SD:บทที่ 53 นี่คือ ซู ฉิวไป่
ซู ฉิวไป่ ตรวจสอบรถยนต์และชิ้นส่วนภายในรถอย่างระมัดระวัง ในอดีตทันทีที่เขาขึ้นรถเขาจะได้รับการแจ้งให้เปิดระบบนำทางทันทีแต่วันนี้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
เขารีสตาร์ทรถของเขาอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม แม้จะทดลองอีกหลายๆครั้งก็ยังเหมือนเดิม
หรือว่ามันพังจริงๆ!
ในขณะที่ ซู ฉิวไป่ กำลังรู้สึกประหม่าทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงไร้อารมณ์พูดขึ้นออกมาดังๆ
“ระบบกำลังอัพเกรด เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเริ่มการสอบใบขับขี่…โปรดรอ”
ซู ฉิวไป่ ต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อเข้าใจความหมายว่ามันหมายถึงอะไร…การสอบ!
เฮ้ย?อยู่ดีๆมาสอบได้ยังไง?
ความคิดนี้ต้องถูกนำออกไปจากใจของ ซู ฉิวไป่ เพราะเขาไม่สามารถหาคำตอบได้ดังนั้นเขาจึงดึงกุญแจรถออกมาอย่างไร้ประโยชน์
กู่ เชียนซาน อดทนรอเป็นเวลานาน ในตอนแรกเขารู้สึกมีความสุข แต่หลังจากเห็น ซู ฉิวไป่ เปิดประตูออกมาเขาก็รู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกมา ซู ฉิวไป่ ก็พูดว่า
“เวลานี้เราไม่สามารถไปหาพวกเขาได้ มีการซ่อมถนนที่จะไปยังสถานที่ที่ทั้งสองคนอยู่ดังนั้นผมไม่สามารถที่จะไปที่นั่นได้…”
ซู ฉิวไป่ ขอโทษ กู่ เชียนซาน เขาไม่มีทางเลือกจริงๆใครจะรู้ว่าระบบอัพเกรดจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ฮัวโต๋ได้กล่าวไว้ว่า มีเฉพาะเขาและจางจงจิ่งเท่านั้นที่สามารถรักษา กู่ เฉิงหยา จากความเจ็บป่วยได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวให้พวกเขามาช่วยเธอในตอนนี้ ซู ฉิวไป่ รู้สึกหมดหนทาง
กู่ เชียนซาน เองก็เป็นกังวลเมื่อได้ยินคำอธิบายของ ซู ฉิวไป่ มันหมายความว่ายังไง ใครมาซ่อมถนนอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้!
“ท่านซู ได้โปรดบอกผมว่าหมอทั้งสองคนพักอยู่ที่ไหนผมจะส่งให้เฮลิคอปเตอร์ไปรับพวกเขา”
ถึงแม้ กู่ เชียนซาน จะรู้สึกประหลาดใจแต่เขาก็หาวิธีแก้ปัญหาทันที เมื่อ ซู ฉิวไป่ ได้ยินดังนั้นเขารู้สึกเป็นใบ้เขาไม่คาดคิดว่าตระกูลกู่ มีความสามารถถึงขนาดเป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ น่าเสียดายที่ปัญหาหลักไม่ได้เกี่ยวข้องกับการมีเฮลิคอปเตอร์ในตอนนี้หรือไม่
ซู ฉิวไป่ ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“คุณกู่ เฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถใช้งานได้ พวกเขาอยู่ในสถานที่…เอ่อ..ลิมไปซะเถอะคุณไม่เข้าใจแม้ผมจะบอกไปก็ตาม คุณต้องรอจนกว่าถนนจะซ่อมแซมเสร็จแล้วผมจะไปที่นั่นทันที”
แม้ว่าคำอธิบายของเขาจะดูไร้เหตุผลแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
แม้ฉันต้องการจะไปแต่ฉันก็ไม่สามารถทำได้
กู่ เชียนซาน เริ่มโกรธแม้ว่าเขาไม่เข้าใจคำอธิบายของ ซู ฉิวไป่ แต่เขารู้เรื่องหนึ่ง
หมอสองคนนั้นจะไม่กลับมาอีกแน่นอน ต้องทำอะไรในตอนนี้
เขารู้สึกราวกับหัวใจของเขาถูกแทงการเฝ้าดู กู่ เฉิงหยา เจ็บปวดเมื่อคืนเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เธอยิ้มและบอกเขาว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร เขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน
มีสิ่งใดในโลกนี้เจ็บปวดมากกว่าการเฝ้าดูลูกสาวของตัวเองต้องตายลงโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นี่คือเหตุผลที่ กู่ เชียนซาน รีบมาโรงพยาบาลในทันทีหลังจากรู้ว่า ซู ฉิวไป่ ได้กลับมาแล้ว
ใครจะรู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้….
เมื่อเห็นการแสดงออกของ กู่ เชียนซาน ซู ฉิวไป่ รู้สึกเสียใจเช่นกัน นี่คือฉากที่เขากลัวที่สุด มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก ถ้าเขาพูดความจริงเขาไม่กลัวสิ่งใดที่จะเข้ามาหาเขาแต่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เขารู้สึกอึดอัด
เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาอยู่โรงเรียนปฐมได้ มีอันธพาลต้องการแย่งเงิน 50 เซนที่เขาใช้เวลาเก็บมาเนิ่นนาน ดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงใช้ก้อนอิฐทุบหัวเด็กคนนั้น อย่างไรก็ตามเขาลงเอยด้วยการบริจาคเงินให้คนแก่คนขอทานคนหนึ่งที่อยู่นอกประตูโรงเรียน
หลังจากที่บริจาคเงินเสร็จแล้วเขาเช็ดน้ำตาและเดินกลับบ้าน…
บางคนอาจบอกว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่นิสัยของเขาเป็นแบบนี้ตลอด
นี่เป็นสาเหตุที่เขาทุบรถในที่สาธารณะ และไปหาไซจินเพื่อขอโสมป่าเพื่อช่วย เซี่ย หรงหรง หรือการช่วยช่วยเหลือ ตงเจียเหว่ย หรือแม้กระทั่งเชิญ ฮัวโต๋ให้มารักษา กู่ เฉิงหยา หลังจากที่เห็นเธอเป็นลมบนถนน
ที่เขาทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเขาต้องการอะไรตอบแทนแต่เพียงเพราะนิสัยของเขาเป็นแบบนี้เท่านั้น
ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบดวงตาของ กู่ เชียนซาน ดูเลื่อนลอย เขาดูไม่เหมือนผู้นำตระกูลกู่อย่างเมื่อคืน แต่กลายเป็นพ่อที่น่าสงสาร
ทันใดนั้นผู้คุ้มกันก็ส่งโทรศัพท์ให้กับ กู่ เชียนซาน เขาฟังคำพูดไม่กี่คำก่อนโทรศัพท์จะตกลงจากมือของเขา หน้าของเขาซีดเซียวและหมองคล้ำอย่างสมบูรณ์
“เกิดอะไรขึ้น?” ซู ฉิวไป่ ถามขึ้นอย่างประหม่า
เสียงของ ซู ฉิวไป่ ปลุกให้เขาตื่นจากพะวังดังกล่าวเขาค่อยๆจ้องมองไปที่ ซู ฉิวไป่
“ พวกเขาโทรมาบอกผมว่า ลูกสาวของผม อาเจียนออกมาเป็นเลือดมากยิ่งขึ้นและเหมือนไม่มีหวังที่จะรักษาเธออีกต่อไปแล้ว..”
กู่ เชียนซาน ดูเหมือนคนหมดกำลังใจ รู้หลังจากจบประโยคเขาหันหลังกลับแล้ววิ่งไปที่รถของเขาโดยไม่สนใจโทรศัพท์บนพื้น ผู้คุ้มกันของเขาติดตามอย่างใกล้ชิด ซู ฉิวไป่ เองก็ไม่ได้คาดหวังที่จะได้ยินเรื่องดังกล่าวในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
“คุณกู่ ผมจะไปกับคุณ ส่งคนมาดูแลน้องสาวผมที”
ซู ฉิวไป่ ตะโกน เมื่อเห็นว่า กู่ เชียนซาน ได้ยินแล้วเขารีบขึ้นไปบนแท็กซี่ของเขาแล้วหันไปที่เบาะหลังเพื่อค้นหาหนังสือที่ฮัวโต๋มอบให้เขาก่อนหน้านี้ จากนั้นเขารีบอ่านมันอย่างรวดเร็ว ไม่มีหนทางอื่นแล้วมีเพียงแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น แม้ว่าดูเหมือนมันจะสายเกินไปด้วยทักษะการสังเกตพลังฉี ของฮัวโต๋ที่เขาได้เรียนรู้มันบ่งบอกว่านี่คือความหวังสุดท้ายของ กู่ เฉิงหยา หากมีปัญหาอื่นแทรกแซงเขาคงต้องรอให้ระบบอัพเกรดสมบูรณ์เพื่อจะจัดการเรื่องทุกอย่าง
กู่ เชียนซาน ไม่รู้แผนของ ซู ฉิวไป่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนขับรถแท็กซี่ทุกอย่างติดตามเขากลับไป
พี่น้องแม้ว่าคุณจะต่อสู้ได้อย่างดีแต่เรื่องการรักษาคนนั้น…คุณเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่จะช่วยคนอื่นได้ยังไง?
ในเวลาสำคัญแบบนี้ กู่ เชียนซาน จึงไม่คิดมากอะไรเขาทิ้งผู้คุมสองคนไว้ให้ดูแล ซู เซี่ยวเซี่ยว
กู่ เชียนซาน ขับรถนำในขณะที่ ซู ฉิวไป่ ขับรถแท็กซี่ของเขาตามอย่างใกล้ชิดรถทั้งสองคันรีบขับออกจากโรงพยาบาล
ในช่วงเวลานี้ตระกูลกู่กำลังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง นายหญิงของพวกเขากำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วยของเธอมาหลายปีแล้วและไม่มีใครคาดคิดว่าชีวิตของเธอจะต้องจบลงในวันนี้
กู่ เฉิงหยา หมดสติไปทั้งคืนและอาเจียนเลือดออกมา ลมหายใจของเธอเริ่มรวยรินราวกับว่าเธอจะตายอีกในไม่ช้า
คุณปู่กู่แทบหมดสติ เขาส่งทุกคนออกไปเพื่อตามหาหมอที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมารักษาหลานสาวที่รักของเขาทั้งแพทย์ตะวันตกและแพทย์ชาวจีน แต่เนื่องจากได้รับการยืนยันแล้วว่าการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยา ไม่สามารถรักษาได้มีเพียง ฮัวโต๋ เท่านั้น
ด้านนอกห้องของ กู่ เฉิงหยา คุณปู่กู่เทียน นั่งอยู่บนเก้าอี้และจ้องมองไปที่ประตู หมอทุกคนนั่งอยู่ข้างๆเขามีประมาณ 20-30 คนทุกคนกำลังกระซิบและมองไปที่ประตูเป็นครั้งคราว
มู่หรง หมอชาวจีนคนหนึ่งซึ่งได้รับความเคารพมาตั้งแต่สมัยโบราณเขากำลังรักษา กู่ เฉิงหยา อยู่ในขณะนี้ หมอคนอื่นๆทั้งหมดได้เพียงแต่สังเกตสภาพของ กู่ เฉิงหยา แต่ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง
นี่เป็นเรื่องปกติมันคงจะแปลกมากถ้าพวกเขาสามารถวินิจฉัยอะไรได้ นับตั้งแต่ที่ กู่ เฉิงหยา ได้รับวินิจฉัยว่าป่วยมาเป็นเวลาหลายสิบปี กู่เทียนได้เชิญแพทย์มาหลายคนแต่ไม่มีใครรู้ถึงต้นเหตุของการเจ็บป่วยนี่คืออะไร
ถ้าไม่ใช่อาจารย์มู่หรงคนนี้ พวกเขาคงไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง และไม่มีใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ กู่ เฉิงหยา
ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงแต่รอเท่านั้น!
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก กู่เทียน เป็นคนแรกที่เดินเข้าไป ความกดดันที่เขาแผ่ออกมาทำให้หมอคนอื่นๆรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แม้ว่ากู่เทียน จะมีอายุมากแล้วแต่เขายังคงแผ่ความกดดันเหมือนกับเสือ
“พี่ชาย เธอเป็นยังไงบ้าง”กู่เทียนถามอาจารย์มู่หรง ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและตึงเครียด
อาจารย์มู่หรงหันหน้ามามองกู่เทียนและส่ายหน้า
“ต้องมีใครสักคนที่ฝังเข็มในจุดที่ถูกต้องก่อนหน้านี้หากการฝังเข็มเสร็จสิ้นเรียบร้อยคงมีหวังในการฟื้นตัว แต่มันกลับถูกขัดจังหวะดังนั้นสภาพของเธอจึงแย่ลงแทน”
กู่เทียนรู้สึกกังวลใจเมื่ออาจารย์มู่หรงรายงาน
เขาขมวดคิ้วในขณะที่ กู่จ้านชุน ยืนอยู่ตรงมุมห้องความรู้สึกของเขาราวกับพื้นจะถล่มลงมา
หากยังไม่ได้ข่าวจาก ซู ฉิวไป่ ฉันคงนี้คงเป็นคนฆ่าคุณหนูจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู่ จ้านชุน รู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
“คุณสามารถทำการฝังเข็มจุดเดิมก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?”กู่เทียนถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มีทาง..ผมเคยลองหลายครั้งแล้ว แต่ทำเองไม่ได้ ถึงแม้ผมจะรู้วิธีฝังเข็มแต่ผมไม่สามารถหาจุดฝังเข็มที่เหมาะสมได้ หมอทั้งสองคนนั้น..คุณยังไม่สามารถเชิญพวกเขามาได้อีกอย่างนั้นหรอ?”
สุดท้ายอาจารย์มู่หรงก็มองกู่เทียนด้วยความหวัง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหมอที่เก่งที่สุดในวงการแพทย์ และในตอนที่ กู่ เฉิงหยา อายุได้ 10 ขวบเขาได้พูดออกมาแล้วว่าไม่มีใครสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของเธอได้นอกจาก ฮัวโต๋
ดังนั้นเขาจึงชื่นชมหมอทั้งสองคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างมากแม้ว่าเขาไม่เคยพบคนเหล่านั้น
“ลูกชายของผมกำลังเชิญเขามา พวกเขาควรจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้”
ตาของกู่เทียนเปล่งประกายด้วยความหวังสุดท้าย
ในขณะนั้นเองมีคนด้านนอกตะโกนขึ้น
“บอสกลับมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงคนจากด้านนอกกู่เทียนและอาจารย์มู่หรงหันหน้าไปมองพร้อมกัน ทุกคนรู้ว่า กู่ เชียนซาน นั้นออกไปเชิญหมอเทวดาสองคนนั้นมา อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ประตู ไม่ได้มีเพียงกู่เทียนเท่านั้นที่ขมวดคิ้วคนอื่นๆก็รู้สึกสับสนเช่นกัน
เบื้องหลังของ กู่ เชียนซาน เป็นผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่ชายชรา เขาดูเด็กมากในขณะถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ และมองหนังสือตลอดเวลาในขณะที่เขากำลังเดินเขาเกือบจะชนต้นเสาด้วยซ้ำ
—————————————————-