รอจนกระทั่งพี่น้องสองคนเดินกลับมา อวี้เฟยเยียนสังเกตเห็นสีหน้าขัดเขินของหนานกงจื่อหลิง ก็รู้ได้ในทันทีว่าปัญหาถูกแก้ไขไปหมดแล้ว
“อาซ้อ ท่านนี่ร้ายจริงๆ”
หนานกงจื่อหลิงพุ่งตรงเข้าหาหาอวี้เฟยเยียนที่กำลังทำหน้าล้อเลียนนางอยู่ หลังจากนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วขอตัวกลับห้องของตัวเอง
เพื่อเปิดโอกาสให้ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนมีเวลาอยู่ด้วยกัน
“เปิดเผยตัวแล้ว”
“หากไม่ยอมเปิดเผยตัวกับนางอีก เกรงว่านางก็จะยึดเอาเจ้าไปครอบครองไว้เพียงผู้เดียวน่ะสิ!”
กล่าวจบซย่าโหวฉิงเทียนก็อุ้มอวี้เฟยเยียนที่หลับตาลงกลับห้อง เพื่อดื่มด่ำความสุขที่คนทั้งสองได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน
ในทุกวันช่วงเช้าอวี้เฟยเยียนจะต้องเข้าไปหาเรื่องในวัง ช่วงบ่ายกลับมาดูแลเชียนเยี่ยเสวี่ย ตกกลางคืนยังต้องดูแลหนานกงจื่อหลิง บางทียังต้องถกปัญหาวิชาแพทย์กับตี้อู่เฮ่ออี จนซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกว่าตนเองถูกละเลยไปโดยปริยาย
“แมวน้อย พี่คิดถึงเจ้า…”
อากัปกิริยาออดอ้อนออเซาะของซย่าโหวฉิงเทียน เรียกรอยยิ้มน้อยๆ จากอวี้เฟยเยียน
ยิ่งได้ทำความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกันนานเท่าไหร่ หัวใจทั้งสองคนก็ยิ่งผูกพันกันมากเท่านั้น ซย่าโหวฉิงเทียนทลายกำแพงที่เขาสร้างขึ้นมาลงได้ จึงทำให้ใบหน้าเขาแสดงสีหน้าได้มากยิ่งขึ้น
ซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้ กำลังอยู่ในร่างคนหนุ่มขี้อ้อน ไม่มีเค้าหลินเจียงอ๋องในตำนานเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ข้าก็อยู่ที่นี่ทุกวันไม่ใช่หรือ”
อวี้เฟยเยียนหยอกเย้า
“มันไม่เหมือนกัน!” ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวแทรกขึ้นต่อด้วยท่าทีน้อยอกน้อยใจว่า
“เจ้ายุ่งเพราะเรื่องผู้อื่นทุกวัน จนไม่มีเวลาให้พี่! พี่อยากจะเอาคนพวกนั้นไปโยนทิ้งดวงจันทร์เสีย! เช่นนี้พี่จะได้ครอบครองเจ้าแต่เพียงผู้เดียว!”
แต่มีสิ่งหนึ่งที่อดพูดไม่ได้นั่นก็คือ ชายหนุ่มรูปงามที่ดีพร้อมทุกอย่าง ต่อให้ออกอาการหึงหวง หน้านิ่วคิ้วขมวด ก็ยังสามารถทำให้ผู้คนหัวใจสั่นสะท้านได้
อยากกลืนกิน…
จู่ๆ ของอวี้เฟยเยียนก็รู้สึกราวกับในใจมีไฟสุมอยู่
นับๆ ดูแล้วหากนางอยู่ที่ประเทศจีนในยุคปัจจุบันละก็นางก็จะมีอายุยี่สิบเจ็ดปี หากพูดให้ถูกต้องละก็นางต่างหากจึงนับเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนตัวจริง!
ทำอย่างไรดี!
นางอยากจะโผเข้าหาเขาผลักเขาให้ล้มลง!
มองดูใบหน้ารูปงามของชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจอวี้เฟยเยียนก็เต้นระรัว
หากเป็นที่ประเทศจีนละก็ หนุ่มวัยละอ่อนที่หล่อเหลาเพียงนี้ จะต้องเอาขึ้นเขียงแล่เนื้อลองลิ้มชิมรสก่อนแล้วค่อยว่ากัน
และถึงแม้ว่าแท้ที่จริงแล้วนางจะอยู่ในช่วงวัยหญิงสาวที่ควรจะมีค่ำคืนแรกแล้วก็ตาม แต่คืนแรกยังไม่เคยเกิดขึ้น นั่นก็เพราะนางยังไม่เจอคนที่ทำให้นางหัวใจของนางหวั่นไหวเลยนี่นา!
ตอนนี้ ยากนักที่จะมีเจ้าชายผ่านมาสักคน นางกลับกลายเป็นเด็กน้อยไปเสียได้ โชคไม่เข้าข้างเอาเสียเลย
แววตาอวี้เฟยเยียนฉายแววสับสน
ความรู้สึกที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ มันช่างทรมานเสียเหลือเกิน!
“ฉิงเทียน…”
ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด ความรู้สึกที่ต้องข่มใจเอาไว้ทำให้ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์ที่จะบอกกล่าวความจริงกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
น่าอนาถยิ่งนักว่าหรือไม่เล่า!
สุดท้ายอวี้เฟยเยียนก็เอี้ยวตัวเข้าหาอ้อมอกของซย่าโหวฉิงเทียน นางอู้อี้ในลำคอว่า
“คืนนี้ ท่านนอนเป็นเพื่อนข้าเถอะนะ!”
ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องมีอะไรเกิดขึ้น คนทั้งสองเพียงนอนร่วมเตียงกัน ให้นางได้ซุกกายนอนหลับอย่างสบายใจในอ้อมกอดของเขา เพียงเท่านี้ไม่น่ามีปัญหาอะไรกระมัง!
พอดีจะได้สัมผัสแผงอกช็อกโกแลตของซย่าโหวฉิงเทียนไปด้วย!
นางอยากทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว!
การเชื้อเชิญของอวี้เฟยเยียน ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับแก้มแดง
เมื่อครู่เขาแค่บ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะคิดว่าแมวน้อยมีเวลาให้กับตนเองน้อยเกินไป แต่นางกลับตอบรับถึงเพียงนี้ ทำให้อาการรู้สึกผิดในใจของเขามัน…
เห็นที แมวน้อยจะไร้เดียงสาและใสซื่อบริสุทธิ์เกินไปจริงๆ!
มิฉะนั้นคงไม่ใช้วิธีเช่นนี้มาชดเชยเขา เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของเขาเป็นแน่!
คำพูดเมื่อครู่ของเขาก็ออกจะเกินความจริงไปบ้าง ตอนนี้กลับได้รับผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ นับเป็นการหลอกลวงแมวน้อยหรือไม่นะ
ซย่าโหวฉิงเทียนไหนเลยจะรู้ อวี้เฟยเยียนสาวน้อยจอมหื่นคนนี้หาโอกาสที่จะได้เชยชมแผงอกสมบูรณ์แบบของเขามาตั้งนานแล้ว นางหาใช่แม่นางน้อยที่แสนไร้เดียงสาเสียเมื่อไหร่!
แม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะรู้สึกว่าโกหกอวี้เฟยเยียนเช่นนี้เป็นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่โอกาสเช่นนี้ช่างหายากยิ่งนัก
ดังนั้น เขาจึงรับปากนางไป
หลังจากทั้งสองคนอาบน้ำทำกิจวัตรประจำวันแล้วเสร็จ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หันหลังให้อวี้เฟยเยียนแล้วถอดเสื้อชิ้นบนออก เผยให้เห็นแผ่นหลังกำยำซึ่งมีลายกล้ามเนื้อที่สวยงามออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สำรวจร่างกายซย่าโหวฉิงเทียน ภายใต้แสงไฟ
อีกครั้งที่อวี้เฟยเยียนถูกภาพงดงามเบื้องหน้าดึงดูดให้ตกตะลึงอีกครั้ง!
กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่ขาวราวกับหยกใส ไร้ซึ่งร่องรอยจุดด่างดำใดๆ ไหล่กว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ลายกล้ามเนื้อที่สวยงามชัดเจน ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะนึกโลมาที่แหวกว่ายเล่นน้ำท่ามกลางสายธารอย่างอิสรเสรี เอวใหญ่ที่บึกบึน มองดูแล้วเต็มไปด้วยพละกำลัง…
“ช้าก่อน!”
อวี้เฟยเยียนเอามือกุมที่จมูกตน นางรีบเอียงหน้าเข้าไปหากะละมังน้ำ แล้ววักน้ำเย็นรดที่หน้าผากตน
ไม่ได้!
พลังในการต้านทานย่ำแย่เหลือเกิน!
นางเห็นเพียงแค่แผ่นหลังก็ทนแทบไม่ไหวแล้ว!
เห็นทีว่าไฟที่ร้อนรุ่มภายอยู่ในหนักหน่วงยิ่งนัก พรุ่งนี้จะต้องจัดยาระบายความร้อนให้กับตัวเองเสียหน่อย!
อวี้เฟยเยียนคิดอยู่ในใจ
เห็นอวี้เฟยเยียนแสดงอาการลำบากใจออกมาอีกครั้ง ซย่าโหวฉิงเทียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเสียเต็มประดา เขาก้าวออกมาด้านหน้าแล้วยื่นมือออกมารั้งเอวนาง
“แมวน้อย เจ้าช่างน่ารักจริงๆ!”
ลมหายใจอุ่นร้อนวนเวียนอยู่ที่ริมใบหูอวี้เฟยเยียน ทันใดนั้นขนบางๆ บริเวณใบหูเล็กของนางก็ตั้งตรงขึ้นมา
อย่าบังคับข้า!
อวี้เฟยเยียนทั้งกังวลใจทั้งเขินอาย
เดิมอวี้เฟยเยียนคิดจะชื่นชมความงามภายใต้แสงไฟ พร้อมกับกระทำอะไรบางอย่างที่แสนหวานชื่นที่ดีต่อทั้งกายและใจ ใครจะคาดคิดว่านางอ่อนหัดยิ่งนัก! แรงต้านทานของนางช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียจริง!
“ท่านต้องเป็นดาวโชคร้ายของข้าอย่างแน่นอน!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวลอดไรฟัน
มีชายรูปงามอยู่ตรงหน้า แต่ไร้วาสนาได้เชยชม ทรมานใจยิ่งนัก!
ดวงหน้าชมพูระเรื่อของอวี้เฟยเยียน กำลังโกรธเกรี้ยวเคี้ยวฟัน แก้มสีชมพูตุ่ยๆ กลมบ๊อกทั้งสองข้าง ราวกับปลาที่กำลังเป่าฟองอากาศออกมา ช่างน่ารักอย่างที่สุด!
ซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าลงกลั้นยิ้มเอาไว้ หอมแก้มพร้อมกับลูบไล้เส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา
“ไปเถอะ ไปนอนเถอะ!”
“ไม่เอา…”
อวี้เฟยเยียนเสหน้าหันไปอีกด้าน ไม่เหลือบไปมองกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่เป็นแผงสวยงามนั่นอีก
“เอ่อ ท่านกลับไปนอนที่ห้องตัวเองเถอะ หากท่านยังอยู่ที่นี่ ข้าจะต้องเสียเลือดมากจนตายแน่ๆ!”
อวี้เฟยเยียนชี้ที่จมูกของตนเองด้วยความเขินอาย
เหตุใดจะต้องจบลงด้วยการเลือดกำเดาทุกครั้งไปด้วยนะ!
เห็นทีการปรุงยาระงับอารมณ์จะเป็นเรื่องเร่งด่วนเสียแล้ว!
ไม่เอา!
นับตั้งแต่ที่มีโอกาสได้สัมผัสอวี้เฟยเยียนอย่างแนบชิดเมื่อครั้งที่อยู่ที่หอราชาโอสถคราวที่แล้ว ภายหลังเขาก็ไม่เคยได้มีโอกาสเช่นนั้นอีกเลย แล้วครั้งนี้ซย่าโหวฉิงเทียนจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้อย่างไร
มองดูจมูกอวี้เฟยเยียนแล้วเมื่อเห็นว่าไม่เป็นไร ซย่าโหวฉิงเทียนก็อุ้มนางขึ้น แล้วคนทั้งสองก็นอนลงบนเตียง
ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็จะทำตัวเป็นอันธพาลเกาะติดนางเอาไว้ให้แน่นหนาทีเดียว!
สงบใจ!
สงบใจ!
อวี้เฟยเยียนภาวนาอยู่ในใจ ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนก็วาดแขนออกมาดึงรั้งนางเข้าไปในอ้อมกอด
“นอนเถอะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนจุมพิตที่หน้าผากของอวี้เฟยเยียนอย่างแสนรัก
เมื่อครู่เขาอุ้มอวี้เฟยเยียนขึ้น ตัวนางเล็กเพียงนิดเดียวทั้งยังบอบบางนุ่มนิ่ม ซบลงที่อกเขาอย่างโหยหาที่พึ่งพิง ซึ่งมันสวยงามอย่างที่สุดในสายตาซย่าโหวฉิงเทียน
“ข้านอนไม่หลับ…”