ทหารทั้งสองร้อยห้าสิบสี่ผ่านการบรรลุ โดยไร้ซึ่งผู้ที่ล้มเหลว  จากนั้น พวกเขาลุกขึ้นจากพื้น และรีบจัดระเบียบแถวอย่างรวดเร็ว  พวกเขามองจวอนโม่เซี่ยด้วยแววตาซาบซึ้ง… และ คลั่งไคร้ …

“ปั้ง! ”

 

ผู้คนสองร้อยห้าสิบสี่คุกเข่าลง และเอาหัวโขกพื้น เสียงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกเขาดังสนั่นและก้องสะท้อนไปทุกทิศทาง

 

” ขอบคุณคุณชายน้อย ! ”

บุรุษกว่าสองร้อยคำรามขึ้นพร้อมเพรียง

 

” ข้าจักให้เวลาเจ้าสองวัน  ใช้การฝึกฝนตามปกติเพื่อปรับร่างกายของพวกเจ้า  ข้าต้องการให้ทุกผู้ผสานรูปแบบของตัวเองกับปราณเชวียนที่เปลี่ยนไป  และ ในเช้าวันที่สาม เจ้าจักได้ไปยังคลังสรรพาวุธและรับอาวุธของพวกเจ้า ! ”

 

จากนั้น จวินโม่เซี่ยพยักหน้าเชื่องช้า และเอ่ยต่อ

” ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้จักต้องเป็นความลับยิ่งยวด ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาติให้เปิดเผยแก่ผู้อื่น  พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องรับผิดชอบร่วมกัน …หากมีการรั่วไหล ! ”

 

” ขอรับ !  ผู้ใต้บัญชาของท่านขอตายเสียดีกว่าเปิดเผย ! ”

 

ปู่จวินยังคงอยู่บนยอดหอคอย  มีความวิตกกังวลอยู่ในแววตาของเขา

” กลุยุธของจวินโม่เซี่ยนั้นเพียงพอให้เป็นผู้นำที่น่าหลงไหล เขามีเกียรติ  และเขา มีความอัฉริยะที่จำเป็น  แต่ ข้าไม่คิดว่าเขาเหมาะจะเป็นผู้นำกองทหาร ”

 

” เหตุใด ?  ท่านพ่อ โม่เซี่ยนำกองกำลังของเขาโดยการให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง  วินัยที่เข้มงวดของเขาทำให้เกิดผลลัพธ์ชั้นเลิศนี้  ความเป็นผู้นำของเขาได้เปลี่ยนกองหทารนี้ให้เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยม … เหตุใด เขาจึงไม่เหมาะจักเป็นผู้นำกองกำลัง ? “

จวินวูอี้สับสน

 

” เขามีความคิดที่ดุร้าย! ”

ปู่จวินคำรามทางจมูก  จากนั้นถอนใจ  ดูเหมือนว่าเขากำลังมองไปยังยิ่งสิ่งที่ยอดเยี่ยม … เว้นแต่มีข้อเสียหนึ่งข้อ  ” เขาเหมาะที่จักนำพากองกำลังพิเศษ มิใช่กองกำลังธรรมดา  วาจาที่เขาเอ่ยนั้นเป็นเพียงการข่มขู่ปกติ แต่เมื่อคิดถึงวาจาสุดท้าย

“พวกเจ้าจักต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากมีการรั่วไหล ! ”

 

ปู่จวินถอนใจอีกครั้ง

” โม่เซี่ยไม่ลังเลเมื่อเขาเอ่ยวาจากที่น่าหาดดกลัวนี้ ไร้ซึ่งอารมณ์ในนั้นเสียงของเขา  เมื่อข้าได้ยินวาจานี้ … ข้ารู้ว่าโม่เซี่ยจักทำตามสิ่งนั้น หากทหารของเขาล้ำเส้นและแพร่งพรายความลับ  และ ข้าจักทำมันกับทุกผู้…. ”

 

” นั่น คงมิได้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ?  หากเขาสามารถฝึกฝนคนเหล่านี้ … เขาก็สามารถฝึกฝนผู้อื่น ”

จวินวูอี้ไม่เห็นด้วย

” ท่านพ่อ ท่านและข้ารู้ดีว่าวินัยเป็นสิ่งสำคัญ  และ สิ่งต่างๆจักโหดร้ายและเจ็บปวดเมื่อถึงเวลา แต่การรักษาความสงบนั้นสำคัญที่สุด  พวกเราจักใจอ่อนในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ?  นี่สิ่งสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ ”

 

” นั่นจึงเป็นเหตุที่เจ้าเป็นเพียงผู้บัญชาการ แต่เจ้ามิอาจเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ ”

จวินจ้านเทียนถอนใจ

” ผู้บัญชาการจักมีเพียงทหารจำนวนหนึ่งภายใต้บัญชาการ  และเจ้า สามารถปรับใช้งานพวกเขาได้ตามสถานการณ์ ทหารหยิบมือสามารถติดตามเจ้าไปได้ตามประสงค์ เนื่องจากพวกเขาได้รับการฝึกฝนและเข้าใจสิ่งต่างๆ  เช่นนั้น พวกเขาจักไม่เป็นปัญหา  ทหารส่วนตัวของเจ้า และกลุ่มคนของโม่เซี่ยเป็นตัวอย่างนี้ได้  แต่ ทหารเพียงหยิบมือนี้ เป็นเพียงส่วนเล็กๆในกองทัพ … มีทหารอยู่นับแสนคนภายใต้การบัญชาของผู้บัญชการสูงสุด  และ มันเป็นเรื่องสำคัญของผู้บัญชาการสูงสุดที่จักต้องควบคุมสถานการณ์โดยรวม  แต่ .. หากเจ้ากระทำหยาบคายต่อพวกเขา… ข้ากลัวว่าเจ้าจักนำเคราะห์ร้ายมาสู่กองทัพของเจ้า

 

 

” ความขัดแย้งและแตกแยกเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง เมื่อกองทหารรวมเข้าด้วยกัน เนื่องจากทหารเหล่านี้เต็มไปด้วยบุรุษเลือดร้อน  เจ้าอาจมีข้อพิพาทนับร้อยภายในคืนเดียวเมื่อเหล่าทหารมารวมตัวกัน  ตอนนี้ หากเราปฏิบัติตามแนวทางของเจ้าและโม่เซี่ย … เจ้าจักทำให้พวกเขาทั้งหมดโดยตัดหัว ”

จวินจ้านเทียนถอนใจ

” ผู้บัญชาการต้องเข้มงวดและยุติธรรม แต่ผู้บัญชาการสูงสุดจำต้องรับฟังความเห็นต่าง  การเป็นผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการสูงสุดนั้นไม่เหมือนกัน

 

” เจ้านั้นหัวแข็งมาก และโม่เซี่ยนั้นโหดเหี้ยมยิ่ง  นั่นคือจุดแข็งของเจ้า… แต่เจ้าก็ยังมีข้อบกพร่อง ”

จวินจ้านเเทียนเอ่ยด้วยท่าทีล้ำลึก

” จวินโม่เซี่ยอำมหิตยิ่ง แต่ก็เพียงพอจักปกป้องตัวเขาได้  แต่ เจ้ายังคงเจ้าสามารถสูญเสียได้เนื่องจากเจ้านั้นเด็ดเดี่ยวเกินไป  นี่คือความแตกต่างอย่างชัดเจนของเจ้าทั้งสอง ”

 

จวินวูอี้ยืนนิ่ง  เขาครุ่นคิดไปตามวาจาของพ่อของเจ้า และยังคงไร้อารมณ์เป็นเวลานาน

 

การฝึกฝนที่โหดร้ายเริ่มขึ้นในลานฝึก  แต่ ความรุนแรงของการฝึกฝนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าจากแต่ก่อน

 

จวินโม่เซี่ยกลับไปยังลานบ้านของเขา และสูดหายใจยาว  เขาเพิ่มความสามารถของทุกคน  ตอนนี้ ผู้ที่เหลืออยู่มีเพียงตัวเขา  เขาปรุงยาเหล่านั้น แต่ยังมิได้ลองกับตัวเอง

 

ข้ายังคเพียงอยู่ในขั้นหยกเชวียนกลาง  เช่นนี้ ยาตัวใดที่จักให้ผลที่ดีกัน ?

 

จวินโม่เซี่ยไม่มันใจ  แต่ เขาก็รู้ว่าผลบวกอันใดที่สามารถสร้างประโยชน์ได้มาก

 

ดังนั้น เขาจึงมิได้ลังเลขณะกลืนยาทศวรรษลงไป

 

อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยมิได้กินยาหัวใจอสูร

 

ยาหัวใจอสูรนั้นเชื่อถือได้มาก แต่นี่เป็นโอกาสที่เขาจัดได้ฝึกฝนตัวเอง  ยิ่งไปกว่านั้น ยานี้มีผลกระทบด้านลบอย่างมากต่อจิตวิญญาณ

 

จวินโม่เซี่ยรู้สึกถึงปราณเชวียนมากมายที่หลั่งไหลอยู่ในจุดดันเถียร  เขาปิติยิ่งนัก

เป็นประโยชน์ยิ่ง …

 

ขณะที่ความคิดของเขาสงบลง เขาก็ตระหนักบางสิ่งได้ …

ข้าลืมบางสิ่ง  เขากระตุ้น เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ และ เส้นลมปราณของเขาเต็มไปด้วยคลื่นลมปราณ

 

พระบรมราชโองการ ถูกเผยแพร่ออกมาในวันต่อมา  เป็นดั่งคาด มีการแต่งตั้งจวินวูอี้ให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพที่จักเดินทางไปยัง ป่าเถียนฟา เขานำทัพทหารสองหมื่น  กองทัพเรียกรวมพลในวันต่อมา และเดินทางมุ่งหน้าไปยัง ป่าเถียนฟา ทุกสกุลสูงส่งต่างให้ความช่วยเหลือในการจัดการกับการปฏิวัติของสัตว์เชวียน

 

นอกจากจวินวูอี้ … องค์จักพรรดิเอ่ยถึงรายชื่อจำนวนหนึ่งที่เป็นสมาชิกสุกลสูงส่งเช่นกัน   ชื่อของจวินโม่เซี่ยนั้นเด่นอยู่ในหมู่รายชื่อนั้น  ผู้คนจากสกุลเมิ่งจำนวนหนึ่งก็ถูกเอ่ยถึงเช่นกัน  สกุลมูล่งได้ส่ง มูล่งเจียนจวิน และ มูล่งเจี้ยนลี่มา  สกุลตู่กู้ ส่ง บุรุษและตำนาน ทั้งสามไป  และ แม้แต่สกุลซ้งก็ได้ส่งคนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมด้วย

 

อย่างก็ก็ตาม ที่ไม่เป็นตามคาดของจวินโม่เซี่ยนั้นคือ … ชื่อของ ลี่โย่วหลานมิได้ปรากฏในรายชื่อนี้  หรือให้กล่าวอีกอยาง ลี่โย่วหลานมิได้เดินทางไปยัง ป่าเถียนฟา

 

เหตุใดพระองค์จึงเก็บบุคคลอันตรายเช่นนั้นไว้ในเมืองหลวงนี้ ? ลี่โย่วหลานนั้นทะเยอะทะยาน และ จวินโม่เซี่ยมิรู้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่ล่วงรู้  แต่มันเป็นปัญหาสำหรับจวินโม่เซี่ยเนื่องจากองค์จักรพรรดิตัดสินพระทัยเก็บ ลี่โย่วหลานไว้… แม้นจะรู้ถึงความทะเยอทะยานของเขา

 

รายชื่อนี้มีชื่อของ คุณชายน้อยจากทุกสกุลสูงส่งอย่างน้อยหนึ่ง  ดังนั้น จึงต้องส่งยอดฝีมือจำนวนหนึ่งเพื่อปกป้องเชื้อสายของพวกเขา  ราชโองการขององค์จักรพรรดิมิได้อเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ทุกสกุลทรงพลังจักส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งของพวกเขาไปด้วย

 

จวินวูอี้มุ่งหน้าไปยัง ผู้บัญชาการทัพบกเพื่อทำตามธรรมเนียมเมื่อเขาได้รับฏีกาองค์จักรพรรดิ  องค์จักพรรดิต้องการให้เหล่าทหารเคลื่อพลภายในสองวัน แต่มันจักสำเร็จในเวลาอันสั้นนี้ได้อย่างไร ?  จำต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันเพื่อเตรียมการ

 

กองกำลังยังมิได้เคลื่อนพล แต่เสบียงก็ล่วงหน้าไปแล้ว

 

จวินจ้านเเทียน แม่ทัพสูงสุด มุ่งหน้าไปยังทุกเมืองดั่งพายุเพื่อเตรียมการ และมอบหมายหน้าที่ให้ทุกคน  กรมงานสาธารณะ กรมการภาษี กรมกะลาโหมร่วมมือกัน  พวกเขาดำเนินงานอย่างรวดเร็ว และทำให้ทุกสิ่งที่ช่วยในการเดินทัพนั้นสำเร็จภายในเวลาหนึ่งวัน

 

ความสามารถเรื่องการจัดการเวลานอาจทำให้ทุกผู้งุนงง

 

กองทัพที่ผ่านการศึกมาแล้วก็เช่นกัน  แต่ ผู้ใดกันจักเดินทางไปทั่วเพื่อเตรียมการโดยไม่ทิ้งความวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลังกัน  ในความจริง กองทัพจะออกเดินทางแล้ว แต่เสบียงยังไม่พร้อม  สะเบียงของกองทัพจักล่าช้าเสมอ  มันยากที่จักเปรียบเทียบสิ่งนี้กับสิ่งใดก็ตาม …

 

อย่างไรก็ตาม ไร้ผู้ใดปฏิเสธที่จักทำตามในเวลานี้

 

จวินวูอี้คือผู้ใด ?  จวินวูอี้เพิ่งปลดประจำการเมื่อไม่นาน แต่เขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นขุนพลในตำนานของอาณาจักรเทียนเชียง  เป็นเวลากว่าทศวรรษ แต่ขุนพลเลือดเหล็กผู้นี้ยังคงเป็นที่รู้จัก

 

และ เขาละจากการเกษียรเพื่อศึกนี้  เช่นนั้น ทั้งกองทัพจึงเฉลิมฉลอง  สหายเก่าของเขา และผู้ใดบังคับบัญชาต่างกระตือรือล้น  ไม่สำคัญว่าหน่วยงานใดอยู่ภายใต้การควบคุมของสกุลตู่กู้หรือสกุลจวิน …

จวินวูอี้จักได้รับไฟเขียวจากทุกที่  ไม่มีผู้ใดอาจหาญคัดค้าน … ไม่ว่าจักเป็นฝ่านพลเรือน หรือฝ่ายเสนาธิการ!

 

ทหารและเหล่าเจ้าหน้าที่ในกองทหารเริ่มภาวนา  พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพที่มีขุนพลผู้เป็นตำนานเป็นผู้นำ  พวกเขาหวังว่าจักถูกชี้นิ้วใส่และเลือกพวกเขาให้ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพ

 

กองทัพยังมิได้เริ่มเดินขบวน หากแต่ทุกผู้มีขวัญกำลังใจเปี่ยมล้น

 

ภายในพระราชวัง

 

” เจ้าคิดว่ามิแปลกหรือที่ข้าส่งจวินโม่เซี่ยไป แต่เก็บลี่โย่วหลานไว้ ? “

องค์จักรพรรดิยังไม่เดินหมาก  พระองค์จิบชา ขณะที่พระพักต์ปกคลุมด้วยพระสลวง

 

” พะยะคะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจวินโม่เซี่ยไร้ความทะเยอทะยานอันใด ในขณะที่ ลี่โย่วหลานมีความทะเยอะทะยานอย่างแจ่มชัด  เช่นนั้น กระหม่อม มิอาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดพระองค์ส่งจวินโม่เซี่ยไปและเก็บลี่โย่วหลานไว้ ”

ขุนนางเหวินนั่งอยู่ตรงข้ามพระองค์  เขาถามด้วยความสับสน

 

” ลี่โย่วหลานมีจุดอ่อนบางอย่าง  เขานั้นควบคุมได้ง่าย  เขามิอาจทำสิ่งใดเมื่ออยู่ภายใต้สายตาของข้า  และข้าต้องการเห็นว่าคนผู้นี้สามารถเป็นประโยชน์กับข้าได้ เช่นนั้น ข้าจึงเก็บเขาไว้เพื่อที่จะเฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวัง “

 

องค์จักรพรรดิแย้มสลวงอ่อน

” สำหรับจวินโม่เซี่ย … เขานั้นไร้ซึ่งความปราถนา  เขาจักไปหากเจ้าขอให้เขาไป และเขาจักอยู่หากเจ้าขอให้เขาอยู่  เขาเป็นดั่งควันล่องลอย  แต่ เขานั้นมิอาจเป็นผู้ที่มิอาจถูกควบคุมได้  เช่นนั้น ข้าจึงส่งเขาไปยังการปฏิวัติของสัตว์เชวียน  ไม่ว่าเขาจักรอดหรือตาย … มันขึ้นอยู่กับเขา ”

 

” กระหม่อมยังไม่เข้าใจ  หากเขาเป็นดั่งหมอดควัน … เหตุใดต้อง … “

ขุนนางเหวินขมวดคิ้ว

 

” หมอกควันมันเป็นที่กังวลเมื่อมันอยู่เพียงลำพัง  แต่ หมอกควันสามารถสร้างหายนะได้เมื่อมันมีบางอย่างหนุนหลัง ”

ประกายแสงเยือกเย็นพาดผ่านสายพระเนตร เมื่อพระองค์ถอนพระทัย

” ปัญญานุภาพอาจทำให้โลกาสั่นคลอน แต่อำนามอันยิ่งใหญ่สามารถนำพาปัญหา ”

 

ขุนนางเหวินนิ่งเงียบ

 

” มีความเคลื่อนไหวอันใดของลูกชายรองของข้าหรือไม่ ? “

องค์จักรพรรดิทรงแย้มสลวงมีเลศนัย

 

“พะยะคะ หน้าไม้จักมาถึงชาญเมืองทางใต้ในเช้าวันที่สี่ ”

ขุนนางเหวิน ถอนใจอย่างมีเลศนัยเมื่อเขาเอ่ย

 

” ดีมาก ข้าต้องต้องการให้หน้าไม้ติดอยู่ที่อื่น ”

องค์จักพรรดิวางพระหัตลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา  นิ้วพระหัตถ์กางออก  พระองค์ทอดพระเนตรไปยังนิ้ว ราวกับชื่นชมความสมบูรณ์แบบของมัน

 

” พระองค์ทรงสบายพระทัย ”

ขุนนางเหวินเอ่ยตอบ

” และด้วยเหตุนี้ .. เหตุใดพระองค์จึงไม่ถ่ายทอดราชโองการ ”

 

” หากเป็นการกระทำของลูกชายรองของข้า ข้าก็ไร้ทางเลือกหากแต่ต้องทำลายเขา ”

องค์จักรพรรดิแย้มสลวงเล็กน้อย  พระองค์ทอดพระเนตรออกไปไกล  ในที่สุดพระองค์พึมพัมกับตัวพระองค์เอง

” มิสำคัญว่าผู้ใดนั่งอยู่ในท้องพระโรง ในโรงโสเภณี หรือทีใดก็ตามในดินแดนนี้ …  การกระทำนี้อาจทำให้ทุกผู้สั่นคลอน  คลื่นใต้น้ำแรงขึ้นในทุกทิศทาง  พวกเรามิอาจทนต่อการสั่นไหวนี้ได้ ”

 

ขุนนางเหวินมองต่ำ และยังคงเงียบ

 

เขาไม่คาดว่าองค์จักพรรดิจักทำเช่นนี้เนื่องจาก ความเป็นพ่อจักเข้าไปแทรกแซง  แต่ เขาตระหนักได้ว่าเขาเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างรุนแรง  เขาหัวเราะกับตัวเอง

การวิเคราะห์ขององค์จักรพรรดินั้นก้าวไกลเกินกว่าข้าจักจินตนาการ …

 

” ส่งจสานส์ไป  ถ่ายทอดคำสั่งไปยัง หอกระบี่เลือด … และทั้ง สกุลโจวทางใต้ หรือกองคาราวาน … และรวมทั้งคนของลูกชายรองของข้า ไม่มีผู้ใดยกเว้น  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรื่องนี้ได้รับการจัดการให้เรียบร้อย ”

 

องค์จักรพรรดิถอนพระทัยล้ำลึก

” ลูกคนรองข้าจักต้องไม่ได้รับอาวุธที่น่ากลัวเช่นนี้  หอกระบี่เลือดเป็นผู้ริเริ่ม  แต่กระนั้น ลูกชายรองของข้าก็ยังไม่คลางแคลง … ข้าผิดหัวงในความฉลาดของลูกชายรองของข้า ”

 

ขุนนางเหวินยังคงเงียบต่อไป

 

ข้าไม่สงสัยเลย  … ว่าพระองค์ จักรพรรดิแห่งสี่โพ้นทะเล จักยังคงควบคุมมือสังหารอย่างลับๆอยู่ในความมืด ?

 

ความจริง ข้ายังคงเชื่อว่า คนส่วนใหญ่จักไม่เชื่อเรื่องนี้แม้นมันจักถูกเปิดเผย ….

 

ขุนนางเหวินมองไปยังองค์จักพรรดิ  คำถามก่อขึ้นในหัวใจของเขา แต่เขายังหวาดกลัวนักที่จักเอ่ยออกมา

องค์จักรพรรมีไพ่ตายอยู่มากมายเพียงใดกัน ?