บทที่ 447 ตกลงเป็นลูกใครกันแน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ค่าชดเชยความเสียหายนั้นหากตกลงกันไม่ได้ แน่นอนว่าไม่มีทางจัดการได้แล้ว ทางเราคิดค่าชดเชย 4 แสน แต่ทางครอบครัวกลับเรียกร้องเงินตั้ง 1 ล้านซึ่งมันมากเกินไป ผู้จัดการกล่าว

แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถปล่อยให้ล่าช้าแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว นั่นจะส่งผลกระทบไม่ดีกับบริษัท ยังคงต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ยู่ยี่ตอบกลับ

คุณเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจกต์นี้ เรื่องค่าชดเชยนั้นก็ให้คุณและพวกเขาพูดคุยตกลงกัน หลังจากนั้นค่อยรายงานกับบริษัท ผู้จัดการเอ่ยออกมาอีกครั้ง

ยู่ยี่พยักหน้า ลองดูละกัน

อารมณ์ของครอบครัวผู้เสียชีวิตนั้นดูรุนแรงเกินไป เธอจึงเชิญพวกเขาเข้ามาในห้องทำงาน ชงชา และพูดปลอบโยนก่อน หลังจากนั้นค่อยกล่าวถึงเรื่องค่าเสียหาย

เป็นไปตามคาด เมื่อแตะเรื่องค่าเสียหาย พวกเขาก็มีปฏิกิริยารุนแรงมาก ถึงตายก็ไม่ยอมตกลง ยู่ยี่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา เกลี้ยกล่อมอย่างอดทน แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้เช่นเดิม

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นชฎารัตน์ที่โทรมา เธอไม่ได้รับ หลังจากคุยกับผู้จัดการเสร็จ ก็ตรงไปโรงพยาบาลทันที

ในห้องพักผู้ป่วยเหลือเพียงแค่เธอและหัสดิน ของเยี่ยมที่ส่งมานั้นถูกวางกองไว้เป็นภูเขาในห้องพักผู้ป่วย การปฏิบัติตัวต่อหัสดินนั้นไม่ได้เย็นชาและแข็งกระด้างเหมือนเช่นเมื่อก่อน และอ่อนโยนขึ้นมามาก

เมื่อเขาบอกว่าอยากทานโจ๊ก ยู่ยี่จึงไปร้านโจ๊กที่ถนนโจเม ตั้งใจซื้อโจ๊ก 2 ถุงมาเป็นพิเศษ ใส่ไว้ในกระติกน้ำร้อน ป้อนให้เขาทาน ตาดอกท้อของหัสดินแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เธอป้อนเขา 1คำ เขาก็ทานจากมือเธอไป 1 คำ

“ยังจำแต่ก่อนได้ไหม? ที่ไปตั้งแคมป์ครั้งนั้น ผมแบกคุณลงเขา และก็บาดเจ็บที่มือเหมือนกัน คุณเองก็ป้อนผมทานอาหารแบบนี้” หัสดินเอ่ย

ยู่ยี่ไม่ได้ตอบกลับ ทั้งยังไม่สนใจ สาเหตุที่ทั้งสองคนตอนนี้สามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบ เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะเขาต้องมาบาดเจ็บหนักเพื่อช่วยเหลือเธอ

เธอนั้นเงียบมาก ไม่พูดไม่จา ทั้งยังไม่ออกความเห็นอะไร หัสดินกลับคิดว่าเธอกำลังฟังอย่างเงียบๆ ดังนั้น จึงยิ่งพูดอย่างออกรสออกชาติ

ทานอาหารไปไม่นานเท่าไหร่ คุณหมอไอแซ็คก็มา ในมือถือของเยี่ยมเอาไว้ สีหน้าท่าทางดูกังวล เป็นห่วงเป็นใยอย่างที่สุด

ความสัมพันธ์ของคุณหมอไอแซ็คและตระกูลภูษาธรนั้นไม่ได้ตื้นเขิน หัสดินเคารพนับถือเขาอยู่หลายส่วน

ชฎารัตน์ก็มาแล้วเช่นกัน คุณหมอไอแซ็คกำลังคุยกับเธอ บอกว่า ให้ย้ายคุณชายหัสดินกลับมารักษาที่โรงพยาบาลของผมเถอะ แบบนี้คุณหญิงก็จะได้คลายกังวลลงบ้าง

ชฎารัตน์พยักหน้า และบอกว่าค่อยย้ายตอนบ่าย สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลนี้ไม่ค่อยดี กลิ่นยาฆ่าเชื้อแรงมาก จนแสบจมูก

คุณหมอไอแซ็คกล่าวตกลง สำหรับห้องพักผู้ป่วยนั้นเขาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นห้องพักผู้ป่วยวีไอพี ตรงข้ามห้องมีสวนดอกไม้ มีแหล่งน้ำ มีต้นไม้ อากาศสดชื่นบริสุทธิ์

ได้ยินเช่นนี้ ชฎารัตน์ก็ไม่ให้พักอยู่ที่นี่อีกต่อไป ให้คนขับรถย้ายโรงพยาบาล เพียงแค่ 20 นาที พวกเขาก็ถึงแล้ว

ห้องพักผู้ป่วยนั้นเป็นเพราะพยาบาลทำความสะอาดให้แล้ว จึงสบายเป็นอย่างมาก หรูหราโอ่อ่าราวกับห้องดีลักซ์ของโรงแรม อากาศยิ่งสดชื่นบริสุทธิ์ไม่อาจเทียบได้

ชฎารัตน์กล่าวขอบคุณคุณหมอไอแซ็ค คุณหมอไอแซ็คโบกมือซ้ำไปซ้ำมา นับว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและตระกูลภูษาธร ไหนเลยจะต้องมามากพิธีขนาดนี้

คุณหมอไอแซ็คเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย เขาโทรหาเรนนี่ บอกเล่าไปประมาณหลายประโยค

เรนนี่รับสายในห้องน้ำ คุณหมอไอแซ็คนำข่าวมาบอก ทำให้หัวใจของเธอที่แขวนอยู่กลางอากาศสุดท้ายคลายกังวลร่วงหล่นลงมาได้

เพียงแค่นี้ อาการป่วยของหัสดินก็จะไม่ถูกเปิดเผย เรื่องที่เธอทำเหล่านั้นก็จะไม่ถูกเปิดเผยความจริง เรื่องที่ควรต้องดำเนินไปต่อก็สามารถดำเนินไปต่อได้

ทันทีที่ได้ยินข่าวว่าหัสดินได้รับบาดเจ็บ เรนนี่ก็โทรหาคุณหมอไอแซ็คส่วนข่าวที่เขาได้รับบาดเจ็บนั้น เธอได้ฟังมาจากปากของซาฮาร่า ซาฮาร่ายังกล่าวอีกว่า หลายวันมานี้ ยู่ยี่ดูแลหัสดินทั้งวันทั้งคืนอยู่ไม่ห่าง คำพูดนี้ทำให้เรนนี่รู้สึกไม่ค่อยมั่นคง

เธอตัดสินใจ ไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้อีกต่อไป และวางแผนจะไปโรงพยาบาลสักครั้ง

หลังจากคุณหมอไอแซ็คออกไปแล้ว ในห้องก็เหลือยู่ยี่ หัสดิน และชฎารัตน์

โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นฉันทัชที่โทรเข้ามา ยู่ยี่ไม่อาจจะรับได้ เธอกดโทรศัพท์ ส่งข้อความหาเขา เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองSเหล่านั้น เธอยังไม่ได้บอกเขา เรื่องท้องนั้น ก็ยังไม่ได้บอกเหมือนกัน

รองเท้าส้นสูงเหยียบลงบนพื้น ส่งเสียงสะท้อนใสดังกังวาน ตอนแรกยู่ยี่คิดว่าเป็นซาฮาร่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น กลับเห็นเป็นเรนนี่

ในมือเธอถือของเยี่ยมไว้มากมาย และแต่งตัวอย่างมีสไตล์ แต่ท่าทางกลับดูเคร่งขรึม บนหน้าประดับรอยยิ้ม กล่าวทักทายชฎารัตน์อย่างนอบน้อม ปฏิกิริยาของชฎารัตน์ดูไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ได้เหินห่าง เรียบเฉยเช่นเดียวกับคนแปลกหน้า

หัสดินมองไปที่ยู่ยี่โดยสัญชาตญาณ สีหน้าของเธอยิ่งดูเรียบเฉย ดูอะไรก็ไม่ออก ทั้งไม่มีอารมณ์ขึ้นลงใดๆ เรียบสงบราวกับน้ำนิ่ง

เมื่อมองไปที่เรนนี่ คิ้วของหัสดินก็ย่นขึ้น เธอนั้น ค่อนข้างจะมาไม่ถูกเวลา ตอนนี้ความรู้สึกของเขาและยู่ยี่เพิ่งจะผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย

เรนนี่แน่นอนว่าก็เห็นบรรยากาศภายในห้องเช่นกัน กล่าวว่า “ฉันได้ยิน陈姐บอกมา และบังเอิญมาตรวจร่างกายที่นี่พอดี ระหว่างทางก็เลยแวะมาหา อาการขอเพียงแค่ไม่หนักก็ดีแล้ว ฉันไปก่อนนะ”

ไม่มีใครเอ่ยปากพูด และไม่มีใครรั้งเธอไว้ ทุกอย่างดูเงียบสงัด เรนนี่หมุนตัวกลับไปในชั่วพริบตา จิกเล็บเข้ากลางฝ่ามือเล็กน้อย แต่เธอกลับค่อนข้างพอใจมาก กับผลลัพธ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น

สายตาของหัสดินกวาดมองไปยังหลังที่ดูผอมบางของเธอ ภายในใจรู้สึกว่า ตนเองนั้นทำเกินไปหน่อย

เธอยังไม่ได้เดินออกไป เวลานี้เสียงของชฎารัตน์กลับดังขึ้น คำพูดนั้น คือกำลังพูดกับยู่ยี่ “วางแผนจะกลับมาแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ?”

ฝีเท้าของเธอชะงัก คำพูดนี้ ทำให้เรนนี่ไม่อาจทนยืนอยู่ที่นั่นได้อีก

หัสดินก็มองยู่ยี่อยู่เช่นกัน รอคำตอบของเธอ

สีหน้ายู่ยี่เรียบเฉย “คุณน้าคะ ฉันไม่ได้มีแผนจะกลับไปแต่งงานกับเขาค่ะ ฉันเคยบอกไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา ไม่มีทางเป็นไปได้!”

2 วันก่อน ร่างกายของเขาป่วยหนัก เธอกลัวจะไปกระตุ้นอารมณ์เขา จึงไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่ตอนนี้ ในเมื่อถามออกมาเช่นนั้น แน่นอนว่าเธอก็ต้องให้คำตอบยืนยันอย่างหนักแน่น

“สามีภรรยายังคงเป็นคู่เดิมนั้นถึงจะดี ไม่ว่าแต่ก่อนเขาจะทำตัวเลวทรามเพียงใด หรือเรื่องที่ผิดต่อเธอ ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว และกำลังแก้ไขมันอยู่” ชฎารัตน์เอ่ย

“เวลาฉันทำอะไรมักมีทางเลือกอยู่เสมอ ความผิดพลาดบางอย่างสามารถเกิดขึ้น แต่ความผิดพลาดบางอย่าง ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ความผิดพลาดที่เขาทำ แตะเส้นความอดทนสุดท้ายของฉัน ดังนั้นฉันไม่มีทางที่จะให้อภัยได้ นี่มันเป็นคนละเรื่องกัน เขาช่วยฉัน ฉันก็รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซาบซึ้งมาก ถึงขนาดเลือกกลับไปแต่งงานกับเขา” ทัศนคติของยู่ยี่นั้นชัดเจน ไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด พูดอย่างตรงไปตรงมา

การกลับไปแต่งงานใหม่นั้น หากไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเธอและเขาที่ไม่มีความรู้สีกต่อกันแล้ว แม้ว่าทั้งสองจะมีความรู้สึกต่อกัน หลังจากแต่งงานอีกครั้ง ก็คงถูกลิขิตให้ทะเลาะกันอยู่ดี ไม่มีทางมีความสุข

ลมหายใจของหัสดินที่หายใจอยู่นั้นติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง

“หรือว่าเธอแม้แต่ความรู้สึกรักเพียงสักนิดก็ไม่มีให้แก่เขาแล้ว?”

“แต่ก่อนนั้นเคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ความรู้สึกรักไม่ใช่ความซาบซึ้ง และยิ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณทำอะไรเพื่อฉัน แล้วฉันจะตอบแทนมันให้กับคุณ”

ฟังมาถึงตอนนี้ เรนนี่ก็ไม่ได้ฟังอีกต่อไป หมุนกายเดินจากไป สำหรับคำพูดของยู่ยี่นั้น เธอไม่ได้เชื่อมันทั้งหมด หากยู่ยี่เพียงหลอกให้เธอตายใจล่ะ?

ความรู้สึกของยู่ยี่แบ่งแยกอย่างชัดเจน นิสัยของเธอก็เป็นเช่นนี้ เมื่อตัดสินใจลงมือทำเพียงครั้งหนึ่ง ก็ยากที่จะเปลี่ยนกลับ

ชฎารัตน์รู้สึกเจ็ดปวดและเสียใจต่อลูกชายของเธอเอง “ความผิดที่เขาทำ ต้องเสียสละทั้งชีวิตไปเลยเหรอ?”

“ยามที่ผู้หญิงคนหนึ่งปรารถนาทำเพื่อผู้ชายคนหนึ่งยอมถอดส้นสูง ลบลิปสติกออก ตั้งใจเปลี่ยนไปเป็นคนธรรมดา ไม่ยอมสวยอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะรัก แต่ถ้าผู้ชายไม่รู้จักทะนุถนอมกับสิ่งนั้น เช่นนั้นผู้หญิงก็สามารถกลับมาสวมส้นสูงอีกครั้ง เปลี่ยนไปเป็นคนสวยเจิดจรัส ละทิ้งเขา เปลี่ยนไปอยู่อ้อมแขนของชายคนอื่นได้เช่นกัน ฉันมีลูกก็เพื่อเขา แต่เขากลับรังเกียจฉันที่ดูหมดสภาพจนเกินไปและเปลี่ยนไปมีอารมณ์ร้าย ไม่มีใครจะเข้าใจความขมขื่นของฉันได้ บางทีถ้าหากเป็นช่วงเบื่อหน่ายของการแต่งงานจริงๆ ถึงเขาเบื่อหน่าย ฉันก็พอเข้าใจได้ แต่เขากลับนอกใจไปกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่สามารถปล่อยวางมันได้!”

ความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ก็คือเป็นไปไม่ได้ที่จะให้อภัย!

ชฎารัตน์ไม่ถามอีกต่อไป แต่หน้าอกของหัสดินนั้นยังคงกระเพื่อมไม่หยุด

สายตาของยู่ยี่เบนไปทางหัสดินอีกครั้ง เปิดปากเอ่ยว่า “คุณก็รู้จักนิสัยของฉันดี และก็รู้จักนิสัยแย่ๆของฉันดี ว่ากันตามตรง ยังคงเป็นที่ความรู้สีกของพวกเราพัฒนากันราบรื่นเกินไป ไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่มีอุปสรรค ดังนั้นฉันจึงทนกับคลื่นยักษ์นี้ไม่ได้ คุณเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน ฉันใจเย็นคุยเรื่องพวกนี้กับคุณได้ ก็เพราะว่าฉันปล่อยวางเรื่องทั้งหมดลงแล้ว คุณคิดว่าคุณยังจำเป็นต้องจับมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอีกเหรอ? จะลำบากไปทำไมกัน?”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอจู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ ขมวดคิ้ว แล้ววิ่งออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเยอะมาก จนกระทั่งอาเจียนออกมาได้น้ำเปรี้ยวในคอ

ยู่ยี่คิดว่า เธอควรไปตรวจร่างกายสักหน่อยน่าจะดีกว่า เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาล เธอจึงสะดวกสบายมาก และไปตรวจร่างกาย

เพียงครู่เดียว ผลตรวจก็ออกมาแล้ว

“คุณผู้หญิงครับ ตอนนี้คุณท้องมาได้ 4 สัปดาห์กว่าแล้ว ยินดีด้วยครับ” หน้าคุณหมอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเปิดปากเอ่ยขึ้น

4 สัปดาห์กว่าแล้ว ถ้าจะพูดให้เจาะจงขี้น ก็คือ 1 เดือนกว่าแล้ว ก่อน 1เดือนกว่านั้น เป็นคืนนั้นที่เธอและฉันทัชอยู่บนเรือด้วยกัน

ในคืนนั้น มันช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้ทำตามขั้นตอนเท่าใดนักตอนอยู่บนดาดฟ้า อีกทั้งเธอ หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ลืมกินยาคุมกำเนิด ดูเหมือนว่า จะเป็นเพราะคืนนั้นจริงๆ

ยู่ยี่คุยกับหัสดินไปไม่น้อย เขาเองก็กำลังคิดเช่นกัน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้

บางที อาจจะจริงอย่างที่เธอว่า เป็นเพราะความรู้สีกนั้นราบรื่นเกินไป ไม่มีอุปสรรค ไม่อาจทนต่อสิ่งล่อใจได้

ยู่ยี่พิงกำแพงของโรงพยาบาล เธอกำลังตอบกลับข้อความอยู่ ฉันทัชจะส่งข้อความมาหาเธอในช่วงเวลาที่กำหนดไว้

ไม่มีคำพูดแสนโรแมนติก และยิ่งไม่มีคำพูดน้ำเน่า เป็นข้อความเรียบง่าย อ่อนหวาน ชวนให้หวั่นไหว เธอชอบฟังคำพูดของเขา

เขาบอกว่า ช่วงนี้ที่บริษัทนั้นยุ่งมาก ประชุมก็เยอะมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ก็ถึงช่วงปลายปีแล้ว ดูเหมือนว่า เขาจะต้องอยู่ที่เมืองบีเจอีกนาน

เมื่อยู่ยี่ได้ฟังเขาพูด ร่างกายที่แข็งเกร็ง สติ และแรงกดดันในใจก็ลดลงไปมาก

ตั้งแต่ได้เห็นอุบัติเหตุเช่นนั้นในที่เกิดเหตุในวันนั้น ในใจเธอก็รู้สึกถึงแรงกดดัน รวมถึงเงามืดในจิตใจ พอฟังคำพูดที่อบอุ่นและน่าหวั่นไหวของเขา เธอก็ผ่อนคลายลงได้

ทันใดนั้น เธอก็คิดถึงเขามาก อยากให้เขามาปรากฏตัวตรงหน้าเธอ เธอคิดถึงเขา อยากจะกอดเขา

คุณหมอไอแซ็คไปที่ทำงาน คุณหมอปาร์กัวกำลังจัดเรียงผลตรวจอยู่ และเห็นชื่อของยู่ยี่ คุณหมอไอแซ็คจึงเดินเข้าไป และหยิบผลตรวจออกมา

คุณหมอปาร์กัว เอ่ยถาม “ทำไมอะ? นายรู้จัก?”

“ใช่ รู้จัก ภรรยาคนก่อนของประธานหัสดิน เป็นอะไรล่ะ ผลตรวจออกมาว่าอะไร?”

“ท้องได้ 1 เดือนกว่าแล้ว”คุณหมอปาร์กัวบิดขี้เกียจ มองดูเวลา “เลิกงานแล้ว จะไปกินข้าวเย็นด้วยกันไหม?”

คุณหมอไอแซ็คส่ายศีรษะ หยิบเวชระเบียน มองดูด้วย 2 ตา จากนั้นก็เดินออกไป โทรศัพท์หาเรนนี่ คำพูดรวบรัดได้ใจความ “ยู่ยี่ท้องแล้ว”

“……..” โทรศัพท์ฝั่งนั้น เงียบไปสักพัก ทั้งเงียบงัน ทั้งไร้เสียง

ข่าวนี้สำหรับเรนนี่แล้ว เป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย ตบหน้าเธออย่างหนักหน่วง

ยู่ยี่ท้องแล้ว งั้นเด็กเป็นลูกใครกัน เป็นของหัสดิน หรือคุณฉันทัชคนนั้น?

ครุ่นคิดอยู่สักครู่ เรนนี่ก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง “รอฉันถามให้ชัดดีกว่า ถ้าหากเด็กเป็นลูกของหัสดิน งั้นคุณก็ต้องบอกว่าผลตรวจนั้นตรวจออกมาผิด แต่ถ้าหากไม่ใช่ ก็ปิดบังมันต่อไป

จนถึงเวลาที่บอกได้ก็ค่อยเปิดปาก”

คุณหมอไอแซ็คตอบรับ