ปู่จวินมิได้กังวลในวันแรก  ความแข็งแกร่งของจวินโม่เซี่ยมิได้น้อยนิด และเขามั่นใจอย่างมากในความสามารถของเขาเอง  ความจริง เขาได้กล่าวว่าสามารถป้องกันตัวเองจากยอดปรมาจารย์ได้หากต้องการ  จักมีสิ่งใดอันตรายกว่านั้นหรือ ?  ปู่จวินมิรู้ว่าจวินโม่เซี่ยไปยังที่ใด แต่เขาสนใจในแผนการของต่อหลานชายที่มีต่อเขามากกว่า ..

เขามิได้กลับบ้านสองวันสองคืน  เรื่องอันใดกัน ?  สิ่งนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน !  หรือเขาจักปรนเปรอตัวเองด้วยความสุขจนลืมหน้าที่ต่อสกุล ?

 

ท้ายที่สุด พวกเขามิอาจใจเย็นได้อีกต่อไปในวันที่สาม  สุดท้ายแล้ว ความสามารถในการปกป้องตัวเองจากยอดปรมาจารย์ยังมิได้เกิดให้ประจักษ์

 

ปู่จวินเริ่มตระหนกยิ่งขึ้น และประกาศภาวะฉุกเฉินไปทั่วทั้งนครหลวง  เขาเคลื่อนกำลังไปทุกหนแห่ง  กองกำลังลับของสกุลจวินถูกส่งออกไป และค้นหาทุกซอกมุมของเมือง  จากนั้น สกุลจวินส่งกองกำลังออกไปอีกเนื่องจากมิอาจหาตัวเขาพบ  ไฮ่เฉินเฟิง และ ก๊กจิ้นหยาง เริ่มออกค้นหา คนในก๊กและทหารเริ่มร่วมมือกัน !  ปู่จวินและ น้าสามเป็นผู้นำการค้นหาด้วยตัวเอง อย่างละเอียดทุกที่  พวกเขาค้นหาทุกสถานที่ที่น่าสงสัยอยู่หลายครั้ง

 

สีหน้าของน้าสามไม่เป็นที่พอใจนัก  เขาดูดุร้ายยิ่งในระหว่างการค้นหา  ทุกวาจาที่ออกมาจากปากของเขานั้นเกินกว่าความเร็วของคนธรรมากนัก เขาจู่โจมผู้คนและจากนั้น …เริ่มข่มเหง  วาจาของปู่จวินก็ดุร้ายยิ่งนัก

แม่เจ้าเอ๋ย !  ข้าจักค้นหาอย่างละเอียด … แม้นสวรรค์ต้องล่มสลาย !  และข้าจักสังหารทุกผู้ที่มิยอมร่วมมือ !

 

ข้าจักหักขาเจ้าหากเจ้ากล้าเปล่งเสียง !  เจ้าจักกล้าอันใดหลังข้าหักขาเจ้า ?  หรือข้าจักทุบกะโหลกเจ้าดี ?

 

โรงโสเภณีถูกปิดและโจมตี  โดยเฉพาะกับสถานที่ขึ้นชื่ออย่าง ศาลานีฉาง แห่ง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ คือสถานที่แรกๆในรายการ

 

พวกเขามุ่งหน้าต่อไปเพื่อนำพาหญิงสาวและเหล่าแมงดาที่ ศาลาสายรุ้ง เข้าสู่ห้องขัง  พวกเขาสกัดและจับกุมแม้แต่ แม่นางยี่เอ๋อ  ชัดเจนว่า แม่นางยี่เอ๋อเดินทางไปยังทุกจวนของสกุลผู้มีอำนาจเพื่อแสดงถึงฝีมือของนาง  ทุกซ่องโสเภณีพยายามอย่างมากเพื่อว่าจ้างนาง  แต่ นางวางแผนการเดินทางครั้งใหญ่ไว้  และนางทำสำเร็จไปเพียงครึ่งเมื่อนางโดนทหารซึ่งนำโดดย จวินวูอี้ขัดขวางและจับกุมสู่ตาราง …

 

แต่เหตุใดกัน ?

 

พวกเขามีเหตุผลอันใดที่ต้องจับตัวโสเภณี ?

 

ทุกผู้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายสองและศาลาสายรุ้ง  แต่ นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายสองส่งนักวางแผน ฝางบูเหวิน เพื่อร้องขอในนนามของพระองค์  เขาเคารพในเกียรติแห่งสกุลจวิน  พวกเขาได้รับคำสั่งให้กลับหลังจากพวกเขาได้ปล่อยตัวแม่นางยีเอ๋อเท่านั้น  แต่ ใบหน้าของจวินวูอี้เยือกเย็นยิ่งนัก เมื่อเขาตัดสนใจ

” ไปให้พ้น ! ”

 

 

อาจกล่าวได้ว่า ขุนนางฝางผู้น่ายกย่องได้ลอยไปสู่โทสะ

 

และจากนั้น คุณชายน้องจวินสามได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง … ท่ามกลางความโกลาหล

 

คุณชายน้อยจวินที่ดูเหมือนขอทานปรากฏตัวขึ้นในลานบ้านของเขาราวกับสุนัขจรจัดที่หิวโหย  เขามุ่งหน้าไปยังครัวของสกุลจวินราวปลาที่สามารถหนีจากอวนได้ในตอนที่เขาปรากฏตัว

 

เคอน้อยกำลังน้ำตานองหน้า  นางกระโดดขึ้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขามาถึง  แม้นนางมองไม่เห็นเงาของเขาเมื่อหันไปมอง

 

เคน้อยเร่งรีบมุ่งหน้าไปรายงาน กวนเซียงฮั่น ในทางกลับกัน นางรายงานต่อ จวินวูอี้ว่าคุณชายน้อยสามจวิน ได้กลับมาอย่างปลอดภัย

 

หลังจากนั้น หญิงสาวทั้งสอง มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่จวินโม่เซี่ยได้หายตัวไป  พวกนางตกตะลึงยิ่งนักเมื่อไปถังครัว

 

เสื้อผ้าของจวินโม่เซี่ยขาดรุ่งริ่งและผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าของเขาวีดเผือก และมีถุงใต้ตาของเขา  เขาดูราวสัตวที่เคราะห์ร้าย  มือของเขาแห้ง และดำราวตีนไก่ และรองเท้าของเขาเป็นรูจนนิ้วเท้าออกมา  เขาหยิบปลาด้วยมือซ้ายและนำใส่ปาก  และเมื่อดึงมันออกมา มันเหลือเพียงหัวและก้าง

 

เขาถือก้อนเนื้อในมือขวา  ดูเหมือนว่าเขามิทันได้เคี้ยวเมื่อมันไหลลงคอของเขาไป ชามซุปที่วางอยู่ตรงหน้าเขา  บางครั้งบางคราวเขาสำลักและเปล่งเสียงแปลกประหลาด  จากนั้นเขาก้มหัว และจุ่มมันลงไปในชาม มิสนใจความแปลกประหลาดของการกระทำเมื่อเขาทำให้ชามนั้นว่างเปล่าภายในชั่วอึดใจ

 

ที่พื้นเบื้องล่าง … คือ กองกระดูก ก้างปลา และเศษชิ้นเนื้อ …

 

พ่อครัวตัวอ้วนทำตัวราวประหนึ่งถูกอสุนีบาต  พวกเขาเพ่งมองไปยัง คุณชายน้อยผู้มือชื่อ  ใบหน้าของพวกเขากระตุก  เขากินมากมากยิ่งนัก

 

โอ้ว !  แม้แต่หมู … ไม่ .. แม้แต่หมูป่าตัวผู้ก็มิอาจกินมากมายด้วยความเร็วเช่นนี้ได้ !

พวกเขารู้สึกวิงเวียนเมื่อได้เห็สิ่งที่เกิดขึ้น

 

กวนเซียงฮั่น และเคอน้อย มุ่งหน้าไปและได้พบเขา  พวกนางขุ่นเคืองยิ่งนัก

เจ้าปิศาจ !  เจ้าหายไปไร้ผู้ใดล่วงรู้  เจ้าหายไปจากบ้านสามวันโดยมิบอกกล่างอันใด !  เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าทุกผู้เป็นห่วงเพียงใด ?

พี่สะใภ้ต้องการสั่งสอนบทเรียนแก้น้องเขย  ท้ายที่สุด นางก็อาวุโสกว่า  แต่ นางต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็น และมิอาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้

 

มารยาทบนโต๊ะอาหารเช่นนี้ ?!

ดวงตาของลูกสาวแห่งสกุลกวนเบิกกว้าง  และนางปิดปากน้อยของนางด้วยสีหน้าตกตะลึง  สีหน้าสวยงามและเย็นชาของหญิงสาวได้เแประเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ครั้งแรก …

 

ปากน้อยและอ่อนโยนของเคอน้อยเปิดกว้าง ขณะนางเริ่มเพ่งมอง จนสามารถมีคนนำใข่สองฟองใส่ไปในปากของนางได้

 

ในที่สุด จวินโม่เซี่ยถอนใจอย่างพึงพอใจ  จากนั้น หัวของเขาก้มลงไปอีกครั้งเพื่อกินซุปที่เหลือเพียงเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองเห็นก้นชามสีขาว

 

จากนั้น เขายกขาขึ้นข้างหนึ่งและเตะกองกระดูกไป … ซึ่งมันสูงเกือบถึงข้อเท้าของขา  จากนั้น คุณชายน้อยสะอึกด้วยความพอใจ  สุดท้าย เขาหยิบมีดพกขึ้นและแคะฟัน  จากนั้นเขาก็ได้เห็นสีหน้าของทุกคน …. ผู้ที่มีสีหน้าหลังจากได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้  เขาอดถามด้วยความสงสัยมิได้

” หน้าข้ามีดอกไม้ขึ้นหรือ ? “

 

ทุกผู้ไร้วาจา

 

พวกเขาไร้วาจามาเป็นเวลานาน  พวกเขาจักประหลาดใจมากหากมีผู้ใดเอ่ยวาจาได้เมื่อได้พบเห็นบางสิ่งทีไร้ยางอายเช่นนี้

 

” สองสามวันมานี้เจ้าไปทำอันใดมา ? “

พี่สะใภ้ กวนเซียงฮั่น ถามด้วยความสง่างาม หลังจากนางได้สติ

 

” ข้า ?   สองสามวันที่ผ่านมา ?  ฮ่า … ”

จวินโม่เซี่ยคาดได้ทันทีว่าสิ่งใดเกิขึ้น  จากนั้นเขาถอนใจขณะพยักหน้า

” ข้ามีกิจมากมายนักในสองสามวันนี้ วุ่นวายยิ่งนัก !  ไม่เหมือนพวกเจ้า ผู้ที่นอนจนหิว และกินจนพวกเขาพอใจ  เจ้าไม่มีสิ่งใดต้องทำ … เว้นเพียงดูแลความต้องการทางร่างกาย !

 

เขาเอ่ยสิ่งใด ?

กวนเซี่ยงฮั่นมีโทสะขณะเอ่ยขึ่นอย่างดุร้าย

” เจ้าว่าอันใด ? “

 

” ข้าเอ่ยอันใด ?  ฮี่ฮี่ … ข้าบอกว่าท่านพี่สะใภ้ และเคอน้อยดูแล้วสวยงามยิ่งกว่าทุกวันที่ข้าได้พบเจอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่สะใภ้ !  ไม่เพียงแต่เจ้าดูน่าดึงดู แต่เจ้ายังดูสาวขึ้นด้วย  ข้าเชื่อว่าผู้ที่ไม่รู้ว่าท่านคือพี่สะใภ้ คงจักคิดว่าท่านคือพี่สาวของข้า หากท่านกระทำเช่นนี้ ! ”

จวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจาประจบเมื่อเขาพูดเรื่องไร้สาระ

 

กวนเซียงฮั่น และเคอน้อยตกตะลึง  พวกเขารู้ว่าวาของเขานั้นเกินจริง และรู้ว่าเขาเพียงพยายามเยินยอพวกนาง  แต่ พวกนางรู้สึกยินดีที่ได้รับการชื่นชม  อารมณ์ของพวกนางเปลี่ยนไป และสีหน้าสุขสันต์ปรากฏขึ้นเมื่อพวกนางเพ่งมองเขาไร้วาจา  ใบหน้าของ กวนเซียงฮั่น บึ้งตึงเมื่อเวลาผ่านไป

” น้าสามกลับมา  เขาจักทำให้เจ้ารู้สึกดี ”

นางเอ่ยจบและดึงร่างเคอน้อยไปด้วย

 

เชียงฮั่นพูดถูก  ยิ่งกว่านั้น มิได้เอ่ยเกินจริงเลย

 

ปู่จวินและน้าสามเร่งรีบมุ่งหน้ากลับมาหาจวินโม่เซี่ยเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขากลัยมา และเร่งรีบราวพายุ  ผมของคุณชายน้อยจวินเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อเขาได้เห็นสิ่งนี้ และเขาเริ่มตะกุกตะกัก …

 

คุณชายน้อยจวิน มิอาจทนต่อการดุด่าดั่งพายุนั้น  แต่เขาต้องการที่จักแสดงความสำเร็จของเขา  เช่นนั้น เขาจึงกระแอมและนำ ยาหยางลึกลับ ยาหัวใจอสูร และ ยากทศวรรษ แต่ อาวุโสทั้งสองยังคงกล่าวตำหนิเขาอย่างรุนแรงต่อไป

 

เอ่อ … ยาเหล่านี้ดีเลิศ  แม้นพวกเขามิสามารถกินในปริมาณที่เข้มข้นได้  ยาหยางลึกลับสามารถกินได้หนึ่งครั้งในเวลาสิบปี  และ มันเป็นเรื่องปกติที่จักกินยาเพื่อสุขภาพ  แต่ ยากทศวรรษนั้นกินได้เพียงครั้งเดียว มันไร้ประโยชน์ที่จักกินเป็นประจำ … ความจริงแล้ว มันไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง

 

ปู่จวิน และน้าสาม ยิบยาด้วยปลายนิ้ว  แต่เมื่อดูจากสีหน้าของพวกเขา … พวกเขามิดูมั่นใจนัก  ท้ายที่สุด คุณชายน้อยจวินผลของยาเหล่านี้เป็นสิ่งอัศจรรย์  พวกเขามองจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ

เจ้าปิศาจคดโกง !  ยาเม็ดเล็กๆนี้สามารถเพิ่มขั้นการฝึกฝนได้สิบปี ?  ไร้สาระ !

ความคิดเดียวกันเกิดขึ้นในสมองของทั้งสอง

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกว่า การบำเพ็ญของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากที่พวกเขากินยานี้เข้าไปภายใต้การจัดการของจวินโม่เซี่ย  พวกเขารู้สึกว่าฝีมือของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบปีหรือมากกว่านั้น  สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวดั่งเช่นคุณชายน้อยจวิน  พวกเขาเพิ่งมองไปยังคุณชายน้อยจวิน ราวกับ กลุ่มของ … หมาป่าหิวโหย !

 

“สิ่งนี้น่าประหลาดใจยิ่งนัก !  สิ่งเหล่านี้มีทั้งหมดเท่าใหร่ ?  สิ่งพวกมันมาให้อาวุโสผู้นี้ !  ข้ามีความสุขอีกครั้ง  เช่นนั้น อย่างทำให้มันเป็นปัญหาสำหรับข้า !  ข้าจักไม่เป็นข้าจักไม่มีเรื่องไร้สาระสำหรับเจ้า เจ้าเด็กเหลือขอ ! ”

 

นี่คือเสียงคำรามของปู่จวิน  ใบหน้าของเขาชื่นมื่นด้วยความตื่นเต้น  เขาคว้าเอาเสื้อคลุมด้านหน้าของจวินโม่เซี่ย ยกเขาขึ้นกลางอากาศ และเขย่าราวกับเขาเป็นปลาแห้งกลางสายลม

 

ชายแก่อ้าปากกว้างอย่างตะกละตะกลามขณะเขาเอ่ยวาจาเหล่านี้ด้วยท่าทีป่าเถื่อน

 

” เนื่องจากท่านปู่เอ่ยปากก่อน … เจ้าต้องมอบสิ่งที่เขาต้องการก่อนสิ่งอื่นใด  ข้ามิได้สำคัญเช่นนั้น  เจ้ามาหาข้าได้เมื่อเจ้าต้องการ  เพียงแค่ส่งหนึ่งร้อยขวดมาให้ข้า  เจ้าจัดต้องส่งสิ่งที่เจ้ามีให้ปู่ของเจ้าทั้งหมก ไม่ว่าเจ้าจักมีเหลือเท่าใด ”

นั้นสิ่งที่จวินวูอี้เอ่ย  เขาต้องการยาเหล่านี้มากเกินกว่าร้อยขวด

 

พ่อลูกคู่นี้คิดว่ายาเหล่านี้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า ?  และ สามารถหยิบมันขึ้นมาจากพื้น ?  เหล่านี้เป็นยารักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง !

 

จวินโม่เซี่ยคร่ำครวญ เขาวิงเวียนด้วยความตะลึง …

 

แม้นว่าข้าสามารถถอนพวกมันจากพื้นดินได้ … ข้าก็ยังต้องทำงานหลังขดหลังแข็ง !  ยาเหล่านี้เป็นอาหารเสริมที่อัศจรรย์ … แต่ สองคนนี้คิดว่าพวกมันเป็นเหมือนกะหล่ำปลีอย่างนั้นหรือ … ?  พวกเขาจึงต้องการพวกมันมากมายเช่นนี้ ….

 

สองผู้นี้จักสังหารจวินโม่เซี่ยเพื่อยาเหล่านี้ ?  พวกเขาลืมเรื่อง หลานชาย และผู้สืบเชื้อสายสกุลด้วยยาที่ล่อตาล่อใจเช่นนี้ !  ปู่จวิน ดึงแก้มจวินโม่เซี่ยอย่างชั่วร้าย จนเกือบทำให้มันกลายเป็นดั่งแก้มหมู  จวินวูอี้เป็นผู้ที่อ่อนโยนกว่า  เขาเพียงสามารถบอกถึงวามรู้สึกของจวินโม่เซี่ยเป็นแนวทางเท่านั้น นอกจากนี้ ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยอาจจะกลายเป็นสีม่วงจากการโดนดึง

 

หากเขาเป็นลมต่อหน้าพวกเรา ?  พวกเราจักตัดสินควาผิดในเจตนาของเจ้าเด็กเหลือของผู้นี้  พวกเราผิดพลาด มาก่อนกที่พวกเขาจักเกิด !

 

คุณชายน้อยจวินร้องไส้สะอื้น  เขาต้องการที่จักหลั่งน้ำตา แต่หาได้มีเลยสักหยด

” ข้ามิอาจทำมันได้อีกแล้ว …. ข้าอ่อนแรง … ข้ามิอาจทำมันได้อีก …. ท่านทั้งสอง … ปล่อยข้าเถิด ! ”

 

” เจ้าเด็กปิศาจ !  ข้าเพิ่งเห็นว่าเจ้าเอาขวดเหล่านั้นออกมาหลายขวด !  ตอนนี้ส่งมันมาให้ข้าเสียดีๆ  เจ้าต้องการมีปัญหาหรือ ? “

ปู่จวินช้อนจวินโม่เซี่ยขึ้นด้วยข้อเท้า และดึงเขาขึ้นมา  จากนั้น เขาเริ่มเขย่าอย่างดุร้าย  ทำให้เกิดเป็นภาพดั่งเด็กชายซุกซนที่ถูกแวนไว้บนกิ่งไม้  แต่สิ่งที่ต่างไปนั่นคือ เขากำลังห้อยหัวอยู่ …

 

จวินโม่เซี่ยมิอาจทนต่อการปฏิบัติเช่นนี้ได้อีกต่อไป

” ปล่อย .. ข้ากำลังจักตาย !  ข้ารู้สึกวิงเวียนยิ่งนัก !  ที่ข้าให้ … ที่ข้าให้ … ยังไม่เพียงพอหรือ ? “

 

ปู่จวินวางหลานชายของเขาลง และเพ่งมองไปยังเขาราวเสือที่เพ่งมงลูกแกะ  ไม่แม้แต่กระพริบตา

 

จวินโม่เซี่ยคลานไปและตบหน้าเขา

เจ้าต้องการที่จะอวดมิใช่หรือ ?!  เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าชัดนำปัญหาเข้ามา ?  เจ้ารู้ดีว่าสิ่งนี้สามารถส่งผลต่อหัวใจผู้คนได้  เจ้ารู้ว่าปู่ของเจ้า และน้าสามจักหลงลืมความสัมพันธ์เนื่องถูกล่อลวงจากยาอันนี้อัศจรรย์เหล่านี้ !

 

เขายังคงรู้สึกผิด

อย่างไรก็ตาม ข้าปรุงยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของสกุลจวิน  เช่นนั้น เหตุใดข้าต้องได้รับการปฏิบัติอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ ?!  เป็นความทรมาณที่แตกต่างกันยิ่ง !  ราวกับพวกเขากรอน้ำพริกลงคอหอยข้า !

 

เขาค่อยๆหยิบขวด ยาหยางลึกลับ ยาหัวใจอสูร ยาฟื้นฟูหลากหลาย และ ยากทศวรรษออกมาอย่างละขวด  จากนั้นเขาวางมันลงบนโต๊ะ

” นั่นคือทั้งหมดที่ข้ามี ! ”

 

” ข้าไม่เชื่อเช่นนั้น !  เอามาอีก ! ”

ผู้อาวุโสทั้งสองคำรามพร้อมเพรียง

 

” ข้ามีเพียงเท่านี้จริง ! ”

ใบหน้าคุณชายน้อยจวินเผยความจริงใจ

” เท่านี้เพียงหอสำหรับหนึ่งร้อยคน  อาจารย์ข้ามอบสิ่งเหล่านี้ให้ข้า … ”

เขาคิด

ท่านต้องการทั้งหมดเพื่อตัวเองหรือ ?  ข้าทำมันขึ้นมาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกองกำลังที่อยู่ภายใต้การดูแลของข้า … แต่ข้าจักมิให้มันแก่ผู้ที่ข้าไม่เชื่อถือ  เช่นนั้นข้าจัก เก็บที่เหลือไว้กับตัวเอง

 

” ทั้งหมดนี้เพียงพอต่อคนหนึ่งร้อย ? “

ผู้อาวุโสทั้งสองเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ  ยาล้ำค่าเช่นนี้หยายากยิ่งนัก  น้าสามขอขวดเหล่านี้นับร้อย แต่นั้นเป็นเพียงการล้อเล่น

 

มันเพียงพอแล้วหากหนึ่งขวดนั้นเพียงพอต่อสามถึงห้าคน  เช่นนั้น เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาจักไม่ตกตะลึงเมื่อได้คุณ คุณชายน้อยจวินเอ่ยว่า ขวดน้อยๆเหล่านี้เพียงพอแก่คนนับร้อย ?

 

” จริงสิ  อาจารย์ของข้าใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดเพื่อปรุงยาเหล่านี้  นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าหาส่วนผสมสมุนไพรมากมาย ?  แต่ อาจารย์ของข้า ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรุปงยา  เขาจำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟูสามถึงห้าเดือน  ยิ่งกว่านั้น เขามิอาจปรุงยาเช่นนี้ได้อีกเป็นเวลานาน  เช่นนั้น พวกเราจึงต้องใช้ยาเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ”

จวินโม่เซี่ยเอ่ยเกินจริงเป็นเรื่องปกติ  แต่ หากทั้งสองรู้ว่ายาเหล่านี้สามารถรปรุงได้เรื่อยๆ … พวกเขาจักไม่บังคับให้เขาปรุงยาเหล่านี้ทุกวันไปตลอดชีวิตหรือ ?

 

ทั้งสองคิดว่าสมเหตุสมผล  มันสมเหตุสมผลหาก อาจารย์ของจวินโม่เซี่ยมิอาจปรุง โอสถสวรรค์ เหล่านี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ท้ายที่สุดแล้ว มันจักมิกลายเป็นของเด็กเล่นหรือ หากยาเหล่านี้หาได้อย่างง่ายดาย ?

 

สองผู้อาวุโสปล่อยจวินโม่เซี่ยออกไปข้างๆ  จากนั้น พวกเขาแย่งกันคว้าขวด ….

 

“ของข้า ! ”

 

“ของข้า ! ”

 

” ปั่ง !  ฉึบ !  ตุ๊บ ! ”

ชัดเจนว่าทั้งสองเอื้อมมือไปยังขวดยา …

 

จวินโม่เซี่ยหายไปจากโถงรายกลุ่มควัน  เขามิสนใจชายผู้ไร้ยางอายเหล่านั้น  อย่างไรก็ตาม จักไม่มีเหตุร้าย … ไม่ว่าเขาจักต้อสู้กันเท่าไหร่ก็ตาม  แต่ พวกเขาก่อให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนของพื้นดิน

ข้าหนีไปจักดีกว่า …

 

จักตั้งใจหรือไม่ จวินโม่เซี่ยได้แวะเข้าไปยังลานบ้านของกวนเชียงฮั่น  นางนั่งเงียบงันอยู่ภายใต้ต้นไม้ที่เบ่งบาน  หญิงสาวมองไปยังต้นไม้อย่างเงียบๆด้วยใบหน้าพึงพอใจ  ชัดเจนว่านางได้ยินเสียงฝีเท้าของจวินโม่เซี่ย แต่นางยังคงนิ่งสงบต่อไป ในความจริง นางไม่แม้แต่จักหันมามองเขาเลย

 

” เรื่องอันใดกัน ? “

นางถามเอื่อยเฉื่อย

 

” ไม่มีเรื่องันใดสำคัญ  ข้าเพียงนำยาจำนวนหนึ่งมา  เจ้าควรได้ลิ้มลอง แต่พวกมันไม่เลิศรสนัก  ฮ่า ฮ่า … ”

จวินโม่เซี่ยหัวเราะชั่วร้าย

 

” โอ้ ? “

กวนเชียงฮั่นค่อยๆหันหน้าอันงดงามและเยือกเย็นไปมองเขาเชื่องช้า

” ยารักษาสิ่งใด ? “

 

” ข้าปรุงยามากมาย  พวกมันส่งผลดีเลิศ  เจ้ากล้าลองมันหรือไม่ ? “

จวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจายืดยาว  แต่ มีเพียงหนึ่งคำในความคิดของเขา ยากระตุ้นกำหนัด  แต่เขามิกล้าเอ่ยมันออกมา

 

” กล้าอันใด ?  เจ้าคิดว่าข้ากลัวว่าเจ้าจักวางยาข้าหรือ ? “

จากนั้น จากนั้นกวนเชียงฮั่นกระทำเกินการคาดการของจวินโม่เซี่ย … นางยิ้ม  จวินโม่เซี่ยหลงลืมศีลธรรมเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มอันงดงามที่น่าตะลึงนั้น … มันน่าตกตะลึง … ประหลาดใจ… เกินกว่าการคาดฝัน …

 

” จวินโม่เซี่ยข้ามิอาจมั่นใจเจ้าได้ แต่ข้ารู้ว่าเจ้ามิใช่ผู้ที่มีความเลวทรามอยู่ติดตัว  และอย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังเป็นพี่สะใภ้เจ้า ”

นางยื่นมือไปรับยาจวินจวินโม่เซี่ย  สามเม็ด ปริมาณที่กำหนดของหญิงสาว  ยาหยินขาดหาย ยาหัวใจอสูร และ ยาทศวรรษ นางมองจวินโม่เซี่ยอย่างเอาใจใส่  จากนั้น นางเงยหน้าโดยไม่ลังเล และกลืนยาลงไป

 

จวินโม่เซี่ยเบิกตกว้าง  เขากำลังจักบอกให้นางรอจนกว่านางจักเริ่มการฝึกฝน  แต่ นางอ้าปาก และกินยาเข้าไปเสียก่อนแล้ว  เป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนักสำหรับเขา

 

เกิดกลุ่มก้อนความเสียใจแก่จวินโม่เซี่ย เมื่อเขารู้ว่า กวนเซียงฮั่นเชื่อใจเขายิ่งนักจนนางกินยาเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่คิดให้ดี

ข้าควรปรุงยาที่กระตุ้นกำหนัดหากข้ารู้ว่านางเชื่อใจข้ามากมายเช่นนี้  นี่คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ นะ !  นี่คงเป็นวิญญาณของจวินโม่เซี่ยที่ตามหลอกหลอนข้า  ข้าบริสุทธิ์ยิ่งนัก … ข้าจักเป็นคนเช่นนั้นได้อย่างไร …. ?

 

กวนเซียงฮั่นกำลังจักถามถึงเรื่อยา และมันเกิดปฏิกริยาเมื่อนางรู้สึกร้อนรุ่มที่จุดดันเถียน  ทันใดนั้น นางของนางร้อนรุ่ม และ ผ่อนคลาย มันเป็นความรู้สึกสบายเกิดนกว่าพรรณนา  จากนั้น ปราณเชวียนเริ่มเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ มันหลั่งไหลรุนแรงประหนึ่งแม่น้ำเชี่ยวกราด  จุดดันเถียนของนางร้อนขึ้นเรื่อยๆขณะที่ปราณเชวียนยังคงเคลื่อนที่ไปตามเส้นลมปราณ  ความจริงแล้ว มันแปเปลี่ยนเป็นปราณชเวียนบริสุทธิ์…

 

ยาลึกลับของจวินโม่เซี่ยเพิ่มความสามารถของผู้คนได้อย่างลึกลับ

 

กวนเซียงฮั่นประหลาดใจเมื่อได้พบสิ่งนี้  นางรู้สึกคลางแคลงใจในตัวเขา  อย่างไรก็ตาม การบำเพ็ญของนางก่อนหน้านี้อยู่ในขั้นเชวียนเงินสูงสุด  ความจริงแล้ว นางกำลังจักบรรลุไปยังขั้นเชวียนทอง  แต่ นางสามารรู้สึกว่าได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทองอย่างรวดเร็วเนื่องจากพลังงานมากมายที่เริ่มหลั่งไหลไปตามร่างกายของนางหลังจากได้กินยาเข้าไป

 

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัว  และ ไม่มีผู้ใดแนะนำนางได้ในช่วงเวลาสำคุณนี้ … นอกจากน้องเขยของนาง …

 

เหตุใดเจ้าเด็กเหลือขอนี่ไม่อธิบายสิ่งนี้ ?  เขามิกังวลอันใดเลยหรือ ?  ข้าคิดว่ามันเป็นขนมหวาน !

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลามากพอให้นางคิดถึงสิ่งนี้  พลังงานบริสุทธิ์ และมหาศาลจากยา หลั่งไปไปยังแขนขาของนาง  นางก้าวข้ามไปยังขั้นเชวียนทองอย่างกล้าหาญ  แต่ ทันใดนนั้นนางรู้สึกไม่สบายขึ้นอย่างรวดเร็ว  สติของนางแตกกระจาย

 

ขั้นการบำเพ็ญของกวนเชียงฮั่นนั้นต่ำมาก  มันอยู่เพียงขั้นเชวียนเงิน  ความจริง การบำเพ็ญของนางด้อยกว่าคุณชายน้อยจวิน จวินวูอี้และปู่จวินสามารถกินยาทศวรรษได้โดยไม่ต้องลังเลเนื่องจากพวกเขาอยู่ในขั้นสวรรค์เชวียน  พวกเขาสสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดายผ่านกระบวนการยกระดับนี้  ความจริง พวกเขาสามารถบรรลุผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาใด

 

นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม กวนเซียงฮั่นเกือบต้องตาย  ความแตกต่างระหว่าการบำเพ็ญของนาง และสองผู้นั้นคือ สิบขั้น !  นางเพิ่งบำเพ็ญมาเพียงสิบปีเท่านั้น  และตอนนี้ นางได้รับการพัฒนาถังสิบปีภายในครู่เดียว  นี่เป็นเหมือนการรวบรวมการบำเพ็ญของนางทั้งหมดก่อนที่ทางจะกินยาเข้าไป  อย่างไรก็ตาม ปราณเคลื่อนไหวในร่างกายในตอนนี้บริสุทธิ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน  ยิ่งไปกว่านั้น นางมิเคยผ่านการฝึกฝนอันโหดร้ายของจวินโม่เซี่ย …. เช่นนั้น นางจักต่อสู้ได้อย่างไร ?  โชคดีที่ นางได้กินยาหัวใจอสูร…มิเช่นนั้นนางคงจักลุกเป็นไปไปแล้ว

 

กวนเซียงฮั่นรู้สึกราวกำลังจักลุกเป็นไฟ  สติของนางแตกสลาย  นางรู้สึกสิ้นหวัง

ชีวิตของข้าจักจบลงด้วยเหตุลึกลับหรือ ?

 

น้องเขยของนางเปลี่ยนไปดีขึ้นจากความยากลำบากนี้  เขาใช้ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ และค้นหาโอสถสวรรค์  ยิ่งกว่านั้น เขายังมิลืมถึงความต้องการของนาง  นี่แสดงให้เห็นว่าเขาปรับตัวให้ดีขึ้น  แต่ เขามิได้คิดว่าความสามารถของนางในการควบคุมพลังปราณจักขาดแคลน  โอสถสวรรค์กำลังจักสังหารนางโดยมิอาจคาดได้

 

กวนเซียงฮั่นรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขัน  ความจริง นางค่อยข้างลังเลที่จักปล่อยมันไป  หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน นางคงไม่รู้สึกเช่นนี้  ความจริงแล้ว นางจักรู้สึกเป็นอิสระ  แต่ เหตุใดนางจึงไม่ต้องการที่จักยอมแพ้ ?

 

นางยิ้มอย่างมีความสุขขณะคิด

แล้วเจอกันใหม่

จากนั้น นางหลับตา  แต่ ทันใดนนั้นนางต้องลืมตาขึ้นทันที … นางตกใจยิ่งนัก

 

กวนเซียงฮั่นนางนึกถึงสิ่งที่นางมิอาจเอ่ย

” ข้ามาแล้ว ”

ต่อหน้าความตาย แทนที่จักเอ่ยว่า

“เจอกันใหม่ ”

เหตุใดข้าจึงเอ่ยว่าไว้เจอกันใหม่ ? ข้ามิต้องการทิ้งผู้ใดกัน ?

 

 

กวนเซียงฮั่นรู้ว่านางไม่มีเวลาที่จักคิดเรื่องนี้

 

ทันใดนนั้น นางรู้สึกถึงฝ่ามือเย็นมาสัมผัสที่กลางหลังของนาง  จากนั้น นางรู้สึกถึงพลังอันอบอุนแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย  พลังงานที่อบอุ่นนี้ดึงสติของนางไว้  ราวกับนางวิงเวียนจากความร้อน  แต่จากนั้น นางรู้สึกเหมือนกำลังแช่อยู่ในอ่างน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว  น่างรู้สึกผ่อนคลายไปถึงกระดูก …

 

จากนั้น นางรู้สึกว่ามีพลังอันบริสุทธิ์กระจายออกมาจากฝ่ามือนั้น และเริ่มไหลเข้าไปสู่เส้ลมปราณของนาง  นางรู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ชี้ทางให้แก่พลังปราณที่หลังไหลอย่างบ้าคลั่งในเส้นลมปราณของนาง

 

ปราณที่ไหลอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้  แต่มันเริ่มอ่อนลงเมื่อความอบอุ่นนี้มาถึง  มันเริ่มไหลไปตามที่พลังนั้นชี้นำไป

 

มีเสียงรบกวนลั่นในความคิดของกวนเชียงฮั่น และจากนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงเส้นลมปราณที่เปิดกว้างขึ้นอย่างมิอาจมีสิ่งใดเทียบ  แม้แต่จิตวิญญาณของนางก็ได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แก่งใหม่

 

กวนเซียงฮั่นได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทองด้วยการช่วยเหลือของมือที่อยู่หลังนาง

 

ครั้งนี้ผู้ที่ช่วยนั้นมิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก คุณชายน้อยแห่งสกุลจวิน จวินโม่เซี่ย

 

กวนเซียงฮั่นแตกตื่น อาจกล่าวได้ว่านางไร้ประสการณ์ในเรื่องนี้  แต่ จวินโม่เซี่ยรู้ว่ายาที่เขาปรุงมานั้นแข็งแกร่ง แต่มิได้รุนแรง  เขาจึงมอบยาหัวใจอสูรเพื่อช่วยในการพัฒนาครั้งนี้  ดังนั้น จึงไม่มีทางที่นางจะได้รับรอยเขี้ยวปิศาจและตาย นางอาจหมดสติไปสองสามวัน แต่ความสามารถของนางจักยังคงเพิ่มพูน  แต่ นี่เป็นโอกาสทอง และจวินโม่เซี่ยมิใช่สุภาพบุรุษ  เช่นนั้นเข้าจักปล่อยมันไปได้อย่างไร ?  สุดท้ายแล้ว ก็ควรจักมีความสุขในกาารช่วยเหลือผู้อื่นตอบแทน !

 

เขาวางมือบนหลังของนาง มือของเขาห่างจากผิวหนังของนางด้วยเสื้อผ้าสองชั้น แม้นช่วงสาทรฤดูนี้  กวนเซียงฮั่นเป็นยอดฝีมือเชวียนเงิน  ดังนั้น นางจึงอดทนต้อความร้อนและเย็นได้ดี  เพราะฉนั้น ชัดเจนว่านางจักไม่ใส่เสื้อหลายชั้นเกินไป  นั่นจึงเป็นเหตุ นางจึงรู้สึกถึงความอ่อยโยนเมื่อจวินโม่เซี่ยปะทะมือไปยังหลังของนาง  นางรู้สึกสบายจนอยากตะโกนหาคนผู้นั้น ….