ตอนที่ 101-2 ซย่าโหวฉิงเทียน ฝึกร่วม มิใช่แบบนั้น

จำนนรักชายาตัวร้าย

ซย่าโหวฉิงเทียน จิตใจดี…

 

 

สาวน้อย หากเจ้าได้รับรู้คำวิจารณ์เกี่ยวกับพี่ชายของเจ้า เมื่อครั้งที่เขาอยู่บนแผ่นดินหลัวอวี่ละก็ เจ้าจะไม่มั่นอกมั่นใจเช่นนี้แน่

 

 

อวี้เฟยเยียนคิดอยู่ในใจ

 

 

แต่ไม่ว่าอย่างไร ซย่าโหวฉิงเทียนสามารถมีน้องสาวเช่นนี้ได้ อวี้เฟยเยียนก็ดีใจยิ่งนัก

 

 

อย่างน้อยที่สุด ในสายเลือดเดียวกัน ก็ยังมีคนที่คอยเชื่อใจเขา พร้อมจะยืนอยู่ข้างเขาโดยไม่ลังเล

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนอดทนตั้งใจฟังตนเองแนะนำพี่ชายอย่างตั้งใจ ไม่เหมือนกับที่นางจินตนาการเอาไว้เลยแม้แต่น้อยและฉากที่นางจินตนาการเอาไว้ก็มิได้เกิดขึ้น หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนเป็นคนดียิ่งนัก

 

 

คนอื่นเห็นรูปโฉมของพี่ใหญ่เข้า ต่างเห็นเขาเป็นปีศาจ

 

 

แม้แต่ในบ้านตระกูลหนานกงเอง ก็มักจะมีคนซุบซิบว่าเขาแปลกประหลาด ลับหลังพี่ใหญ่นางอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อนางได้ยินคำพูดเหล่านั้น หนานกงจื่อหลิงก็จะโกรธเคืองและก้าวออกมาทวงถามความยุติธรรมให้กับพี่ใหญ่นางเสมอ

 

 

ก่อนจะจับคู่อวี้เฟยเยียนให้กับพี่ใหญ่นั้น หนานกงจื่อหลิงเองก็สับสนคิดไตร่ตรองอยู่หลายคืน

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำความรู้จักกัน หนานกงจื่อหลิงรู้สึกชอบอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก

 

 

ด้านหนึ่งนางก็อยากจะให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับพี่ใหญ่มาเป็นพี่สะใภ้ของนาง อีกด้านหนึ่งนางก็เกรงว่าหลังจากที่อวี้เฟยเยียนได้เห็นรูปโฉมของพี่ใหญ่ของนางแล้วจะตกใจจนหนีหายไป

 

 

ควรจะพูดความจริงกับพี่อวี้หรือไม่ ปัญหานี้ทำให้หนานกงจื่อหลิงคิดไม่ตกอยู่หลายต่อหลายคืน

 

 

สุดท้าย นางยังคงตัดสินใจพูดความจริง

 

 

ไม่ว่าพี่ใหญ่จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เขาคือพี่ใหญ่ที่นางเคารพที่สุดอยู่ดี!

 

 

หากว่าอวี้เฟยเยียนปฏิเสธนางพี่ใหญ่เพราะความหวาดกลัวละก็ หนานกงจื่อหลิงก็พอเข้าใจได้!

 

 

แต่จะให้หนานกงจื่อหลิงปิดบังความจริงกับอวี้เฟยเยียน เพียงเพราะเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะถอยห่างจากพี่ใหญ่นางจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะมันไม่จริงใจเอาเสียเลย

 

 

นางตั้งใจหาพี่สะใภ้ให้กับพี่ชายด้วยความจริงใจ!

 

 

นางเองจึงจะต้องซื่อสัตย์จริงใจเช่นกัน!

 

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้เมื่อไม่เห็นว่าอวี้เฟยเยียนจะมีท่าทีปฏิเสธหลังจากที่ได้เห็นรูปโฉมพี่ใหญ่ของนาง หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

 

พี่ใหญ่! ท่านรอได้เลย!

 

 

ข้าจะต้องพาพี่อวี้ กลับไปเป็นสะใภ้ของเราให้ได้!

 

 

พี่สะใภ้ดีๆ เช่นนี้ นางจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน!

 

 

ทว่ายังไม่ทันที่จะรับฟังแผนการและวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของหนานกงจื่อหลิงต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้น ซย่าโหวฉิงเทียนปรากฏตัวต่อหน้าพวกนาง

 

 

เมื่อเห็นภาพวาดเหมือนตนเองวางอยู่เต็มโต๊ะ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจในทันที หากเขายังไม่เปิดเผยตัวกับเจ้าน้องสาวจอมโง่นี่อีกละก็ เกรงว่านางจะทำเรื่องที่บ้าคลั่งยิ่งกว่านี้ออกมาเป็นแน่!

 

 

เอาแต่เลื่อยขาเก้าอี้พี่ชายอย่างไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อยเช่นนี้ ต่อให้ขาเก้าอี้ของพี่ทำจากเหล็ก ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกหนานกงจื่อหลิงเลื่อยจนหักเป็นแน่!

 

 

“เจ้า ออกมากับข้า!” ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าว

 

 

“ท่านจะทำอะไร ห้ามทำร้ายผู้หญิงนะ!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงเห็นใบหน้าเย็นชาดุดันของซย่าโหวฉิงเทียน ก็คิดไปว่าเขาจะใช้กำลังกับอวี้เฟยเยียน จึงรีบเข้ามาขวางหน้าปกป้องอวี้เฟยเยียนเอาไว้

 

 

“พี่ใหญ่ของข้าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง!”

 

 

ไม่ว่าในเวลาใด นางก็จะยกซย่าโหวฉิงเทียนไปเปรียบกับพี่ใหญ่ของตนเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพี่ใหญ่นางดีกว่าซย่าโหวฉิงเทียนเป็นร้อยเป็นพันเท่า นี่นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของหนานกงจื่อหลิง

 

 

พี่ใหญ่เจ้าไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่เขาฆ่าผู้หญิงได้นะสิ…

 

 

อีกอย่างตอนนี้ เขาก็กำลังพูดอยู่กับเจ้า!

 

 

เมื่อเห็นว่าหนานกงจื่อหลิงยังคงไม่เข้าใจเรื่องราว อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับจนปัญญา

 

 

สุดท้าย ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้หิ้วหนานกงจื่อหลิงออกไป

 

 

“ไอ้บ้า เจ้าปล่อยมือนะ หากเจ้ากล้ารังแกข้าละก็ พี่ใหญ่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนรูปร่างสูงใหญ่มือยาวเท้ายาว ในขณะที่เขาหิ้วหนานกงจื่อหลิงออกไปนั้นจึงดูราวกับกำลังหิ้วตุ๊กตาผ้าก็ไม่ปาน

 

 

เมื่อเห็นว่าหนานกงจื่อหลิงพยายามตะกุยตะกายกำหมัดยื่นมา จะทักทายใบหน้าอันหล่อเหลาของตน ซย่าโหวฉิงเทียนก็จับหมัดน้อยนั้นไว้

 

 

“หลิงเอ๋อร์ ข้าเอง!”

 

 

หลิงเอ๋อร์ ข้าเอง…

 

 

ได้ยินเช่นนั้น หมัดหนานกงจื่อหลิงก็หยุดค้างกลางอากาศ

 

 

เสียงนี่มัน เหตุใดถึงได้คล้ายคลึงกับเสียงของพี่ใหญ่นักนะ

 

 

“ท่านคือ”

 

 

“ออกไปคุยกันข้างนอก…”

 

 

เมื่อคนทั้งสองออกไปจนถึงสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลแล้ว เสียงกระดูกเคลื่อนไหวก็ดังขึ้น ไม่นานซย่าโหวฉิงเทียนก็คืนกลับร่างเดิม

 

 

ครั้งนี้ กลายเป็นหนานกงจื่อหลิงที่อึ้งเงียบไปทันที

 

 

“พี่ใหญ่ ท่านคือพี่ใหญ่!”

 

 

“อื้ม” ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้า

 

 

“เรื่องที่เจ้าจะบอกข้ารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าวางใจเถอะ! ตี้อู่หงเยี่ยตายไปแล้ว!”

 

 

หลายวันมานี้อวี้เฟยเยียนไปที่วังหลวงเพื่อตามหาเยี่ยหงทุกวัน

 

 

ซึ่งตี้อู่หงเยี่ยก็มิได้ปรากฏตัว ทำให้หนานกงจื่อหลิงแอบคาดการณ์อย่างลับๆ ว่า จะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นกับท่านป้ารองเป็นแน่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าท่านป้ารองจะตายไปแล้ว

 

 

ตายไปได้ก็ดี!

 

 

จะได้ไม่มีใครมาหาเรื่องพี่ใหญ่อีก!

 

 

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านอยู่ในฐานะซย่าโหวฉิงเทียน หลินเจียงอ๋อง เช่นนั้น ท่านกับพี่อวี้เป็นอะไรกัน”

 

 

สมองหนานกงจื่อหลิงแล่นอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาทันที

 

 

“หากมิใช่ข้าสนับสนุนพี่อวี้ให้ไปจากท่าน ท่านก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวใช่หรือไม่”

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานกงจื่อหลิงเริ่มน้อยอกน้อยใจขึ้นมา

 

 

“พี่ใหญ่ท่านเกินไปแล้วนะ! รู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นห่วงท่านแทบตาย ท่านยังทำเป็นหูหนวกตาบอด หากมิใช่ว่าท่านหน้าตาเหมือนพี่ใหญ่ทุกประการละก็ ข้ายังสงสัยว่าท่านถูกสับเปลี่ยนตัวไปเสียแล้ว!”

 

 

เห็นน้องสาวคนดีเริ่มจะเอาแต่อารมณ์ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มออกมา

 

 

“ชื่อเสียงของข้าที่นี่ไม่สู้ดีนัก”

 

 

ความหมายที่พูดนั่นก็คือ พี่ที่ปิดบังเจ้า ก็เพื่อที่จะดำรงไว้ซึ่งภาพพี่ชายที่สูงส่งแสนดีในใจเจ้าเอาไว้!

 

 

ได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้น หนานกงจื่อหลิงจึงเลิกเซ้าซี้ปัญหานั้นอีกต่อไป

 

 

นางเองก็ได้รับรู้เรื่องราวบนแผ่นดินหลัวอวี่มากมาย ผ่านทางพวกแม่บ้านที่เข้ามาช่วยงานในบ้าน หนึ่งในนั้นเรื่องที่นางสนใจมากที่สุดนั่นก็คือ เรื่องซย่าโหวฉิงเทียนคนผู้นี้

 

 

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

 

 

เพียงเพื่อต้องการเลื่อยขาเก้าอี้เขาได้สำเร็จ หนานกงจื่อหลิงคิดสรรหาวิธีการมากมายจนหัวแทบจะระเบิด เพื่อตามหาจุดบกพร่องของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ผลก็คือหลังจากที่สืบข่าวมา นางก็ต้องตกใจจนตัวโยน

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียน หลินเจียงอ๋องแห่งต้าโจว เขาคือผู้ที่ได้ชื่อว่าโหดเ**้ยมไร้มนุษย์ธรรม ซย่าโหวฉิงเทียนนี่นา!

 

 

พี่อวี้จิตใจดีอ่อนโยนถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงได้คบหากับบุคคลเช่นนี้ได้!

 

 

เมื่อสืบจนได้ผลลัพธ์เช่นนี้ หนานกงจื่อหลิงก็ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจับคู่ให้กับอวี้เฟยเยียนและพี่ใหญ่ของนางให้จงได้

 

 

นางจะไม่ยอมทนเห็นพี่อวี้กระโดดเข้ากองไฟไปต่อหน้าต่อตาเป็นแน่!

 

 

แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ ความจริงกระจ่างชัด พี่ใหญ่ก็คือซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาหนานกงจื่อหลิงเกิดอาการจุกอกขึ้นมาทันที

 

 

พี่ชาย จิตใจอันดีงามของท่านหายไปไหนกัน

 

 

เหตุไฉนเมื่อมาที่แผ่นดินหลัวอวี่ ท่านก็กลับกลายเป็นผู้ที่เข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกที่เขาเล่าลือกันไปเสียแล้ว

 

 

เสียแรงที่ข้าเที่ยวไปคุยโม้ต่อหน้าพี่อวี้ว่าท่านเป็นคนดีนักหนา…

 

 

เมื่อนึกถึงคำที่เหล่าแม่บ้านที่พูดกันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตอันโหดเ**้ยมของซย่าโหวฉิงเทียนที่ผ่านมา ทำให้หนานกงจื่อหลิงเกิดความรู้สึก ‘ท่านไม่ใช่พี่ชาย’ ของข้าขึ้นมาฉับพลัน

 

 

แต่ว่า เพียงไม่นานหนานกงจื่อหลิงก็กลับได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง

 

 

พี่ใหญ่จะต้องเจอกับเรื่องราวมากมายเป็นแน่ ถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้!

 

 

นางจะไม่โทษเขา!

 

 

“พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไร ท่านก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของข้า!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงเงยหน้าขึ้น สีหน้าขี้เล่นดื้อรั้นดังเดิม

 

 

“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าพี่อวี้คือพี่สะใภ้ของข้า ข้าก็คงไม่ต้องลำบากเช่นนี้! พี่ใหญ่ เห็นแก่ความพยายามของข้า ท่านจะต้องแต่งพี่อวี้เข้าบ้านให้จงได้ ตอนนี้ข้าขาดพี่อวี้ไม่ได้แล้ว!”

 

 

คำพูดของหนานกงจื่อหลิง ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับเลิกคิ้วขึ้น

 

 

อะไรกันที่เรียกว่านางขาดอวี้เฟยเยียนไม่ได้

 

 

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าคอยเอาอกเอาใจแมวน้อยเพื่อให้แมวน้อยทำของอร่อยให้เจ้ากิน…

 

 

สตรีของตนถูกเรียกขานด้วยความคิดถึงคะนึงหาต่อหน้าต่อตา ต่อให้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของตนก็ตาม  แต่ในใจซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังเกิดอาการหึงหวงเล็กๆ ขึ้นมา

 

 

สองสามวันมานี้ หนานกงจื่อหลิงก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีเกาะติดอวี้เฟยเยียนไม่ห่าง จนเขาและอวี้เฟยเยียนไม่มีเวลาแสดงความรักต่อกันเลย

 

 

เห็นที ต้องหาโอกาสส่งนางกลับเมืองอู๋โยวเสียแล้ว!