใกล้จะเสียสติกลับมา บอกเฝิงฮูหยินและนายท่านเรื่องที่เฝิงจิ้งซูได้พบเจอในจวนอ๋อง แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของทั้งสอง จนทั้งสองเกือบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว โดยเฉพาะเฝิงฮูหยิน เมื่อเห็นลูกสาวที่ตนรักมาอยู่ในสภาพดูไม่ได้เช่นนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งห่างกันได้ไม่กี่ชั่วโมง เสียใจจนกอดนางทั้งน้ำตา นายท่านเฝิงเองก็อดไม่ได้ มีน้ำตาไหลรินออกมา

 

 

เมื่อกลับถึงบ้านเห็นพ่อและแม่ของตนเอง ความกลัว ความตกใจทั้งหลายของเฝิงจิ้งซูก็ถูกปลดปล่อยออกมา นางโผเข้ากอดเฝิงฮูหยินและร้องไห้โฮออกมาจนถึงเวลาฟ้ามืด

 

 

บ่าวไพร่ในจวนตระกูลเฝิงต่างได้ยินเสียงร้องไห้อันน่าเวทนานี้ แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามไปด้วย ขณะนั้นทั้งจวนตระกูลเฝิงก็ปกคุลมไปด้วยเมฆหมอกแห่งความโศกเศร้า

 

 

มีแค่เฝิงจิ้งเหวินที่คิดว่าเฝิงจิ้งซูเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาหากเอาแต่ร้องไห้เช่นนี้จะยิ่งไม่ดีกับร่างกาย จึงได้ห้ามเฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งซูให้หยุดร้อง

 

 

เฝิงฮูหยินอาบน้ำร้อนมาก่อน นางเข้าใจความคิดของลูกสาวคนโตดี จึงรีบหยุดร้องไห้ และยังคอยปลอบไม่ให้เฝิงจิ้งซูร้องไห้อีกด้วย

 

 

เฝิงจิ้งเหวินเห็นพวกนางสงบลง จึงได้บอกเรื่องที่อ๋องฉีได้ถามเรื่องที่แม่ทัพฉู่จะมาสู่ขอเฝิงจิ้งซู เฝิงฮูหยินและนายท่านเฝิงได้ยินเข้าก็ตกใจ ใจจริงแล้ว เมื่อได้ยินว่าท่านแม่ทัพฉู่ได้ทำลายเกียรติของลูกสาวตนนั้น นายท่านเฝิงคิดแต่ว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาว ต่อให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจนหมดสิ้นก็ยอม แต่เมื่อรู้เรื่องที่ทั้งสองถูกวางยาแล้ว จึงสงบลงเล็กน้อย บัดนี้ได้ยินสิ่งที่เฝิงจิ้งเหวินพูด ทั้งสองจึงมีความคิดผุดขึ้นมาว่า ทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ซูเอ๋อร์ยังเด็ก ยังไม่พร้อมเป็นแม่บ้านแม่เรือนด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นฮูหยินของแม่ทัพ แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น ทั้งสองก็ยังถามความเห็นของเฝิงจิ้งซูก่อน เฝิงจิ้งซูเอาแต่ร้องไห้พร้อมส่ายหน้า ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งสองจึงทำใจว่าซูเอ๋อร์ไม่ยอม และไม่บังคับนาง จึงคิดว่าสองสามวันนี้จะส่งนางกลับไปบ้านเกิด เพื่อหลบคำนินทา

 

 

บัดนี้ได้ยินคำของเมิ่งเชี่ยนโยว เฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินอึ้งไป พวกนางไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เฝิงจิ้งซูอาจจะมีครรภ์ได้ หากโชคร้ายเป็นดั่งนางว่าจริง หากซูเอ๋อร์มีครรภ์ขึ้น ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นแน่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าทั้งสองอึ้งไป จึงรู้ว่าทั้งสองไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน โชคดีที่นางพูดตรงประเด็น คราวนี้ความคิดของเฝิงฮูหยินและนายท่านเฝิงก็จะเปลี่ยนไป การสู่ขอครั้งนี้คงจะง่ายขึ้น และเป็นดังนั้นจริง ไม่ต้องรอให้นางคิดไปไกล เฝิงฮูหยินยืนขึ้น พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ข้าขอตัวก่อน ข้าจะไปคุยกับนายท่านเรื่องการสมรส”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เชิญเลยเจ้าค่ะ ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าให้น้องซูแต่งงานกับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”

 

 

เฝิงฮูหยินรีบเดินออกจากห้องไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเฝิงจิ้งเหวินต่อเล็กน้อย ในจวนก็มีเสียงสาวใช้ดังขึ้น “ฮูหยิน แม่นางชิงหลวนมาแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“ให้นางเข้ามา” เฝิงจิ้งเหวินสั่ง

 

 

สาวใช้เปิดผ้ากั้นประตูออก ชิงหลวนเดินเข้ามา หลังจากทำความเคารพเฝิงจิ้งเหวินแล้ว จึงมอบเข็มยาให้เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

“พี่ชายรองกลับไปหรือยัง” หลังเมิ่งเชี่ยนโยวรับเข็มยามาแล้ว จึงถามไป

 

 

ชิงหลวนตอบอย่างนอบน้อมว่า “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีมากด้วย”

 

 

คงจะเป็นเพราะข่าวที่คนรถนำไปส่งให้ จึงได้รู้ว่างานแต่งของหวงฝู่อี้เซวียนถูกยกเลิกไป จึงได้ดีใจเพียงนี้ นางพยักหน้าแล้วสั่งชิงหลวนว่า “เจ้าและจูหลีรออยู่ด้านนอก อย่าไปไหนไกล”

 

 

ชิงหลวนตอบรับ และเดินออกไป

 

 

เฝิงจิ้งเหวินเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว เมิ่งเชี่ยนโยวฝังเข็มให้นางอย่างชำนาญ จากนั้นก็ห่มผ้าบางๆ ให้นาง และวัดชีพจรให้ พูดว่า “ยังเหลืออีกสองวันก็ครบหนึ่งเดือนแล้ว อาการไข้ของซ้อก็ถือว่าหายดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนเหวินได้ดังเดิมแล้ว”

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน ได้ยินเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เฝิงจิ้งเหวินจะต้องดีใจมาก แต่วันนี้เกิดเรื่องกับเฝิงจิ้งซู นางรู้สึกเสียใจมาก ทำให้ดีใจไม่ออก ทำได้แค่ฝืนยิ้ม ฉีกมุมปากออก ก็ถือว่ายิ้มออกมาได้แล้ว “ซูเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ ข้าจะกลับไปได้อย่างไร รอให้เรื่องทุกอย่างลงตัวแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยกลับไปตระเตรียมสินสอดเรียบร้อยแล้ว วันพรุ่งก็จะมาสู่ขอทันที เฝิงจิ้งเหวินก็สามารถกลับไปได้อย่างวางใจแล้ว แต่เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องของวันพรุ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากทุกอย่างราบรื่นก็ดีไป หากไม่ราบรื่น พูดออกไปแล้วจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับทางตระกูลเฝิง

 

 

การรักษาใช้เวลาไม่มาก เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บเข็มยาเข้าที่ เฝิงจิ้งเหวินลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย สั่งให้สาวใช้เปลี่ยนน้ำชา ทั้งสองดื่มชา เฝิงจิ้งเหวินก็ได้พักผ่อนเล็กน้อย

 

 

เฝิงจิ้งเหวินจึงได้พาเมิ่งเชี่ยนโยวมายังจวนของเฝิงจิ้งซู

 

 

ชิงหลวนและจูหลีเชื่อฟังคำของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงเดินตามทั้งสองมายังจวนของเฝิงจิ้งซู รอจนทั้งสองเข้าไปด้านใน จึงรออยู่ด้านหน้าประตู

 

 

เนื่องจากกลัวว่าเฝิงจิ้งซูจะตื่นขึ้นมาทำเรื่องโง่ๆ ก่อนเฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินจากไปจึงได้สั่งให้สาวใช้คอยดูแลนางไม่ให้คลาดสายตา

 

 

ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน เฝิงจิ้งซูยังหลับสนิทอยู่ สาวใช้ทำความเคารพทั้งสองอย่างนอบน้อม

 

 

เฝิงจิ้งเหวินโบกมือ สาวใช้จึงเดินออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างเตียง มองเฝิงจิ้งซูที่นอนขดอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ดวงตาบวมแดง ใครเห็นก็ต้องสงสาร

 

 

เม้มปากจ้องมองนางอยู่พักใหญ่ ทำใจไม่ได้ที่จะปลุกนาง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตัดสินใจไปถามความคิดเห็นของนายท่านเฝิงและเฝิงฮูหยินก่อน แต่เมื่อหันหลังกลับ ก็ไปชนกับตั่งข้างเตียงอย่างไม่ตั้งใจ จนเกิดเสียงดัง ตึ้ง ขึ้น ตั่งล้มลงบนพื้น

 

 

เฝิงจิ้งซูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนี้ นางลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

 

ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางย่อตัวลง ก้มลงไปใกล้นาง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ซูเอ๋อร์ อย่ากลัวไปเลย เป็นข้าเอง พี่โยวเอ๋อร์”

 

 

เมื่อเฝิงจิ้งซูเห็นชัดว่าเป็นนางแล้ว แววตาหวาดกลัวก็หายไป นางร้องด้วยเสียงแหบว่า “พี่โยวเอ๋อร์”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป หยิบปอยผมที่ปรกอยู่บนหน้าอกของนางออก พูดเสียงเบาว่า “ดีขึ้นบ้างหรือไม่”

 

 

น้ำตาของเฝิงจิ้งเหวินไหลออกมา พยักหน้าเล็กน้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยนถามนางด้วยเสียงนุมนวลว่า “ตอนนี้พี่โยวมีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า ได้หรือไม่”

 

 

เสียงแหบแห้งของเฝิงจิ้งซูเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น ตอบว่า “พี่พูดมาเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงข้างเตียง พยุงนางให้ลุกขึ้น หยิบผ้าห่มผืนบางมาพิงหลังให้นางนั่งสบายขึ้น แล้วจึงเริ่มพูดว่า “ซูเอ๋อร์ ดื่มน้ำก่อนดีไหม เสียงของเจ้าแหบไปหมดแล้ว ใจของพี่โยวเจ็บปวดเหลือเกิน”

 

 

ไม่รอให้นางตอบ เฝิงจิ้งเหวินที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบเทน้ำอุ่นใส่แก้ว แล้วยื่นใส่มือของเฝิงจิ้งซู

 

 

เมื่อรับแก้วน้ำมาแล้ว เฝิงจิ้งซูดื่มจนหมดแก้วทันที เฝิงจิ้งเหวินจึงนำแก้วเปล่ามาอีก และเทน้ำส่งให้นางครั้ง ครั้งนี้เฝิงจิ้งซูไม่ได้ดื่ม แต่กลับถือไว้ในมือ “พี่โยวเอ๋อร์มีอะไร พูดมาเถิดเจ้าค่ะ”

 

 

โยวเอ๋อร์คิดสักครู่ก่อนพูดว่า “ซูเอ๋อร์ เรื่องที่วันนี้พระชายาถามเจ้าว่ายอมแต่งงานกับท่านแม่ทัพหรือไม่ เจ้าว่าอย่างไร”

 

 

เมื่อพูดถึงฉู่เหวินเจี๋ย ร่างของเฝิงจิ้งซูก็สั่นสะท้านขึ้น แก้วชาในมือเกือบจะร่วงลงพื้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจในใจ ฉู่เหวินเจี๋ยอยู่ในวัยฉกรรจ์ และยังเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของยาเข้าไปแล้ว จะต้องทำให้เฝิงจิ้งซูเจ็บมากเป็นแน่ ถึงขั้นว่าเมื่อได้ยินชื่อของเขาก็มีอาการกลัวขึ้นมา

 

 

“ซูเอ๋อร์” เมิ่งเชี่ยนโยวจับมือที่กำแก้วน้ำของนางไว้ พูดเสียงอ่อนว่า “พี่โยวเองก็ไม่อยากบังคับเจ้า แต่เรื่องของเจ้ากับท่านแม่ทัพในวันนี้อาจจะแพร่ไปทั่งเมืองหลวงในวันพรุ่งก็เป็นได้ หากเจ้าไม่รีบจัดการเรื่องงานแต่ง ต่อไปเจ้าจะรับมือกับคำติฉินนินทามิไหวนะ”

 

 

เฝิงจิ้งซูสูดหายใจเข้า พูดด้วยเสียงแหบแต่แน่วแน่ว่า “ข้าไม่ยอมแต่งงานกับเขา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดไม่ถึงว่านางจะตอบเช่นนี้ จึงอึ้งไป และถามต่อว่า “เพราะเหตุใดกัน เจ้าเองก็นับถือท่านแม่ทัพมากมิใช่หรือ แต่งงานกับเขาไม่ดีอย่างไร”