ราชันเร้นลับ 595 : ขอบเขต โดย Ink Stone_Fantasy
โดยไม่รอคำตอบจากเฮอร์มิท จัสติส·ออเดรย์รีบเสริม
“หากคุณคิดว่าข้อมูลดังกล่าวมีมูลค่าสูง ดิฉันยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อ”
“ไม่จำเป็น ข้อมูลมิได้เป็นความลับขนาดนั้น ขอเพียงใกล้ชิดกับโบสถ์พระแม่ธรณีแห่งเฟเนพ็อต ทุกคนล้วนทราบรายละเอียด”
เฮอร์มิท·แคทลียา ไม่เคลือบแคลงความจริงใจที่ต้องการจ่ายเงินของจัสติส เชื่อว่าอีกฝ่ายมีกำลังทรัพย์เพียงพอ แต่ท้ายที่สุด แคทลียาก็เลือกจะบอกโดยไม่คิดเงิน
จุดประสงค์ของเธอคือ หยิบยื่นไมตรีให้อีกฝ่ายก่อน การซื้อขายในอนาคตจะได้ราบรื่นและง่ายต่อการต่อรอง ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลคือ เธอต้องการสำรวจพฤติกรรมของสมาชิกคนอื่นขณะที่ตนเปิดเผยข้อมูล เป็นการประเมินสถานการณ์ของชุมนุมไปในตัว ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายศพ
จริงอยู่ เราอาจรู้จักบิชอปยูทรอฟสกี้จากโบสถ์พระแม่ธรณี แต่กลับไม่ทราบลำดับเส้นทางของโบสถ์เลยสักนิด… คงเป็นเพราะไม่กล้าเข้าไปตีสนิท ลำพังขนาดร่างกายของเขาก็มากพอจะข่มขวัญคู่สนทนา ทุกครั้งที่เข้าโบสถ์ เราจึงมองหาแต่เอ็มลิน…
ไคลน์ ‘เดอะฟูล’ บนที่นั่งประธานชุมนุม รำพันความอ่อนแอของตัวเองในใจ
เฮอร์มิท·แคทลียาเล่าต่อ
“โอสถแวมไพร์อยู่บนเส้นทาง ‘จันทรา’ ลำดับ 9 นักปรุงยา ลำดับ 8 นักฝึกสัตว์ ลำดับ 6 ศาสตราจารย์โอสถ ลำดับ 5 บัณฑิตสีชาด ลำดับ 4 ราชาหมอผี… เหนือขึ้นไปจากนั้น ดิฉันไม่ทราบแล้ว”
“อะแฮ่ม!” เอ็มลินกระแอม “มาดามเฮอร์มิท ข้าขอแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดบางจุด…
“ไม่ใช่แวมไพร์ แต่เป็นผีดูดเลือด! หึหึ… แต่ถ้าเจ้าเรียกมนุษย์ที่ดื่มโอสถว่าแวมไพร์ ข้าก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด ออกจะเห็นพ้องด้วยซ้ำ”
กลายเป็นว่า แวมไพร์อยู่บนเส้นทางเดียวกับนักปรุงยาหรอกหรือ… แถมยังรวมถึงไปราชาหมอผีด้วย เข้าใจแล้วว่าทำไม ‘คารามัน’ ถึงนับถือ ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’ มากกว่าเทพธิดารัตติกาล…
ถ้าอย่างนั้น สมบัติปิดผนึกของโรงเรียนกุหลาบ ‘มงกุฎจันทร์ชาด’ ที่อยู่ในมือของมาดามชารอนตอนนี้ ก็คงเกิดจากผู้วิเศษลำดับ ‘บัณฑิตสีชาด’ หรือเทียบเท่า ‘ไวเคาต์ผีดูดเลือด’ … ความสามารถของมันคือ สร้างอิทธิพลแบบเดียวกันจันทร์เต็มดวง ลดผลข้างเคียงด้านลบที่เคยได้รับ มาพร้อมการเสริมความเร็ว ความทนทานของร่างกาย และครอบครองมนตร์ดำทรงพลังอีกบางชนิด ข้อเสียก็คือ ต้องคอยดูดเลือดสดจากคนเป็นอย่างต่อเนื่อง… ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เหมือนกับผีดูดเลือด…
อีกหนึ่งจุดที่คล้ายคลึงกับเส้นทางนักทำนาย โอสถลำดับก่อนหลังแทบไม่มีความสัมพันธ์กัน…
ไคลน์ปะติดปะต่อเศษข้อมูล ผ่านไปสักพัก ความสงสัยใหม่ได้ผุดขึ้น
แฮงแมน·อัลเจอร์ เมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส และคนที่เหลือต่างตอบสนองแตกต่างกันไป บ้างนำข้อมูลจากเฮอร์มิทไปคิดต่อยอด บ้างนั่งฟังอย่างตั้งใจ และบ้างก็แสร้งทำเป็นเมินเฉย
จากการสำรวจเบื้องต้น เฮอร์มิท·แคทลียาพอจะเดาได้ว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของชุมนุมไม่มีข้อมูลแวมไพร์มาก่อน
หมายความว่า แต่ละคนยังมีตำแหน่งต่ำในองค์กรของตัวเอง อาจเพราะเพิ่งถูกดึงเข้าร่วมชุมนุมได้ไม่นาน… อย่างไรก็ตาม พัฒนาการทางลำดับพลังของพวกเขารวดเร็วจนน่าทึ่ง….
เดอะเวิร์ลไม่ตอบสนอง อาจมีเทคนิคการเก็บซ่อนอารมณ์จนเราอ่านไม่ออก หรือไม่ก็ทราบข้อมูลของแวมไพร์อยู่แล้ว หรือเป็นได้ทั้งคู่…
เธอประเมินว่าเดอะเวิร์ลคือบุคคลอันตรายที่ตนต้องคอยระวังเอาไว้
จัสติส·ออเดรย์นั่งฟังอย่างสนใจ ครุ่นคิดตามประหนึ่งกำลังเรียนคาบสอนพิเศษที่คฤหาสน์
“มาดามเฮอร์มิท ทำไมแต่ละลำดับของเส้นทางจันทราจึงแทบไม่มีความสัมพันธ์กันเลยคะ?”
เฮอร์มิท·แคทลียาจ้องจัสติส พบว่าเดรสและเครื่องประดับที่อีกฝ่ายสวมล้วนเป็นเซตใหม่ทั้งหมด ไม่ซ้ำกับคราวก่อนแม้แต่ชิ้นเดียว แถมยังเป็นคนละสไตล์โดยสิ้นเชิง แผ่กลิ่นอายความหรูหราสง่างามอย่างท่วมท้น
แคทลียาถูกดึงเข้าสู่ภวังค์ ภาพความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาฉาย เป็นฉากของราชินีคนหนึ่งในวัยเด็ก เธอมักเปลี่ยนเครื่องแต่งกายไม่ซ้ำแต่ละวัน โดยทุกชุดถูกออกแบบให้เข้ากับแต่ละโอกาส
หลังจากเงียบงันสักพัก แคทลียาเล่าต่อ
“แต่ละลำดับบนเส้นทางไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กัน แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ ขอเพียงมีองค์ประกอบในขอบเขตของเทพประจำเส้นทางดังกล่าวก็พอ ตัวอย่างเช่น ‘จันทรา’ จะอยู่ในขอบเขตพลังวิญญาณ พืชพรรณ ความงดงาม อายุขัย ส่วนประกอบของชีวิต ส่วนประกอบของความมืด และส่วนประกอบของความพิสดาร นักปรุงยาสื่อถึงพืชพรรณ แวมไพร์สื่อถึงอายุขัยและความงดงาม นักฝึกสัตว์สื่อถึงส่วนประกอบของชีวิตและวิญญาณ”
“ผีดูดเลือด!” เดอะมูน เอ็มลิน·ไวท์ แผดเสียงขึงขัง เชิดคางแผ่วเบา “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกข้าถึงได้สง่างามและน่าเกรงขาม”
ไม่จริงเลยสักนิด แวมไพร์ที่เราเคยเห็น ทั้งน่าขยะแขยงและชวนให้อาเจียน… เดอะซัน·เดอร์ริคโต้แย้งภายในใจ
อธิบายแบบนี้ได้ด้วยหรือ… ไม่เหมือนกับทฤษฎีของหัวหน้าและมาดามดาลีย์สักเท่าไร… น่าสนใจ… ทุกลำดับจะสื่อถึงพลังในขอบเขตของลำดับ 0… หากนำสองทฤษฎีมารวมกัน อาจได้เป็นคำตอบที่สมบูรณ์…
เรายังไม่ทราบว่าลำดับ 0 ของเส้นทางนักทำนายอยู่ในขอบเขตใดบ้าง… ประเมินจากสัญลักษณ์หลังเก้าอี้เดอะฟูล เป็นขอบเขตของความแปลกประหลาดและการเปลี่ยนแปลง?
ไคลน์ทำหน้านิ่ง ภายในใจใคร่ครวญ
จัสติส·ออเดรย์เข้าใจคำอธิบายของเฮอร์มิทในทันที อดไม่ได้ที่จะคาดเดาชื่อโอสถลำดับ 0 ของเส้นทางตัวเอง
คงไม่ใช่ ‘มังกร’ เฉย ๆ แน่… บนโลกมีมังกรมากมาย และพลังของมังกรทุกประเภทคงไม่ถูกบรรจุในเส้นทางเดียวอย่างครบถ้วน… หากจะให้เดาจากข้อมูลปัจจุบัน ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็น ‘มังกรจิต’ …
เมื่อไรมิสเตอร์ฟูลจะมีไพ่เย้ยเทพของเส้นทางผู้ชมสักทีน้า~
หืม… หนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ถือกำเนิดขึ้นในหมู่ตระกูลมังกร เราไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกับมังกรจิตไหม…
ทันใดนั้น เดอะมูนซักถามเพื่อความแน่ใจ
“สรุปว่า แม้ว่าข้าจะเป็นคนโปรดของจันทรา แต่หากต้องการเลื่อนลำดับเป็นไวเคาต์ผีดูดเลือด ก็ต้องสวมบทบาทในฐานะศาสตราจารย์โอสถ?”
สหายเอ็มลิน นายถามเพื่อต้องการโอ้อวดประโยคแรกใช่ไหม… ได้ฟังเช่นนั้น ไคลน์ถึงกับต้องการใช้มือก่ายหน้าผาก
นี่คือเหตุผลหลักที่ชายหนุ่มเลือกฝากฝังงานตรวจสอบถนนวิลเลี่ยมส์ไว้กับมิสเมจิกเชี่ยน มิใช่เอ็มลิน·ไวท์ มันมองว่าแวมไพร์หนุ่มที่ไม่เข้าสังคมตนนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้
ส่วนอีกหนึ่งเหตุผล เอ็มลินคงกำลังถูกจับตามองและควบคุมความประพฤติจากผีดูดเลือดระดับสูง หากไหว้วานให้เดินสำรวจรอบถนนวิลเลี่ยมส์ มีโอกาสที่ความลับอาคารโบราณใต้ดินจะถูกเปิดเผย
“ถูกต้อง” เฮอร์มิท·แคทลียาพยักหน้า
เมื่อช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลใกล้จบลง จัสติส·ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้ หมุนตัวเล็กน้อยและมองไปยังที่นั่งประธาน
“มิสเตอร์ฟูล การสอบข้าราชการรอบที่สองจะเสร็จสิ้นในวันนี้ค่ะ เหลือแค่ขั้นตอนสอบสัมภาษณ์แล้ว”
น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูผ่อนคลาย เจือความยินดีปรีดาหลายส่วน คล้ายกับเด็กเรียนดีกำลังบอกผลสอบให้พ่อแม่ฟัง
ในความคิดออเดรย์ ระบบการสอบข้าราชการเกิดจากคำแนะนำของมิสเตอร์ฟูล ส่วนเธอเป็นผู้ผลักดันให้สำเร็จด้วยอิทธิพลของตระกูล ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้พลังพิเศษเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก หญิงสาวจึงใส่ใจกับความคืบหน้าการสอบข้าราชการเป็นพิเศษ
รอบที่สองจบแล้วหรือ… เบ็นสันจะไหวไหม.. จะได้สอบสัมภาษณ์รึเปล่า…
ไคลน์เอนหลัง อารมณ์เก่าเริ่มหวนกลับคืน
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำดีมาก”
เมื่อจัสติส·ออเดรย์ถูกมิสเตอร์ฟูลชมเชย หญิงสาวเริ่มเปี่ยมความสุข ภายในใจตระหนักว่า ตนได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของผู้คนจำนวนมากไปในทิศทางที่ดีขึ้น พลเมืองชั้นกลางค่อนไปทางล่างหลายคนที่มีความสามารถ จะถูกยกระดับกลายเป็นพลเมืองชั้นกลางค่อนไปทางสูง
เฮอร์มิท·แคทลียาได้ยินเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วย่นชนกัน เป็นอีกครั้งที่มุมมองเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ต้องเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอาณาจักรโลเอ็นเกิดจากการชักใยลับ ๆ ของชุมนุมทาโรต์? มิสจัสติสอาศัยอำนาจของตระกูลขุนนาง ผลักดันให้เกิดระบบการสอบข้าราชการที่ทันสมัย?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แปลว่าเราประเมินพวกเขาต่ำไปมาก… แม้ลำดับพลังจะไม่สูง และตำแหน่งในองค์กรของแต่ละคนยังต่ำ แต่กลับมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างลับ ๆ?
แคทลียาถอนสายตากลับ ลังเลว่าเธอควรส่งคนไปสืบสวนต้นตอการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรโลเอ็นเมื่อครึ่งปีก่อนดีหรือไม่
ผ่านไปสักพัก เดอะฟูล·ไคลน์ประกาศสิ้นสุดชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์
เมื่อทุกคนทำความเคารพเสร็จ ชายหนุ่มตัดการเชื่อมต่อระหว่างดาวแดง เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย นั่งจ้องบรรยากาศอันเงียบงันภายในวังสายหมอกเป็นเวลานาน
…
กรุงเบ็คลันด์ ร้านกาแฟบนถนนพระราชา
เมลิสซ่ากำลังถือช้อนเซรามิก คนชาดำแช่มะนาวฝานอย่างเหม่อลอย สายตาจ้องออกไปบนถนนนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยแสงไฟท่ามกลางหมอกขาว
หมวกติดตาข่ายสีดำถูกวางบนเบาะด้านข้าง บนโต๊ะเบื้องหน้ามีจานขนมปังราคาถูกที่สุดในร้านวางอยู่ ยังใหม่เอี่ยมปราศจากรอยกัด
เธอกังวลว่าการนั่งเฉย ๆ จะทำให้เจ้าของร้านเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากเป็นการนั่งจองที่จนทำให้เสียลูกค้ารายอื่น แต่หลังจากมองไปรอบตัว ภายในร้านกลับเต็มไปด้วยลูกค้าแบบเดียวกับเธอ ความรู้สึกผิดจึงลดทอนลงหลายส่วน
จากวินาทีกลายเป็นนาที ฟ้าสีขาวเริ่มขึ้นกระจก เมลิสซ่าตัดสินใจใช้นิ้วมือขวาถูไถเพื่อให้เห็นบรรยากาศด้านนอก
จนกระทั่ง เด็กสาวเห็นคนกลุ่มใหญ่เดินออกจากห้องสอบ ตรงมายังทิศทางของตน คนหน้าสุดผลักบานประตูไม้เลี่ยมกระจก ชายหญิงเจ็ดแปดคนเดินเข้ามาในร้าน
เบ็นสันถอดหมวกทรงสูงใบเก่า ขณะเตรียมใช้นิ้วมือบีบนวดหน้าผากเถิก สายตาเหลือบเห็นน้องสาวของตนกำลังยืนจ้องพร้อมกับซักถามอย่างกังวล
“ผลสอบเป็นยังไง… เอ่อ ทำได้บ้างไหม?”
“สำหรับคนอื่นอาจยาก แต่ไม่มีปัญหาสำหรับฉันแน่นอน คณิตศาสตร์คือของถนัด!”
เบ็นสันมองไปรอบร้าน เมื่อเห็นทุกคนกำลังจับกลุ่มคุยกับญาติโดยไม่มีใครหันมาสนใจ มันกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม
“หลังจากหมดเวลา ฉันเห็นคนจำนวนมากส่งกระดาษคำตอบที่ว่างเว้นหลายข้อ พวกเขาคิดว่าข้าราชการระดับล่างจะมีเลขานุการด้านคณิตศาสตร์คอยช่วยเหลือรึไง? ถ้าเป็นแบบนั้น จ้างลิงบาบูนขนหยิกทำงานแทนไม่ดีกว่าหรือ”
เมลิสซ่าถอนหายใจเงียบ มองไปรอบตัวหนึ่งหนก่อนจะเบือนหน้ากลับมาพูด
“เบ็นสัน ถ้านายมั่นใจถึงขั้นนั้น รีบวางแผนสอบสัมภาษณ์ตั้งแน่เนิ่น ๆ ดีกว่า อย่างน้อยก็ต้องซื้อสูทใหม่ที่ดีกว่านี้”
“ค่อยออกไปซื้อวันหลัง ตอนนี้ขอฉลองให้หนำใจก่อน ฉันหามาแล้วว่าร้านไหนอร่อย!” เบ็นสันยิ้มพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง
เมลิสซ่าเม้มปาก หรี่ตาลงด้วยสีหน้าขึงขัง
“ฉันซื้อเนื้อกับผักเตรียมไว้แล้ว”
เบ็นสันและน้องสาวจ้องหน้ากันสักพัก ก่อนที่ฝ่ายพี่ชายจะหัวเราะอย่างผ่อนคลาย
“ฮะฮะ! เข้าใจแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
…
ณ มิติเหนือสายหมอก ไคลน์รวบรวมสมาธิกลับมายังประเด็นสำคัญ พิจารณาว่า ตนควรใช้วิธีใดในการลบจิตกัดกร่อนของ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ ออกจาก ‘ดวงตาดำล้วน’
……………………