บทที่****129: สัญญาณอันตราย
สิ่งแรกที่ควรทราบ จุดตันเถียนเป็นศูนย์รวมของพลังทั้งหมด ถ้าหากมันถูกทำลาย แม้ว่าจะไม่ได้ถูกสังหาร แต่การฝึกฝนทั้งหมดจะหายไป สำหรับหานปิงเอ๋อที่ลงมือหนักเช่นนี้ อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักซึ่งเรื่องนี้จะต้องถึงหูของเหล่าอาวุโสเพื่อพิจารณา
แม้ว่าเทพธิดาฮ่าวจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้ แต่นางกล่าวตักเตือนหานปิงเอ๋อเบา ๆ “ปิงเอ๋อ ข้าเพียงต้องการให้เจ้าสอนบทเรียนแก่เขา เหตุใดเจ้าจึงกระทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้?”
ตอนนี้เทพธิดาฮ่าวรู้สึกผิดอย่างมาก ที่รู้กันคือแม้ว่านางอยากจะจัดการปัญหากับสำนักเสวียนเทียนแต่มันเป็นแค่เพียงอารมณ์โกรธเท่านั้น และนางไม่คิดจะต่อสู้กับสำนักเสวียนเทียนจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นนางจึงใช้หานปิงเอ๋อสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้าอ้วน มันไม่สำคัญถ้าหากนางจะทำร้ายใครสักคนเช่นนี้ในการค้นหาผลไม้วิญญาณ แต่สำหรับการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากทำให้เขาพิการเปรียบเสมือนคนตาย!
สำนักทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนาน การหนักมือเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการยั่วยุอีกฝ่ายหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นหอเฉวียนจี้ สำนักเสวียนเทียนคงไม่อาจละเว้นและร้องขอคำอธิบาย แต่ทว่าหอเฉวียนจี้ก็ไม่อาจลงโทษหานปิงเอ๋อได้เพราะนางคือผู้ครอบครองดาบ เช่นนี้พวกเขาจึงอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ทำให้เทพธิดาฮ่าวหนักใจ
ขณะที่หานปิงเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางขมวดคิ้วแน่นพร้อมอธิบายออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “อาวุโสป้า ศิษย์ของท่านไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ มันคืออุบัติเหตุ ก่อนอื่นท่านต้องรู้ว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซ่งนั้นทรงพลังมาก และอาจเหนือกว่าศิษย์ของท่าน การซุ่มโจมตีของเขาทำให้ข้ากระเด็นออกไปไกล ถ้าหากสัมผัสวิญญาณของข้าไม่สามารถตรวจเจอการโจมตีครั้งนั้น ข้าคงถูกทำลายจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ศิษย์คิดว่าเขาไม่ได้โดนโจมตีเข้าจุดสำคัญ”
หานปิงเอ๋อหดหู่เล็กน้อย ในตอนแรกนางคิดจะทำร้ายเขาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะให้เขาหยุดพักฟื้นสักพักและพลาดการค้นหาผลไม้วิญญาณ ดังนั้นนางเลยคิดจะเอาข้ออ้างเรื่องการแก้แค้นให้มู่ซื่อหรงมาอ้างเพื่อต่อสู้ แต่นางไม่ได้คาดคิดว่าการโจมตีของนางจะแม่นยำเช่นนี้ มันเจาะผ่านตันเถียนของเขาซึ่งมันอาจทำให้เขาพิการได้!
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหานปิงเอ๋อ แน่นอนว่าเทพธิดาฮ่าวเชื่อนาง แต่หงหยิงไม่อาจยอมรับคำอธิบายนี้ได้ นางหยิบเอากระบี่เฟิ่งหมิงออกมาอย่างรวดเร็วและเดินตรงไปยังหานปิงเอ๋อพร้อมตะโกนออกมา “กลับมาก่อนหานปิงเอ๋อ! ข้าจะทำให้เจ้าพิการเพื่อแก้แค้นให้พี่ชายอ้วน!”
หานปิงเอ๋อหันหลังกลับมาอย่างช้า ๆ พร้อมกล่าวด้วยความใจเย็น “ศิษย์น้องหงหยิง เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
“เราจะต่อสู้กัน!” ขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางปลดปล่อยกระบี่เฟิ่งหมิงออกไปทันที ในตอนนี้ทั้งเทพธิดาฮ่าวและนักบวชฮัวอวิ๋นต่างกังวลกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก เนื่องจากสถานะของหงหยิงนั้นสำคัญต่อสำนักเสวียนเทียน ถ้าหากนางบาดเจ็บ จะต้องเกิดปัญหาร้ายแรงอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง สำนักเสวียนเทียนจะต้องออกมาต่อสู้กับหอเฉวียนจี้จนตายตกกันไปข้าง
เห็นได้ชัดว่านางกำลังโกรธและไม่คิดฟังคำอธิบายจากผู้ใดเลยในตอนนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นรู้สึกผิดอย่างมากและไม่กล้ากล่าวสิ่งใด กลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้กับตนเอง ถ้าหากสาวน้อยผู้นี้ต้องการระบายความโกรธแค้นนี้กับเขาคงจะไม่ดีแน่นอน สำหรับเทพธิดาฮ่าว นางเป็นเพียงคนนอกและไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ดังนั้นนางจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะระเบิด เจ้าอ้วนโบกมือให้กับหงหยิงและตะโกนออกมา “ศิษย์น้อง อย่าใจร้อน มาตรงนี้ก่อน!” ในขณะที่เจ้าอ้วนพูดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตกใจทันที คำพูดและน้ำเสียงของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาสบายดี ไม่มีอาการของคนที่ถูกทำลายตันเถียนและไม่มีการสูญเสียการฝึกฝนใด ๆ
หงหยิงเห็นแล้วว่าบุคคลตรงหน้าของนางไม่ได้เป็นอะไร นางจึงกล่าวออกมาว่า “พี่ชายอ้วน เจ้าไม่เป็นไรงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนยิ้มกว้างพร้อมกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ดาบเพียงเล่มเดียวไม่สามารถทำร้ายข้าได้หรอก!”
แม้ว่าเขาจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ สิ่งที่ทำให้เขายังสามารถคุยโม้ได้ในตอนนี้คือจุดตันเถียนของเขาได้ถูกซ่อนอยู่ในมิติลึกลับ ในช่วงเวลาที่มิติลึกลับรู้ว่ามีดาบพุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา มันเปิดการป้องกันทันทีและดึงการโจมตีนั้นเข้าไปภายในมิติ ดังนั้นดาบเล่มนั้นจึงส่งผลให้เจ้าอ้วนบาดเจ็บเล็กน้อย มันไม่ได้เจาะลึกและแน่นอนว่ามันไม่โดนจุดตันเถียนของเขา เจ้าอ้วนหยิบยาคุณภาพสูงมาจัดการกับแผลจากนั้นแผลก็ปิดสนิททันที
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของเขา เขาก็จัดการตรวจสอบมิติลึกลับไปพร้อมกัน เขาเห็นว่าดาบที่หานปิงเอ๋อส่งมานั้นถูกรับไว้โดยระฆังลมทองแดง เมื่อเห็นเช่นนี้เจ้าอ้วนรู้สึกช่วยไม่ได้พร้อมกับคิดในใจ ‘ถ้าไม่ใช่สมบัติเหล่านี้ปกป้องข้าไว้ ในวันนี้ข้าจะต้องกลายเป็นคนพิการอย่างแน่นอน! บัดซบ เจ้า! หานปิงเอ๋อ เจ้ามันชั่วร้ายนัก! ดีจริง ๆ ที่เจ้ามีการค้นหาผลไม้วิญญาณมาช่วยไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นการทำร้ายให้ข้าเลือดออกเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าก็อยากจะทำให้เจ้าเลือดออกบ้าง!’
แน่นอนว่าเจ้าอ้วนทำได้เพียงสาปแช่งในใจเท่านั้น แต่ภายนอกนั้นเขากลับสุขุมเช่นเดิม เขายกมือขึ้นมาคำนับให้กับหานปิงเอ๋อพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณศิษย์น้องสำหรับการแสดงในวันนี้ ข้าซ่งจงเต็มใจรับความพ่ายแพ้นี้ไว้ แต่ในอีกหลายปีข้างหน้าถ้าหากเราได้พบกัน ข้าจะสู้กับเจ้าอีกครั้ง หวังว่าศิษย์น้องจะยินยอมรับการสั่งสอนของพี่ชายผู้นี้ด้วย!”
ประโยคนี้ของเจ้าอ้วนอาจไม่ดีนัก เพราะความหมายหนึ่งคือเขายอมรับความพ่ายแพ้แต่อีกในความหมายหนึ่งเขาจะบอกว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน ดั่งคำกล่าวที่ว่าสิบปีค่อยแก้แค้นยังไม่สาย! นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรอบข้างคิดได้ในตอนนี้
เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนรอบข้างต่างชื่นชมที่เขาสามารถปล่อยวางเรื่องราวทั้งหมดลงได้ มีเพียงเทพธิดาฮ่าวที่รู้สึกเสียใจพร้อมคิดในใจอย่างผิดหวัง ‘เฮ้อ ข้าคิดว่าเขาเป็นเพียงไขมันเดินได้และเต็มไปด้วยโชคลาภเท่านั้น แต่เขากลับเป็นพยัคฆ์ที่แกล้งเป็นสุกร ไม่เพียงแค่นั้น เขายังครอบครองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชนิด และเขาฉลาดมาก ถ้ามองจากสิ่งที่เขาพูดออกมาในตอนนี้แน่นอนว่าเขามองเราเป็นศัตรูแล้ว ทั้งพรสวรรค์ของเขาและสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหงหยิง แน่นอนว่าเขาจะต้องมีสัมพันธ์กับอาวุโสแห่งสำนักเสวียนเทียน เขาอาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเราในอนาคต!’ แม้ว่าเทพธิดาฮ่าวจะกังวลอย่างมาก แต่สำหรับหานปิงเอ๋อนางไม่ใช่คนที่คิดอะไรลึกซึ้งนัก นางหันหน้าไปหาเจ้าอ้วนพร้อมยิ้มออกมาอย่างใจเย็น “ข้ายินดีต้อนรับเจ้าตลอดเวลา!” จากนั้นนางโค้งให้เจ้าอ้วนเล็กน้อยพร้อมหันหลังเดินออกไป
ขณะนั้นก็มีเสียงพ่นลมหายใจออกมา “หอเฉวียนจี้ได้สร้างสงครามกับสำนักเสวียนเทียนเสียแล้ว ช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นยิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น กลุ่มผู้ฝึกตนรอบ ๆ ได้แต่ส่ายศีรษะ
มองจากลักษณะของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ฝึกตนที่เดินบนเส้นทางแห่งความชั่วร้าย พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีอาวุโสสวมชุดสีดำและถือไม้เท้าอสรพิษ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเครา สำหรับเหล่าวัยรุ่นที่เป็นคนกล่าวเช่นนั้นออกมาอายุราวยี่สิบปีสวมใส่ชุดสีขาว เสื้อผ้าของเขาถือได้ว่ายอดเยี่ยม และเต็มไปด้วยเครื่องประดับล้ำค่า แม้ว่าคำพูดของเขาจะหยาบคาย แต่เขาก็ยังคงพยายามจะทำตัวให้ดูสง่างาม ในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าอ้วน เขาหยิบพัดสีเขียวออกมาพัดให้กับตนเองราวกับว่าเป็นจอมยุทธผู้เย่อหยิ่ง
พัดในมือของเขายาวประมาณครึ่งฟุต มีลวดลายดอกไม้ที่สวยงาม ด้านหนึ่งของมันทำจากวัสดุที่ไม่อาจทราบได้ และมีรูปหญิงสาวอยู่ที่ด้านหลัง ตรงด้านข้างมีรูปนักบวชหญิงกำลังอ่านคัมภีร์อยู่
หญิงสาวทั้งเก้าคนที่อยู่บนพัดนี้ล้วนแต่งดงาม ราวกับว่าพวกนางมีชีวิตจริง ๆ สิ่งที่น่าแปลกประหลาดใจที่สุดคงจะเป็นนักบวชหญิง ซึ่งแต่งตัวประหลาดและใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความเย็นชา
เมื่อเจ้าอ้วน หงหยิง และทุกคนมองเห็นพัดนี้ พวกเขามองว่ามันแปลกแต่ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ แต่สำหรับนักบวชฮัวอวิ๋น เทพธิดาฮ่าว และผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทุกคนเปลี่ยนสีหน้าทันทีพร้อมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ภาพวาดสาวงามทั้งเก้า!”
แน่นอนว่าทุกคนยังคงสับสนอยู่ พวกเขาจ้องมองไปที่พัดเพื่อหาความอัศจรรย์ของมัน มีเพียงผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเท่านั้นที่เข้าใจและได้แต่มองอย่างไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าอ้วนจะโง่อย่างไร เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพัดในมือชายคนนี้นั้นอัศจรรย์เพียงใด ถ้าไม่เช่นนั้นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินคงจะไม่แสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา แม้ว่าหานปิงเอ๋อจะแสดงตนออกมาว่าครบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์และมันส่งผลให้เกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ในตอนนี้กลับมีการเปิดเผยภาพวาดสาวงามทั้งเก้า หลายคนรู้สึกประหลาดใจ ซึ่งอาจจะคิดได้ว่าภาพวาดนี้มีมูลค่าอาจสูงกว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์
เจ้าอ้วนและบุคคลโดยรอบคิดในใจ ‘ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ได้รับการรับรองแล้วว่าเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูง รวมกับที่มันถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติ ถ้าหากสิ่งของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่า ระดับของมันจะอยู่ที่เท่าไหร่?’
ในขณะที่เจ้าอ้วนและทุกคนกำลังสงสัย เทพธิดาฮ่าวรู้สึกตัวก่อนและกล่าวออกมาอย่างแตกตื่น “สำนักพันปีศาจช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง สมบัติที่สูญหายไปนานนับหมื่นปีถูกค้นพบโดยพวกท่าน แน่นอนว่าพวกท่านจะต้องได้รับผลตอบแทนจากการค้นหาผลไม้วิญญาณในครั้งนี้อย่างมากมาย!”