ความคิดของคุณชายน้อยจวินที่เดิมทีเต็มไปด้วยความสับสน  จากนั้นเข้าจำได้ว่าให้ความช่วยเหลือไป ….

กวนเชียงฮั่นตื่นขึ้นช้าๆ   นางรู้สึกร่างกายผ่อนคาย  หญิงสาวรู้สึกราวกำลังพุ่งทยานขึ้นสู่ท้องนภา และอดกลั่นความสู้สึกปิติไม่ได้  นางได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทองแล้ว !  นั้นหมายความว่านางมีความแข็งแกร่งมากยิ่ง  นางมิต้องการให้ผู้ใดปกป้องอีกต่อไป  ตอนนี้มันไร้ประโยชน์

 

กวนเชียงฮั่นสกัดกั้นความรู้สึกสำราญที่พุ่งพล่านนั้นได้ยากยิ่ง  นางตระหนักได้ว่าฝ่ามือที่วางอยู่บนหลัง และส่งผ่านพลังอันอบอุ่นก่อนหน้านี้ได้หยุดลงแล้ว  ตอนนี้ … นางยังคงรู้สึกได้ว่าฝ่ามือนั้นยังอยู่บนหลังของนาง

 

มันเป็นมือที่ อบอุ่น และยิ่งใหญ่ !

 

ผู้ใดช่วยข้า ?  จวินโม่เซี่ยผู้นั้นมิมีตะบะเพียงพอช่วยข้าได้

 

นางหันหน้าไปมองด้วยความอยากรู้  น่าประหลาดใจนัก นางพบจวินโม่เซี่ยนั่งขัดสมาธิอยู่หลังนาง … พร้อมดวงตาที่ปิดอยู่  มือของเขายื่นออกมา ฝ่ามือยังคงประทับอยู่บนหลังของนาง …

 

เป็นไปได้อย่างไรกัน ?

 

ใช่เขาจริงๆ !

 

ทันใดนนั้น นางรรู้สึกวินเวียนขึ้นทันที

ตั้งแต่เมื่อใหร่กันที่เจ้าเด็กเหลือขอผู้มีมีตะบะสูงส่งเช่นนี้  ?  มันเป็นไปได้หรือ … ?

 

แต่เขายังคงสงบนิ่ง … เขาจำต้องใช้พลังมากมายเพื่อช่วยในการเพิ่มความแข็งแกร่งของข้า ใช่ไหม ?  ไม่แปลกใจเลยที่เขายังไม่ลืมตา  มันคงจักเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด

 

แต่เมื่อนางคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าฝ่ามือที่วางอยู่บนหลังของนางเคลื่อนไหม  จากนั้น นางรู้ว่านิ้วทั้งห้าบิดไปมา  ทันใดนนั้นเอง นางเริ่มรู้สึกจั๊กจี้

หรือเจ้าเด็กเหลือขอนี่นวดหลังข้า ?

มือของเขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง …

นี่ … นี่ … นี่ … เขามิได้ลูบไล้หลังข้าหรือ ?

 

ร่างของกวนเชียงฮั่นแข็งทื่อขณะที่นางหันหน้าไปมอง  ดวงตาของเด็กเหลือของผู้โชคร่ายยังคงปิดอยู่  แต่เขามีใบหน้าที่สุขสันต์  มุมปากของเขาบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มอันหยาบคาย  ราวกับใบหน้าที่เผยถึงตันหาในวิญญาณของเขา …

 

นี่เหมือนกับด้านที่หยาบคาของน้องเขบ  แต่ … เขามิได้แกล้งทำเป็นชั่วช้า ?

 

อย่างไรกัน …

 

ฝ่ามือนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง  ครั่งนี้…. มันเคลื่อนไหวลงด้านล่าง …

 

กวนเซียงฮั่นจักปล่อยให้น้องเขยฉวยโอกาสจากนนางได้อย่างไรกัน ?

 

” เอ๊ะ ! “

นางอุทาน

 ” ตุบ ! ”

นางตบเขาโดยสัญชาตญาณ  จากนั้น นางประทับเท้าอย่างหนักแน่น และเตะออกไป  ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย  นางมิอาจพบหน้าผู้ใดได้อีก  เช่นนั้น นางจึงปิดหน้าและวิ่งหนีไป

 

ความเร็วของคุณหนูเพิ่มขึ้นเนื่องด้วยการบำเพ็ญของนาง  เงาร่างหายเข้าไปในห้อง หัวใจเต้นกระหน่ำราวเสียงกลอง  นางมีโทสะ และอับอาย อับอายอย่างรุนแรง  ใบหน้าของกวนเชียงฮั่นประหนึ่งผู้ที่เกลียดชัด  นางกระทืบเท้าลงบนพื้น  มิอาจกลั่นน้ำตามิให้ร่วงหล่นขณะที่นางนั่งอยู่ด้วยความงุนงง  จากนั้น นางนอนลงบนเตียง และคลุมโปง เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากแม้นว่านางพยายามที่จักอดกลั้น

 

 

จวินโม่เซี่ยสามารถสัมผัสถึงความนุ่มนวลของผิวนางได้แม้ว่าฝ่ามือของเขาจักมิได้สัมผัสถึงมันโดยตรง  ความคิดของเขากำลังมึนเมากับสิ่งนี้  ความจริง เขารู้สึกราวริมฝีปากแห้งผาก  ดูเหมือนฝ่ามือของเขามีความคิดเป็นของตัวเอง  ราวกับมันเคลื่อนที่ไปด้วยตัวของมันเอง …

 

ช่างนุ่มนวยิ่งนัก … มันคือสิ่งใดกัน ?

 

ความคิดของเขาติดอยู่กับการชื่นชม  เขามิสนใจถึงการกระทำของร่างกาย  เขารู้สึกราวกำลังล่องลอยอยู่ในสายลม  ความจริงเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นอำมตะ

 

จากนั้น จวินโม่เซี่ยสะดุ้งด้วยความกลัวอย่างรวดเร็ว  เขากำลังลืมตาขึ้นเมื่อ

” ตุ๊บ ”

เขารู้สึกถึงฝ่ามือที่ปะทะมาที่ใบหน้า  เสียงตบนั้นดังอย่างชัดเจน  ชัดเจนว่าเขามีโทสะในเรื่องนี้

อะไรกัน ?

 

เขากำลังจักตอบโต้เมื่อรู้สึกถึงการสัมผัสที่รุนแรงที่ช่องท้อง เขาไม่มีเวลามากพอให้รู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากเขาถูกส่งให้ลอยไปราวกับหมอกควัน  เขาไถลไปสิบเมตรและชนเข้ากับแปลงดอกไม้

 

สิบเมตร !  คุณชายน้อยจวินมิได้กลับชาติมาเกิดเพื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่  เขามิได้สูง หรือมีร่างกายที่แข็งแกร่ง  ร่างกายของเขานั้นเป็นผู้ที่สมส่วน  น้ำหนักของเขาก็เช่นกัน  นั่นจึงเป็นเหตุให้การเตะของหญิงสาวนั้นรุนแรงเพียงพอที่จักส่งเขาให้ลอยออกไปได้ !

 

 

นางมีพลังมากมายเช่นนี้ด้วยการกินยาหรือ ?

 

ยานี่ … เจ้ามิควรกินมันโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน ….

 

และด้วยโชคชะตา … มีหนาวแหลมคมมากมายในแปลงดอกไม้นั้น  หนามแหลมคมจำนวนหนึ่งปักเข้าใส่หลังของคุณชายน้อยจวินโม่เซี่ย เขาเริ่มเจ็บปวดไปทุกหนแห่ง และความคิดทั้งหมดหายไปจากหัวของเขา  กระโจมที่เคยเกิดขึ้นมาตรงเป้าของเขาได้หายไปแล้ว …

 

เขาคลานออกมาจากเแปลงดอกไม้ด้วยความงุนงง ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ  คุณชายน้อยจวินพยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เขามิอาจกลั่นความกระวนกระวาย

ข้าเข้าใจว่ามือของข้าเคลื่อนไหวอย่างไม่มีคุณธรรม … และความคิดของข้านั้นผิดศีลธรรม … แต่ข้าพึ่งจะช่วยเจ้า !  แต่กลับได้ผลลัพธ์เช่นนั้น …

 

ข้าจักเอ่ยเช่นไร ?  เจ้าตบตีข้าอย่างไร้จุดประสงค์ได้หรือ ?  สิ่งนี้มันไร้เหตุผล !  แม้นว่า ข้าจักทำตัวไม่ดี ….

ยิ่งคุณชายน้อยจวินคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขายิ่งรู้ว่าเขานั้นผิด … และการตบและเตะนั้นเป็นการลงโทษที่เหมาะสม …

 

ข้ามิอาจอภัยการกระทำของข้าจากเหตุการณ์นี้ได้ !

มันมิน่าหดหู่หรอกหรือ ?

 

คุณชายน้อยจวิน เงียบไปครู่ใหญ่  เขามอบยาจำนวนหนึ่งให้ปู่ และน้าของเขา เพียงเพื่อให้พวกเขาฉีกเขาเป็นชิ้นๆ  จากนั้นจวินโม่เซี่ยมอบยาแก่กวนเชียงฮั่น และช่วยนางเพิ่มพูนตะบะ  เขาคิดว่าพี่สะใภ้ที่งดงามของเขาจักชื่นชม … หรืออย่างน้อยก็ทำตัวดีกับเขาหลังจากนั้น  ผู้ใดจักคิดว่านางจักเตะเขาที่ท้องเป็นการตอบแทน ?

 

แต่โชคดีที่นางเตะเขาที่ท้อง  จักเกิดอันใดหากนางเตะลงไปยังที่ต่ำกว่านั้น ?  นางจักไม่ทำไข่เขาแตกหรือ ?

 

จวินโม่เซี่ยปาดเหงื่อและหนีไปแบบหางจุกตูด  เขาตระหนักได้ว่าเขามิอาจไปยังป่าเถียรฟาได้หากโดนเตะเข้าที่ไข่  เช่นนั้น เขาจึงปิดระหว่างขาด้วยมือ และกระโดดออกจากลานบ้านของนาง

ชื่อเสียงอันเป็นตำนานของข้าจักพังทลาย …

 

คุณชายน้อยจวินออกคำสั่ง  องครักษ์ผู้แข็งแกร่ง สองร้อยห้าสิบสี่ฝึกฝนอย่างแข็งขันที่ลานฝึกสกุลจวิน  ไม้สำคัญว่ามันเป็นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะหรือการฝึกฝนเพื่อป้องกัน หรือพวกเขากำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างร้อน ทุกผู้หยุดสิ่งเหล่านั้นทันที   พวกเขารีบรวมกับเข้าเป็นสองกลุ่ม และมายืนตามคำสั่งของจวินโม่เซี่ย

 

ทั้งสองกลุ่มนั้นมีสีหน้าที่มีชีวิตชีวา

 

” จำได้ไหมในวันที่ข้าเริ่มต้นฝึกฝนเจ้า ข้าบอกเจ้าว่าข้าต้องการเจ้าเพียงสองกลุ่ม  ทั้งสองกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด  กลุ่มหนึ่งคือ ทำลายสวรรค์ และอีกกลุ่มคือ ดูดกลืนวิญญาณ  และ ทั้งสองกลุ่มนี้มิเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาจักเป็นกำลังหลักในกองกำลังของข้า !  ทั้งสองกลุ่ม ทำลายสวรรค์ และดูดกลืนวิญญาณจักช่วยข้าเคลื่อนที่ผ่านได้ทุกดินแดน  และ สมาชิกของทั้งสองกลุ่นนี้จักได้รับคัดเลือกจากผู้ที่อยู่ในหมู่พวกเจ้า  และ ผู้ที่ถูกเลือกเหล่านั้นจักกลายเป็นฝันร้ายของทั้งโลก !  พวกเขาจักเป็นขุนศึกชั้นแนวหน้าของดินแดนนี้ !  เขาเขามิมีผู้ใดเทียบได้ ! ”

 

จวินโม่เซี่ยเดินไปด้านหน้าของเหล่าขุนศึกอย่างผ่อนคลาย  มีแววตางที่คมชัด  เขาเพ่งมองไปยังใบหน้าของทหารทุกผู้

 

ลมหายใจของทุกผู้หนักแน่น  ดวงตาของทุกผู้เต็มไปด้วยความปรารถนา

 

เพื่อที่จักเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งที่สุด !  กลายเป็นฝันร้ายของศัตรู !  นี่คือความปรารถนาสูงสุดของพวกเขา

 

นี่คือสิ่งที่พวกเขาปรารถนามาทั้งชีวิต !

 

” ข้ายังบอกอีกว่า เจ้าจักคู่ควรกับมันหรือไม่ … ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า !  ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพวกเจ้า !  ข้ามิรู้จักชื่อของพวกเจ้าจนถึงวันนี้ !  อย่างแรก เพราะข้าไม่สนใจจักต้องรู้ !!  อย่างที่สอง .. เพราะเจ้ายังไม่สมควรได้รับการยอมรับจากข้า !

จวินโม่เซี่ยเอ่ยช้าลง  การพูดที่ช้าลงของเขานั้นมีจังหวะที่ประหลาด  ราวกับมีพลังที่กดลงที่ทั่งทั้งพื้นที่  ราวกับเวลากำลังช้าลง

 

” ข้าจักส่งภารกิจแรกของเจ้าให้หลังจากสี่วัน  และ ผู้ที่รอดกลับมาจักได้เป็นสมาชิกของ กลุ่มทำลายสวรรค์และ กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ ของข้า !  ตั้งแต่นั้น พวกเขาจักได้เดินไปบนเส้นทางแห่งพลัง และการสังหาร !  ชื่อของพวกเขาจักทำให้ทั่วทั้งดินแดนสั่นกลัว ! ”

 

จวินโม่เซี่ยเพ่งมงไปยังพวกเขา  จากนั้น เขาพูดต่อดด้วยเสียงเบา

” แต่ ภารกิจนี้แตกต่างจากก่อนหน้า  ข้าต้องการเพียงขุนศึกที่แข็งแกร่ง  เช่นนั้น ภารกิจนี้จะเป็นการเสี่ยงตายอย่างมาก ข้าจักบอกเจ้าว่าภารกิจนี้อันตรายยิ่ง !  อัตราการตายสูงถึง เก้าสิบเปอร์เซ็นต์  และ นั่นเป็นเพียงการประมาณการ ดังนั้น ทุกผู้ที่มิต้องการเข้าร่วม … เดินถอยหลังไป  ทั้งสกุลและตัวข้า ไม่บังคับเจ้าเพื่อทำสิ่งนี้  เช่นนั้น เจ้าสามารถถอนตัวได้หากต้องการ  ไม่ต้องละอายที่จักคิดถึงความปลอดภัยของตัวเจ้า ”

 

สายลมสาทรฤดูพัดเบา ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว  ความจริง ไม่มีผู้ใดกระพริบตา

 

” นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จักถอนตัว เจ้ามิอาจหันกลับไปได้อีกแล้ว  เป็นไปได้ที่ เข้าไปสิบ อาจจะตายทั้งสิบ  พวกเขาจักจากไปตลอดการ !  นี่คือโอกาสสุดท้าย ! ”

จวินโม่เซี่ยประกาศไปอย่างเยือกเย็น

 

ไม่มีผู้ใดขยับแม้แต่น้อย

 

จวินโม่เซี่ยพยักหน้าแผ่วเบา  จากนั้น เขาเอ่ยโหดเหี้ยม

” ผู้ที่ต้องการเข้าร่วม เดินมาข้างหน้า “

 

” ตึบ ! ”

 

บุรุษสองร้อยห้าสิบสี่ก้าวขึ้นหน้า  พวกเขาออกแรงขณะก้าวขึ้นหน้า  ความเป็นระเบียบ พละกำลัง การก้าวของพวกเขาทำให้พื้นสั่นสะเทือน

 

” ดีมาก !  เก้าในสิบอาจไม่รอบในภารกิจนี้  แต่ ตอนนี้เจ้ามิอาจเสียใจได้แล้ว  พวกเขากล่าวว่าผู้ที่ก้าวหน้าแม้นมีปัญหา คือบุรุษเลือดเหล็ก !  ให้ข้าบอกเจ้าบางอย่าง …”

 

จวินโม่เซี่ยพึมพัมอย่างลังเลครู่หนึ่ง  จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้านับร้อยในแววตา  ทุกผู้ตื่นตัว และหลังตรง  พวกเขาต้องการฟังวาจาของจวินโม่เซี่ยอย่างตั้งใจ

 

” การเดินทางของบุรุษมีเพียงเส้นทางเดียว  ชื่อเสียง และ ความสง่างามไม่ว่าเป็นหรือตาย … แต่ไม่ถอย !

 

” เลือดของบุรุษที่แท้จริง ทำมาจากเหล็ก เขาจักไม่ลังเลเมื่อเจอกับอันตราย !

 

“น้ำตาของบุรุษที่แท้จริงนั้นล้ำค่านัก  เขาจักไม่ถอยแม้นเมื่อเจอกับศัตรูมากมายเพียงลำพัง !

 

” กระดูกของเขาอาจหักได้  เลือดของเขาอาจไหลนอกงราวแม่น้ำ  แต่ บุรุษแท้จริงจักยืนหยัด ไม่ถอย ! ”

 

” บทกวีของบุรุษที่แท้จริงนี้สามารถท่องได้เพียง บุรุษที่แท้จริงเท่านั้น  ผู้ที่มิใช่บุรุษที่แท้จริง … มิอาจเข้าได้ได้ “

 

จวินโม่เซี่ยเอามือไพร่หลัง

” ข้าหวังว่าพี่น้องของข้าทุกคนจักกลายมาเป็น บุรุษที่แท้จริง  สุภาพบุรุษ จงก้าวย่างเพื่อกลายเป็นบุรุษที่แท้จริง !  ติดตามข้าในขณะที่ข้ายึดครองโลกอย่างภูมิใจ ! ”

 

ทั่งหมดเงียบสนิท

 

สีหน้าของทุกคนดุดัน  กวีแห่งบุรุษที่ให้เลือดของทุกคนเดือดพล่าน  ราวกับทุกรูขุมขนประทุไปด้วยพละลกำลัง พร้อมดวงตาที่เปล่งประกาย

 

มันคือบทกวีที่ยอดเยี่ยม !

 

การเดินทางของบุรุษที่แท้จริงมีเพียงหนึ่ง  ชื่อเสียง และ ความสง่างามไม่ว่าเป็นหรือตาย … แต่ไม่ถอย !  บุรุษสามารถเดินไปเพียงทิศทางเดียวเท่านั้นหากเป้าหมายของพวกเขาชัดเจน และ เขาจะเดินไปตามเส้นทางนั้นตลอดชีวิต  บุรุษเช่นนี้มิเคยเสียใจ

 

เลือดของบุรุษที่แท้จริงนั้นทำจากเหล็ก  เขาจักไม่ลังเลเมื่อเจอกับอันตราย !  นี่คือปกติวิสัยของบุรุษที่แท้จริง

 

น้ำตาของบุรุษที่แท้จริงนั้นล้ำค่า  เขาจักไม่ถอยแม้นเมื่อเจอกับศัตรูมากมายเพียงลำพัง !  พระอาทิตย์อาจตก เมื่อสนามรบเต็มไปด้วยซากศพ และทะเลเลือด  พันธมิตรอาจจากไป และบุรุษที่แท้จริงจักเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายแม้นมีร้อยรอยบาดแผล  มันจักเป็นฉากที่น่าเศร้า  แต่ บุรุษที่แท้จริงจักล่าถอยได้อย่างไร ?

 

กระดูของเขาอาจถูกหัก  เลือดของเขาอาจไหลนอกงราวแม่น้ำ  แต่บุรุษที่แท้จริงจักยืนหยัด ไม่ถอย !  นั้นคือบุรุษที่แท้จริง !

 

ผู้นำกลุ่มทั้งสองนำกลุ่มของพวกเขาเดินผ่านด้านหน้าของจวินโม่เซี่ย  พวกเขารับยา กำมือ และ เดินไป

 

บุรุษสองร้อยห้าสิสี่รับยาของพวกเขาเพียงชั่วอึดใจ  จากนั้น พวกเขาจัดระเบียบตัวเอง

 

” ยาเหล่านี้เป็นสิ่งหายาก และเป็นตำนาน !  คุณชายน้อยผู้นี้ได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย และใช้เงินมากมายเพื่อปรุงยาเหล่านี้  และตอนนี้ พวกเจ้าแต่ละคนได้รับส่วนแบ่งในมือ  ยาเหล่านี้จักเพิ่มพูนพลังปราณเชวียนของเขาเทียบเท่าสิบปี  สุภาพบุรุษ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง ! ”

จวินโม่เซี่ยเอ่ยด้วยทีท่าจริงจังขณะเขาเอามือไขว้หลัง

 

ทุกผู้ประหลาดใจ  ผู้คนเคยได้ยินถึงตัวยาหากยากและล้ำค่ามากมายทั่วทั้งดินแดนเชวียนเชวียน  ดั่งเช่น … โสมพันปี เห็ด และผักไผ่ … ยาเหล่านี้สามารถเพิ่มความก้าวหน้าของแต่ละคนใด  แต่ มิเคยมีข่าวของยากที่สามารถเพิ่มปราณเชวียนได้มากมายเช่นนี้  และ คุณชายน้อยผู้นี้มิเพียงปรุ่งยาล้ำค่า .. แต่เขายังยังมอบมันให้แก่ผู้อื่น !

 

ทุกผู้ประทับใจกับสิ่งนี้

 

บุรุษมอบชีวิตไว้กับสหาย

 

และเข้าจักทำเช่นนั้นโดยไม่เอ่ยวาจา …

 

ผู้นำทั้งสองออกคำสั่ง และทั่งสองร้อยห้าสิบสี่ก็ทำตาม  พวกเขาเรียงแถวแยกจากสหายสามเมตร  จากนั้น พวกเขาเงยหน้า และกลืนยาสามเม็ดลงไป  หลังจากนั้น พวกเขานั่งขัดสมาธิ และมุ่งสมาธิไปยังจุกดันเถียน เพื่อดูดกลืนปราณเชวียนจากยา

 

จวินโม่เซี่ยยืนตรงหน้าพวกเขาด้วยท่าทางผ่อนคลาย  อย่างไรก็ตาม เขาซ่อนมีดบินไว้ในมือเพื่อป้องกันไว้ก่อน  ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านของตัวเอง แต่เขาจำต้องระมัดระวังในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

 

บุรุษมากกว่าสองร้อยพัฒนาการบำเพ็ญพร้อมกัน  สิ่งนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน !

 

ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงต้องระวังเป็นพิเศษ

 

หอคอยตั้งอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ฝึกฝน  จวินวูอี้เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นจากด้านข้าง  เขายิ้มและพึมพัม

“ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กเหลือของผู้นี้เก็บไว้กับตัวมากมาย และข้าถูก !  การเพิ่มความสามารถทหารสองร้อยห้าสิบสี่คนพร้อมๆกัน … เป็นสิ่งที่อัศจรรย์นัก ….”

 

ปู่จวินคำรามทาจมูก

” โม่เซี่ยควรใช้ยาเหล่านั้น แต่เขามิควรใช้มันอย่างขาดการพิจารณา  สถานการณ์เลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ หากข่าวของเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป  คนธรรมดามิจำเป็นต้องซ่อนหลังกำแพง แต่ยาเหล่านี้สามารถทำให้สกุลจวินของข้าได้รับการสาปแช่งไปชั่วกัปช่วยกัน วูอี้ เราจักต้องระวังเป็นอย่างมา !  เป็นการดีที่จักฝังยาเหล่านี้ไว้ในดิน หากที่มาของพวกมันถูกเปิดโปง !  ข้าจักไม่ปล่อยให้สิ่งใดเกิดกับจวินโม่เซี่ย !  เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “

 

” ข้าเข้าใจ ”

จวินวูอี้พยักหน้าล้ำลึก และเอ่ย

“ยาที่ล่อตาล่อใจนั้นสามารถทำให้สกุลจวินมีเคราะห์ร้าย  พวกเรามิควรเสี่ยงหากมีวี่แววของปัญหา  จักเป็นการดีที่จักทิ้งโอกาสนี้มากกว่ายอมเสี่ยง ”

 

” ดี ! ”

ปู่จวินมองไปยังหลานของเขา  ความรักใคร่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่เอ่ยต่อ

” เวลาในการใช้ยาเหล่านี้ก็ควรแม่นยำเช่นกัน  และผู้ที่ได้รับผลจากมันมิควรรู้ว่ามันเกิดจากยา  เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันจักเป็นเช่นไร ? “

 

จวินวูอี้พยักหน้าเบาๆ

” ร่างกายของข้าพิการมานับสิบปี แต่สมองข้ามิได้เสื่อมถอย ข้าบังเอิญพัฒนาวิธีการเพิ่มการบำเพ็ญของข้า  ข้าแค่ขอให้เขาใช้วิธีเดียวกัน เพียงเท่านั้น ”

 

จวินจ้านเเทียนหรี่ตาลง

” แล้ว เจ้าทำให้ตัวเจ้าเสี่ยง ? “

 

คุณชายสามจวินยิ้มเงียบๆ และเยือกเย็น

” สบายใจได้ท่านพ่อ  ข้ารู้ว่าอันใดจักเกิดขึ้นต่อไป  แต่ จักไม่มีผู้ใดมองไปที่ตัวจวินโม่เซี่ยในเรื่องนี้ ”

 

” เจ้าจำต้องระวังอย่างมาก ! ”

ปู่จวินพยักหน้า และไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ  จากนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันเยือกเย็น  ในที่สุด เขาเอ่ยด้วยท่าทางสง่างาม

” ข้าต้องการข้อมูลของทั้งสองร้อยห้าสิบสี่คนนี้ !  ข้าต้องการรู้ถึงประสบการณ์ของพวกเขา และผู้ที่ติดต่อกับพวกเขา  ข้าต้องการรู้ถึงเพื่อน สกุล และทุกผู้ที่พวกเขาอาจติดต่อด้วย  เพื่อนบ้าน ..​หรือคนรัก … แม้แต่โสเภณี่ที่พวกเขาอาจมีสัมพันธ์ !  เจ้าต้องกำจัดผู้ใดก็ตามที่ต้องสงสัย  แม้นว่าการกระทำของเราจักไม่ยุติธรรม .. เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “

 

” ขอรับ ! ”

จวินจ้านเทียนออกคำสั่งอย่างแน่วแน่และเข้มแข็ง  ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นวาจาดั่งคำสั่งของทหาร  โดยเฉพาะเมื่อเขาเอ่ยประโยคสุดท้าย

” แม้นว่าการกระทำของเราจักไร้ความยุติธรรม ”

เขาตัดสินใจออกคำสั่งสังหาร  เช่นนั้น จวินวูอี้จึงเอ่ยตอยอย่างเข้มขรึมประหนึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับคำสั่ง  จวินวูอี้เอ่ยตอบเพียงคำเดียว  แต่ ทั้งสองเข้าใจว่า คำสั่งนี้เทียบเท่ากับระเบียบทางารทหาร !

 

จวินจ้านเเทียนรู้ว่าจักมีการเคลื่อนไหมเมื่อข่าวยาของจวินโม่เซี่ยถูกเผยแพร่ออกไป  เขารู้ว่ามันอาจก่อให้เกิดการตื่นตัว และจากนำพาปัญหามาได้  เช่นนั้น ปู่จวินจึงวางแผนเพื่อจัดการกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

เขาเสี่ยเพื่อความปลอดภัยของหลานชาย !

 

เช่นกันกับ คุณชายจวินสามที่เดิมพันทุกสิ่งเพื่อความปลอดภัยของหลานชาย  เขาเสี่ยงแม้กระทั้งตัวเอง

 

ทหารที่รับยาเข้าไปกำลังแสดงปฏิกริยา

 

พวกเขาบางคนอยู่ในระดับเชวียนทอง  พวกเขาสามารถดูดกลืนเชวยีนบริสุทธิได้อย่างง่ายดาย  และ สามารถดูดกลืนมันได้อย่างเหมาะสม  แต่ มากกว่า เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัส  พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากขั้นเชวียนเงินของพวกเขานั้นไม่เพียงพอที่จักอดทนต่อผลจากยา  กล้ามเนื้อและเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างแข็งแกร่ง  ผิวของพวกเขาเริ่มริบหรี่ด้วยเส้นแสง เนื่องจากปราณเชวียน เชวียนเงินปั่นป่วนอยู่ภายใน  พวกเขาอยู่ในขั้นเชวียนเงิน แต่ร่างกายนั้นไม่แข็งแกร่ง  ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกเว้นเพียงต้องอดทนความเจ็บปวดแสนสาหัสจากปราณเชวียนบริสุทธิ์ที่ระเบิดออกมา

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องพยุงตัวเองให้ผ่านการทดสอบนี้  พวกเขาจักได้เรียนรู้มากมายหากพวกเขาสามารถกระทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง  สิ่งนี้จักช่วยพวกเขาอย่างยิ่งในการก้าวหน้าในอนาคต  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจักมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น และได้ฝึกฝนวินัย

 

มีเพียงไม่กี่คนที่การบำเพ็ญนั้นอ่อนแก่กว่าผู้อื่น  ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ  ผิวของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีที่เหมือนเลือด  ความจริง มันดูราวกับเลือดของพวกเขาซึมออกมา  สีหน้าของพวกเขามืดมนและบิดเบี้ยว นั้นเพียงพอที่จักอธิบายถึงความเจ็บปวดมหาศาลที่พวกเขาได้รับ

 

ตะบะเชวียนมีขั้นต่างๆ  และ ผู้คนต้องฝ่าด่านต่างๆเพื่อก้าวหน้า  อย่างเช่น ยอดฝีมือเชวียนเงินจักบรรลุไปยังขึ้นเชวียนทอง และยอดฝีมือเชวียนทองจักบรรลุไปยังขั้นเชวียนหยกเป็นต้น  การบรรลุต่างๆนั้นเป็นไปตามธรรมาชาติ  อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความแตกต่างในความแข็งแกร่งของคนสองคน แม้นว่าพวกเขาจักอยู่ในขั้นเดียวกัน  อย่างเช่น ทหารส่วนใหญ่นี้อยู่ในขั้นเชวียนเงินในตอนนี้  แต่ การฝึกฝนของเขานั้นยังไม่ล้ำลึกนัก  เช่นนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ก็มิอาจเทียบกวนเชียงฮั่นได้

 

สกุลของกวนเชียงฮั่นนั้นมิได้ทรงพลัง แต่นางได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสมตั้งแต่เด็ก ดังนั้น นางจึงสามารถบรรลุไปได้หลังจากที่ได้รับยาสามเม็ด ความจริง นางสามารถทำสำเร็จได้โดยไม่ต้องถึงพาความช่วยเหลือของจวินโม่เซี่ย  นางเพียงแค่อ่อนแรง เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตม ทหารที่แข็งแกร่งเหล่านี้แตกต่างจากนาง  การฝึกฝนเชวียนของพวกเขายังไม่เพียงพอ  จึงเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จักควบคุมการบำเพ็ญสิบปีอันล้ำค่า เนื่องจากพวกเขาไม่เหมือนกวนเชียงฮั่น  ความจริง มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาอาจไม่เห็นการพัฒนาไปตลอดชีวิตหากพวกเขาล้มเหลวในการดูดกลืน การบำเพ็ญสิบปีอันล้ำค่านี้

 

โชคดี ที่พวกเขาได้ผ่านการฝึกฝนอันโหดร้ายของจวินโม่เซี่ย  และ ความแน่วแน่นั้นเป็นเลิศเกินกว่าคนธรรมดา  ดังนั้น พวกเขาจึงอดทนต่อความเจ็บปวดแม้นว่ามันมิอาจทนได้  ความจริงแล้ว ในหมู่พวกเขาไม่มีคนใดกรีดร้อง … หรือปลดปล่อยเสียงใดออกมาจากลำคอเลย  แต่ พวกเขาขบฟัน และเสียงของการขบฟันนั้นดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย

 

ไม่มีแม้เพียงเสียงครวญครางที่เจ็บปวด มีเพียงเสียงขอบฟัน

 

เสียงของปู่จวินเริ่มสง่า ขณะที่เขาเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า

” ไม่คาดฝัน ทั้งสองร้อยสี่สิบห้าคนนั้นคือบุรุษเลือดเหล็กจริงๆ  กระดูกของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมและแข็งแกร่ง  พวกเขาทำให้หัวใจของอาวุโสผู้นี้เต้นแรง ! ”

 

จวินวูอี้ยิ้ม  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

 

ในที่สุด … แสงสีเงินที่ปส่องประกายรอบร่างของคนผู้หนึ่งเริ่มลดลง  จากนั้นมันเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง  แสงสีทองเหล่านั้นอาจไม่เจิดจ้า แต่มันมั่นคง  เขาได้ผ่านการทดสอบอันทารุณ และได้บรรลุไปยังขั้นเชวียนทอง

 

ตามมาด้วยคนที่สอง … คนที่สาม …

 

แสงสีทองกระพริบอย่างต่อเนื่องเมื่อมีหลายสิบคนบรรลุไปยังขั้นเชวียนทองไม่หยุดหย่อน  พวกเขาพึงพอใจอย่างยิ่งหลังจากได้ผ่านการพัฒนาอันเจ็บปวด  อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ยังไม่ยืนขึ้นในทันที  พวกเขาหลับตา และยังคงหายใจเชื่องช้าต่อไป  พวกเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากความอดทน พวกเขาไม่เคยรู้สึกแข็งแกร่งมามายเช่นนี้  พวกเขาเริ่มเคลื่อปราณเชวียนไปตามเส้นลมปราณอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้

 

ในขณะที่ แสงสีเงินยังคงกระพริบอย่างต่อเนื่อง  ความจริง ความกระจ่างของพวกเขาจักเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป  ทั่วทั้งลานฝึกของสกุลจวินเริ่มอาบไปด้วยแสดงสีเงินเนื่องจาก คนมากกว่าสองร้อยได้ปลอดปล่อยแสงสว่างออกมา  แสงสว่างแหล่านี้เกือบทำให้คู่พ่อลูกบนหอคอยตาบอด

 

” เชวียนเงินคือผู้ที่อ่อนแอที่สุด พวกเขาส่วนใหญ่เป็นยอดฝีเมือเชวียนเงินสูงสุด !  พวกเขาบางคนได้ก้าวไปสู่เชวียนทอง และสี่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ในขั้นเชวียนทองสูงสุด ! ”

ปู่จวินอ้าปากค้าง

” หากกองกำลังเหล่านี้ถูกส่งออกไปยังสนามรบ … ”

 

” พวกเขาจะไม่ถูกส่งไปยังสนามรบ  พวกเขามิใช่ทหารธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ”

จวินวูอี้เอ่ยขึ้นไม่รีบร้อน

” พวกเขาจักต่อสู้เพื่อจวินโม่เซี่ยเท่านั้น และ การส่งพวกเขาไปสนามรบนั้นไร้ค่า  ข้าไม่ยอมรับในการไร้ค่านั้น …

 

” โม่เซี่ยเคยเอ่ยว่า ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาคือยอดฝีมือปฐพีเชวียนสูงสุด  ข้าคิดว่าเขาเพียงแค่ปากเก่ง .. แต่ตอนนี้ ข้าไม่คิดว่ามันจักเป็นไปไม่ได้ .. สามเดือนก่อน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือยอดฝีมืออันดับแปด  สิ่งนี้น่าประหลาดใจอย่างแท้จริง  มันเป็นการขัดต่อลิขิตสวรรค์ !”

จวินวูอี้เอ่ยเชื่องช้า  แสงแห่งความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแวววตาของเขา

 

” ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือยอดฝีมือปฐพีเชวียนสูงสุด … ?  นั่นมิได้หมายความว่า … พวกเรามียอดฝีมือสวรรค์เชวียนราวสองร้อย … ?  แม้ นครพายุหิมะสีเงินและ คฤหัสน์ฉือฮั่น ก็มิอาจต่อต้านข้า … แม้ว่าพวกเขาจักจับมือกัน … พระเจ้า … ”

 

ปู่จวินยังคงเงียบ  เขาลูบเครา และกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินวาจานี้  ความจริง เขาบังเอิญดึงเคราของเขาออาจากจำนวนหนึ่ง .. และไม่รู้ตัวเลย

 

นี่เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึง !