ปู่จวินมิได้กังวลในวันแรก ความแข็งแกร่งของจวินโม่เซี่ยมิได้น้อยนิด และเขามั่นใจอย่างมากในความสามารถของเขาเอง ความจริง เขาได้กล่าวว่าสามารถป้องกันตัวเองจากยอดปรมาจารย์ได้หากต้องการ จักมีสิ่งใดอันตรายกว่านั้นหรือ ? ปู่จวินมิรู้ว่าจวินโม่เซี่ยไปยังที่ใด แต่เขาสนใจในแผนการของต่อหลานชายที่มีต่อเขามากกว่า ..
เขามิได้กลับบ้านสองวันสองคืน เรื่องอันใดกัน ? สิ่งนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน ! หรือเขาจักปรนเปรอตัวเองด้วยความสุขจนลืมหน้าที่ต่อสกุล ?
ท้ายที่สุด พวกเขามิอาจใจเย็นได้อีกต่อไปในวันที่สาม สุดท้ายแล้ว ความสามารถในการปกป้องตัวเองจากยอดปรมาจารย์ยังมิได้เกิดให้ประจักษ์
ปู่จวินเริ่มตระหนกยิ่งขึ้น และประกาศภาวะฉุกเฉินไปทั่วทั้งนครหลวง เขาเคลื่อนกำลังไปทุกหนแห่ง กองกำลังลับของสกุลจวินถูกส่งออกไป และค้นหาทุกซอกมุมของเมือง จากนั้น สกุลจวินส่งกองกำลังออกไปอีกเนื่องจากมิอาจหาตัวเขาพบ ไฮ่เฉินเฟิง และ ก๊กจิ้นหยาง เริ่มออกค้นหา คนในก๊กและทหารเริ่มร่วมมือกัน ! ปู่จวินและ น้าสามเป็นผู้นำการค้นหาด้วยตัวเอง อย่างละเอียดทุกที่ พวกเขาค้นหาทุกสถานที่ที่น่าสงสัยอยู่หลายครั้ง
สีหน้าของน้าสามไม่เป็นที่พอใจนัก เขาดูดุร้ายยิ่งในระหว่างการค้นหา ทุกวาจาที่ออกมาจากปากของเขานั้นเกินกว่าความเร็วของคนธรรมากนัก เขาจู่โจมผู้คนและจากนั้น …เริ่มข่มเหง วาจาของปู่จวินก็ดุร้ายยิ่งนัก
แม่เจ้าเอ๋ย ! ข้าจักค้นหาอย่างละเอียด … แม้นสวรรค์ต้องล่มสลาย ! และข้าจักสังหารทุกผู้ที่มิยอมร่วมมือ !
ข้าจักหักขาเจ้าหากเจ้ากล้าเปล่งเสียง ! เจ้าจักกล้าอันใดหลังข้าหักขาเจ้า ? หรือข้าจักทุบกะโหลกเจ้าดี ?
โรงโสเภณีถูกปิดและโจมตี โดยเฉพาะกับสถานที่ขึ้นชื่ออย่าง ศาลานีฉาง แห่ง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ คือสถานที่แรกๆในรายการ
พวกเขามุ่งหน้าต่อไปเพื่อนำพาหญิงสาวและเหล่าแมงดาที่ ศาลาสายรุ้ง เข้าสู่ห้องขัง พวกเขาสกัดและจับกุมแม้แต่ แม่นางยี่เอ๋อ ชัดเจนว่า แม่นางยี่เอ๋อเดินทางไปยังทุกจวนของสกุลผู้มีอำนาจเพื่อแสดงถึงฝีมือของนาง ทุกซ่องโสเภณีพยายามอย่างมากเพื่อว่าจ้างนาง แต่ นางวางแผนการเดินทางครั้งใหญ่ไว้ และนางทำสำเร็จไปเพียงครึ่งเมื่อนางโดนทหารซึ่งนำโดดย จวินวูอี้ขัดขวางและจับกุมสู่ตาราง …
แต่เหตุใดกัน ?
พวกเขามีเหตุผลอันใดที่ต้องจับตัวโสเภณี ?
ทุกผู้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายสองและศาลาสายรุ้ง แต่ นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายสองส่งนักวางแผน ฝางบูเหวิน เพื่อร้องขอในนนามของพระองค์ เขาเคารพในเกียรติแห่งสกุลจวิน พวกเขาได้รับคำสั่งให้กลับหลังจากพวกเขาได้ปล่อยตัวแม่นางยีเอ๋อเท่านั้น แต่ ใบหน้าของจวินวูอี้เยือกเย็นยิ่งนัก เมื่อเขาตัดสนใจ
” ไปให้พ้น ! ”
อาจกล่าวได้ว่า ขุนนางฝางผู้น่ายกย่องได้ลอยไปสู่โทสะ
และจากนั้น คุณชายน้องจวินสามได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง … ท่ามกลางความโกลาหล
คุณชายน้อยจวินที่ดูเหมือนขอทานปรากฏตัวขึ้นในลานบ้านของเขาราวกับสุนัขจรจัดที่หิวโหย เขามุ่งหน้าไปยังครัวของสกุลจวินราวปลาที่สามารถหนีจากอวนได้ในตอนที่เขาปรากฏตัว
เคอน้อยกำลังน้ำตานองหน้า นางกระโดดขึ้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขามาถึง แม้นนางมองไม่เห็นเงาของเขาเมื่อหันไปมอง
เคน้อยเร่งรีบมุ่งหน้าไปรายงาน กวนเซียงฮั่น ในทางกลับกัน นางรายงานต่อ จวินวูอี้ว่าคุณชายน้อยสามจวิน ได้กลับมาอย่างปลอดภัย
หลังจากนั้น หญิงสาวทั้งสอง มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่จวินโม่เซี่ยได้หายตัวไป พวกนางตกตะลึงยิ่งนักเมื่อไปถังครัว
เสื้อผ้าของจวินโม่เซี่ยขาดรุ่งริ่งและผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าของเขาวีดเผือก และมีถุงใต้ตาของเขา เขาดูราวสัตวที่เคราะห์ร้าย มือของเขาแห้ง และดำราวตีนไก่ และรองเท้าของเขาเป็นรูจนนิ้วเท้าออกมา เขาหยิบปลาด้วยมือซ้ายและนำใส่ปาก และเมื่อดึงมันออกมา มันเหลือเพียงหัวและก้าง
เขาถือก้อนเนื้อในมือขวา ดูเหมือนว่าเขามิทันได้เคี้ยวเมื่อมันไหลลงคอของเขาไป ชามซุปที่วางอยู่ตรงหน้าเขา บางครั้งบางคราวเขาสำลักและเปล่งเสียงแปลกประหลาด จากนั้นเขาก้มหัว และจุ่มมันลงไปในชาม มิสนใจความแปลกประหลาดของการกระทำเมื่อเขาทำให้ชามนั้นว่างเปล่าภายในชั่วอึดใจ
ที่พื้นเบื้องล่าง … คือ กองกระดูก ก้างปลา และเศษชิ้นเนื้อ …
พ่อครัวตัวอ้วนทำตัวราวประหนึ่งถูกอสุนีบาต พวกเขาเพ่งมองไปยัง คุณชายน้อยผู้มือชื่อ ใบหน้าของพวกเขากระตุก เขากินมากมากยิ่งนัก
โอ้ว ! แม้แต่หมู … ไม่ .. แม้แต่หมูป่าตัวผู้ก็มิอาจกินมากมายด้วยความเร็วเช่นนี้ได้ !
พวกเขารู้สึกวิงเวียนเมื่อได้เห็สิ่งที่เกิดขึ้น
กวนเซียงฮั่น และเคอน้อย มุ่งหน้าไปและได้พบเขา พวกนางขุ่นเคืองยิ่งนัก
เจ้าปิศาจ ! เจ้าหายไปไร้ผู้ใดล่วงรู้ เจ้าหายไปจากบ้านสามวันโดยมิบอกกล่างอันใด ! เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าทุกผู้เป็นห่วงเพียงใด ?
พี่สะใภ้ต้องการสั่งสอนบทเรียนแก้น้องเขย ท้ายที่สุด นางก็อาวุโสกว่า แต่ นางต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็น และมิอาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
มารยาทบนโต๊ะอาหารเช่นนี้ ?!
ดวงตาของลูกสาวแห่งสกุลกวนเบิกกว้าง และนางปิดปากน้อยของนางด้วยสีหน้าตกตะลึง สีหน้าสวยงามและเย็นชาของหญิงสาวได้เแประเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ครั้งแรก …
ปากน้อยและอ่อนโยนของเคอน้อยเปิดกว้าง ขณะนางเริ่มเพ่งมอง จนสามารถมีคนนำใข่สองฟองใส่ไปในปากของนางได้
ในที่สุด จวินโม่เซี่ยถอนใจอย่างพึงพอใจ จากนั้น หัวของเขาก้มลงไปอีกครั้งเพื่อกินซุปที่เหลือเพียงเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองเห็นก้นชามสีขาว
จากนั้น เขายกขาขึ้นข้างหนึ่งและเตะกองกระดูกไป … ซึ่งมันสูงเกือบถึงข้อเท้าของขา จากนั้น คุณชายน้อยสะอึกด้วยความพอใจ สุดท้าย เขาหยิบมีดพกขึ้นและแคะฟัน จากนั้นเขาก็ได้เห็นสีหน้าของทุกคน …. ผู้ที่มีสีหน้าหลังจากได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ เขาอดถามด้วยความสงสัยมิได้
” หน้าข้ามีดอกไม้ขึ้นหรือ ? “
ทุกผู้ไร้วาจา
พวกเขาไร้วาจามาเป็นเวลานาน พวกเขาจักประหลาดใจมากหากมีผู้ใดเอ่ยวาจาได้เมื่อได้พบเห็นบางสิ่งทีไร้ยางอายเช่นนี้
” สองสามวันมานี้เจ้าไปทำอันใดมา ? “
พี่สะใภ้ กวนเซียงฮั่น ถามด้วยความสง่างาม หลังจากนางได้สติ
” ข้า ? สองสามวันที่ผ่านมา ? ฮ่า … ”
จวินโม่เซี่ยคาดได้ทันทีว่าสิ่งใดเกิขึ้น จากนั้นเขาถอนใจขณะพยักหน้า
” ข้ามีกิจมากมายนักในสองสามวันนี้ วุ่นวายยิ่งนัก ! ไม่เหมือนพวกเจ้า ผู้ที่นอนจนหิว และกินจนพวกเขาพอใจ เจ้าไม่มีสิ่งใดต้องทำ … เว้นเพียงดูแลความต้องการทางร่างกาย !
เขาเอ่ยสิ่งใด ?
กวนเซี่ยงฮั่นมีโทสะขณะเอ่ยขึ่นอย่างดุร้าย
” เจ้าว่าอันใด ? “
” ข้าเอ่ยอันใด ? ฮี่ฮี่ … ข้าบอกว่าท่านพี่สะใภ้ และเคอน้อยดูแล้วสวยงามยิ่งกว่าทุกวันที่ข้าได้พบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่สะใภ้ ! ไม่เพียงแต่เจ้าดูน่าดึงดู แต่เจ้ายังดูสาวขึ้นด้วย ข้าเชื่อว่าผู้ที่ไม่รู้ว่าท่านคือพี่สะใภ้ คงจักคิดว่าท่านคือพี่สาวของข้า หากท่านกระทำเช่นนี้ ! ”
จวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจาประจบเมื่อเขาพูดเรื่องไร้สาระ
กวนเซียงฮั่น และเคอน้อยตกตะลึง พวกเขารู้ว่าวาของเขานั้นเกินจริง และรู้ว่าเขาเพียงพยายามเยินยอพวกนาง แต่ พวกนางรู้สึกยินดีที่ได้รับการชื่นชม อารมณ์ของพวกนางเปลี่ยนไป และสีหน้าสุขสันต์ปรากฏขึ้นเมื่อพวกนางเพ่งมองเขาไร้วาจา ใบหน้าของ กวนเซียงฮั่น บึ้งตึงเมื่อเวลาผ่านไป
” น้าสามกลับมา เขาจักทำให้เจ้ารู้สึกดี ”
นางเอ่ยจบและดึงร่างเคอน้อยไปด้วย
เชียงฮั่นพูดถูก ยิ่งกว่านั้น มิได้เอ่ยเกินจริงเลย
ปู่จวินและน้าสามเร่งรีบมุ่งหน้ากลับมาหาจวินโม่เซี่ยเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขากลัยมา และเร่งรีบราวพายุ ผมของคุณชายน้อยจวินเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อเขาได้เห็นสิ่งนี้ และเขาเริ่มตะกุกตะกัก …
คุณชายน้อยจวิน มิอาจทนต่อการดุด่าดั่งพายุนั้น แต่เขาต้องการที่จักแสดงความสำเร็จของเขา เช่นนั้น เขาจึงกระแอมและนำ ยาหยางลึกลับ ยาหัวใจอสูร และ ยากทศวรรษ แต่ อาวุโสทั้งสองยังคงกล่าวตำหนิเขาอย่างรุนแรงต่อไป
เอ่อ … ยาเหล่านี้ดีเลิศ แม้นพวกเขามิสามารถกินในปริมาณที่เข้มข้นได้ ยาหยางลึกลับสามารถกินได้หนึ่งครั้งในเวลาสิบปี และ มันเป็นเรื่องปกติที่จักกินยาเพื่อสุขภาพ แต่ ยากทศวรรษนั้นกินได้เพียงครั้งเดียว มันไร้ประโยชน์ที่จักกินเป็นประจำ … ความจริงแล้ว มันไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง
ปู่จวิน และน้าสาม ยิบยาด้วยปลายนิ้ว แต่เมื่อดูจากสีหน้าของพวกเขา … พวกเขามิดูมั่นใจนัก ท้ายที่สุด คุณชายน้อยจวินผลของยาเหล่านี้เป็นสิ่งอัศจรรย์ พวกเขามองจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ
เจ้าปิศาจคดโกง ! ยาเม็ดเล็กๆนี้สามารถเพิ่มขั้นการฝึกฝนได้สิบปี ? ไร้สาระ !
ความคิดเดียวกันเกิดขึ้นในสมองของทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกว่า การบำเพ็ญของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากที่พวกเขากินยานี้เข้าไปภายใต้การจัดการของจวินโม่เซี่ย พวกเขารู้สึกว่าฝีมือของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบปีหรือมากกว่านั้น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวดั่งเช่นคุณชายน้อยจวิน พวกเขาเพิ่งมองไปยังคุณชายน้อยจวิน ราวกับ กลุ่มของ … หมาป่าหิวโหย !
“สิ่งนี้น่าประหลาดใจยิ่งนัก ! สิ่งเหล่านี้มีทั้งหมดเท่าใหร่ ? สิ่งพวกมันมาให้อาวุโสผู้นี้ ! ข้ามีความสุขอีกครั้ง เช่นนั้น อย่างทำให้มันเป็นปัญหาสำหรับข้า ! ข้าจักไม่เป็นข้าจักไม่มีเรื่องไร้สาระสำหรับเจ้า เจ้าเด็กเหลือขอ ! ”
นี่คือเสียงคำรามของปู่จวิน ใบหน้าของเขาชื่นมื่นด้วยความตื่นเต้น เขาคว้าเอาเสื้อคลุมด้านหน้าของจวินโม่เซี่ย ยกเขาขึ้นกลางอากาศ และเขย่าราวกับเขาเป็นปลาแห้งกลางสายลม
ชายแก่อ้าปากกว้างอย่างตะกละตะกลามขณะเขาเอ่ยวาจาเหล่านี้ด้วยท่าทีป่าเถื่อน
” เนื่องจากท่านปู่เอ่ยปากก่อน … เจ้าต้องมอบสิ่งที่เขาต้องการก่อนสิ่งอื่นใด ข้ามิได้สำคัญเช่นนั้น เจ้ามาหาข้าได้เมื่อเจ้าต้องการ เพียงแค่ส่งหนึ่งร้อยขวดมาให้ข้า เจ้าจัดต้องส่งสิ่งที่เจ้ามีให้ปู่ของเจ้าทั้งหมก ไม่ว่าเจ้าจักมีเหลือเท่าใด ”
นั้นสิ่งที่จวินวูอี้เอ่ย เขาต้องการยาเหล่านี้มากเกินกว่าร้อยขวด
พ่อลูกคู่นี้คิดว่ายาเหล่านี้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า ? และ สามารถหยิบมันขึ้นมาจากพื้น ? เหล่านี้เป็นยารักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง !
จวินโม่เซี่ยคร่ำครวญ เขาวิงเวียนด้วยความตะลึง …
แม้นว่าข้าสามารถถอนพวกมันจากพื้นดินได้ … ข้าก็ยังต้องทำงานหลังขดหลังแข็ง ! ยาเหล่านี้เป็นอาหารเสริมที่อัศจรรย์ … แต่ สองคนนี้คิดว่าพวกมันเป็นเหมือนกะหล่ำปลีอย่างนั้นหรือ … ? พวกเขาจึงต้องการพวกมันมากมายเช่นนี้ ….
สองผู้นี้จักสังหารจวินโม่เซี่ยเพื่อยาเหล่านี้ ? พวกเขาลืมเรื่อง หลานชาย และผู้สืบเชื้อสายสกุลด้วยยาที่ล่อตาล่อใจเช่นนี้ ! ปู่จวิน ดึงแก้มจวินโม่เซี่ยอย่างชั่วร้าย จนเกือบทำให้มันกลายเป็นดั่งแก้มหมู จวินวูอี้เป็นผู้ที่อ่อนโยนกว่า เขาเพียงสามารถบอกถึงวามรู้สึกของจวินโม่เซี่ยเป็นแนวทางเท่านั้น นอกจากนี้ ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยอาจจะกลายเป็นสีม่วงจากการโดนดึง
หากเขาเป็นลมต่อหน้าพวกเรา ? พวกเราจักตัดสินควาผิดในเจตนาของเจ้าเด็กเหลือของผู้นี้ พวกเราผิดพลาด มาก่อนกที่พวกเขาจักเกิด !
คุณชายน้อยจวินร้องไส้สะอื้น เขาต้องการที่จักหลั่งน้ำตา แต่หาได้มีเลยสักหยด
” ข้ามิอาจทำมันได้อีกแล้ว …. ข้าอ่อนแรง … ข้ามิอาจทำมันได้อีก …. ท่านทั้งสอง … ปล่อยข้าเถิด ! ”
” เจ้าเด็กปิศาจ ! ข้าเพิ่งเห็นว่าเจ้าเอาขวดเหล่านั้นออกมาหลายขวด ! ตอนนี้ส่งมันมาให้ข้าเสียดีๆ เจ้าต้องการมีปัญหาหรือ ? “
ปู่จวินช้อนจวินโม่เซี่ยขึ้นด้วยข้อเท้า และดึงเขาขึ้นมา จากนั้น เขาเริ่มเขย่าอย่างดุร้าย ทำให้เกิดเป็นภาพดั่งเด็กชายซุกซนที่ถูกแวนไว้บนกิ่งไม้ แต่สิ่งที่ต่างไปนั่นคือ เขากำลังห้อยหัวอยู่ …
จวินโม่เซี่ยมิอาจทนต่อการปฏิบัติเช่นนี้ได้อีกต่อไป
” ปล่อย .. ข้ากำลังจักตาย ! ข้ารู้สึกวิงเวียนยิ่งนัก ! ที่ข้าให้ … ที่ข้าให้ … ยังไม่เพียงพอหรือ ? “
ปู่จวินวางหลานชายของเขาลง และเพ่งมองไปยังเขาราวเสือที่เพ่งมงลูกแกะ ไม่แม้แต่กระพริบตา
จวินโม่เซี่ยคลานไปและตบหน้าเขา
เจ้าต้องการที่จะอวดมิใช่หรือ ?! เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าชัดนำปัญหาเข้ามา ? เจ้ารู้ดีว่าสิ่งนี้สามารถส่งผลต่อหัวใจผู้คนได้ เจ้ารู้ว่าปู่ของเจ้า และน้าสามจักหลงลืมความสัมพันธ์เนื่องถูกล่อลวงจากยาอันนี้อัศจรรย์เหล่านี้ !
เขายังคงรู้สึกผิด
อย่างไรก็ตาม ข้าปรุงยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของสกุลจวิน เช่นนั้น เหตุใดข้าต้องได้รับการปฏิบัติอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ ?! เป็นความทรมาณที่แตกต่างกันยิ่ง ! ราวกับพวกเขากรอน้ำพริกลงคอหอยข้า !
เขาค่อยๆหยิบขวด ยาหยางลึกลับ ยาหัวใจอสูร ยาฟื้นฟูหลากหลาย และ ยากทศวรรษออกมาอย่างละขวด จากนั้นเขาวางมันลงบนโต๊ะ
” นั่นคือทั้งหมดที่ข้ามี ! ”
” ข้าไม่เชื่อเช่นนั้น ! เอามาอีก ! ”
ผู้อาวุโสทั้งสองคำรามพร้อมเพรียง
” ข้ามีเพียงเท่านี้จริง ! ”
ใบหน้าคุณชายน้อยจวินเผยความจริงใจ
” เท่านี้เพียงหอสำหรับหนึ่งร้อยคน อาจารย์ข้ามอบสิ่งเหล่านี้ให้ข้า … ”
เขาคิด
ท่านต้องการทั้งหมดเพื่อตัวเองหรือ ? ข้าทำมันขึ้นมาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกองกำลังที่อยู่ภายใต้การดูแลของข้า … แต่ข้าจักมิให้มันแก่ผู้ที่ข้าไม่เชื่อถือ เช่นนั้นข้าจัก เก็บที่เหลือไว้กับตัวเอง
” ทั้งหมดนี้เพียงพอต่อคนหนึ่งร้อย ? “
ผู้อาวุโสทั้งสองเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ยาล้ำค่าเช่นนี้หยายากยิ่งนัก น้าสามขอขวดเหล่านี้นับร้อย แต่นั้นเป็นเพียงการล้อเล่น
มันเพียงพอแล้วหากหนึ่งขวดนั้นเพียงพอต่อสามถึงห้าคน เช่นนั้น เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาจักไม่ตกตะลึงเมื่อได้คุณ คุณชายน้อยจวินเอ่ยว่า ขวดน้อยๆเหล่านี้เพียงพอแก่คนนับร้อย ?
” จริงสิ อาจารย์ของข้าใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดเพื่อปรุงยาเหล่านี้ นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าหาส่วนผสมสมุนไพรมากมาย ? แต่ อาจารย์ของข้า ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรุปงยา เขาจำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟูสามถึงห้าเดือน ยิ่งกว่านั้น เขามิอาจปรุงยาเช่นนี้ได้อีกเป็นเวลานาน เช่นนั้น พวกเราจึงต้องใช้ยาเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ”
จวินโม่เซี่ยเอ่ยเกินจริงเป็นเรื่องปกติ แต่ หากทั้งสองรู้ว่ายาเหล่านี้สามารถรปรุงได้เรื่อยๆ … พวกเขาจักไม่บังคับให้เขาปรุงยาเหล่านี้ทุกวันไปตลอดชีวิตหรือ ?
ทั้งสองคิดว่าสมเหตุสมผล มันสมเหตุสมผลหาก อาจารย์ของจวินโม่เซี่ยมิอาจปรุง โอสถสวรรค์ เหล่านี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท้ายที่สุดแล้ว มันจักมิกลายเป็นของเด็กเล่นหรือ หากยาเหล่านี้หาได้อย่างง่ายดาย ?
สองผู้อาวุโสปล่อยจวินโม่เซี่ยออกไปข้างๆ จากนั้น พวกเขาแย่งกันคว้าขวด ….
“ของข้า ! ”
“ของข้า ! ”
” ปั่ง ! ฉึบ ! ตุ๊บ ! ”
ชัดเจนว่าทั้งสองเอื้อมมือไปยังขวดยา …
จวินโม่เซี่ยหายไปจากโถงรายกลุ่มควัน เขามิสนใจชายผู้ไร้ยางอายเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม จักไม่มีเหตุร้าย … ไม่ว่าเขาจักต้อสู้กันเท่าไหร่ก็ตาม แต่ พวกเขาก่อให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนของพื้นดิน
ข้าหนีไปจักดีกว่า …
จักตั้งใจหรือไม่ จวินโม่เซี่ยได้แวะเข้าไปยังลานบ้านของกวนเชียงฮั่น นางนั่งเงียบงันอยู่ภายใต้ต้นไม้ที่เบ่งบาน หญิงสาวมองไปยังต้นไม้อย่างเงียบๆด้วยใบหน้าพึงพอใจ ชัดเจนว่านางได้ยินเสียงฝีเท้าของจวินโม่เซี่ย แต่นางยังคงนิ่งสงบต่อไป ในความจริง นางไม่แม้แต่จักหันมามองเขาเลย
” เรื่องอันใดกัน ? “
นางถามเอื่อยเฉื่อย
” ไม่มีเรื่องันใดสำคัญ ข้าเพียงนำยาจำนวนหนึ่งมา เจ้าควรได้ลิ้มลอง แต่พวกมันไม่เลิศรสนัก ฮ่า ฮ่า … ”
จวินโม่เซี่ยหัวเราะชั่วร้าย
” โอ้ ? “
กวนเชียงฮั่นค่อยๆหันหน้าอันงดงามและเยือกเย็นไปมองเขาเชื่องช้า
” ยารักษาสิ่งใด ? “
” ข้าปรุงยามากมาย พวกมันส่งผลดีเลิศ เจ้ากล้าลองมันหรือไม่ ? “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยวาจายืดยาว แต่ มีเพียงหนึ่งคำในความคิดของเขา ยากระตุ้นกำหนัด แต่เขามิกล้าเอ่ยมันออกมา
” กล้าอันใด ? เจ้าคิดว่าข้ากลัวว่าเจ้าจักวางยาข้าหรือ ? “
จากนั้น จากนั้นกวนเชียงฮั่นกระทำเกินการคาดการของจวินโม่เซี่ย … นางยิ้ม จวินโม่เซี่ยหลงลืมศีลธรรมเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มอันงดงามที่น่าตะลึงนั้น … มันน่าตกตะลึง … ประหลาดใจ… เกินกว่าการคาดฝัน …
” จวินโม่เซี่ยข้ามิอาจมั่นใจเจ้าได้ แต่ข้ารู้ว่าเจ้ามิใช่ผู้ที่มีความเลวทรามอยู่ติดตัว และอย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังเป็นพี่สะใภ้เจ้า ”
นางยื่นมือไปรับยาจวินจวินโม่เซี่ย สามเม็ด ปริมาณที่กำหนดของหญิงสาว ยาหยินขาดหาย ยาหัวใจอสูร และ ยาทศวรรษ นางมองจวินโม่เซี่ยอย่างเอาใจใส่ จากนั้น นางเงยหน้าโดยไม่ลังเล และกลืนยาลงไป
จวินโม่เซี่ยเบิกตกว้าง เขากำลังจักบอกให้นางรอจนกว่านางจักเริ่มการฝึกฝน แต่ นางอ้าปาก และกินยาเข้าไปเสียก่อนแล้ว เป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนักสำหรับเขา
เกิดกลุ่มก้อนความเสียใจแก่จวินโม่เซี่ย เมื่อเขารู้ว่า กวนเซียงฮั่นเชื่อใจเขายิ่งนักจนนางกินยาเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่คิดให้ดี
ข้าควรปรุงยาที่กระตุ้นกำหนัดหากข้ารู้ว่านางเชื่อใจข้ามากมายเช่นนี้ นี่คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ นะ ! นี่คงเป็นวิญญาณของจวินโม่เซี่ยที่ตามหลอกหลอนข้า ข้าบริสุทธิ์ยิ่งนัก … ข้าจักเป็นคนเช่นนั้นได้อย่างไร …. ?
กวนเซียงฮั่นกำลังจักถามถึงเรื่อยา และมันเกิดปฏิกริยาเมื่อนางรู้สึกร้อนรุ่มที่จุดดันเถียน ทันใดนั้น นางของนางร้อนรุ่ม และ ผ่อนคลาย มันเป็นความรู้สึกสบายเกิดนกว่าพรรณนา จากนั้น ปราณเชวียนเริ่มเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ มันหลั่งไหลรุนแรงประหนึ่งแม่น้ำเชี่ยวกราด จุดดันเถียนของนางร้อนขึ้นเรื่อยๆขณะที่ปราณเชวียนยังคงเคลื่อนที่ไปตามเส้นลมปราณ ความจริงแล้ว มันแปเปลี่ยนเป็นปราณชเวียนบริสุทธิ์…
ยาลึกลับของจวินโม่เซี่ยเพิ่มความสามารถของผู้คนได้อย่างลึกลับ
กวนเซียงฮั่นประหลาดใจเมื่อได้พบสิ่งนี้ นางรู้สึกคลางแคลงใจในตัวเขา อย่างไรก็ตาม การบำเพ็ญของนางก่อนหน้านี้อยู่ในขั้นเชวียนเงินสูงสุด ความจริงแล้ว นางกำลังจักบรรลุไปยังขั้นเชวียนทอง แต่ นางสามารรู้สึกว่าได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทองอย่างรวดเร็วเนื่องจากพลังงานมากมายที่เริ่มหลั่งไหลไปตามร่างกายของนางหลังจากได้กินยาเข้าไป
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัว และ ไม่มีผู้ใดแนะนำนางได้ในช่วงเวลาสำคุณนี้ … นอกจากน้องเขยของนาง …
เหตุใดเจ้าเด็กเหลือขอนี่ไม่อธิบายสิ่งนี้ ? เขามิกังวลอันใดเลยหรือ ? ข้าคิดว่ามันเป็นขนมหวาน !
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลามากพอให้นางคิดถึงสิ่งนี้ พลังงานบริสุทธิ์ และมหาศาลจากยา หลั่งไปไปยังแขนขาของนาง นางก้าวข้ามไปยังขั้นเชวียนทองอย่างกล้าหาญ แต่ ทันใดนนั้นนางรู้สึกไม่สบายขึ้นอย่างรวดเร็ว สติของนางแตกกระจาย
ขั้นการบำเพ็ญของกวนเชียงฮั่นนั้นต่ำมาก มันอยู่เพียงขั้นเชวียนเงิน ความจริง การบำเพ็ญของนางด้อยกว่าคุณชายน้อยจวิน จวินวูอี้และปู่จวินสามารถกินยาทศวรรษได้โดยไม่ต้องลังเลเนื่องจากพวกเขาอยู่ในขั้นสวรรค์เชวียน พวกเขาสสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดายผ่านกระบวนการยกระดับนี้ ความจริง พวกเขาสามารถบรรลุผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาใด
นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม กวนเซียงฮั่นเกือบต้องตาย ความแตกต่างระหว่าการบำเพ็ญของนาง และสองผู้นั้นคือ สิบขั้น ! นางเพิ่งบำเพ็ญมาเพียงสิบปีเท่านั้น และตอนนี้ นางได้รับการพัฒนาถังสิบปีภายในครู่เดียว นี่เป็นเหมือนการรวบรวมการบำเพ็ญของนางทั้งหมดก่อนที่ทางจะกินยาเข้าไป อย่างไรก็ตาม ปราณเคลื่อนไหวในร่างกายในตอนนี้บริสุทธิ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน ยิ่งไปกว่านั้น นางมิเคยผ่านการฝึกฝนอันโหดร้ายของจวินโม่เซี่ย …. เช่นนั้น นางจักต่อสู้ได้อย่างไร ? โชคดีที่ นางได้กินยาหัวใจอสูร…มิเช่นนั้นนางคงจักลุกเป็นไปไปแล้ว
กวนเซียงฮั่นรู้สึกราวกำลังจักลุกเป็นไฟ สติของนางแตกสลาย นางรู้สึกสิ้นหวัง
ชีวิตของข้าจักจบลงด้วยเหตุลึกลับหรือ ?
น้องเขยของนางเปลี่ยนไปดีขึ้นจากความยากลำบากนี้ เขาใช้ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ และค้นหาโอสถสวรรค์ ยิ่งกว่านั้น เขายังมิลืมถึงความต้องการของนาง นี่แสดงให้เห็นว่าเขาปรับตัวให้ดีขึ้น แต่ เขามิได้คิดว่าความสามารถของนางในการควบคุมพลังปราณจักขาดแคลน โอสถสวรรค์กำลังจักสังหารนางโดยมิอาจคาดได้
กวนเซียงฮั่นรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขัน ความจริง นางค่อยข้างลังเลที่จักปล่อยมันไป หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน นางคงไม่รู้สึกเช่นนี้ ความจริงแล้ว นางจักรู้สึกเป็นอิสระ แต่ เหตุใดนางจึงไม่ต้องการที่จักยอมแพ้ ?
นางยิ้มอย่างมีความสุขขณะคิด
แล้วเจอกันใหม่
จากนั้น นางหลับตา แต่ ทันใดนนั้นนางต้องลืมตาขึ้นทันที … นางตกใจยิ่งนัก
กวนเซียงฮั่นนางนึกถึงสิ่งที่นางมิอาจเอ่ย
” ข้ามาแล้ว ”
ต่อหน้าความตาย แทนที่จักเอ่ยว่า
“เจอกันใหม่ ”
เหตุใดข้าจึงเอ่ยว่าไว้เจอกันใหม่ ? ข้ามิต้องการทิ้งผู้ใดกัน ?
กวนเซียงฮั่นรู้ว่านางไม่มีเวลาที่จักคิดเรื่องนี้
ทันใดนนั้น นางรู้สึกถึงฝ่ามือเย็นมาสัมผัสที่กลางหลังของนาง จากนั้น นางรู้สึกถึงพลังอันอบอุนแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย พลังงานที่อบอุ่นนี้ดึงสติของนางไว้ ราวกับนางวิงเวียนจากความร้อน แต่จากนั้น นางรู้สึกเหมือนกำลังแช่อยู่ในอ่างน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว น่างรู้สึกผ่อนคลายไปถึงกระดูก …
จากนั้น นางรู้สึกว่ามีพลังอันบริสุทธิ์กระจายออกมาจากฝ่ามือนั้น และเริ่มไหลเข้าไปสู่เส้ลมปราณของนาง นางรู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ชี้ทางให้แก่พลังปราณที่หลังไหลอย่างบ้าคลั่งในเส้นลมปราณของนาง
ปราณที่ไหลอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ แต่มันเริ่มอ่อนลงเมื่อความอบอุ่นนี้มาถึง มันเริ่มไหลไปตามที่พลังนั้นชี้นำไป
มีเสียงรบกวนลั่นในความคิดของกวนเชียงฮั่น และจากนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงเส้นลมปราณที่เปิดกว้างขึ้นอย่างมิอาจมีสิ่งใดเทียบ แม้แต่จิตวิญญาณของนางก็ได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แก่งใหม่
กวนเซียงฮั่นได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทองด้วยการช่วยเหลือของมือที่อยู่หลังนาง
ครั้งนี้ผู้ที่ช่วยนั้นมิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก คุณชายน้อยแห่งสกุลจวิน จวินโม่เซี่ย
กวนเซียงฮั่นแตกตื่น อาจกล่าวได้ว่านางไร้ประสการณ์ในเรื่องนี้ แต่ จวินโม่เซี่ยรู้ว่ายาที่เขาปรุงมานั้นแข็งแกร่ง แต่มิได้รุนแรง เขาจึงมอบยาหัวใจอสูรเพื่อช่วยในการพัฒนาครั้งนี้ ดังนั้น จึงไม่มีทางที่นางจะได้รับรอยเขี้ยวปิศาจและตาย นางอาจหมดสติไปสองสามวัน แต่ความสามารถของนางจักยังคงเพิ่มพูน แต่ นี่เป็นโอกาสทอง และจวินโม่เซี่ยมิใช่สุภาพบุรุษ เช่นนั้นเข้าจักปล่อยมันไปได้อย่างไร ? สุดท้ายแล้ว ก็ควรจักมีความสุขในกาารช่วยเหลือผู้อื่นตอบแทน !
เขาวางมือบนหลังของนาง มือของเขาห่างจากผิวหนังของนางด้วยเสื้อผ้าสองชั้น แม้นช่วงสาทรฤดูนี้ กวนเซียงฮั่นเป็นยอดฝีมือเชวียนเงิน ดังนั้น นางจึงอดทนต้อความร้อนและเย็นได้ดี เพราะฉนั้น ชัดเจนว่านางจักไม่ใส่เสื้อหลายชั้นเกินไป นั่นจึงเป็นเหตุ นางจึงรู้สึกถึงความอ่อยโยนเมื่อจวินโม่เซี่ยปะทะมือไปยังหลังของนาง นางรู้สึกสบายจนอยากตะโกนหาคนผู้นั้น ….