ตอนที่ 127**: ดาบปราณเย็นกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์**

หลังจากที่หานปิงเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางหัวเราะเยือกเย็นก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์พี่ซ่ง อย่าทำให้ข้าคิดว่าท่านกำลังจนมุม!”

เจ้าอ้วนกรอกตาไปมาพร้อมตอบกลับอย่างรังเกียจ “ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ถ้าหากเจ้าอยู่ที่ส่วนล่างของข้า!” เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าอยากจะเล่นกับนางมากกว่าที่จะต่อสู้กัน

หานปิงเอ๋อขมวดคิ้ว “ศิษย์พี่ซ่ง ไม่ว่าเราจะสู้กันวันนี้หรือเมื่อไหร่ไม่ใช่เจ้าเป็นคนตัดสินใจ!”

“ทำไม?” เจ้าอ้วนถามกลับอย่างงุนงง “เราไม่มีความบาดหมางกันในอดีตและนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เราพบเจอกัน แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องบังคับให้ข้าเข้าร่วมด้วย? อย่าบอกนะว่าเจ้าเพียงต้องการชื่อเสียงเท่านั้น?”

“ชื่อเสียงนั้นไม่ได้มีความหมายใดกับข้า เหตุผลเดียวที่ข้ามองหาเจ้าเป็นเพราะศิษย์น้องมู่ซื่อหรง” หานปิงเอ๋อมีความโกรธจัดแสดงออกมาบนใบหน้าพร้อมกล่าวต่อว่า “นางคือมิตรที่ดีของข้า แต่กลับต้องบาดเจ็บหนักด้วยวิธีสกปรกของเจ้าและต้องนอนเป็นผักอย่างน้อยถึงสิบปี วันนี้ข้าจะมาล้างแค้นให้กับน้องสาวมู่!”

เจ้าอ้วนเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างทันทีหลังจากที่หานปิงเอ๋ออธิบายออกมา ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดเทพธิดาฮ่าวจึงต้องการสร้างปัญหาให้เขา ไม่แปลกใจเลยทำไมนักบวชฮัวอวิ๋นไม่หยุดนาง ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดสมรู้ร่วมคิดกันอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เจ้าอ้วนตายตกไปในวันนี้

เจ้าอ้วนได้ยินมานานแล้วว่านักบวชฮัวอวิ๋นนั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้คนของหอเฉวียนจี้และไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ต้องเป็นช่วงเวลาเช่นนั้นที่ความสัมพันธ์ของหานปิงเอ๋อและมู่ซื่อหรงได้พัฒนาความสัมพันธ์จนสนิทกัน

แท้จริงแล้วการคาดเดาของเจ้าอ้วนนั้นมีส่วนถูกอยู่มาก นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นสนิทสนมกับหอเฉวียนจี้อย่างมาก อีกทั้งหานปิงเอ๋อและมู่ซื่อหรงยังสนิทกัน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าอ้วนเดาไม่ถูกต้อง

เหตุการณ์ที่เกิดอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นแผนการของนักบวชฮัวอวิ๋นที่สมรู้ร่วมคิดกับเทพธิดาฮ่าว แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนได้แยกจากกันนานแล้ว

เหตุผลเดียวที่เทพธิดาฮ่าวเข้ามาสร้างปัญหาในครั้งนี้เนื่องจากนางไม่พอใจที่เจ้าอ้วนสังหารตู๋เชียนเฉิง บังเอิญว่าหานปิงเอ๋อได้รับจดหมายจากมู่ซื่อหรงเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าอ้วน ส่งผลให้หานปิงเอ๋อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อแสดงพลังของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ หานปิงเอ๋อครอบครองมันมานานเพียงหนึ่งถึงสองปีและนางยังไม่เคยใช้มันต่อสู้เลยสักครั้ง ดังนั้นนอกจากสำนักของนางจึงไม่มีผู้ใดทราบว่านางครอบครองมันอยู่ แม้แต่มู่ซื่อหรงก็ตาม จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักบวชฮัวอวิ๋นจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน แต่นักบวชฮัวอวิ๋นมีสัมผัสพิเศษบางอย่างที่สามารถบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด เทพธิดาฮ่าวเพียงต้องการค้นหาเจ้าอ้วนและระบายความโกรธเล็กน้อยเท่านั้น นางไม่ได้ต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์กับสำนักเสวียนเทียนทั้งหมด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นไม่เอาตัวเข้าไปขวางหอเฉวียนจี้เพียงเพราะเจ้าอ้วนแน่นอน ความจริงแล้วเขาแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะมองเห็นคนของหอเฉวียนจี้ฉีกเจ้าอ้วนเป็นชิ้น ๆ เหตุจากความโกรธในคราวที่เขาถูกโกงเอาดาบแห่งธาตุทั้งห้าไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยเรื่องราวนี้ไปราวกับว่ามองไม่เห็น

เนื่องจากอีกฝ่ายกล่าวถึงมู่ซื่อหรงและนักบวชฮัวอวิ๋นบังคับให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ เจ้าอ้วนจึงรู้ทันทีว่านี่คือการต่อสู้ที่ไม่อาจหลบเลี่ยง อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระบี่เฟิ่งหมิง ส่งผลให้เจ้าอ้วนกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์นี้อย่างมาก

ขอบคุณสวรรค์ หงหยิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป นางไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้าอ้วนของตนได้ “ให้ข้าต่อสู้กับเจ้าแทน เห็นได้ชัดว่านี่เจ้ากำลังพยายามใช้สมบัติวิญญาณเพื่อกลั่นแกล้งเขาใช่หรือไม่? สิ่งนี้ถูกต้องงั้นหรือ?!”

เมื่อเห็นว่าหงหยิงกล่าวเช่นนั้น หานปิงเอ๋อขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมาอย่างใจเย็น “ศิษย์น้องหงหยิง นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับศิษย์พี่ซ่ง ขอเจ้าอย่าก้าวก่ายเลย!”

“แล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นถ้าหากข้าจะก้าวกาย?” หงหยิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารังแกเขา!”

เห็นได้ชัดเจนว่าหานปิงเอ๋อไม่พอใจที่จะต่อสู้กับหงหยิง เนื่องจากสถานะของทั้งสองคนแตกต่างกัน การที่ทำร้ายนางก็เท่ากับว่าทำร้ายสำนักเสวียนเทียน ดังนั้นนางจึงมองไปที่เจ้าอ้วนและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ซ่ง เจ้าเป็นบุรุษ อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการจะยืนหลบอยู่หลังของสตรี?”

“บางครั้งข้าก็ต้องทำเช่นนั้น!” เจ้าอ้วนยิ้มกว้าง

หานปิงเอ๋อโกรธจัดจนแทบจะตายตกไปทันทีหลังจากที่ได้ยิน ใบหน้าของนางแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอแลกเปลี่ยนฝีมือกับศิษย์น้องก่อนที่จะมาดูแลเจ้า!” นางกล่าวพร้อมกับทำท่าพร้อมต่อสู้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงหยิงเตรียมตัวทันที เจ้าอ้วนดึงหงหยิงกลับมาพร้อมกับกล่าวออกไปว่า “ศิษย์น้อง ให้ข้าจัดการเอง!”

“แต่พี่ชายอ้วน เจ้าไม่มีสมบัติวิญญาณ เจ้าจะไม่สามารถเอาชนะนางได้!” หงหยิงกล่าวออกมาอย่างกังวล “หรือแม้เจ้าจะมีสมบัติวิญญาณ เจ้าก็ไม่อาจเอาชนะนางได้!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างขื่นขม “เราไม่อาจคาดการณ์ผลเสียที่จะเกิดขึ้นได้ ปล่อยให้ข้าไปต่อสู้เถิด! อีกอย่างข้าไม่สามารถหลบหลังของเจ้าไปได้ตลอด!”

“แต่!” เมื่อหงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางต้องการจะกล่าวอะไรออกมาสักอย่าง

แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าอ้วนจะดึงนางไปยืนอยู่ด้านหลังของเขา “เด็กน้อยฟังข้านะ แม้ว่าพี่ชายของเจ้าจะดูซื่อ แต่ทว่าข้าก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกโดยง่าย! แม้แต่ผู้ครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ก็ไม่อาจทำได้! เพียงแค่เจ้ารอและมองดู โปรดเชื่อในตัวข้า!”

เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น หงหยิงรู้ทันทีว่าเขามีแผนอยู่ในใจแล้ว ดังนั้นนางจึงถอยไปด้านหลัง “ตกลงพี่ชายอ้วน เจ้าไปเถอะ ไปดูแลสหายผู้นั้นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

เจ้าอ้วนไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น จากนั้นเขาก้าวไปด้านหน้าสองถึงสามก้าวและยืนอยู่ตรงหน้าหานปิงเอ๋อด้วยท่าทีสงบและกล่าวว่า “ศิษย์น้องจงดีใจเถิด ข้าสามารถต่อสู้กับเจ้าได้เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น!”

เมื่อเห็นเจ้าอ้วนเต็มใจจะต่อสู้ นางกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าบุรุษที่แสนจะเจ้าเล่ห์จะเป็นคนที่ร้อนแรงเช่นนี้! ในกรณีนี้ข้าจะไม่รังแกเจ้าโดยการใช้ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ และข้าจะใช้เพียงมือเดียวเท่านั้น!” หลังจากที่กล่าวจบ นางเก็บมือซ้ายไว้ด้านหลัง จากนั้นยกมือขวาขึ้นมาอย่างภูมิใจว่า “ตราบใดที่ศิษย์พี่ซ่งสามารถทนการโจมตีของข้าได้นานสิบนาที ข้าจะถือว่าเรื่องราวของมู่ซื่อหรงได้จบลง!”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เหล่าบุคคลที่อยู่รอบข้างล้วนต่างแต่จ้องมองมาเป็นจุดเดียว ในขณะที่หานปิงเอ๋อกล่าวเช่นนั้น ทุกคนตกใจทันที ความหยิ่งยโสเหล่านี้คืออะไรกัน? นี่คือการเหยียดหยามเจ้าอ้วนต่อหน้าคนหมู่มาก หานปิงเอ๋อกล่าวว่าจะไม่ใช้สมบัติวิญญาณของตนและจะเอาชนะศิษย์ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสามด้วยมือเพียงข้างเดียวภายในเวลาแค่สิบนาที สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือศิษย์ผู้นั้นเป็นบุคคลที่สังหารตู๋เชียนเฉิงไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข้าใจสถานการณ์ที่หญิงสาวผู้นี้กำลังจะทำ แม้แต่เจ้าอ้วนยังรู้สึกโกรธจัดอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นเขาก็วางมือซ้ายไว้ข้างหลังพร้อมกับยกมือขวาขึ้น “ศิษย์น้องช่างมีความเมตตามากเหลือเกินในวันนี้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคนโง่ผู้นี้จะขอใช้มือเพียงข้างเดียวเพื่อเล่นกับศิษย์น้องเช่นกัน ถ้าหากเจ้าสามารถทำร้ายข้าได้ ข้าจะไม่ร้องทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น!”

หานปิงเอ๋อเข้าใจทุกอย่างทันทีหลังจากที่ได้ยิน นางเผยยิ้มพร้อมกล่าวอย่างสงบ “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าศิษย์พี่ซ่งจะเย่อหยิ่งเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้จงเตรียมพร้อมรับการโจมตีของข้า!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางฉกมืออย่างรวดเร็วพร้อมกับมีแสงดาบที่อัดแน่นไปด้วยปราณจิตวิญญาณของน้ำแข็งพุ่งมาที่เจ้าอ้วน

ดาบเล่มนี้ไม่กว้างมากนักและมีความยาวเพียงสิบฟุตเท่านั้น มันหนาพอ ๆ กับนิ้วมือและดูเหมือนว่าจะไม่ร้ายแรงอะไรนัก แต่ทว่าปราณจิตวิญญาณแห่งน้ำแข็งนั้นมีความรุนแรงมาก ในขณะที่มันปรากฏออกมา พืชทั้งหมดโดยรอบล้วนแต่ถูกแช่แข็งไว้ทันที

ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิยังไม่อาจหลบการโจมตีครั้งนี้ได้ แม้ว่าหานปิงเอ๋อจะกล่าวว่านางจะไม่ใช้ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางสามารถยืมความสามารถของสมบัติวิญญาณได้อย่างลับ ๆ ดังนั้นนางจึงโจมตีออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือที่มาของความมั่นใจทั้งหมดที่นางมี สิ่งที่นางคิดคือผู้ที่อยู่ในระดับเซียนเทียนภายในระยะที่นางคาดการณ์ไว้จะไม่อาจป้องกันการโจมตีจากปราณเย็นของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ได้

เมื่อหันไปมองแสงดาบที่กำลังพุ่งมา เจ้าอ้วนมองว่ามันอันตรายมากและไม่กล้าที่จะประมาท เขาขยับนิ้วของตนทันทีพร้อมกับดีดไข่มุกสีเหลืองไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกมันปะทะกัน ทั้งสีขาวและสีเหลืองเกิดการระเบิดขึ้นทำให้ภูเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หลังจากการระเบิดนั้นปรากฏเป็นกองไฟขนาดใหญ่ล้อมรอบดอกไม้แช่แข็งไว้ด้านในภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา

หานปิงเอ๋อตกใจทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนสามารถหักล้างการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย “สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์! ศิษย์พี่ซ่งเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้างั้นหรือ?!”

ทุกคนที่เป็นพยานในที่นี้ตกใจอย่างรุนแรง ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้านั้นไม่ได้มีมากนัก แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนที่จะเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้าได้นั้นไม่ได้พบเห็นมานานนับพันปีแล้ว เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ต้องมีพรสวรรค์ แต่ยังต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แม้แต่หงหยิงยังสามารถเรียนรู้ได้เพียงสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีและยังไม่เคยปรับแต่งมันด้วยตนเองเลยสักครั้ง ดังนั้นนางจึงไม่ถือว่าเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้า ดังนั้นทุกคนจึงตกใจมากที่เจ้าอ้วนเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้าในวัยเยาว์เช่นนี้ได้

“ฮ่าฮ่า ข้าคงเป็นเพียงเรื่องตลกต่อหน้าเจ้า” เขายังคงสงบและอยู่ในสภาพที่ดี ในตอนนี้เขาค่อนข้างพอใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าผู้คนหลายสำนัก

แม้ว่าหานปิงเอ๋อจะตกใจที่เจ้าอ้วนเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้า แต่นางก็ไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก นางส่งคลื่นปราณเย็นออกไปพร้อมกันสามครั้ง ในทิศทางที่แตกต่างกัน ในเวลาเดียวกันนางกล่าวออกมาอย่างใจเย็นว่า “ความสามารถของศิษย์พี่ซ่งช่างน่าตกตะลึงจริง ๆ มันมากพอที่จะป้องกันดาบปราณเย็นของข้า แต่ข้าสงสัยว่าหากเป็นเช่นนี้ เจ้าจะควบคุมพวกมันได้ไหม!”

ในขณะที่หานปิงเอ๋อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของเจ้าอ้วนเคร่งขรึม เขาสบถในใจอย่างช่วยไม่ได้ ‘เหตุใดแม่มดตนนี้จึงหลักแหลมยิ่งนัก? เนื่องจากนางรู้ดีว่าการปรับแต่งสายฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าจะใช้มันอย่างสิ้นเปลืองไม่ได้ แต่นางกลับบังคับให้ข้าต้องทำเรื่องยากเช่นนี้เสียแล้ว ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้!’

เจ้าอ้วนมองอย่าผิดหวัง เขาไม่มีสิ่งใดจะกำบังดาบปราณเย็นทั้งสามที่ถูกส่งมาจากหานปิงเอ๋อได้ ดังนั้นเขาจึงโยนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกไปอีกครั้ง และใช้ปริมาณที่ชัดเจนเพื่อควบคุมการสูญเสีย

ทุกคนได้ยินการระเบิดที่เกิดขึ้นและดาบปราณเย็นของหานปิงเอ๋อได้ถูกป้องกันไว้ แต่เจ้าอ้วนได้สูญเสียสายฟ้าไปทั้งหมดห้าลูก ห้ากับสามเป็นปริมาณที่บ่งบอกได้ว่าหานปิงเอ๋อสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ดีกว่าเจ้าอ้วน