แน่นอนว่าสิ่งที่หลิงหยุนอยากรู้อยากเห็นมากที่สุดก็คือจุดตันเถียนของตนเอง!
นั่นเพราะระหว่างที่อยู่ในช่วงปรับร่างกายนั้นจุดสำคัญที่สุดในร่างกายของหลิงหยุนก็คือจุดตันเถียน เขาจึงสนใจ และอยากรู้อยากเห็นมันมากที่สุด!
เมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยูและเพิ่งเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ครั้งนั้นนับว่าเป็นความโชคดีที่เขาได้เห็นภายในร่างกายของตนเองเป็นครั้งแรก แต่ก็เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆเท่านั้น!
แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่าจุดตันเถียนของตนเองนั้นเป็นรูปไท่จี๋ (รูปแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์หยิน-หยางรูปร่างคล้ายปลาอยู่ด้านใน) และมีเส้นโค้งรูปมังกรทองคั่นกลางอยู่ ได้รู้ว่าจุดตันเถียนของตนเองนั้นมีขนาดใหญ่มาก ได้รู้ว่ากระดูกสันหลังของตนเองเริ่มมีสีทองจางๆ และได้รู้ว่ามีพลังอมตะสีทองอยู่ที่หว่างคิ้ว แล้วก็อย่างอื่นอีกมากมาย..
แต่ในเวลานั้น..หลิงหยุนมีเวลาไม่มากพอ จึงไม่ได้สังเกตทุกอย่างได้ละเอียดนัก หลิงหยุนเคยคิดว่าเมื่อสามารถบ่มเพาะเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นกว่านั้น เขาจะสามารถมองเห็นภายในร่างกายของตนเองได้ แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-8 และ 9 แล้ว เขากลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!
ดังนั้น..นี่จึงเป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนจะใช้พลังของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจของพลังอมตะ สำรวจดูภายในร่างกายได้!
หลิงหยุนเริ่มทำการสำรวจดูอย่างละเอียดและพบว่า..
จุดตันเถียนของเขานั้นได้เป็นรูปไท่จี๋ที่สมบูรณ์แบบแล้วและเวลานี้มันก็กำลงหมุนด้วยความรวดเร็วอย่างมาก จนไม่สามารถแยกระหว่างสีขาวและสีดำออกจากกันได้ ความเร็วของการหมุนในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นสีทั้งสองหลอมรวมกลมกลืนกันจนกลายเป็นสีเทา..
และในขณะที่สัญลักษณ์รูปไท่จี๋กำลังหมุนด้วยความเร็วมากนั้นดวงตาของปลาหยิน และปลาหยางก็กำลังสร้างพลังหยิน และพลังหยางขึ้นมาใหม่..
ในระหว่างที่สัญลักษณ์ไท่จี๋หมุนด้วยความเร็วนั้นไอสีดำและสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากตาปลาหยินและปลาหยางอย่างต่อเนื่อง และนี่คือพลังหยิน และพลังหยางที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จากนั้นไอสีขาวและสีดำต่างก็พุ่งกลับเข้าไปในดวงตาปลาหยิน และปลาหยางอีกครั้ง ทำให้สัญลักษณ์รูปไท่จี๋หมุนเร็วยิ่งๆขึ้นอีก..
แม้หลิงหยุนจะรู้ว่านี่คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการที่เขาเปิดเส้นลมปราณเยิ่นและเส้นลมปราณตู แต่ไม่ว่าใครที่พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็คงต้องตกใจอย่างมากเช่นเดียวกัน!
นั่นเพราะพลังหยินและพลังหยางที่ถูกสร้างขึ้นจากดวงตาปลาหยินและปลาหยางนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพลังที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยร่างกายของหลิงหยุน เรียกได้ว่านี่คือการสร้างสรรค์จากสิ่งที่ไม่มีอย่างแท้จริง อีกทั้งยังสร้างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้นด้วย..
หรืออาจจะอธิบายได้ว่าสัญลักษณ์ไท่จี๋ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้น เป็นผลจากการฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยางสำเร็จถึงขั้นสูงแล้ว นับจากนี้ไปต่อเว้นเพียงเวลาต่อสู้เท่านั้น หลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องจงใจฝึกวิชานี้อีกแล้วก็ได้..
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือว่าหลังจากที่เข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้ว จุดตันเถียนของหลิงหยุนไม่เพียงไม่ขยายใหญ่ขึ้น แต่กลับหดเล็กลงกว่าเดิมมากอีกด้วย เวลานี้จุดตันเถียนของหลิงหยุนมีขนาดเพียงแค่ลูกฟุตบอลเท่านั้น!
แต่หลิงหยุนสามารถเข้าใจในเรื่องนี้ได้เพราะการมีจุดตันเถียนที่ใหญ่โต ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป หากใหญ่โตแต่กลับไม่มีอะไร ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนเช่นกัน!
แม้จุดตันเถียนของหลิงหยุนจะมีขนาดเล็กลงแต่กลับแข็งแรง และแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเรื่อยๆ ทำให้หยินและหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขานั้นมีปริมาณหนาแน่น จนเกือบจะถึงขั้นกลายเป็นของเหลวไปแล้ว..
และนั่นเป็นเครื่องชี้บ่งว่าพลังปราณในร่างกายของหลิงหยุนนั้น แข็งแกร่งมากเพียงใด!
หลิงหยุนยังสังเกตเห็นว่าเส้นโค้งรูปมังกรทองที่อยู่จุดตันเถียนของเขานั้น ยังคงทอประกายเจิดจ้า และดูราวกับมังกรทองที่มีชีวิตจริงๆ!
แต่สิ่งที่ทำให้หลิงหยนุตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือตลอดเส้นโค้งรูปมังกรทองซึ่งส่วนหางเชื่อต่อกับกระดูกสันหลังของหลิงหยุนนั้น ได้ทำให้กระดูสันหลังส่วนปลายทั้งเจ็ดข้อซึ่งนับจากกระดูกก้นกบขึ้นมานั้น เวลานี้ได้กลายเป็นสีทองสุกสว่าง!
กระดูกสันหลังของมนุษย์นั้นมีด้วยกันทั้งหมด26 ชิ้นคือ ส่วนคอ (Cervical) 7 ชิ้น ส่วนอก (Thoracic) 12 ชิ้น และส่วนเอว (Lumbar) 5 ชิ้น ส่วนกระเบนเหน็บ (Sacrum) 1 ชิ้น และส่วนก้นกบ (Tailbone) อีก 1 ชิ้น
และเวลานี้กระดูกสันหลังของหลิงหยุนทั้งเจ็ดข้อที่เชื่อมต่อกับเส้นโค้งรูปมังกรในจุดตันเถียนนั้นก็ได้กลายเป็นสีทองอร่ามดูราวกับมังกรตัวใหญ่..
ไม่เพียงเท่านั้นเวลานี้กระดูกสันหลังส่วนอกของหลิงหยุน ก็เริ่มกลายเป็นสีทองจางๆ ด้วยแล้วเช่นกัน และมีแนวโน้มว่าสีทองจะขยายขึ้นไปที่กระดูกสันหลังท่อนอื่นอีกเรื่อยๆ
“กระดูกสันหลังของข้ากลายเป็นสีทองเกือบหมดแล้วรึ!ว่าแต่กระดูกทั้งร่างของข้าจะกลายเป็นสีทองทั้งหมดไปด้วยหรือไม่นะ?”
แม้แต่หลิงหยุนที่นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะยังไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองได้!
หลิงหยุนรู้สึกได้ว่ากระดูกสันหลังทั้งเจ็ดชิ้นที่กลายเป็นสีทองบริสุทธิ์นั้นจะต้องแข็งแกร่งกว่าร่างกายที่ผ่านการฝึกวิชาดาราคุ้มกายอีกหลายเท่านัก!
แต่ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นได้เขาก็มั่นใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน และเป็นเรื่องที่ยากจะพบเจอ หรือเกิดขึ้นกับผู้ใดได้ง่ายๆ!
“หรือจะเป็นเพราะข้าดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปมากเกินไป!แต่ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปตั้งมากมาย กระดูกสันหลังของข้าก็ยังไม่เป็นสีทองเช่นนี้นี่นา..”
แต่สิ่งที่หลิงหยุนได้เห็นต่อจากนี้กลับยิ่งน่าประหลาดใจ และน่าตกใจเสียยิ่งกว่า! เพราะเป็นสิ่งที่เมื่อครั้งเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 เขาก็ไม่ได้พบเห็น..
นั่นสิ่งนั้นก็คือ..พื้นผิวรอบๆ จุดตันเถียนขนาดเท่าลูกฟุตบอลของเขานั้น เวลานี้ทั้งด้านในและด้านนอกมีกระแสไฟสีทอง และสีเงินรูปร่างคล้ายงูเกาะอยู่หนาแน่นเต็มไปหมด! หากผู้ใดได้พบเห็นคงรู้สึกไม่ต่างจากลูกแก้วขนาดใหญ่ที่มีแระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมา..
แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ..ไม่เพียงจุดตันเถียนของเขาเท่านั้นที่มีกระแสไฟเกาะอยู่ เพราะตามเส้นลมปราณทั่วร่างกายของหลิงหยุน ก็มีกระแสไฟสีเงิน และสีทองรูปร่างคล้ายงูนี้เกาะอยู่เต็มไปหมดเช่นกัน และกำลังแข่งกันกระพริบไปมาราวกับเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรก็ไม่ปาน..
หลิงหยุนยังจำได้ว่าเมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยูนั้น ร่างกายของเขาได้ดูดเอาอสุนีบาตเข้าไปมากมาย แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถนำกระแสสุนีบาตเหล่นี้ออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ในเมื่อตอนนั้นเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กระแสสุนีบาตรเหล่านั้นไปซ่อนอยู่ในส่วนใหนของร่างกายบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็สัมผัสอะไรไม่ได้เลย!
แต่เวลานี้หลิงหยุนเห็นทุกอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนแล้ว..
จุดตันเถียนและเส้นลมปราณของเขาได้กลายเป็นแหล่งกักเก็บอสุนีบาตที่ดูดเข้ามาในครั้งนั้น และเวลานี้ก็มีกระแสไฟทั้งสีเงิน และสีทองเกาะอยู่เต็มไปหมด..
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่!เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
หลิงหยุนคิดจนสมองแทบจะระเบิดก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไรกันแน่ และเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้? เพราะแม้แต่เมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เขาเองก็ไม่เคยได้ยิน หรือได้พบเห็นว่ามีผู้ใดเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน..
แต่นั่นยังไม่สำคัญ..สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เขาจะสามารถนำกระแสอสุนีบาตเหล่านี้ออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร.novel-lucky.
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลิงหยุนก็ต้องการที่จะลองทดสอบดู..
หลิงหยุนจ้องมองจุดตันเถียนที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าของตนเองนิ่งนานก่อนจะค่อยๆหลับตา และทำจิตใจให้สงบนิ่งว่างเปล่า จากนั้นจึงเริ่มใช้กระแสจิตของตนเองนำพากระแสไฟเหล่านั้นออกมาใช้ โดยที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับวิชาบ่มเพาะใดๆ
จากนั้น..หลิงหยุนก็ลืมตาขึ้นด้วยความหวังเต็มเปี่ยม แล้วยกมือขึ้นชี้นิ้วชี้ออกไปด้านหน้า
“ออกมา!”
กระแสไฟพุ่งออกจากนิ้วชี้ของหลิงหยุนทันทีมันเป็นกระแสไฟที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่าตะเกียบหนึ่งข้าง และมีความยาวราวหนึ่งเมตร!
“ใช้ได้จริงๆด้วย!”
หลิงหยุนตื่นเต้นดีใจจนบอกไม่ถูกเขานึกถึงเมื่อครั้งที่เคยใช้กระแสไฟฟ้ารักษาอาการป่วยทางจิตของคนไข้คนหนึ่งที่คลินิกสามัญชน!
หลิงหยุนผ่านบททดสอบจากสวรรค์มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วแน่นอนว่าเขาย่อมรับรู้ถึงพลังที่น่ากลัวของอสุนีบาตรเหล่านี้ได้ดี และถึงแม้ว่าอสุนีบาตที่เขาใช้นั้น จะไม่อาจเทียบได้กับอสุนีบาตจากสวรรค์ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ศัตรูได้ลิ้มรสของทัณฑ์สวรรค์เล็กๆได้ เพียงแต่ใครจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น
และแทบไม่ต้องคิดนานนัก..อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเจ้าปีศาจภัยแล้ง ที่จะได้ลิ้มรสทัณฑ์สวรรค์เล็กๆนี้เป็นรายแรก!
“เยี่ยม!”
หลังจากที่สงบจิตสงบใจจากอาการตื่นเต้นดีใจได้แล้วหลิงหยุนก็กลับเข้าไปดูเส้นลมปราณของตนเองต่อ..
ถึงแม้จุดตันเถียนของหลิงหยุนจะเล็กลงแต่เส้นลมปราณของเขากลับแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!
เส้นลมปราณสามัญทั้งสิบสองเส้นและเส้นลมปราณวิสามัญอีกแปดเส้น เวลานี้แต่ละเส้นนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับแขนข้างหนึ่งของคน และมีกระแสไฟเกาะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ภายในมีไอดำและขาวของหยินกับหยาง และไอสีทองจางๆ หมุนเวียนอยู่ภายใน ลมปราณแต่ละชนิดต่างก็หมุนเวียนเป็นคู่ขนานไม่ยุ่งเกี่ยวกัน..
“ต่อให้เป็นเส้นลมปราณของยอดฝีมือขั้นเซียน-9สามคนรวมกัน ยังไม่ยอดเยี่ยมเท่าเส้นลมปราณของข้าเลย.. นับว่าการฝึกวิชาดาราคุ้มกายไม่ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพอใจเขาเพิ่งจะดูดเอาลมปราณขั้นเซียงเทียน-9 เข้าไป แต่พลังปราณเหล่านั้นกลับสามารถหมุนเวียนในร่างของเขาได้อย่างราบรื่น และเข้ากันได้ดียิ่งกับจุดตันเถียนของเขา ไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย..
จากนั้น..หลิงหยุนก็เริ่มมองเข้าไปในกระดูกส่วนต่างๆของร่างกาย เขาพบว่ากระดูกแทบทุกส่วนของเขานั้น เริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ายหยก ส่วนเลือดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ กระดูกซี่โครงแต่ละซี่ก็ดูช่างคล้ายกับมังกร อวัยวะภายในหลักทั้งห้า (ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต) ก็ทั้งแข็งแรงและเปี่ยมไปด้วยพลัง..
และนี่นับว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์และล้ำค่าอย่างที่สุด!
ส่วนกลางหน้าผากของหลิงหยุนนั้นเวลานี้มีพลังงานที่บริสุทธิ์ถึงสี่อย่าง – พลังอมตะสีทองบริสุทธิ์ พลังขาว-ดำของหยินและหยาง รวมทั้งปราณมังกร!
พลังอมตะสีทองครอบครองพื้นที่หว่างคิ้วแต่หลิงหยุนกลับสัมผัสมันไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งยังคงหมุนเวียนไปตามเส้นลมปราณ และตราบใดที่มันไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณเช่นนี้เขาก็จะสามารถใช้มันได้
และแทบไม่ต้องสงสัยว่าหากสามารถนำพลังอมตะมาใช้ได้ จะเป็นประโยชน์กับขั้นปฐมพลังชี่ของหลิงหยุนมากเพียงใด!
พลังหยิน-หยางและปราณมังกรที่หมุนเวียนอย่างรวดเร็วมากนั้น เมื่อเข้าสู่หว่างคิ้วของหลิงหยุนแล้ว ความเร็วกลับลดลงทันที และพลังอมตะสีทองที่หมุนเวียนไปทั่วร่างกายนั้น ก็ค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นเสินดั้งเดิม (เสินหยวน) ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงและสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน..
แต่ที่ทำให้หลิงหยุนประหลาดใจมากที่สุดก็คือพู่กันจักรพรรดิที่อยู่หว่างคิ้วของเขาเพราะในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นมัน!
ความจริงแล้วระหว่างที่สำรวจจุดตันเถียนของตนเองนั้นหลิงหยุนก็ได้มองหาสมุดจักรพรรดิไปด้วย แต่น่าเสียดายที่จุดตันเถียนของเขานั้นหมุนเร็วจนทุกอย่างรวมกันไปหมด จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นสมุดจักรพรรดิได้ หลิงหยุนจึงได้ล้มเลิกความตั้งใจ..
เวลานี้พู่กันจักรพรรดิที่อยู่หว่างคิ้วของเขานั้นมีขนาดไม่ต่างจากเข็มเล่มหนึ่ง และมีสีทองของพลังอมตะห่อหุ้มอยู่
หลิงหยุนไม่รีรอที่จะลองใช้ดวงจิตสื่อสารกับพู่กันจักรพรรดิดูแต่พู่กันจักรพรรดิกลับเฉยเมยไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าพู่กันจักรพรรดินั้นยังคงรังเกียจเดียดฉันท์เขาอยู่ หลิงหยุนจึงได้แต่นึกขันจนต้องหัวเราะออกมา..
“เยี่ยม!ข้าพอใจอย่างมาก!”
หลิงหยุนร้องออกมาอย่างพึงพอใจในผลงานครั้งนี้และลืมตาขึ้นทันที.
ได้เวลาทดสอบเนตรหยิน-หยาง!