ซย่าโหวฉิงเทียน จิตใจดี…
สาวน้อย หากเจ้าได้รับรู้คำวิจารณ์เกี่ยวกับพี่ชายของเจ้า เมื่อครั้งที่เขาอยู่บนแผ่นดินหลัวอวี่ละก็ เจ้าจะไม่มั่นอกมั่นใจเช่นนี้แน่
อวี้เฟยเยียนคิดอยู่ในใจ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ซย่าโหวฉิงเทียนสามารถมีน้องสาวเช่นนี้ได้ อวี้เฟยเยียนก็ดีใจยิ่งนัก
อย่างน้อยที่สุด ในสายเลือดเดียวกัน ก็ยังมีคนที่คอยเชื่อใจเขา พร้อมจะยืนอยู่ข้างเขาโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนอดทนตั้งใจฟังตนเองแนะนำพี่ชายอย่างตั้งใจ ไม่เหมือนกับที่นางจินตนาการเอาไว้เลยแม้แต่น้อยและฉากที่นางจินตนาการเอาไว้ก็มิได้เกิดขึ้น หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนเป็นคนดียิ่งนัก
คนอื่นเห็นรูปโฉมของพี่ใหญ่เข้า ต่างเห็นเขาเป็นปีศาจ
แม้แต่ในบ้านตระกูลหนานกงเอง ก็มักจะมีคนซุบซิบว่าเขาแปลกประหลาด ลับหลังพี่ใหญ่นางอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อนางได้ยินคำพูดเหล่านั้น หนานกงจื่อหลิงก็จะโกรธเคืองและก้าวออกมาทวงถามความยุติธรรมให้กับพี่ใหญ่นางเสมอ
ก่อนจะจับคู่อวี้เฟยเยียนให้กับพี่ใหญ่นั้น หนานกงจื่อหลิงเองก็สับสนคิดไตร่ตรองอยู่หลายคืน
ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำความรู้จักกัน หนานกงจื่อหลิงรู้สึกชอบอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก
ด้านหนึ่งนางก็อยากจะให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับพี่ใหญ่มาเป็นพี่สะใภ้ของนาง อีกด้านหนึ่งนางก็เกรงว่าหลังจากที่อวี้เฟยเยียนได้เห็นรูปโฉมของพี่ใหญ่ของนางแล้วจะตกใจจนหนีหายไป
ควรจะพูดความจริงกับพี่อวี้หรือไม่ ปัญหานี้ทำให้หนานกงจื่อหลิงคิดไม่ตกอยู่หลายต่อหลายคืน
สุดท้าย นางยังคงตัดสินใจพูดความจริง
ไม่ว่าพี่ใหญ่จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เขาคือพี่ใหญ่ที่นางเคารพที่สุดอยู่ดี!
หากว่าอวี้เฟยเยียนปฏิเสธนางพี่ใหญ่เพราะความหวาดกลัวละก็ หนานกงจื่อหลิงก็พอเข้าใจได้!
แต่จะให้หนานกงจื่อหลิงปิดบังความจริงกับอวี้เฟยเยียน เพียงเพราะเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะถอยห่างจากพี่ใหญ่นางจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะมันไม่จริงใจเอาเสียเลย
นางตั้งใจหาพี่สะใภ้ให้กับพี่ชายด้วยความจริงใจ!
นางเองจึงจะต้องซื่อสัตย์จริงใจเช่นกัน!
จนกระทั่งถึงตอนนี้เมื่อไม่เห็นว่าอวี้เฟยเยียนจะมีท่าทีปฏิเสธหลังจากที่ได้เห็นรูปโฉมพี่ใหญ่ของนาง หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
พี่ใหญ่! ท่านรอได้เลย!
ข้าจะต้องพาพี่อวี้ กลับไปเป็นสะใภ้ของเราให้ได้!
พี่สะใภ้ดีๆ เช่นนี้ นางจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน!
ทว่ายังไม่ทันที่จะรับฟังแผนการและวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของหนานกงจื่อหลิงต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้น ซย่าโหวฉิงเทียนปรากฏตัวต่อหน้าพวกนาง
เมื่อเห็นภาพวาดเหมือนตนเองวางอยู่เต็มโต๊ะ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจในทันที หากเขายังไม่เปิดเผยตัวกับเจ้าน้องสาวจอมโง่นี่อีกละก็ เกรงว่านางจะทำเรื่องที่บ้าคลั่งยิ่งกว่านี้ออกมาเป็นแน่!
เอาแต่เลื่อยขาเก้าอี้พี่ชายอย่างไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อยเช่นนี้ ต่อให้ขาเก้าอี้ของพี่ทำจากเหล็ก ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกหนานกงจื่อหลิงเลื่อยจนหักเป็นแน่!
“เจ้า ออกมากับข้า!” ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าว
“ท่านจะทำอะไร ห้ามทำร้ายผู้หญิงนะ!”
หนานกงจื่อหลิงเห็นใบหน้าเย็นชาดุดันของซย่าโหวฉิงเทียน ก็คิดไปว่าเขาจะใช้กำลังกับอวี้เฟยเยียน จึงรีบเข้ามาขวางหน้าปกป้องอวี้เฟยเยียนเอาไว้
“พี่ใหญ่ของข้าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง!”
ไม่ว่าในเวลาใด นางก็จะยกซย่าโหวฉิงเทียนไปเปรียบกับพี่ใหญ่ของตนเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพี่ใหญ่นางดีกว่าซย่าโหวฉิงเทียนเป็นร้อยเป็นพันเท่า นี่นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของหนานกงจื่อหลิง
พี่ใหญ่เจ้าไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่เขาฆ่าผู้หญิงได้นะสิ…
อีกอย่างตอนนี้ เขาก็กำลังพูดอยู่กับเจ้า!
เมื่อเห็นว่าหนานกงจื่อหลิงยังคงไม่เข้าใจเรื่องราว อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับจนปัญญา
สุดท้าย ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้หิ้วหนานกงจื่อหลิงออกไป
“ไอ้บ้า เจ้าปล่อยมือนะ หากเจ้ากล้ารังแกข้าละก็ พี่ใหญ่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”
ซย่าโหวฉิงเทียนรูปร่างสูงใหญ่มือยาวเท้ายาว ในขณะที่เขาหิ้วหนานกงจื่อหลิงออกไปนั้นจึงดูราวกับกำลังหิ้วตุ๊กตาผ้าก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นว่าหนานกงจื่อหลิงพยายามตะกุยตะกายกำหมัดยื่นมา จะทักทายใบหน้าอันหล่อเหลาของตน ซย่าโหวฉิงเทียนก็จับหมัดน้อยนั้นไว้
“หลิงเอ๋อร์ ข้าเอง!”
หลิงเอ๋อร์ ข้าเอง…
ได้ยินเช่นนั้น หมัดหนานกงจื่อหลิงก็หยุดค้างกลางอากาศ
เสียงนี่มัน เหตุใดถึงได้คล้ายคลึงกับเสียงของพี่ใหญ่นักนะ
“ท่านคือ”
“ออกไปคุยกันข้างนอก…”
เมื่อคนทั้งสองออกไปจนถึงสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลแล้ว เสียงกระดูกเคลื่อนไหวก็ดังขึ้น ไม่นานซย่าโหวฉิงเทียนก็คืนกลับร่างเดิม
ครั้งนี้ กลายเป็นหนานกงจื่อหลิงที่อึ้งเงียบไปทันที
“พี่ใหญ่ ท่านคือพี่ใหญ่!”
“อื้ม” ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้า
“เรื่องที่เจ้าจะบอกข้ารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าวางใจเถอะ! ตี้อู่หงเยี่ยตายไปแล้ว!”
หลายวันมานี้อวี้เฟยเยียนไปที่วังหลวงเพื่อตามหาเยี่ยหงทุกวัน
ซึ่งตี้อู่หงเยี่ยก็มิได้ปรากฏตัว ทำให้หนานกงจื่อหลิงแอบคาดการณ์อย่างลับๆ ว่า จะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นกับท่านป้ารองเป็นแน่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าท่านป้ารองจะตายไปแล้ว
ตายไปได้ก็ดี!
จะได้ไม่มีใครมาหาเรื่องพี่ใหญ่อีก!
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านอยู่ในฐานะซย่าโหวฉิงเทียน หลินเจียงอ๋อง เช่นนั้น ท่านกับพี่อวี้เป็นอะไรกัน”
สมองหนานกงจื่อหลิงแล่นอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาทันที
“หากมิใช่ข้าสนับสนุนพี่อวี้ให้ไปจากท่าน ท่านก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวใช่หรือไม่”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานกงจื่อหลิงเริ่มน้อยอกน้อยใจขึ้นมา
“พี่ใหญ่ท่านเกินไปแล้วนะ! รู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นห่วงท่านแทบตาย ท่านยังทำเป็นหูหนวกตาบอด หากมิใช่ว่าท่านหน้าตาเหมือนพี่ใหญ่ทุกประการละก็ ข้ายังสงสัยว่าท่านถูกสับเปลี่ยนตัวไปเสียแล้ว!”
เห็นน้องสาวคนดีเริ่มจะเอาแต่อารมณ์ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มออกมา
“ชื่อเสียงของข้าที่นี่ไม่สู้ดีนัก”
ความหมายที่พูดนั่นก็คือ พี่ที่ปิดบังเจ้า ก็เพื่อที่จะดำรงไว้ซึ่งภาพพี่ชายที่สูงส่งแสนดีในใจเจ้าเอาไว้!
ได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้น หนานกงจื่อหลิงจึงเลิกเซ้าซี้ปัญหานั้นอีกต่อไป
นางเองก็ได้รับรู้เรื่องราวบนแผ่นดินหลัวอวี่มากมาย ผ่านทางพวกแม่บ้านที่เข้ามาช่วยงานในบ้าน หนึ่งในนั้นเรื่องที่นางสนใจมากที่สุดนั่นก็คือ เรื่องซย่าโหวฉิงเทียนคนผู้นี้
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
เพียงเพื่อต้องการเลื่อยขาเก้าอี้เขาได้สำเร็จ หนานกงจื่อหลิงคิดสรรหาวิธีการมากมายจนหัวแทบจะระเบิด เพื่อตามหาจุดบกพร่องของซย่าโหวฉิงเทียน
ผลก็คือหลังจากที่สืบข่าวมา นางก็ต้องตกใจจนตัวโยน
ซย่าโหวฉิงเทียน หลินเจียงอ๋องแห่งต้าโจว เขาคือผู้ที่ได้ชื่อว่าโหดเ**้ยมไร้มนุษย์ธรรม ซย่าโหวฉิงเทียนนี่นา!
พี่อวี้จิตใจดีอ่อนโยนถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงได้คบหากับบุคคลเช่นนี้ได้!
เมื่อสืบจนได้ผลลัพธ์เช่นนี้ หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจับคู่ให้กับอวี้เฟยเยียนและพี่ใหญ่ของนางให้จงได้
นางจะไม่ยอมทนเห็นพี่อวี้กระโดดเข้ากองไฟไปต่อหน้าต่อตาเป็นแน่!
แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ ความจริงกระจ่างชัด พี่ใหญ่ก็คือซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาหนานกงจื่อหลิงเกิดอาการจุกอกขึ้นมาทันที
พี่ชาย จิตใจอันดีงามของท่านหายไปไหนกัน
เหตุไฉนเมื่อมาที่แผ่นดินหลัวอวี่ ท่านก็กลับกลายเป็นผู้ที่เข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกที่เขาเล่าลือกันไปเสียแล้ว
เสียแรงที่ข้าเที่ยวไปคุยโม้ต่อหน้าพี่อวี้ว่าท่านเป็นคนดีนักหนา…
เมื่อนึกถึงคำที่เหล่าแม่บ้านที่พูดกันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตอันโหดเ**้ยมของซย่าโหวฉิงเทียนที่ผ่านมา ทำให้หนานกงจื่อหลิงเกิดความรู้สึก ‘ท่านไม่ใช่พี่ชาย’ ของข้าขึ้นมาฉับพลัน
แต่ว่า เพียงไม่นานหนานกงจื่อหลิงก็กลับได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
พี่ใหญ่จะต้องเจอกับเรื่องราวมากมายเป็นแน่ ถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้!
นางจะไม่โทษเขา!
“พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไร ท่านก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของข้า!”
หนานกงจื่อหลิงเงยหน้าขึ้น สีหน้าขี้เล่นดื้อรั้นดังเดิม
“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าพี่อวี้คือพี่สะใภ้ของข้า ข้าก็คงไม่ต้องลำบากเช่นนี้! พี่ใหญ่ เห็นแก่ความพยายามของข้า ท่านจะต้องแต่งพี่อวี้เข้าบ้านให้จงได้ ตอนนี้ข้าขาดพี่อวี้ไม่ได้แล้ว!”
คำพูดของหนานกงจื่อหลิง ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับเลิกคิ้วขึ้น
อะไรกันที่เรียกว่านางขาดอวี้เฟยเยียนไม่ได้
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าคอยเอาอกเอาใจแมวน้อยเพื่อให้แมวน้อยทำของอร่อยให้เจ้ากิน…
สตรีของตนถูกเรียกขานด้วยความคิดถึงคะนึงหาต่อหน้าต่อตา ต่อให้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของตนก็ตาม แต่ในใจซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังเกิดอาการหึงหวงเล็กๆ ขึ้นมา
สองสามวันมานี้ หนานกงจื่อหลิงก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีเกาะติดอวี้เฟยเยียนไม่ห่าง จนเขาและอวี้เฟยเยียนไม่มีเวลาแสดงความรักต่อกันเลย
เห็นที ต้องหาโอกาสส่งนางกลับเมืองอู๋โยวเสียแล้ว!