เดิมทีจวินโม่เซี่ยคนเก่าจักใช้วิธีการเดียวกับถังหยวนหากเขาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
จวินโม่เซี่ยในตอนนี้ และก่อนหน้านี้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จวินโม่เซี่ยเคยมีจิตวิญญาณอันชั่วร้าย และ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนกที่อิสระ แต่เขามิได้ถูกสร้างมาให้มัวเมาในเรื่องโลกีย์ดั่งเช่นถังหยวนและจวินโม่เซี่ยคนเก่า จวินโม่เซี่ยพึ่งพาตัวเองเสมอ ความจริง เขาจักไม่เตือนพวกตำรวจหากเขาได้พบกับอาชญากรที่รายกาจ เขาจักปฏิบัติต่อความชั่วร้ายในฐานะศัตรูของเขาและทวงคืนความยุติธรรมด้วยตัวเอง
จวินโม่เซี่ยคนก่อนนั้นจักมีกิจวัตรที่กดขี่ผู้อื่นโดยใช้อำนาจของเขา เขาจักใช้มันเพื่อกดขี่ผู้คนให้ต่ำลง ทั้งสองคนนี้มีนิสัยที่แตกต่างกัน เช่นนั้น พวกเขาจักผสมผสานกันได้ง่ายๆได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตาม เสียงสวรรค์ของถังหยวนก็มาถึงได้ทันเวลาเพื่อช่วยจวินโม่เซี่ยจัดการเรื่องเร่งด่วน เวลาเป็นสิ่งสำคัญ และจวินโม่เซี่ยเป็นเพียงมือใหม่ในการปรุ่งยา ความจริง เขามิเคยฝึกฝนแม้แต่วิชาพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังมีการขาดแคลนส่วนผสมอยู่เสมอ แต่ เจ้าอ้วนถังได้ช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ของคุณชายน้อยจวินได้ และ จวินโม่เซี่ยจักไม่กล่าวโทษเขาแม้นวิธีการที่เขาใช้นั้นจักเลวทรามยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ชดเชยแต่การเสียขวัญของเหล่านายห้างด้วยเงินจำนวนมากมาย เช่นนั้น นั้นคือการชดเชยในสิ่งที่สุญเสีย
นี่เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับพวกเขา กระนั้น โลกนี้มีความยุติธรรมที่แท้จริงหรือไม่ ? คุณชายน้อยผู้นี้ได้ก้าวข้ามผ่านมายังโลกนี้ พวกเขาทำอย่างนั้นได้หรือ นั้นก็มิใช่ความยุติธรรมเช่นกัน …
โลกมิได้ตั้งอยู่อย่างสมดุลบนความยุติธรรมและความถูกต้อง เช่นนั้น อันไรคือสิ่งที่ต้องเข้าใจในความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ?
” อย่างไรก็ตาม มิใช่เรื่องสำคัญว่าจักยุติธรรมหรือไม่ ข้าจักปรุงยาในคืนนี้ !
สิ่งนี้สำคัญที่สุด
และจวินโม่เซี่ยมองออกไป
เมื่อข้ากลั่นส่วนผสมเหล่านี้แล้ว ผลจักเป็นเช่นไร ?
จากนั้น เสียงคำรามดั่งมังกรก้องสะท้อนขึ้น ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ยปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือจวนสกุลจวิน ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ขณะเอ่ยขึ้น
” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เหตุใดเจ้าไม่ออกไปเมื่อคนจาก นครพายุหิมะสีเงินล้มตาย ? เจ้าจักผลัดวันประกันพรุ่งไปอีกสักเพียงใด ? เจ้ามิหวาดกลัวการก่อกบฏของเหล่าสัตว์เชวียน ? “
ดวงตาที่ถี่ถ้วยนั้นมองเห็นได้ว่า ผิวพรรณของปรมาจารย์เลือดเย็นนั้นมิสู้ดีนัก ดวงตาของเขาแดงด่ำ และอาการของเขามิค่อยจะดี ผู้ที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนั้น จะต้องภูมิใจยิ่งนัก
” ข้าจักไป หากต้องการ และ มิไปหากมิต้องการ เช่นนั้น ข้าจักไปต่อเมื่อเขารู้สึกอยากไป เจ้ามีอันใดหรือไม่ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตอบกลับด้วยอารมมิได้นัก
เหยี่ยมผู้โดดเดี่ยวกำลังหดหู่
การอัญเชิญอันไร้สาระมาในช่วงเวลาสำคัญ เจ้ามิรอคอยให้ข้าสำเร็จเคล็ดวิชา เก้ากรงเล็บเหยี่ยวอสูรก่อนหรือ ? เมื่อใดกันที่ข้าจักสามารถกลับมาฝึกฝนอย่างเงียบสงบได้ หากข้าไปยังเถียรฟาในตอนนี้ … เมื่อใดกันที่ข้าจักได้มีโอกาสเช่นนี้ ? นอกจากนั้น ข้าอาจจะพลาดตัวยาด้วยเช่นกัน !
เล้ยวูเบ้ยคำส่งเสียงทางจมูกเยือกเย็น
” มันสำคัญที่ต้องไป ทั้งเจ้าและข้าอยู่ใน นครเทียนเชียง เหยี่ยวเฒ่า ข้ารู้ว่าพวกเรามีความแค้นต่อกัน แต่ เมื่อมีการอัญเชิญสูงสุดมาถึง พวกเราต้องวางทุกอย่างลง เจ้าคือหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ เจ้าควรจะรู้ว่าผลของการปฏิเสธ การอัญเชิญสูงสุดจะเป็นเช่นไร อาวุโสผู้นี้ประสงค์จะเดินทางไปกับเจ้า แต่ ข้ามิรู้ได้เลยว่าเจ้าอกตัญญูเช่นนี้ ”
ไม่เพียงแต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว … จวินโม่เซี่ยเองก็ตกใจในวาจาของ เล้ยวูเบ้ย
ปรมาจารย์เลือดเย็นต้องการเดินทางไปพร้อมกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ? เป็นส่ิงที่แปลกประหลาดยิ่งนัก !
ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เล้ยวูเบ้ยเป็นบ้าไปแล้ว ในขณะค้นหาศัตรูของ ฉือฉีฮั่น เข้าประสงค์จักหาผู้ที่สามารถสังหารเขาได้ เขาเคร่งเครียดตลอดวัน และและเฝ้าระวังศัตรูในจินตนาการของเขา เนื่องจากเขาเชื่อว่ามือสังหารอันดับหนึ่งสามารถทำการโจมตีอย่างร้ายแรงได้จากภายในเงามืด ในที่สุด ร่างของเล้ยวูเบ้ยเริ่มเหน็ดเหนื่อย และความคิดของเขาเริ่มหมดสิ้น ความจริง ยอดปรมาจารย์ผู้นี้เกือบจะสูญเสียสัมปัชชัญญะ
เมื่อนั้น การอัญเชิญสูงสุด ก็มาถึง เล้ยวูเบ้ย ตระหนักได้ว่า ป่าเขา หรือที่พักแรมอันโดดเดี่ยวสักแห่งระห่างทางไปยังเถียนฟาจักเป็นสถานที่ซึ่งอาจถูก ฉือฉีฮั่นโจมตีได้ ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูของเขาเป็นปิศาจ และฉลาดล้ำ เล้ยวูเบ้ยรู้ว่า งานทั้งหมดในชีวิตของเขา จะไร้ค่าหากเขามิระมัดระวัง เช่นนั้น เขาจึงบังเกิดความคิดที่จะเดินทางไปพร้อมกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว … สองยอดปรมาจารย์มีความแค้นบางอย่างต่อกัน แต่มิได้หมายความว่ามันเป็นความเกลียดชังที่มิอาจไกล่เกลี่ย
หากเขาสามารถทำให้ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวช่วยเหลือเขาได้ … สองยอดปรมาจารย์อาจข่มขวัญ ฉือฉีฮั่นได้ ..และเขาอาจมิกล้าโจมตีพวกเขา
เงาร่างเท่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวปรากฏขึ้นตรงหน้า เล้ยวูเบ้ย
” เอ่ยความจริง เล้ยวูเบ้ย เจ้ามีแผนการอันใด ?“
” เจ้าหวาดกลัวหรือ ?“
เล้ยวูเบ้ยคำรามทางจมูกยั่วยุ
” ข้า ? กลัว ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า … อาวุโสผู้นี้รู้ว่านี่คือ วิธการทางอ้อมที่จักให้เขาไปกับเจ้า ข้ารู้เห็นสิ่งที่เจ้าวางแผน ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหัวเราะลั่น
” หยุด ! ”
คุณชายน้อยจวินมิอาจนิ่งเฉยได้ ขณะที่เขาตระหนักได้ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาจจากไปกับ ยอดปรมาจารย์คนอื่น เช่นนั้น เข้าจึงกระทำการเพื่อหยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่า นครพายุหิมะสีเงินมุ่งหน้าไปก่อนแล้ว และอาจกำลังรอคอยเพื่อโจมตี เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว คุณชายน้อยจวินมิได้คาดไว้ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจัก ชักชวนให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพื่อป้องกัน ฉือฉีฮั่น ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจักมิให้ความช่วยเหลือใดๆหาก เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวต้องกับกับโชคร้ายระหว่างทาง ความจริง เขาต้องการที่จะเดินทางไปกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหากมันเป็นจุดประสงค์ของเขา
” อะไรหรือ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขมวดคิ้ว
” นักเรียนผู้นี้จำต้อง ผ่านหลายสิ่งอย่างก่อนที่อาจารย์จักกลับมา ”
จวินโม่เซี่ยกรอกตา
หัวใจของเหยี่ยวผู้โดดเดียวโลดเต้นเมื่อได้ยินวาจานั้น และเริ่มตื่นเต้นกับความคาดหวัง
” สิ่งใด ?! เจ้าโง่ เจ้าทำให้ข้ามีความสุขด้วยจานั้น ”
เล้ยวูเบ้ย ประหลาดใจ
อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด ? เขาแข็งแกร่งเพียงใด ? เขาจึงสามารถทำให้ หนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ กระโดดโลดเต้นได้โดยใช้คำเพียงไม่มาก … ?
” อาจารย์ของข้าบอกให้ข้าท่องวาจาเหล่านี้ให้เจ้าฟัง เหยี่ยวบินโดดเดี่ยว ราวหมอกควันล่องลอยท่ามกลางท้องนภาว่างเปล่า มันละลายไปในความโดดเดี่ยวนี้ เหยี่ยวที่ตายแล้วมิอาจมีชีวิตอยู่ในความโดดเดี่ยวของท้องนภา และ เคล็ดนับหมื่นมิอาจมีอยู่ในท้องนภาที่โดดเดี่ยว เคล็ดนับหมื่นคือความโดดเดี่ยว ”
จวินโม่เซี่ยมิได้ใช้วาจามฟุ่มเฟือย และเขานำชื่อของเขาเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเข้ามาเพื่อให้ความจำของเขาดีขึ้น
” เหยี่ยวบินโดดเดี่ยว ราวหมอกควันล่องลอยท่ามกลางท้องนภาว่างเปล่า มันละลายไปในความโดดเดี่ยวนี้ เหยี่ยวที่ตายแล้วมิอาจมีชีวิตอยู่ในความโดดเดี่ยวของท้องนภา และ เคล็ดนับหมื่นมิได้มีอยู่ในท้องนภาที่โดดเดี่ยว … ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขมวดคิ้วขณะคุร่นคิด ราวกับเขารู้ถึงความหมาย แต่มิอาจเข้าใจ ดวงตาของเขาเผยถึงความงุงงงน
” เป็นประโยคที่ ฉลาดและสร้างสรรค์ยิ่ง เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่มิอาจอธิบาย ข้ามิอาจพูดมันออกมาได้ อาจารย์รู้ว่าเจ้าจะต้องมุ่งหน้าไปยังเถียรฟา เขารู้ว่าเจ้าจะมีส่วนในการต่อสู้ เช่นนั้น เขาจึงเตรียมให้ข้าบอกเรื่องนี้แก่เจ้าเนื่องจากเขามิต้องการให้เรื่องนี้รบกวนการฝึกฝนของเจ้า … ”
” ขอบคุณมาก ! ”
ใบหน้าหยาบการ้านของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวปรากฏความสำนึก จากนั้นเขาพนมมือ
” อาจารย์บอกให้ข้ารายงานเจ้าว่า หกยอดฝีมือสวรรค์เชวียนจาก นครพายุหิมะสีเงินได้ล่วงหน้าไปแล้ว และอาจรอเจ้าอยู่ในระหว่างทางไปยังเถียนฟา พวกเขามี เจ็ดกระบี่ติดตามไปด้วย ข้าขอให้เจ้าระมัดระวังอย่างมาก และเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ”
” ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหกคน ? เจ็ดกระบี่ ? หรือจะเป็น เจ็ดกระบี่จากนครภายุหิมะสีเงิน ? “
สีหน้าเยี่ยวผู้โดดเดี่ยวซีดเผือกขณะที่หัวใจของเขาสิ้นหวัง เขาจักมิเชื่อหากมีผู้อื่นบอกเขาถึงสิ่งนี้ แต่ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเชื่อข่าวนี้เนื่องด้วยมาจากปากของปรมาจารย์ลึกลับ
” เช่นนั้น ข้าควรเดินทางไปพร้อม เล้ยวูเบ้ย อาจมีชื้อเสียบางอย่าง แต่ก็อาจมีข้อดีบางสิ่ง หากเรารวมมือกัน ยิ่งไปกว่านั้น อตีดมีค่ามากกว่าก่อนหน้านี้ ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพึมพัมเนิ่นนาน จากนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
” อาจารย์พูดเช่นไรอีก ? “
” อาจารย์เอ่ยว่ากำลังใจของศิษย์พี่จักทะยานขึ้นราวเหยี่ยวในเวลาที่เขากลับมา ”
จวินโม่เซี่ยหัวเราะ จากนั้น เขาพนมมือขึ้นและเอ่ย
” เทพแห่งความเร็ว ! เดินทางอย่างระมัดระวัง ! ”
” ลาก่อน ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโค้งคำนับด้วยความเคารพที่หาได้ยากยิ่ง และพนมมือ
” อีกครั้ง มอบความเคาระพอย่างจริงใจของข้า แก่ท่านอาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนับถือเขาอย่างสูงส่งยิ่ง ข้าจักใช้เรื่องนี้แก้สกุลจวินอย่างจริงจัง บอกให้เขาสบายใจ ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว คำรามดังยาวหลังจากที่เขาเอ่ยวาจาจบ จากนั้น เขาพุ่งทะยานขึ้นไปยังท้องนภาอันโดดเดี่ยว เล้ยวูเบ้ย หัวเระลั่น และตามเขาไป สองร่างโผ่ขึ้นสู่ท้องฟ้าชั่วครู่ก่อนจางหายไป
” ยอดปรมาจารย์มิใช่ผู้ที่จักล้อเล่นด้วยได้ … ”
จวินโม่เซี่ยถอนใจล้ำลึก และหันหลังเดินกลับเข้าห้อง
ยอดฝีมือเชวียนมากมายรวมตัวกันในนครเทียนเชียงในค่ำคืนนั้น โดยมิได้คำนึงถึง ระดับและพื้นเพ จากนั้น พวกเขาเร่งรุดมุ่งไปยังเถียรฟา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม หรือเพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ดี นี่คือ การอัญเชิญสูงสุด ไม่มีผู้ใดไม่เอาใจใส่
แม้แต่ ซ้งฉาง และ ไฮ่เฉินเฟิง ก็มาขอให้ไปยัง เถียรฟาเนื่องจากพวกเขาคิดจักไปช่วยเหลือ ต่อจวินโม่เซี่ยก็ห้ามมิให้เขาไปทำเช่นนั้น
” เจ้ากำลังทำสิ่งใด ? เจ้ามิชอบที่จักมีชีวิตยืนยาวกระนั้นหรือ ? ข้าห้ามเจ้าไปยังสถานที่นั้น พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ซ้งฉาง กลับไปหมักสุรา ข้าจักยกเลิกการฝึกฝนของเจ้า หากเจ้าอิดออด และสำหรับ ไฮ่เฉินเฟิง กลับไปดูแลก๊กของเจ้า ! เจ้าไม่ต้องมีส่วนร่วมในเรื่องอื่น เจ้าต้องตั้งใจพัฒนาก๊กของเจ้า ”
นี่คือเรื่องตลก คุณชายน้อยจวิน ไม่มีอำนาจในการห้าม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหากเขาประสงค์จักไป แต่ เขายึดถือว่าสองคนนี้คือคนของ สกุลจวิน เช่นนั้น เขาจักอนุญตให้พวกเขาไปได้อย่างไร ?
จักเกิดสิ่งใดขึ้นหากจวินโม่เซี่ย ปล่อยครอบครัวจวินไว้กับคนธรรมดา ? แต่ หากยอดฝีมือทั้งสองยังอยู่เบื้องหลัง .. พวกเขาสามารถสามารถดูแลครอบครัวจวินได้หามีบางสิ่งเกิดขึ้น ความจริงแล้ว สกุลจวินนั้นถือ่าแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่นี้ และจวินโม่เซี่ยก็รู้อยุ่แก่ใจ
กลับมายังปัญหาเดิม … เขาไม่ยอมให้พวกเขาจากไปแม้ว่าเขาจักไม่ต้องการดูแลสกลุจวิน เนื่องจากตอนนี้พวกเขาได้มีชื่อว่า คนของสกุลจวินไปแล้ว เช่นนั้น การส่งพวกเขาไปยัง เถียรฟา เป็นดั่งการใช้พวกเขาเป็นเบี้ยที่ไปต่อสู้กับ สกุลเซี่ยว และ สกุลลี่ ทั้งสองผู้นั้นเป็นยอดฝีมือสวรรค์เชวียน แต่เถียรฟานั้นตอนนี้มีกลุ่มของยอดฝีมือเทพชวียนอยู่ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนเป็นดั่งเช่นสุนัขในทางใต้ ดังนั้น พวกเขาจักมีประโยชน์กว่าในเทียนเชียง
ข้าเลือกสมาชิกฝ่ายข้าอย่างถี่ถ้วนยิ่ง ! เช่นนั้น เหตุใดขึ้นถึงต้องโยนพวกเขาไปยังเถียรฟา ? การลุกฮือของสัตว์เชวียน ? มันจักแตกต่างอันใดหากมีผู้คนมากมายล้มตาย ?
ไฮ่เฉินเฟิง และ ซ้งฉาง ไปพบจวินโม่เซี่ยด้วยจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ แต่กระนั้น พวกเขาก็ไร้ทางเลือกและกลับไปอย่างอับอายหละงจากได้ฟังวาจาของจวินโม่เซี่ย
… ตำหนักองค์ชายสอง …
องชายสองอยู่ในอารมร์ชื่นมื่นยิ่งนัก พระองค์รู้สึกมีความสุขยิ่ง
รู้สึกว่าทุกผู้ใต้สรวงสวรรค์นี้มาเพื่อช่วยเหลือพระองค์ สอง ยอดปรมาจารย์ ถูกได้รับการอัญเชิญสูงสุดในเวลาที่ หน้าไม้สัตว์เชวียนกำลังจะมาถึง เช่นนั้น ยอดฝีมือที่เป็นที่รู้จัก และไม่เป็นที่รู้จักก็เริ่มไปยังเถียรฟา ยอดฝีมือของนครเทียนเชียงก็มิได้ยกเว้น
ความแขงแกร่งของ นครหลวงลดลออย่างมิอาจเปรียบ เนื่องจากยอดฝีมือมากมายจากไป เขาสามารถใช้โอกาสนี้ในการขนส่งอาวุธพิฆาตอย่างปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธนี้จักได้รับการขนส่งที่ดี เนื่องจากคนของพระองค์มิต้องแข่งขันมากนัก เช่นนั้น เสือจึงมีปีกเมื่อเวลามาถึง และสามารถโยกย้ายเข้ามาในเวลาที่นครเป็นสุญญากาศ พระองค์จักสามารถยึดนครได้อย่างง่ายดายหรือไม่ ?
องค์ชายสองและที่รปึกษาของพระองค์กำลังทำการสนทนาอย่างตึงเครียดในห้องลับ ทุกผู้แลดูตื่นเต้น
“ขุนนางฝาง แจ้งให้ ผู้พิทักษ์พายุวิญญาณเร่งรีมมายังนครหลวง บอกให้พวกเขารีบออกจากหัวเมืองทางใต้และมาที่นี่ให้เร็วที่สุดท ”
องค์ชายสองมองอย่างไมตรีไปยังผู้ร่วมขบวนการ
” ขุนนางฝาง ข้าของให้ท่านดำเนินการตามแผนการต่อไป ”
“ข้าขอให้นายท่านสองสบายใจ นี่คืองานของ ฝางบูเหวิน และพระองค์สามารถเชื่อพระทัยได้ว่ามันจักปลอดภัย ”
ฝางบูเหวิน พึมพัมกับตัวอ่างอย่างลังเล
” ข้ารู้ว่า กองคาราวานการค้าโจวส่งคนสองร้อยไปคุ้มกัน เชวัยนหกสองเป็นผู้นำพวกเขา จากนั้น ยังมีอกล่มของ อุปนายก… เมิงเซี่ยวซ้ง… เขาเป็นผู้นำกลุ่มของยอดฝีมือแปดคน เมิงเซี่ยวซ้งผู้นั้นเป็นยอดฝีมือ ปฐพีเชวียน ด้วยพวกเขา ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวล กองคาราวานการค้าโจว จักเดินทางอย่างราบลื่น และสมาคมในเงามืด พวกเขาจักจักเคลื่อนที่พร้อมกัน ในที่สุดจักเป็นไปอย่างราบลื่น ผู้พิทักษ์พายุวิญญาณ และ กองคาราวานการค้าโจว จักเดินทางด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการ แจ้งเตือน หอกระบี่เลือดด้วยเช่นกัน พวกเขาจักส่งสองมือสังหารสวรรค์เชวียน ห้ามือสังหารปฐพีเชวียน และ ยี่สิบมือสังหารหยกเชวียน มือสังหารเหล่านี้จักเดินทางคุ้มกันอย่างลับๆ เพื่อทำให้ทุกสิ่งปลอดภัยอย่างแน่นอน และ กองกำลังส่วนใหญ่ได้ออกไปจาก นครหลวงแล้ว ซึ่งทำให้เกิดความอ่อนแอ เช่นนั้น กองกำลังพวกเขาจึงเป็นการรกับประกันชัยชนะ ! ”
” อืม ! หอกระบี่เลือดนี่มิเคยส่งยอดฝีมือที่สูงส่งกว่า เชียนหยกเพื่อทำภารกิจให้ข้ามาก่อน นี่อาจเป็นผลให้มือสังหารพวกเขาทำสิ่งใดก็ไม่ได้สำเร็จ มันเป็นการสิ้นเปลืองแรงงงานและเงิน แต่ ทันใดนนั้นพวกเขาก็ส่ง สองสวรรค์เชวียน และหากปฐพีเชวียนเมื่อมันเป็นเรื่องของ หน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียน ?! และ มือสังหารอันดับต่ำที่สุดที่พวกเขาส่งมาคือ หยกเชวียน ! พวกเขาเพียงแค่พยายามแสดงถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ! ”
องค์ชายสองเสียพระพักต์ยิ่งนัก พระองค์เอ่ยวาจาเหล่านี้ด้วยโทสะ
” วิธีการรับมือสิ่งต่างๆของ หอกระบี่เลือดนั้นลึกลับอย่างล้ำลึก อาวุโสผู้นี้มิรู้ถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ”
ฝางบูเหวินขมวดคิ้วและเอ่ยต่อ
” หน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียนนร้สำคัยกับพวกเขายิ่งนัก ดังนั้น พวกเขาถึงรอบคอบ และ ไม่มีเหตุผลอื่นใด คนเราควรดีกับตัวอย่างมากก่าผู้อื่น… สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ทำเพื่อตัวเอง ”
จากนั้น ฝางบูเหวินเงียบลงทันควัน มีร่องรอยแห่งความคลางแคลงในดวงตา จากนั้น เขาเริ่มสั่นด้วยความกลัว ราวกับเขานึกถึงเรื่องราวอันน่าสะพรึ่งได้
อย่างไรก็ตาม องค์ชายสองมิได้สังเกตุเห็นความผิดปกติของผู้ร่วมแผนการ พระองค์ยังคงเดือดดาลด้วยโทสะ จากนั้นพระองค์เอ่ยน้ำเสียงเยือดเย็น
” ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ! พวกเขาจะไร้ประโยชน์กับข้าในเวลาที่ข้าได้รับหน้าไม้แล้ว และ นั่นจักเป็นสิ่งดี ข้าจักไม่โกรธจากการทำงานของพวกเขาอีกแล้ว ! ”
คิ้วสีขาวประดุจหิมะของ ฝางบูเหวินเลิกขึ้น และร่อยรอยความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตา เขาประสงค์จักเอ่ยบางสิ่ง แต่รู้สึกได้ว่าความคิดของเขานั้นไร้ความหมาย ความจริง ดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาด เช่นนั้นเขาจึงกลืนกินคำนี้กลับลงไป แต่ ความกังวลเริ่มลึกซึ้งขึ้นในดวงตาของเขา
เขาไร้อารมณ์จักฟังผู้พูด
เสียงขององค์ชายสองเป็นเพียงเสียงเห่าหอนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วาจาของพระองค์ดังก้องในหูของ ฝางบูเหวินราวพายุในวันอันร้อนรุ่ม
เรื่องที่คลุมเครือมาก่อนหน้า … เริ่มแจ่มชัด …
หรือข้าต้องคิดหาวิธีอื่น … ? หรือข้าวควรจักต้องล่าถอยจากเสน้ทางนี้ ?
องค์ชายสองโน้มพระวรกายลงด้านข้าง และเอามือไพร่หลัง พระพักต์พระองค์เต็มไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจขณะทรงพระสรวง พระองค์เปล่งประกายด้วยความมั่นใจดั่งได้รับชัย จากนั้น พระองค์พึมพัม
” ข้าสามารถใช้โอกาสอันดีนี้เพื่อจัดการกับพี่หนึ่งและน้องสาม …. “
พระองค์มิได้ตรัสในสิ่งที่คิด แต่ใบหน้าของพระองค์แสดงความดุร้าย จากนั้นพระองค์หันหลังไป
” นั้นมัน ! ขุนนางเหวิน ท่านพร้อมหรือยัง ? “
” ไม่มีข่าวคราวของ แม่นางยู่เอ่อมาหลายวันแล้ว นางมา…ปรากฏตัวต่อสาธารณะน้อยยิ่ง สายของเราใน ศาลานีฉาง…มิได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก อาวุโสผู้นี้ … งุนงงมากในเรื่องนั้น ”
ฝางบูเหวินเอ่ยวาจาเปล่านี้เชื่องช้า ความจริงแล้ว เขามิได้เอ่ยมันออกมาได้ลื่นไหล บางครั้งเขาก็ตะกุกตะกัก ชัดเจนว่ามันรบกวนเขา และเขามิได้คิดในเรื่องเดียวกัน
“ฮึ่ม”
ประกายเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงพระเนตรองค์ชายสอง พระองค์ยังคงเงียบต่อไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงตรัสขึ้น
” ตอนนี้ปล่อยนางไปก่อน อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่านางจะขวางทางน้ำได้ด้วยตัวคนเดียว แล้ว เฉิงเคอโฉ้ว เล่า ? เขาทำสิ่งใดอยู่ ? เหตุใดเขาไม่โผล่หน้าออกมาหลายวันแล้ว ?
มีร่องรอยความเกลียดชัดในดวงตาของ ฝางบูเหวิน เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของ คุณชายน้อยเฉินมิสู้ดีนัก
เขาตอบ
” อาวุโสผู้นี้มิได้เห็นคุณชายน้อย เฉิงมาเนินนาน ราวกับเขากำลังยุ่งอยู่กับบางสิ่ง แมนเขามิได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องยังมาไม่ถึง เขาอาจจะได้พบกับเคราะห์ร้ายบางอย่าง ….”
องค์ชายสองขมวดคิ้ว พระองค์เดินไปรอบๆเล็กน้อยก่อนตรัสขึ้นน้ำเสียงหม่นหมอง
” ปล่อยเรื่องไม่สำคัญนี้ไปก่อน … ทุกอย่างจักถูกกำหนดด้วยการมาถึงของหน้าไม้ ”
พระพักต์ของพระองค์แสดงถึงเจตนารมณ์ชั่วร้าย
อืม ! หญิงสาวและคุณชายน้อย ! ฮึ่ม ! เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ ? เช่นนั้น เจ้าจึงเห็นด้วยกับข้าต่อหน้า แต่ท้าทายข้าลับหลัง ? ยู่เอ๋อ เจ้าไม่ต้องคิดว่าเจ้าสามารถใช้ประโยชน์ต่อส่ิงที่ข้าปฏิบัติต่อเจ้าได้ ! เจ้าจักเสียใจในเรื่องนี้ !
เฉิงเคอโฉ้ว ผู้นี้คิดว่าตัวเองนั้นน่าเกรงขาม ? องค์ชายสองสามารถทำลายเจ้าลงได้เมื่อใดก็ตามที่พระองค์ต้องการ !
” ใช่ ”
ฝางบูเหวินสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารขององค์ชาย คิ้วสีขาวของเขาสั่นกระตุก ผู้บงการอดตัวสั่นมิได้
พระองค์ช่างโหดเหี้ยมและไร้ปราณียิ่ง แต่ เหตุใดเจ้าจึงตื่นเขินเช่นนี้ ? เหตุใดเจ้าจึงครอบงำในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ? เจ้าจักทำสิ่งใดหากสำเร็จเรื่องยิ่งใหญ่ในอนาคต ?
ทันใดนนั้น เขาเริ่มเบื่อจนอยากตายและตาลอย เขาเงียบปาก และครุ่นคิดกับตัวเอง
องค์ชายสองทอดพระเนตรออกไปยังแสดงจันทรา ความรุนแรงสว่างวาปขึ้นบนพระพักต์ เป็นสีหน้าแห่งความปรารถนา ดวงตาพระองค์ดูเหมือนแผดเผาด้วยเปลวไฟ ราวพระองค์คิดว่าตัวเองเป็นสิ่งยิ่งใหญ่
…
จวนสกุลจวิน จวินโม่เซี่ยนอนไม่หลับ
เขาคัดกรองส่วนผสมอย่างระมัดระวัง รายชื่อโอสถที่จวินโม่เซี่ยต้องการในที่สุดก็ถูกต้องเหมาะสม มิคาดว่าเขาจักได้รับสมุนไพรถึงสองร้อยชนิด มิได้มีสมุนไพรหายาก และไม่มีสมุนไพรส่วนผสมล้ำค่า แต่ มีกองสมุนไพรระดับต่ำมากมาย นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรระดับต่ำที่มิเคยพบเจอผสมอยู่ด้วย ราวกับผู้หนึ่งสามารถหาทุกสิ่งอย่างได้ภายในกองพะเนินเหล่านั้น ทั้งหมดกองอยู่ในห้องพิเศษในลานของจวินโม่เซี่ย
จากนั้นเขาจึงให้ผู้ที่มิรู้เรื่องแยกย้าย เขายังไล่ตะเพิตเจ้าอ้วนออกไปพักผ่อน จากนั้น เขาเลือกผู้ช่วยที่สามารถไว้ใจได้สองคนเพื่อคัดกลรองส่วนผสมเหล่านั้น
ที่เรียกได้ว่า ผู้ช่วยที่ไว้ใจได้นั้นมีอยู่น้อยนิดนัก ความจริงทั่วทั้งจวนสกุลจวินมีเพียงสีเท่านั้นเท่าที่จวินโม่เซี่ยเชื่อได้ แต่ เขามิกล้าใช้งาน ปู่จวินและน้าสาม สำหรับสองผู้นั้น … เขาคิดว่ามันจักเป็นการไม่สุภาพหากจะใช้ เคอน้อยทำการนี้ พี่ จิ้งฮั่นก็เช่นกัน เช่นนั้น เขาจึงต้องมองหาผู้ช่วยเนื่องจากเขาต้องการคนมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม กวนเซียงฮั่นเป็นลูกสาวสกุลปราณชเวียน นางอาจมิคุ้นเคยกับตัวยาเหล่านี้ เช่นนั้น นางจึงเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของจวินโม่เซี่ย ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถเชื่อใจได้ที่ได้เอ่ยไปก่อนหน้านี้
จวินโม่เซี่ยนั่งอยู่ในสถานที่ซึ่งแสดงตะเกียงมิสามารถส่องถึง เขานั่งนิ่งดั่งเงาของต้นไม้ เขาขมวดคิ้วล้ำลึก สิงหญิงสาวคิดว่าเขากำลังครุ่นคิดหนักหน่วงในเรื่องที่จริงจังเนื่องจากเขาขมวดคิ้วอย่างล้ำลึก เช่นนั้นพวกนางจึงตัดสินใจไม่รบกวนเขา และปล่อยให้เขาครุ่งคิดไปอย่างสงบ …
ทั้งสองเดินเขย่งไปรอบๆ พวกนางพูดกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนจวินโม่เซี่ย มือทั้งสองคู่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามคำแนะนำของจวินโม่เซี่ย อย่างแรกพวกนางแยกส่วนผสมตามน้ำหนัก จากนั้น รวมเข้าด้วยกันตามต้องการ ถายหลัง พวกนางห่อส่วนผสมและเขียนตัวเลขในแต่ละถุง
งานมิได้ยากลำบากนัก แต่การทำงานต่อเนื่องด้วยเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ทำให้พวกนางเห็นดเหนื่อย ความจริงแล้วมันเป็นงานที่น่าเบื่อและเหน็ดเหนื่อยสำหรับพวกนาง ทั้งสองทำงานอย่างเร่งรีบผ่านค่ำคืน พวกนางตั้งใจจักจัดยาให้ได้ร้อยชุด หนึ่งชุดมีร้อยรายการ
ดวงตาของสองหญิงสาวง่วงซึมในตอนที่พวกนางยืนขึ้นเมื่อเสร็จสิ้น พวกนางมิรู้เหตุใดจวินโม่เซี่ยต้องการยาพวกนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการพวกมันอย่างเร่งร้อน เช่นนั้น พวกนางจึงมิกล้าทำงานอย่างเชื่องช้า และทำงานไม่หยุดหย่อนตลอดค่ำคืน และตอนนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้นลง สองหญิงสาวยืนขึ้น และยิ้มให้กันเล็กน้อย พวกนางรู้สึกหมดสิ้นแรง และรู้สึกปวดเอวเรียมงามเล็กน้อย
แต่กระนั้น ทั้งสองอดรู้สึกชุ่มชื่นมิได้ที่ทำงานได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว พวกนางจึงยิ้มให้กัน จากนั้นมองไปยังจวินโม่เซี่ยพร้อมเพียง
งานมากมายมหาศาลสำเร็จแล้ว ! เช่นนั้นเหตุใดเขายังขมวดคิ้ว ? ปัญหาอันใดจึงต้องใช้เวลาครุ่นคิดมากมายเช่นนี้ ?
จวินโม่เซี่ยยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม หัวของเขาก้มต่ำลงเล็กน้อย คุณชายน้อยมีความเร่งเครียดบนใบหน้า เขาชขมวดคิดล้ำลึกยิ่ง จนดูราวเขาได้พบความล้ำลึกแห่งยุคสมัย
เขาตั่งสมาธิมั่นจนมิอาจสัมผัสได้ถึงการเดินเข้ามาของสองหญิงสาว …
” เอ๋ ! เจ้าชั่วนี่ ! เขาหลอกลวงเราให้ทำงานหนักให้กับเขา ! เจ้าชั่วนี่หลับมานานแล้ว ! ”
กวนเซียงฮั่นเฝ้ามองเขามาระยะหนึ่งก่อนสรุปเช่นนั้น ชันเจนว่านางเริ่มมีโทสะยิ่งขึ้น พวกนางมิอาจบอกได้ว่าเขากำลังหายใจหรือกรนหากพวกนางมิได้เดินเข้าไปใกล้เขา
เขาจะมากไปแล้ว ! ผู้ใดจักทำเช่นนี้ ?!
เราทั้งสองทำงานอย่างขวักไขว่ตลอดคืน เจ้ามิเอ่ยสิ่งใด เจ้ามิได้ช่วย ! พวกเราไม่รบกวนเจ้าเนื่องจากคิดว่าเจ้าครุ่นคิดถึงบางสิ่งที่สำคัญ แต่ … แท้จริงแล้วเจ้าหลับหลับมาตลอดเวลา ! จะมากเกินไปแล้ว !
โทสะเบ่งบานขึ้นในหัวใจ กวนเซียงฮั่น นางขยี่ตา แต่นางเหลื่อยมากจนมิอาจลืมขึ้นได้ นี่ทำให้นางบูดบึ้งมากขึ้น นางยกขาขึ้น และมอบลูกเตะสำหรับความไร้ยางอายไปยังต้นขาของเขา
“ตุบ!”
จวินโม่เซี่ยร่วงลงจากเก้าอี้ และตื่นขึ้น เขาลืมตา และเข้าใจถึงเหตุของการโดนเตะ จากนั้น คุณชายน้อยลุกขึ้นอย่างสงบ และหูดหายใจ จากนั้นเขาอุทาน
” ปัญหานี้ยากยิ่งนัก ! ข้าครุ่นคิดตลอดคืน จนตอนนี้ข้ายังมิอาจเข้าใจ ปวดหัวยิ่งนัก ! ”
ใบหน้าคุณชายน้อยม่นหมองยุ่ง เขาโอดครวนด้วยความเจ็บปวด จวินโม่เซี่ยพยายามอย่างที่สุดให้มีสีหน้ากังวล …รากวับเขาเกรงกลัวเพื่อบ้านเมือง ผู้ใดก็ตามที่มองไปยังใบหน้าของเขาจักต้องหวาดกลัวว่าดินแทนทั่วหล้าจักล่มสลายหากเขาหยุดครุ่นคิดปัญหานี้
กวนเซียงฮั่นคำรามทางจมูก ขาอันงดงามของนางปะทะลลงไปยังสะดือของจวินโม่เซี่ยขณะที่นางตำหนิ
” คุณชายน้อยจวิน เป็นธรรมดาของเจ้าหรือที่จักมากน้ำลายเช่นนี้เมื่อเจ้าจดจ่ออยู่กับปัญหาใหญ่หลวง ? “
จวินโม่เซี่ยทำเสียง ” อึก ” จากนั้นเขาตอบด้วยท่าทีท้อแท้
” นี่คือหนึ่งในหลายปัญหาที่ข้ามา ข้ามิได้สนใจว่าร่างกายข้าจักกระทำสิ่งใดเมื่อข้าครุ่นคิดเรื่องสำคัญเป็นเวลานาน เช่นนั้น ปากของข้าจะเปิดเมื่อข้าคิดมาเป็นเวลานานแล้ว และข้าลืมหุบปาก น้ำลายจำนวนมากจักจบลงด้วยการรวบรวมผลลัพธ์ …?
โง่เง่าอันใดกัน ?!
กวนเซียงฮั่น อารมณ์ดีและพบว่าเป็นเรื่องตลก แม้นใบหน้าของนางจักเยือกเย็นขณะที่ดุด่าจวินโม่เซี่ย ทันใดนั้นนางตระหนักได้ว่าดวงตาของจวินโม่เซี่ยเปลี่ยนทิศทางไป เขายิ้ม
” อ่าห์น้าสาม ! ท่านมาทำอันใดที่นี่ช้านัก ?”
กวนเซียงฮั่นและ เคอน้อยมองไปรอบๆด้วยความสยอง แต่ พวกนางมิได้เห็นแม้แต่เงาของน้าสาม พวกนางตระหนักได้ว่าโดนหลอก และเริ่มมีโทสะ แม้แต่เคอน้อยที่มักสุภาพใบหน้านางก็เริ่มรุนแรงขณะมองหลับไป อย่างไรก็ตาม ดวงตาของพวกนางเบิกขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อหันกลับไยังจวินโม่เซี่ย ที่นั่น ไม่มีเก้าอี้ของจวินโม่เซี่ยอีกแล้ว เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย …
ความเร็วช่าง … วิเศษนัก …
หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันด้วยความว่างเผล่า จากนั้น พวกนางนึกถึงการแสดงตัวอััน่าขบขันของจวินโม่เซี่ยก่อนหน้านี้ ” ฮิ ฮิ ” เสียงเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากขณะพวกนางเริ่มหัวเราะ
เคอน้อยเม้มปากและหัวเราะ จากนั้นนางมองไปยังกวนเชียงฮั่นลึกล้ำ และอุทาน
“คุณหนู ท่านมีรอยยิ้มน่าดึงดูนัก ข้าได้เห็นยิ้มของท่านหลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ท่านควรจักยิ้มให้มากกว่าปกติ … มันช่างน่ารักยิ่งนัก ”
” ข้าได้เห็นรอยยิ้มของท่านหลังจากผ่านมาเนิ่นนนาน…”
สิ่งนี้ทำให้ร่างของกวนเซียงฮั่นสั่นเทา แววตาหวาดกลัววาบขึ้น จากนั้นนางกลับมาแสดงสีหน้าเยือกเย็นและถอนใจ
” ดึกแล้ว ไปพักผ่อนเสีย ”
นางเอ่ยสิ่งนี้และเดินไปยังลานบ้านอย่างเงียบๆ
เงาของนางดูโดดเดี่ยว และว่างเปล่าในยามค่ำคืน นางดูเหมือน บัวหิมะ บนยอดเขาห่างไหลที่ปกคลุมด้วยหิมะและหมอก โดดเดี่ยว ทะนงและตั้งมั่น
” พระเจ้า ! ”
จวินโม่เซี่ยหลบซ่อนอยู่ในเจดีย์หงษ์จวิน เสือสองตัวโผล่ออกมารวดเร็ว ! เหตุใดข้าไม่หลบไปก่อนหน้านี้ ?
เขามิได้หลับนอนมาสองวันสองคืน จึงเป็นเหตุที่เขาหลับไปเช่นนั้น เขาเห็นดเหนื่อยยิ่งนัก อีกเหตุผลคือ เขาฟื้นฟูกำลังเพื่อการปรุงยา
สำหรับการเลือกสูตรและส่วนผสมนั้นคือความกังวล จวินโม่เซี่ยค้นหาทั่วทั้ง หนังสือการรักษาพื้นบ้าน และมั่นใจว่าเขาพบยา ห้า ชนิด
ยาหยางลึกลับ ยาหยินขาดหาย ยาหัวใจปิศาจ ยาหลายผสาน และ ยาเชื่อลมปราณ!