ตอนที่ 2003 ขอกินข้าวอย่างสงบไม่ได้หรือ (3)
บนชั้นสองของหุนหุนโหลว จะสามารถเห็นหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ใช้อุ้งเท้าอันใหญ่โตของมันถือช้อนคันเล็กปลุกปล้ำกับเนื้อย่างน้ำผึ้งในจานตรงหน้ามัน
พวกจวินอู๋เสียมองเจ้าหมีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือกินอาหารของตน
“ข้าไม่ได้กินอะไรมานานจนเกือบลืมความรู้สึกที่อาหารละลายในปากแล้ว” เฉียวฉู่ปลื้มจนแทบร้องไห้
“ไม่เอาไหนเลย” เฟยเหยียนกลอกตาใส่เฉียวฉู่ แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่มือเขาก็ไม่หยุดนิ่งเลย
จวินอู๋เสียแค่ชิมอาหารอย่างละนิดละหน่อยช้าๆ นางไม่ได้อยากอาหารมากขนาดนั้น และกินเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น ตอนนี้นางกลายเป็นร่างวิญญาณแล้ว ความต้องการนั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป นางจึงไม่ได้แสดงความสนใจในเรื่องนี้มากนัก สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่จงจงอย่างครุ่นคิด
น่าหลานเยว่ที่นั่งอยู่ข้างจงจงก็ไม่ได้ขยับตะเกียบมากนักเช่นกัน สายตาของเขาจ้องมองไปที่จงจงเช่นเดียวกับจวินอู๋เสีย
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนพวกเขาจะพลาดไปจุดหนึ่ง ในฐานะที่เป็นวิญญาณใหม่และวิญญาณสัตว์อสูรที่มาหุนหุนโหลวเป็นครั้งแรก วิธีที่จงจงสั่งอาหารนั่นไม่ดูคุ้นเคยมากไปหน่อยหรือ? มันไม่ได้ดูเมนูด้วยซ้ำก็รู้แล้วว่าตัวเองอยากกินอะไร นั่นมัน……ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
อย่างไรก็ตาม มีเพียงจวินอู๋เสียกับน่าหลานเยว่เท่านั้นที่ตระหนักถึงปัญหานั้น ทั้งสองสบตากันและเห็นความสงสัยแบบเดียวกันในสายตาของอีกฝ่าย
จงจงตักอาหารคำใหญ่เข้าปากอย่างมีความสุข ทันใดนั้นหูที่มีขนปุกปุยของมันก็ตั้งชันขึ้น มันเงยหน้าขึ้นจากอาหารและมองไปทางบันได ก่อนที่พวกเฉียวฉู่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จงจงก็ลุกพรวดและวิ่งสี่ขาไปทางหน้าต่างของชั้นสอง
“เฮ้! เจ้าหมีอ้วน! เจ้าจะทำอะ……” เฉียวฉู่ลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะพูดจบ จงจงก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างชั้นสอง
เฉียวฉู่ตกตะลึง
ออกกำลังกายหลังอาหารแบบนี้ไม่โหดไปหน่อยหรือ?
ในขณะเดียวกันกับที่จงจงกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ก็มีคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนสุดของบันไดชั้นสอง
พวกเขาเป็นวิญญาณมนุษย์ที่สวมชุดแบบเดียวกัน ทุกคนอายุประมาณ 20 – 30 ปี และมีคนคุ้นเคยคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเก็บตัวฝึกอยู่นาน ถึงเวลาที่ท่านควรออกมาเดินเล่นบ้าง วันนี้ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารท่านสักมื้อนะ” เมิ่งอีเหลียงพูดอย่างกระตือรือร้นกับชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 30 ปี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูประจบประแจงเป็นพิเศษ
จวินอู๋เสียพอจะจำชายคนนั้นได้ ตอนที่เมิ่งอีเหลียงพาจวินอู๋เสียไปที่ชั้น 12 ของหอคอยโยวหลิง ชายคนนั้นกำลังฝึกอยู่ที่นั่น
เจียงอวิ๋นหลงขึ้นมาถึงชั้นสองของหุนหุนโหลวภายใต้การกระตุ้นของเมิ่งอีเหลียง พอเขาปรากฏตัว วิญญาณสัตว์อสูรที่อยู่บนชั้นสองก็พากันหันมามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ชั้นสองที่เสียงดังอึกทึกก็เงียบลงทันที
เจียงอวิ๋นหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองวิญญาณสัตว์อสูรที่จ้องมองเขาด้วยสายตาคมกริบ เขากวาดตามองไปรอบๆห้องราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง แต่หลังจากมองหารอบหนึ่งแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการหา ดวงตาของเขาก็ฉายแววสงสัย
“ศิษย์พี่ใหญ่เชิญนั่ง” เมิ่งอีเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงอวิ๋นหลงนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาของเขายังคงกวาดมองไปทั่วทั้งชั้น วิญญาณสัตว์อสูรหลายตัวมีท่าทางเกร็งขึ้น ทุกตัวกำกรงเล็บและจ้องมองเจียงอวิ๋นหลงต่อไป
“อู๋เสีย? เจ้าก็อยู่ที่นี่หรือ?” เมิ่งอีเหลียงมองไปรอบๆและเห็นจวินอู๋เสียอยู่ที่นี่ด้วย เขายิ้มออกมาทันที แต่พอเห็นน่าหลานเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามกับจวินอู๋เสีย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่ออย่างรวดเร็ว