SD:บทที่ 54 การศึกษาคือความรู้
ภายในบ้านตระกูลกู่พวกเขาทั้งหมดสงบนิ่งและไม่มีใครเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กู่ เชียนซาน วิ่งเข้าไปหากู่เทียน ใบหน้าของ กู่ เทียนแสดงออกถึงความอึดอัดยากเกินที่จะพูดอะไรออกมา แต่เขายังคงเชื่อความหวังสุดท้ายและมองไปที่ ซู ฉิวไป่ จากนั้นพูดว่า
“หมอเทวดาทั้งสองคนอยู่ที่ไหน?”
กู่ เชียนซานพูดไม่ออกแต่ กู่ จ้านชุน ที่ยืนอยู่ด้านหลังหน้าซีดเผือด กู่ เทียน และคนอื่นยังไม่รู้ ว่าเป็นเขาเองที่ขับไล่ฮัวโต๋และจาง จงจิ่ง
การที่เห็น ซู ฉิวไป่ มาที่นี่โดยลำพัง…เขามั่นใจว่าหมอเทวดาทั้งสองคนจะไม่ยอมมาที่นี่อย่างแน่นอน
กู่ เชียนซาน มีความคิดแบบเดียวกันในขณะที่เขาส่ายหัวและตอบว่า
“หมอเทวดาทั้งสองคน…ไม่สามารถมาได้”
เขาไม่ได้พูดเหตุผลให้กับ กู่ เทียน ฟังเกี่ยวกับคำอธิบายของ ซู ฉิวไป่ ถ้าเขาบอก กู่ เทียน ว่าพวกเขาไม่สามารถรับหมอเทวดาทั้งสองคนได้เพราะถนนกำลังซ่อมแซมอยู่ พวกเขาคงโดนระเบิดอย่างแน่นอน
“พวกเขายังโกรธอยู่อย่างนั้นหรอ?” กู่ เทียน ถอนหายใจ
กู่ เชียนซาน พยักหน้าทันที ในความเป็นจริงเขาคิดว่านั่นคือเหตุผลที่แท้จริง สุดท้ายแล้วข้ออ้างเกี่ยวกับการซ่อมแซมถนนคงเป็นเรื่องไร้สาระ แม้พวกเขาจะบอกว่าเกิดเหตุถังแก๊สระเบิดตามทางก็ตาม
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบงัน
“แล้วนี่คือ..” กู่ เทียน หันหน้าไปสังเกตชายคนหนึ่งที่เดินตามหลัง กู่ เชียนซาน มาเขายังคงถือหนังสือในมือเขาและราวกับว่าเขากำลังเป็นหนอนหนังสือที่ไม่สามารถแยกตัวออกจากหนังสือได้
“นี่คือ ซู ฉิวไป่ คุณซู”
แม้ว่า กู่ เชียนซาน จะพบว่าพฤติกรรมของ ซู ฉิวไป่ นั้นแปลกๆแต่เขายังคงแนะนำให้รู้จักพ่อของเขา เมื่อได้ยินชื่อของ ซู ฉิวไป่ ดวงตาของ กู่ เทียน เปลี่ยนไป เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่สระมังกรแหล่งถ้ำเสือของตระกูลเซี่ยว เขารู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคนที่ชื่อ ซู ฉิวไป่ นี่เอง เขาไม่คาดคิดว่า ซู ฉิวไป่ ที่ทุกคนพูดถึงเป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดหวังที่หมอเทวดาไม่ได้มาด้วยแต่เขายังคงสูดหายใจลึกๆ และวางแผนที่จะทักทาย ซู ฉิวไป่
ในขณะนั้นเอง ซู ฉิวไป่ ได้เงยหน้าขึ้น
“การฝังเข็มที่จุดชีพจร…ใครจะรู้ว่าจุดชีพจรบนศีรษะอยู่ที่ไหน?”
สายตาของ ซู ฉิวไป่ แสดงออกถึงความวิตกกังวล เขาไม่เคยคิดเลยว่าฮัวโต๋จะมอบหนังสือทักษะการรักษานี้ให้กับเขา
การที่เขาสามารถมองเห็นอาการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยาได้เพราะเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทักษะการมองพลังฉี ของฮัวโต๋
เห็นได้ชัดว่า ฮัวโต๋ จงใจทิ้งทักษะให้กับ ซู ฉิวไป่ เพราะเขารู้ว่า ซู ฉิวไป่ เข้าใจวิธีการสังเกตพลังฉี ฮัวโต๋ไม่สามารถกำจัดทิฐิของตัวเองได้ดังนั้นเขาจึงให้ ซู ฉิวไป่ รักษา กู่ เฉิงหยา
ซู ฉิวไป่ ค้นพบว่าเมื่อเขานั่งอยู่บนรถแท็กซี่มันทำให้เขาสามารถอ่านหนังสือทักษะทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว เทคนิคได้ระบุถึงจุดชีพจรและวิธีการใช้เข็มอย่างแม่นยำ เมื่อรวมกับทักษะการสังเกตพลังฉี เขาสามารถปรับเปลี่ยนเส้นเลือดดำกลับมายังตำแหน่งของมันได้และเพียงเท่านี้ก็เพียงพอทำให้เธอสามารถฟื้นฟูตัวเองได้
บางคนอาจไม่รู้ว่าในขณะนี้ซู ฉิวไป่กำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็น ซู ฉิวไป่ กำลังมองมาและถามคำถาม พวกแพทย์ทั้งหลายต่างงงงวย
ในที่สุดอาจารย์มู่หรงก็เป็นคนตอบ
“ ตำแหน่งของจุดชีพจรบนศีรษะมีอยู่ 5 จุดเริ่มตั้งแต่หน้าผาก คุณถามทำไม?”
“แล้วจุด เอ่อเหมิน ละ?และจุดชิงหมิงละ?”
ราวกับว่า ซู ฉิวไป่ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และเมื่ออาจารย์มู่หรงได้ยินคำถามเขารีบตอบคำถามทันที
ทัศนคติของ ซู ฉิวไป่ ทำให้แพทย์ที่อยู่เบื้องหลังอาจารย์มู่หรงโกรธเป็นอย่างมากพวกเขาบางคนลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนออกมา
“คนไร้มารยาทนี่มาจากที่ไหน?ท่านอาจารย์มู่หรงเป็นแพทย์ที่ได้รับความเคารพและเชี่ยวชาญมากที่สุดในโลกการแพทย์ การที่เขาตอบคำถามของคุณเป็นการส่วนตัวแต่คุณกลับไม่แสดงความขอบคุณเลยแม้แต่น้อยกลับเพิกเฉยต่อคำถามของเขาอย่างจงใจ”
คนที่พูดคือ ปางจือเสีย เขาทำงานที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและมักจะทำงานกับอาจารย์มู่หรงเป็นประจำเขาได้ใช้ชื่อของชายชราคนนี้ปีนขึ้นสู่สังคมชั้นสูง
อย่างไรก็ตามถ้าไม่ใช่อาจารย์มู่หรงมาที่นี่เนื่องจากการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยา เขาเองก็ไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนี้เช่นกัน
จากช่วงเวลาที่เขาได้พบอาจารย์มู่หรงเขาพยายามหาวิธีทำให้ชายชราคนที่พอใจและอาจารย์มู่หรงอาจจะพาเขาไปเป็นศิษย์ส่วนตัว
แต่เขาไม่มีโอกาสที่เหมาะสม
ในขณะที่เขากำลังใจจดใจจ่ออยู่ๆก็มีชายที่หยิ่งผยองปรากฏตัวขึ้นและหยาบคายกับอาจารย์มู่หรง ดังนั้นเขาไม่ลังเลที่จะลุกขึ้นยืนและตะโกนด่าทออย่างโกรธแค้น
อย่างไรก็ตามการกระทำของเขาทำให้คนในตระกูลกู่ และอาจารย์มู่หรงรู้สึกไม่พอใจ
กู่ จ้านชุน ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกำลังคิดว่าเขาเคยพบคนงี่เง่าแบบนี้มาก่อนแต่เขาไม่เคยเห็นใครสักคนใช้เวลาช่วงสำคัญแบบนี้ประจบเจ้านายของตัวเอง
ซู ฉิวไป่ ไม่มีเวลาสนใจบุคคลดังกล่าว เขาเพียงแต่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามก่อนหน้านี้ เขาต้องการฝังเข็มให้กับ กู่ เฉิงหยา เพื่อให้เธอมีโอกาสรอดมากยิ่งขึ้น
“ผมกำลังรีบ จุดเอ่อเหมิน และจุดชิงหมิงอยู่ตรงไหน?”
คนขับรถยังคงรู้สึกกังวลเขาแทบจะอารมณ์เสียเมื่อถูกบังคับให้ต้องถามคำถามซ้ำ และยังคงเป็นอาจารย์มู่หรงที่ตอบคำถามเขา ปาง จือเสีย ต้องการที่จะตะโกนด่าอีกครั้งแต่เรื่องชายชราได้เริ่มตอบคำถาม ซู ฉิวไป่ เขาจึงรู้สึกอับอายที่จะตะโกนออกมา
“เอาล่ะทุกคนห้ามรบกวนผม..”
เมื่อพูดดังนั้น ซู ฉิวไป่ วิ่งเข้าไปในห้องหนังสือ ทุกคนล้วนตกตะลึงอย่างไรก็ตามที่นี่เป็นบ้านของตระกูลกู่ ดังนั้นหากตระกูลกู่ไม่พูดอะไรคนอื่นๆก็ไม่ควรที่จะโต้แย้ง
เมื่อมีโอกาส กู่ เชียนซาน ได้รีบกระซิบบอก กู่ เทียน โดยเร็วว่า ซู ฉิวไป่ ได้ขอร้องเรื่องนี้ เป็นการส่วนตัว
กู่ เทียน คิดว่า ซู ฉิวไป่ น่าจะมีทักษะการแพทย์อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาถามถึงจุดชีพจรเหล่านี้ แต่เขารู้สึกผิดหวังเมื่อฟังคำพูดของ กู่ เชียนซาน
อาจารย์มู่หรงและแพทย์คนอื่นๆกำลังตกตะลึง
มีเรื่องตลกอะไร?เขาไม่รู้กระทั่งจุดชีพจร..แต่ยังต้องการรักษาอาการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยา อย่างนั้นหรอ?
ในไม่ช้าทุกคนก็กลับไปนั่งประจำหน้าห้องของ กู่ เฉิงหยา
แต่เดิม กู่ เชียนซาน ได้ส่งคนไปช่วย ซู ฉิวไป่ แต่เขากลับถูกไล่ออกมาดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ ซู ฉิวไป่ อยู่เพียงลำพังภายในห้อง
“พี่ชายเนื่องจาก หมอเทวดาไม่มา…พวกเราควรทำอย่างไรกันดี”
กู่ เทียน ไม่ได้สนใจ ซู ฉิวไป่ อีกต่อไปเขาหันไปพูดกับอาจารย์มู่หรง สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาอาการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยา
อาจารย์มู่หรงลังเลสักพักจากนั้นเขายืนขึ้นและหันไปมองหมอทุกคนที่อยู่ที่นี่
“ทุกคน พวกคุณตระหนักถึงจุดประสงค์ที่ตระกูลกู่ได้เชิญพวกเรามาแล้ว การแพทย์แผนจีนนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ผมยอมรับว่าผมไม่มั่นใจในการรักษาการเจ็บป่วยของ กู่ เฉิงหยา และผมจะไม่พูดว่าผมเก่งกว่าทุกคนในห้องนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือระดมสมองเพื่อหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ แค่พูดออกมาในสิ่งที่พวกคุณคิด สภาพของผู้ป่วยในตอนนี้สำคัญมากไม่มีเวลาที่จะล่าช้าอีกต่อไปแล้ว!”
ทุกประโยคของอาจารย์มู่หรงนั้นจริงใจเป็นอย่างมาก นายแพทย์ที่นั่งอยู่รวมกันรู้สึกถึงความเหน็บหนาวเขาไม่คาดคิดว่าชายชราคนนี้จะตัดสินใจในเวลาเร่งรีบเช่นนี้ พวกเขาเชื่อมั่นในชื่อเสียงของอาจารย์มู่หรงมากยิ่งขึ้น
นายแพทย์ทุกคนเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีต่างๆเพื่อที่จะช่วยเหลือ กู่ เฉิงหยา บางทีพวกเขาก็นึกสิ่งที่ไม่มีคนอื่นที่สามารถทำได้
ปาง จือเสีย ยืนขึ้นทันที
“อาจารย์มู่หรงพูดถูกต้อง หมอควรช่วยชีวิตผู้คน เราควรเรียนรู้จากจิตวิญญาณและความอดทนของอาจารย์ คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจ..”
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นายแพทย์คนอื่นรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ทุกคนมาที่นี่เพื่อช่วย กู่ เฉิงหยา ไม่เห็นหรือไงว่าทุกคนต่างพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุด แต่คุณกลับพยายามเลียขาจนขนหน้าแข้งของอาจารย์มู่หรงร่วงหมดแล้ว?
เมื่อฟังคำพูดของเขาแม้แต่การแสดงออกของ กู่ เทียน ก็เปลี่ยนไปอาจารย์มู่หรงรู้สึกละอายมากขึ้นกว่าเดิม
ทางกลับกัน ปาง จือเสีย กับไม่รู้ตัวและไม่ได้ตระหนักถึงคำพูดของตัวเอง ต่อจากนั้นทันทีที่มีคนพูดถึงความคิดของตัวเอง ปาง จือเสีย จะลุกขึ้นและต่อต้านมันทันที คำพูดของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่า
พวกนายมีความสามารถพอๆกับอาจารย์มู่หรงอย่างนั้นหรอ?ขนาดอาจารย์ยังคิดไม่ได้พวกนายก็ไม่ควรที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ?
ดังนั้นทุกคนจึงเงียบอีกครั้ง
พวกเขาจะพูดอะไรได้บ้าง ยิ่งพวกเขาพูดพวกเขาก็จะถูกมองว่าหยาบคายยิ่งขึ้น….
อาจารย์มู่หรงสังเกตว่าไม่มีใครพูดดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนขึ้นและบอกสิ่งที่เขาคิดตลอดเวลาเมื่อเขาพูดจบ ปาง จือเสีย ลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อที่จะพยายามประจบชายชรา
อย่างไรก็ตามมีเสียงตะโกนออกมาจากประตู
“ไม่เป็นไร ผมจะเป็นคนทำเอง!”
————————————–