ยาหยางลึกลับ และ ยาหยินขาดหาย เป็นตัวอย่างที่ใช้บำรุงร่ายกาย โดยใช้จากชายและหญิง  พวกมันได้รับการปรุงจากสมุนไพรธรรดา และสามารถใช้ได้กับปุตุชน โดยมิได้รับผลกระทบน่ากลัวอันใด  อย่างไรก็ตาม ยารวมวิญญาณนั้นเป็นตัวยาขั้นสูง และมีเพียงหมอผู้มีฝีมือเท่านั้นที่สามารถจัดการกับมันได้

ยารวมวิญญาณรู้จักกันดีในนาม ยาหัวใจอสูร ยาตัวนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับผู้ที่ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้  มันจักเพิ่มความเข้มข้นของพลังปราณถายในร่างของผู้ใช้อย่างมีนัยยะ  ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสในการเกิดผลสะท้อน หรือ รอยเขี้ยวอสูร จักถูกจำกัดไว้มากหรือน้อย แม้นว่าผู้นั้นจักฝึกฝนอย่าดื่มด่ำสักเพียงใด   การทำงานของ ยาหัวใจอสูร ดูเหมือนเรียบง่าย แต่มิได้เล็กน้อย  ยาตัวนี้มิใช้สมบัติหายาก แต่มิได้รับให้ขายอย่างสาธารณะในท้องตลาด มันมิได้มีราคา

 

ฝู้ฝึกฝนศาสตร์มิได้หวาดกลัวต่อสิ่งแปลกปลอม พวกเขาหวาดกลัวความเจ็บปวด  อย่างไรก็ตาม รอยเขี้ยวอสูร มิใช่อุปสรรคใหญ่เพียงหนึ่งในเส้นทางของพวกเขา  และ ผู้คนส่วนใหญ่หวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้  ยากที่จะบอกว่ามีผู้ฝึกฝนการต่อสู้เท่าไหร่ที่ตายไปเนื่องจาก รอยเขี้ยวอสูรระหว่างการฝึกฝน  ความจริง ผลของรอยเขี้ยวอสูรดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นในระดับการฝึกฝนที่สูงขึ้น  แต่ ยาหัวใจอสูร สามารถยับยังผลนี้ได้เป็นอย่างดี  ดังนั้น ยาตัวนี้จึงถือเป็นยาช่วยชีวิต

 

การเผยแพร่ ยาหัวใจอสูร จักเป็นการสร้างความโกลาหลอย่างมากให้กับดินแดนเชวียนเชวียน  ยาเม็ดเล็กๆนี้สามารถเป็นต้นเหตุแห่งการนองเลือดได้ เป็นสิ่งที่น่าสลดใจยิ่งนัก  ความจริง การแย่งชิงตัวยานี้รุนแรงไม่ต่างกับการแย่งชิง แกนเชวียนระดับเก้า

 

ยาฟื้นฟูหลากหลายคือชื่อที่มันได้รับ  เป็นยามหัศจรรย์ ที่สามารถรักษาโรคได้หลากหลาย  ยาที่สามารถรวมเข้ากับเชื้อและพิษหลายชนิดภายในร่างกายของคน และสามารถขับเชื้อโรคและพิษเหล่านั้นออกมาได้ โดยมิทำร้ายร่างกาย  มันคือเส้นทางยาวไกลสู่เถียรฟา  ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางและเป้าหมายเต็มไปด้วยสภาพอากาศที่หลายหลายซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคระบาดแก่กองทหารได้  และ ยาตัวนี้สามารถป้องกันสุขภาพของกองกำลังจากสภาพอากาศเหล่านั้น  ดังนั้น จวินโม่เซี่ย จึงให้ความสำคัญกับยาตัวนี้มากกว่าตัวอื่นๆ

 

สุดท้าย คือยา เส้นลมปราณ จวินโม่เซี่ย เรียกอีกชื่อหนึ่งคือ ยาทศวรรษ จากประสบการณ์ของเขา ปราณเชวียน และความแข็งแกร่งภายในของคนนั้นเหมือนจักเพิ่มขึ้นหลังจากใช้ยาตัวนี้  ยาตัวนี้มิได้เพียงแค่เปิดเส้นลมปราณของคน หากแต่มันสามารถเพิ่มระดับการเพาะปลูกได้นับสิบปี

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มความสามารถนี้เป็นไปอย่างถาวร !

 

หรือกล่าวอีกนัยว่า ยาตัวนี้สามารถเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของคนได้ตลอดชีวิต  ยิ่งไปกว่านั้น ยาอัศจรรย์นี้สามารถออกฤิทธิได้ในระยะเวลาอันสั้น  จวินโม่เวี่ยสามารถเพิ่มขั้นการเพาะปลูกของ องครักษ์สามร้อยที่เขาฝึกฝนอยู่ไปสู่ระดับใหม่ได้ หากยาตัวนี้สามารถรวมเข้ากับ ยาหัวใจอสูรได้

 

เดิมทีจวินโม่เซี่ยสามารถกลั่นยาได้จำนวนหนึ่งจากการใช้เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ขั้นสอง แต่ยาเหล่านั้น เป็นยาบำรุงเช่น ยาชำระวิญญาณ ยาเหล่านี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเช่นนั้น แต่จวินโม่เซี่ยมิได้คาดหวังกับพวกมันมากนัก และเขามิต้องการมันอย่างเร่งด่วน  เช่นนั้น เขาจึงมิได้สนใจพวกมันนักเมื่อเขา สร้างรายชื่อตัวยาที่เขาต้องการ

 

เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเขาที่จักเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดตราบเท่าที่เป็นไปได้  ไม่เพียงแค่ตัวเขา แต่กองกำลังทั้งหมดของสกุลจวิน

 

จวินโม่เซี่ย นั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน เจดีย์หงษ์จวิน เขาเผชิญหน้ากับ เตาหลอมแห่งโชคลาภ และ พยายามสงบจิตใจลง  เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ที่เคยหลั่งไหลดั่งกระแสน้ำเชี่ยว แต่มันเริ่มหลังไหลราบเรียบเมื่อจิตใจเขาสงบลง  ทันใดนนั้น เขารู้สึกถึงการระเบิดอย่างชัดเจนในใจ

 

ดีละ !

 

จวินโม่เซี่ย ยกมือขึ้นหลังจากตะโกนลั่น และกวาดเป็นวงกลมท่ามกลางอากาศอันว่าเปล่า  จากนั้น เขาใช้นิ้ววาด อักขระหลายตัวอย่างรวดเร็ว  เขามิได้ใช้หมึกใดๆ แต่อีกขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้นภายในวลกลมที่เขาวาดไว้ก่อนหน้า  และ อักขระเหล่านั้น ล่องลอยเข้าไปใน เตาหลอมแห่งโชคลาภเมื่อมันสำเร็จเป็นรูปร่าง

 

ตู้ม !

 

เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิ สว่างไสวภายใต เตาหลอมแห่งโชคลาภเมื่อเขาเริ่ม มันสว่างไสวและรุนแรงขึ้นทันที  เปลวไฟสีดำพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา และปกคลุมทั่วทั้ง เตาหลอมแห่งโชคลาภ

 

จวินโม่เซี่ยชี้นิ้วตรงไปยัง เตาหลอมแห่งโชคลาภขณะที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น  เสียงหึ่งๆดังขึ้นจากเตา และเริ่มลอยวนขึ้นกลางอากาศ  ไม่นาน เตาหลอมเริ่มเปล่งประกายเป็นแสงสีรุ้ง และมีสีสรรค์อันเปลกประหลาดเกิดขึ้นบนผิวหน้าของมัน  จากนั้น รูปแบบเหล่านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว  แต่ ลำแสงสีรุ้งยังคงถูกปลดปล่อยออกมาจากเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง  เตาหลอมยังคงหมุนวนส่งเสียงอยู่กลางอากาศขณะที่ฝาเปิดออกและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

จวินโม่เซี่ย โยนส่วนผสมเข้าไปภายในเตาหลอมด้วยมือขวา และอากาศรอบๆอบอวลไปด้วยกลิ่นยาอันเข้มข้นในทันใด  กลิ่นอันรุนแรงแผ่ออกมาในตอนที่ ส่วนผสมสัมผัสเข้าไปเตาหลอม  จากนั้น ฝาเตาหลอมปิดลง และ เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิ ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง  จากนั้น จวินโม่เซี่ย ชี้นิ้วตรงไปยังเตา และมันปกคลุมด้วยเปลวไฟสีดำทะมึนอีกครั้ง

 

ทันใดนนั้น จวินโม่เซี่ยรู้สึกราวกับ พลังภายในของเขาพุ่งพลานออกมาราวกับสายน้ำเชี่ยวราดที่ถูกปลอยออกมาจากเขื่อน

 

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น  คุณชายน้อยจวินจักโลดแล่นอย่างรวดเร็วเสมอ แม้นจักเป็นการสวนกระแส  อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าตัวเขาเองคร่ำครวญอย่างมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

พระเจ้า !  ยาตัวนี้เป็นการแปรธาตุหรือดูดเลือด ?  ความรู้สึกจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้น่ากลัวนัก !  กลั่นยาจำนวนน้อยนิดเช่นนี้ จำต้องใช้ความแข็งแกร่งมหาศาล และลมปราณมากมายเพียงนี้ ?!  และ นั้นเป็นเพียงแค่ตัวยาธรรมดาและพื้นฐานที่สุด !  หากนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น… ข้าจักไม่ตายหรือหากต้องกลั่นยาที่สูงส่งกว่านี้ ?  มันมากเกินไป …. !

 

แม่เจ้าเอ๋ย !  ข้าเคยดูหนัง !  นักแปรธาตุเต๋าปรุงยาได้อย่างง่าดายยิ่ง  พวกเขาเพียงแค่ลูบหนวดเครา และทุกอย่างสำเร็จลุล่วง  หมอกควันสั่นไหว และตัวยาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา  และ สามารถนำผู้คนกลับจากความตาด้วยยาที่พวกเขาปรุงขึ้น  ความจริง ผู้คนเหล่านั้นอาจจะเบาดั่งขนนก และล่องลอยขึ้นสรวงสวรรค์เพื่อความอมตะ …

 

เอ ..เหตุใดกับข้าจึงยากยิ่ง ?  ข้าเพียงต้องการรักษาการบาดเจ็บ ติดเชื้อและเพิ่มพูนขั้นการเพาะปลูกของคนขึ้นเพียงไม่กี่ปี …​เท่านั้น !  แต่ เหตุใบสิ่งที่ง่ายดายกลับต้องการพลังงานจากวิญญาณของข้ามากมายเช่นนี้ ?

 

จวินโม่เซี่ยพร่ำบ่นในใจ แต่มิกล้าเอ่ยออกมา  เขาพยายามรักษาสมาธิไว้ และปล่อยให้พลังปราณของเขาหลั่งไหลราวกับแม่น้ำ …

 

เนิ่นนานหลังจากนั้น …

 

“ตุบ!”

 

เตาหลอมแห่งโชคลาภ ส่งเสียงดังสนั่น และกลับไปตั้งอยู่ตรงจุดเดิมบนพื้น  เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิ ริบหรี่ลง กลับไปเป็นสีเดิม

 

สำหรับคุณชายน้อยจวิน เขาเหนื่อยอ่อนอย่างยิ่ง  ไม่มีเรี่ยวแรงแม้นขยับนิ้ว  เขาหายใจหอบขณะ กระตุ้น เจดีย์หงษ์จวินให้ปลดปล่อยลมปราณไปยังเส้นลมปราณของเขาอย่างบ้าคลั่ง  เขารู้สึกเหมือนวิ่งมา ห้ากิโลเมตร พร้อมแบกถุงทรายห้าร้อยกิโลกรัมไว้บนร่างกาย  เขาเกือบเอาลิ้มออกมาจากปากเพื่อให้สูดอากาศได้มากขึ้น  ความจริง คุณชายน้อยจวินอาจจักหลับไหลไปแล้ว หากมิได้พลังมหาศาลที่ เจดีย์หงษ์จวิน ส่งมาให้ร่างของเขา

 

ความเหนื่อยล้าทางกายนั้นเป็นเพียงรอง  สิ่งสำคัญคือจิตวิญญาณของเขาเหนื่อยอ่อน  ซึ้งเป็นสถานการณณ์ที่ค่อนข้างน่าหวาดกลัว  ผลที่ตามมาจักร้ายแรงยิ่ง หากจิตวิญญาณของเขามิได้รับการฟื้นฟูให้ทันเวลา

 

เวลาเนิ่นนานหลังจากนั้น … ท้ายที่สุดจวินโม่เซี่ยรู้สึกได้ว่า เส้นลมปราณที่แห้งขอดของเขาได้รับการเติมเต็ม  เขาลุกขึ้นจากพื้นด้วยการช่วยเหลืองของ พลังอันน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่ในร่างของเขา และยกฝาหม้อขึ้น  จากนั้น เขาชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน  และร้องออกมาอย่างรุนแรงหลังจากเหลือยมอง ในขณะที่แขนของเขาเริ่มสั่น

 

ไม่มีสิ่งใดอยู่ใน เตาหลอมแห่งโชคลาภ …นอกเสียจากเถ้าธุลี …

 

” แม่เจ้า ! ”

มือสังหารตกตะลึง  เขาสถปด้วยโทสะ

” ข้าไม่เชื่อ !  ข้าใช้ความพยายามทั้งหมดที่ข้ามี และยาตัวนี้ยังมิอาจกลั่นออกมาได้ ?!  ข้าไม่เชื่อว่าต้องใช้ความพยายามครั้งที่สองกับตัวยาธรรมดาเช่นนี้ ! ”

 

เขานั่งขัดสมาธิ กระตุ้นเจดีย์หงษ์จวิน และเริ่มดูดกลืนพลังปราณ  …

ข้าจัดไม่พลาดเป็นครั้งที่สอง …

 

จากนั้น …

 

” เจ้าเตาหลอมขี้เกียจ ! ”

มือสังหารมิอาจเชื่อผลในการพยายามครั้งที่สองของเขา

” อีกแล้วหรือ …​อ่า … เอาละ ข้าเริ่มจริงจังแล้ว !  มาดูกันว่าใครคือพ่อที่แท้จริง ! ”

 

จากนั้น เขาเริ่มทดลองอีกครั้ง …

 

ปั้ง !  จากนั้น …

 

” แม่เจ้า ! ข้ามิเชื่อปิศาจนี่ !  ข้ามิรู้ว่าความพยายามกี่ครั้งแล้วที่ไร้ประโยชน์ … สิบครั้ง … ข้าต้องพยายามเป็นร้อยครั้งอย่างนั้นหรือ ?  พันครั้งหรือ ? “

เขายังคงสาปแช่งต่อไปด้วยโทสะ  เขาระบายโทสะออกมากระทั้งเหนื่อยอ่อน และจากนั้นนั่งขัดสมาธิลงอีกครั้ง  เขากระตุ้นเจดียหงษ์จวิน เพื่อเติมเต็มพลัง และเริ่มกระบวนการอีกครั้ง ..

 

เขามิอาจเชื่อถึงผลลัพธ์อีกครั้ง …  สาปแช่งจนเหนื่อยอ่อน … และเริ่มกระทำให้อีกรั้ง …

 

ยากจักบอกว่ามันต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่ แต่ท้ายที่สุด …

 

” วู้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ข้าเป็นเพื่อเจ้า !  ชิ้นขยะอย่างเจ้าจักเปลี่ยนสิ่งของของข้าเป็นเถ้าได้อย่างไร ?  เอ ?  เจ้าชั่ว !  เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ ?  สารเลว !  ฮ่า !  เจ้ามันปิศาจชั่วตัวน้อย !  เจ้คิดว่าเล่นงานข้าได้หรือ ?  ฮืม …. ”

 

ผมที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสกปรก ดูมิต่างอันใดกับขอทาน  ความจริง แม้แต่ขอทานก็ยังดูดีกว่า คุณชายน้อยจวินในตอนนี้  ใบหน้าของเขา เขียวดั่งผีดิบ  ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นเทาราวกับเป็นโรคลมบ้าหมู  เขายื่นมืออกไป และคว้าเอายาเม็ดเล็กจิ๋มที่มันวาวออกจากเตา  จากนั้นยกมันขึ้นในอากาศ และเริ่มกระโดดโลดเต้นประหนึ่งคนเสียสติ …

 

เขาขบฟัน ขณะถือยาไว้ในมือ  จวินโม่เซี่ย มีแรงกระตุ้นอันรุนแรงที่จักโยนเม็ดยาลงพื้นและเหยียบย่ำมัน

แม่เจ้าเอ๋ย !  ข้าเดือดร้อนยิ่งเพื่อขยะชิ้นเล็กแค่นี้หรือ ?!  ข้าเป็นตะคริ้วจากการทดสอบอันเจ็บปวดนั้น !  จักเกิดอันใดหากข้าโยนเจ้าลงพื้น และเยียบย่ำเจ้า … คงจักสนุก… มันคงจักรู้สึกดียิ่ง จักรู้สึกดีเพียงใด ?

 

อย่างไรก็ตาม  จวินโม่เซี่ยผู้ไร้หัวใจและความปราณีก็มิได้ประสงค์จักทำลายมัน

แม่เจ้า !  กระทืบสิ่งนี้ ?  สมองข้ารวนไปหรือ ?  ยังไม่พอ !  ข้าจักกลืนกินเจ้า !  เจ้าจักถูกบดในกระเพาะของข้า จนเจ้าย่อยเสร็จ  และจากนั้น เจ้าจักกลายเป็นอุจจาระของข้า  นั่นคือบทลงโทษที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า !

 

เขายังคงสาปแช่งต่อไปขณะค่อยๆวางมันลงในขวดหยก จากนั้น หยิบยาเม็ดหนึ่งขึ้นจากขวดหยดและ ยกมันขึ้นเหนือปากของเขา  มือของเขาจับมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ขณะที่ปากยังคงสาปแช่ง

” เจ้าเศษขยะ ”

จากนั้น ยาหลุดจามือเขาและลงไปในปาก  แกร็บ แกร็บ แกร็บ … เขาเคี้ยวสองสามหน และกลืนมันลงไป …

 

” ดูดีนี่ ”

ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยเผยถึงรสชาติของ ยาหยางลึกลับ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปากเมื่อมันสัมผัสกับปากของเขา  จากนั้น ใบหน้าของ จวินโม่เซี่ยเผยถึงความขื่นขมเมื่อตระหนักได้ว่ายากเพียงกว่าที่จะกลั่นมันออดมาไป

ทำมันขึ้นมาต้องใช้เวลาเพียงใด ?

 

ลืมเรื่องสิ่งที่ต้องใช้สำหรับ ยาหยางลึกลับไป … ข้าเอาสมุนไพรเข้ามา ร้อยห่อ … และตอนนี้ข้าเหลือเพียง เจ็ดสิบแปด  ข้าต้องพยายาม ยี่สิบสองครั้งเพื่อให้สำเร็จเพียงหนึ่ง  และ มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ !  ในหนึ่งครั้ง ข้าสามารถปรุงยาได้เพียง สามสิเม็ด  ดังนั้นข้าต้องทำให้ได้ สิบครั้งเพื่อให้มีเพียงพอต่อผู้ฝึกฝนของข้า  ต้องพยายามเพียงใดถึงจักสำเร็จได้สิบครั้ง … ?

 

” เตาโง่เง่านี่ ! ”

จวินโม่เซี่ยนั่งลงอีกครั้ง และเริ่มเติมเต็มพลังปราณ …

 

อาจเอ่ยได้ว่า จวินโม่เซี่ยมีพลังใจที่แข็งแกร่ง  ชัดเจน่าเกินกว่าสามัญนัก  สามัญชนนั้นจักไม่กลับหลังหากพวกเขาพบกำแพงบนเส้นทางของพวกเขา  อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยไม่เพียงปฏิเสธที่จะยอมแพ้..เขายังคงเตาะกำแพงจนกระทั่งมันพังทลายลง

 

จวินโม่เซี่ย กระตุ้นเจดียหงษ์จวิน เพื่อเติมเต็มพลังปราณของเขาถึง ยี่สิบสองครั้ง  เขาต้องการติด เตาหลอมแห่งโชคลาภและ เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิขึ้นใหม่เพื่อให้เขาสามารถปรุงยาได้ตามจำนวนที่เขาต้องการ  อย่างไรก็ตาม พลังปราณในร่างของเขาหมดสิ้นแล้ว  ความจริง มันไม่มีเหลือเลยแม้นเพียงน้อยนิด

 

นักต้อสู้จักต้องรู้สึกเช่นไรเมื่อปราณเชวียน และพลังปราณของเขาหมดสิ้นไป ?  ความเคร่งเครียดเช่นนี้จักทำให้แขนขาพวกเขาเย็นเยือก และความคิดของพวกเขาสับสน  และหากผู้ใดมีประสบการณ์ในการรู้สึกเช่นนี้เกินกว่า ยี่สิบสองครั้ง … ผู้นั้นจักรู้สึกว่าทะเลแห่งจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งของพวกเขาเริ่มสั่นเทา … ราวกับพวกมันจะแห้งเหือดไป เป็นความน่าหวาดกลัวที่ทำให้ขนของพวกเขาลุกชูชันในที่สุด !  คล้ายดั่งการเตร็ดเตร่ไปตามกำแพงแห่งนรก

 

ผู้คนทั่วไปจักอดทนได้ในครั้งแรกเนื่องด้วย วินัยของพวกเขา  แต่ พวกเขาจักมิสามารถในครั้งที่สอง  ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกเช่นนี้จักเป็นดั่งการทำลายกำลังใจของพวกเขา และทำให้พวกเขาบอบช้ำ  ความจริง แม้นแต่ผู้สละตนที่มีกำลังใจหนักแน่น ก็มิอาจพยายามได้เกินกว่าสามครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม คุณชายน้อยจวิน พยายามถึง ยี่สิบสองครั้ง !  เขาผิดพลาดไป ยี่สิบเอ็ดครั้ง … แต่ด้วยความมุมานะของเขา เขาจักยังคงทำต่อไปแม้นว่าจักไม่สำเร็จในครั้งที่ ยี่สิบสอง

 

ผู้ใดจักดื้อดึงได้เกินกว่า มือสังหารจวิน ?  ผู้ใดจักอ้างว่าโหดเหี้ยมกว่ากัน ?

 

มิต้องเอ่ยถึง พลังปราณ … แม้นแต่วินัยทางใจที่ต้องใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จก็ไม่สำคัญแต่น้อย !  เกินกว่าจินตนาการ !

 

สำหรับตอนนี้ คุณชายน้อยจวินสำเร็จเพียงครั้งเดียว และปรุงยาได้ไม่มากนัก  อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่หยุด  ความจริง เขาปรามาณยิ่งว่าจักปรุงส่วนผสมทั้งหมดที่เขาเอามา …

 

แม้นว่าอาจารย์แห่งการแปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่ได้มาเห็นความดื้อรั้นเช่นนี้ … พวกเขาคงกรอกตาไปมาและเป็นลม !

 

จักเรียกเขาว่าประหลาด หรืออาจจะเรียกจิตวิญญาณปิศาจ !

 

อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยมิอาจรู้  ความจริง เขาจักไม่ทุกข์ร้อยแม้นเป็นเช่นนั้น  ดังนั้น เขาจึงรวมรวมพลังทั้งหมด และหมกมุ่นเพื่อปรุงยา  จากนั้น เขาแสดงหน้าตาตระหนี่ขึ้นขณะค่อยๆหยิบยาใส่ขวดหยวกใบเล็ก …

 

หนึ่งขวดสามารุบรรจุยาได้เพียงร้อยเม็ด  เมื่อเห็นว่าหนึ่งขวดเต็มแล้ว … เขาก็นำอีกขวดขึ้นมา … และเติมมันจนเต็ม … และขวดต่อไป … บางทีอาจเอ่ยว่าก่อนหน้าเขาเคยล้มเหลว แต่ตอนนี้จวินโม่เซี่ยเชี่ยวชาณยิ่งขึ้น  ความจริง ดูราวกับเขาเป็นนักแปรธาตุที่ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ …

 

เขาอาจล้มเหลวมากมายในตอนเริ่มต้น  แต่ จำนวนของความล้มเหลวจักลดลงหลังจากที่เขามีประสบการณ์มากขึ้น  ตอนนี้ เขาทำได้สำเร็จหนึ่งในสามครั้ง …

 

อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่สิ่งสำคัญที่สุด  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเร็วในการฟื้นฟูพลังปราณของจวินโม่เซี่ยเพิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของจวินโม่เซี่ยคล้ายดั่ง สุนักที่ตายแล้ว หลังเขาพยายามครั้งแรก  แต่ ตอนนี้เขากลับหอบเหนื่อย จากนั้น เขาสูดอากาศเข้าไปหนึ่งอึก นั่งลงทำสมาธิ ฟื้นฟูตัวเองชั่วครู่ และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง … ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นสองหรือสามเท่า …

 

อัตตราความสำเร็จของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน !

 

ยากจักพรรณาว่ายาเหล่านี้จักนำพาประโยชน์มากมายเพียงใด  แต่ พลังปราณของจวินโม่เซี่ยได้ปรับประโยชน์อย่างมากในการปรุงยาเหล่านี้  และ ประโยชน์เหล่านี้จักมีอย่างลึกซึ้ง และยาวนาน

 

ความเข้มข้นของพลังปราณและความแข็งแกร่งของปราณรรับรู้ของจวินโม่เซี่ยแสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากความผิดพลาดยี่สิบเอ็ดครั้ง  และ มันระเบิดออกมาอย่างมิอาจคาดหลังจากที่เขาปรุงยาเม็ดแรกสำเร็จ  สิ่งเหล่านี้เผยให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจวินโม่เซี่ยจากการปรุงยาเหล่านี้

 

อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยมิอาจรู้เรื่องนี้  ความจริง เขามิได้มองถึงสิ่งนี้เลย

 

จวินโม่เซี่ย มิได้คาดคิด หรือ มิได้ตั้งใจที่จักบรรลุขั้นการปลดปล่อยร่างกาย

 

เขาสามารถแยกออกจากตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์  มีเพียงสิ่งเดียวในความคิดของเขา

ปรุงยา  ปรุงยา ! ปรุงยา !  ปรุงยา ! ปรุงยา !  ข้าต้องการปรุงยาตลอด !  …. ไม่มีเวลาแล้ว !  ข้าไม่มีเวลาเพียงพอ !  ข้าต้องใส่ใจอย่างยิ่งกับเวลาที่ข้าใช้ปรุงยาเหล่านี้ ….

 

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนนจากความตื่นเต้น … เป็นความสงบนิ่ง … เพียงแค่เรื่องของเวลา …  แสดงสีหน้าแข็งทื่อออกมา … และในที่สุดก็กลายเป็นชายผู้ที่นั่งกินกะหล่ำปลีทุกวัน …

 

และเป็นกะหล่ำที่ถูกที่สุด !  แบบที่จักขายได้สิบช่าง … แบบที่คนทั่วไปรู้สึกเบื่อหน่าย …

 

แต่จากนั้น จวินโม่เซี่ยได้ค้นพบสิ่งที่น่าประหลาดใจในตอนที่เขาเริ่มปรุง ยาเชื่อลมปราณ และ ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นในตอนที่เริ่มนั้น….

 

อันใดกันนี่ !

 

พลังปราณในร่างข้าได้รับการฟื้นฟูถึงสามครั้งติดต่อกัน และข้ายังมิรู้สึกเหนื่อยอ่อน ?​ นี่มัน … เกิดอันใดขึ้น ?  ยาเหล่านี้มีระดับที่ต่ำกว่าก่อนหน้าหรือ ?  เอ่… พวกมันก็ระดับเดียวกัน แต่ ยาเชื่อลมปราณนี่เป็นตัวยาที่อยู่ในระดับสูงสุด… มีความยากในการปรุง และและต้องการลมปราณในปริมาณที่สูงที่สุด … ข้าจำได้ว่าข้าแทบสิ้นแรงเมื่อข้าปรุงยาชุดแรกสำเร็จ … เหตุใดตอนนี้ข้าไม่รู้สึกอ่อนแรงแล้ว ?  เกิดอันใดขึ้น ….

 

ความคิดของจวินโม่เซี่ยเคลื่อนไหว  และจากนั้นเขาจึงแอบเข้าไปในร่างของเขา  ไม่ช้า เขาตกตะลึงอย่างมาก !

 

ร่องรอยแห่งพลังปราณที่ไร้รูปร่างยังคงติดอยู่ในเส้นลมปราณของเขา  มันผ่านชั้นแรก และจากนั้นผ่านชั้นที่สองขณะที่มันหมุนวนไปมาในเส้นลมปราณของเขา  พลังลมปราณของเขายังคงอยู่ในรูปของหมอกควัน แต่มันหนาแน่นกว่าเดิม !  ความจริง มันทำให้รู้สึกเหมือนจะเป็นของแข็ง !

 

อย่าบอกข้า ?!  พลังลมปราณของข้าดูเหมือนจักเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลจากการปรุงยาเหล่านี้ ?

 

จวินโม่เซี่ยมิอาจเข้าใจสิ่งนี้  ท้ายที่สุด เขามิได้เพียงปรุงยา ?

 

เขาใช้พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดทุกครั้งที่ปรุงยา  แต่เขา กระตุ้น เจดีย์หงส์จวิน เนื่องจากเขาไม่มีเวลาเพื่อฟื้นฟูพลังปราณของเขา  และ เจดีย์หงส์จวินได้เติมเต็มเส้นลมปราณของเขาด้วยปราณบริสุทธิ์ และฟื้นฟูลมปราณของเขา  อย่างไรก็ตาม มันเติมเต็มเส้นลมปราณของเขาด้วยลมปราณที่มากกว่าเดิมเล็กน้อย

 

ยากจักบอกถึงจำนวนครั้งที่เขากระทำเช่นนี้ … แต่เขาใช้ความพยายามทั้งหมดในแต่ละครั้ง และเขากดดันตัวเองมากเกินไป …

 

อาจบอกได้ว่า จวินโม่เซี่ยจักตายไปโดยไร้ผุยผงหากมิใช่เพราะเจดีย์หงส์จวิน  อย่างไรก้๖าม เจดีย์หงส์จวินยังคงอยู่  และร่างของเขาก็อยู่ข้างในนั้น  นี่เป็นผลอย่างใหญ่หลวงสำหรับเขา แต่เป็นการยากที่จักอธิบายออกมาเป็นคำพูด …

 

ความแข็งแกร่งของเขามากขึ้นเป็นสองเท่าจากตอนที่เขาเริ่มปรุงยาในเจดีย์ !

 

สำหรับปราณเชวียน เขาบรรลุไปถึงขั้นเชวยนหยกกลางเป็นอย่างน้อย  และเขาสามารถบรรลุไปยังขั้นต่อไปได้ทุกเมื่อ สำหรับ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ เขาได้ไปถึงขั้นกลางของชั้นที่สอง !  เขาสามารถไปถึงขั้นสูงสุดในชั้นแรกหลังจากก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด  จากนั้น เขาสามารถก้าวหน้าต่อไปโดยการเผชิญหน้ากับคอขวดของขั้นที่สาม !

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเวลาไม่ถึงสิบห้าวันหลังจากที่เขาบรรลุถึงชั้นที่สอง !

 

หรือกล่าวอีกนัย เขาก้าวข้ามถึงสองขั้นเต็มจากการปรุงยาเหล่านี้  สองก้าวใหญ่ๆ !  คนสามัญมิอาจคิดถึงความก้าวหน้าเช่นนี้ได้ !

 

การฝึกฝนปราณเชวียนเป็นเรื่องง่ายก่อนที่ผู้คนจักบรรลุไปถึงขั้นเชวียนเงิน  เช่นนั้น การเติบโตจึงรวดเร็ว  แต่ ทุกขั้นจักยากขึ้นเมื่อพวกเขาบรรลุไปยังเชวียนเงิน  ความจริง เป็นความจริงเดียวกันกับทุกการฝึกฝนการตอสู้ทุกแขนง  เป็นการยากที่จักสร้างความก้าวหน้าในทุกระดับการฝึกฝน

 

ให้ ราชัญปิศาจแห่งเถียรฟาเป็นตัวอย่าง  พวกเขาห่างไกลเกินกว่าสามัญ  ความจริง ผู้คนเอ่ยกันว่าพวกเขาได้รับพรจากสวรรค์  อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ติดกับคอขวดเดียวกันมานับทศวรรษ และยังคงไม่เห็นวี่แววของการบรรลุ  พวกเขาก้าวหน้าในทุกวันมานับสิบปี  แต่พวกเขายังคงไม่สามารถที่จักบรรลุไปได้  ดังนั้น จักสามารถมารถจินจนาการได้ว่าพวกเขาจักบ้าคลั่งเพียงใด เมื่อจวินโม่เซี่ยเสนอที่จักช่วยเหลือพวกเขา  นี่เป็นการอธิบายที่ง่ายที่สุดหรับความความยากของการก้าวหน้า

 

สำหรับคนสามัญมิอาจเข้าใจสิ่งนี้ได้ !

 

จวินโม่เซี่ยหายใจเข้าออกม ยืดยาว  สมองของเขาปกคลุมไปด้วยความปิติ และทันใดนนั้นเขาก็ผ่อนคลาย จากนั้น เขารู้สึกปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาในหัว ราวกับกะโหลกของเขาถูกเจาะด้วยเข็มมากมาย  จวินโม่เซี่ยลืมวันเวลาที่ผ่านไปเนื่องจากเขาเข้ามาใน เจดีย์หงษ์จวิน ความจริง เขามิรู้ว่าเขาใช้เวลาในนี้นานเท่าไหร่ !

 

อย่างไรก็ตามเขามิอาจทนอาการปวดหัวนั้นได้ในตอนนี้  เขารู้สึกทั้งร่างไร้พลัง  พลังปราณของเขาได้รับการฟื้นฟู แต่ร่างกายของเขาเหนื่อยอ่อนมายาวนาน  จากนั้น ความหิวโหยอย่างรุนแรงแสดงขึ้นที่ท้องของเขา  ยิ่งกว่าจวินโม่เซี่ยถูกทรมาณให้ตาย

 

ข้าอยู่ที่นี่โดยไร้อาหารมานานเท่าใหร่กัน ?  เอ ไม่ต้องบอกเลยว่า … ไม่มีแม้แต่น้ำ …​

 

จวินโม่เซี่ยสำรวดพื้นข้างไเท้าของเขา และตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่เขาได้ทำไป …

 

แต่ละเแถวของขวดหยกที่วางเรียงรายอยู่บนพื้น

 

เขานับจำนวนขวดเหล่านั้น ….

พระเจ้า !

 

จวินโม่เซี่ยสูดอากาศเยือกเย็นเข้าไป

ข้าปรุงยามากมายเช่นนี้จริงหรือ ?  ไร้สาระ !  ข้านี่ประหลาดนัก !  ความจริง ข้าคงมิใช้แม้แต่ปุถุชน …

 

มียาหยางลึกลับห้าขวด สามขวดยาหยินขาดหาย หกขวดยาหัวใจปิศาจ แปดขวดยาเชื่อต่อลมปราณ และ ห้าขวดยาหลายผสาน …

 

พระเจ้า !

 

ข้าเป็นเลิศนัก !  เป็นเลิศยิงนัก !  ข้าช่างหล่อเหลาเสียจริง !  ประหลาดใจยิ่งนัก !  …..  ไม่มีวาจาใดที่จะอธิบายถึงฝีมืองของข้าได้ ​!

 

ยาเหล่านี้ … พวกมันมี … พลังอำนาจ เอ !  เหล่าองครักษ์ทั้งสามร้อยของข้าจักก้าวหน้าไปได้เพียงใดเมื่อข้ามอบยาเหล่านี้ให้พวกเขา ?  มันต้องน่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน !

 

จวินโม่เซี่ยใช้เวลายกย่องตัวเอง  จากนั้น เขารีบเร่งหลบออกจาก เจดีย์หงส์จวิน … ข้าคงจักทรมาณจนตายหากยังไม่ออกจากสถานที่นี้ …

 

อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยมิรู้เลยว่าเขาใช้เวลาสามวันสามคืนภายใน เจดีย์หงษ์จวิน แทนที่จะเป็นเพียงคืนเดียวตามที่เขาตั้งใจไว้  ยิ่งไปกว่านั้น เขามิรู้ถึงความวุ่นวายเนื่องด้วยเขามิได้อยู่เลย …

 

คุณชายน้อยแห่งสกุลจวินหายตัวไปจากจวนของเขา … ไม่มีผู้ใดพบร่องรอยการเดินทาง และเขามิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดเลย  ยิ่งปกว่านั้น เขามิเคยหายตัวไปยาวนานเช่นนี้มาก่อน …

 

นอกเหนือจากนั้นจวินโม่เซี่ยหายตัวไปหลังจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไปจากจวินสกุลจวิน  สิ่งนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด ? มีผู้ใดจักจินตนาการได้ ?

 

ทั่วทั้งสกุลจวินวุ่นวายสับสน และทุกผู้กำลังร้อนใจ  บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น !

 

เป็นสิ่งอุกอาจ !

 

คุณชายน้อยสามแห่งสกุลจวิน !  สายเลือดเพียงหนึ่งที่หลงเหลือ ! หยางสำหรับบุรุษ หยินสำหรับอิสตรี