ฉู่หลิงมองหน้าถังซี แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขากล่าวกับถังซีว่า “ผมมีเงื่อนไขเดียว ถ้าคุณต้องการให้ผมอนุญาตให้คุณไม่ต้องเข้าบริษัทเป็นเวลาสามเดือนนับจากนี้ไป”
“คืออะไรล่ะ” ถังซีมองหน้าฉู่หลิงอย่างระแวดระวัง เงื่อนไขที่ฉู่หลิงหยิบยกมักจะร้ายแรงเสมอ
ฉู่หลิงมองถังซี ยิ้มมุมปาก “นี่ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ คุณน่ากลัวมาก!” ถังซีกล่าวโดยไม่ลังเล เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ เขาเก่งเหลือเกินจริงๆ ในการหาประโยชน์จากผู้อื่น และสามารถกลืนกินเหยื่อทั้งเป็นหากมีโอกาสเป็นไปได้
“เปลี่ยนงานออกแบบของคุณให้เป็นชิ้นงานที่สำเร็จแล้ว” ฉู่หลิงเห็นความไม่เต็มใจในสายตาถังซี แต่เขาเพิกเฉย กล่าวกับถังซีต่อไปอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ขอผลงานที่สำเร็จเป็นชิ้นงานแล้วให้ผม จากนั้นคุณก็ไปทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนั้นได้เลยโดยไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องดีสำหรับคุณด้วยเหมือนกันนะ”
ถังซีอึ้ง “…” เธอรู้ว่าฉู่หลิงไม่ยอมปล่อยเธอแน่!
เสื้อผ้าที่เธอออกแบบมีรายละเอียดส่วนงานปักเยอะมากที่ต้องปักด้วยมือ ดังนั้น… เธอต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อให้เสื้อผ้าเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย ก่อนที่เธอจะเริ่มสติแตก หรือไปถ่ายทำภาพยนตร์!
แต่เธอต้องยอม เพื่อแลกกับการอนุญาตจากฉู่หลิง
ในขณะที่ตรุษจีนกำลังจะมาถึง คนในตระกูลเซียวก็ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวกันหมดแล้ว ถังซีออกจากบริษัท โทรหาเฉียวเหลียงขณะขึ้นรถเซียวส่า เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าบึ้งตึงของน้องสาว เซียวส่าก็เลิกคิ้วถาม “เป็นอะไรไป ใครรังแกเธอหรือเปล่า ทำไมหน้าบึ้งอย่างนี้”
ถังซีบ่นฉู่หลิงให้พี่ชายฟังทันที “พี่ส่า พี่รู้ไหมว่าวันนี้ฉันก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นยังมากดดันให้ฉันทำงานอีกตั้งมากมายให้เสร็จภายในเวลาอันสั้น เขาทำแบบนี้ได้ยังไง โอย ช่างชั่วร้ายจริงๆ!”
เซียวส่าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วกล่าวเตือนถังซี “นี่ พี่จำได้ว่าบริษัทนี้เป็นของเธอไม่ใช่เหรอ”
ถังซีชะงักแล้วพยักหน้า เซียวส่าหัวเราะ ตบไหล่เธอเบาๆ “เพราะฉะนั้นที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเอง เขาไม่เคยขอให้เธอจ่ายเงินเดือนให้เขาด้วยซ้ำ เขาแค่พยายามรับผิดชอบงานในหน้าที่ เธอจะมาบ่นเขาได้ยังไง”
ถังซีมองเซียวส่าด้วยสายตาสับสน เงียบไปนาน เซียวส่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจจึงผลักศีรษะถังซีเบาๆ “อย่ามองพี่แบบนี้ น่าขนลุก”
ถังซีส่ายศีรษะอุทานว่า “พระเจ้าช่วย พี่ส่า ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะฉลาดขนาดนี้ พี่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายในความโง่เขลาของตัวเอง!”
ถ้าเซียวส่าแค่ปลอบ เธออาจจะยังรู้สึกเสียใจ แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวส่าเธอก็รู้สึกผิดทันที ที่เธอทำงานหนักก็เพียงเพราะต้องการได้รับผลประโยชน์ของตนเองมากขึ้น
เหมือนอย่างที่เซียวส่ากล่าว เดอะควีนเป็นบริษัทของเธอ และเธอคือผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความสำเร็จ เป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำงานหนักเพื่อเดอะควีน เพราะเฉียวเหลียงผู้เป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ เธอจึงได้ฉู่หลิงมาช่วยบริหารงานบริษัท และเธอก็มองข้ามความจริงข้อนี้ไป ยกงานทั้งหมดให้ฉู่หลิงรับผิดชอบ แต่แล้วเมื่อฉู่หลิงมอบหมายงานให้เธอ เธอกลับรู้สึกว่าเธอต้องทำงานหนัก อย่างไรก็ตามนั่นไม่เป็นความจริง อันที่จริงเธอไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย…
“พี่ส่า ขอบคุณนะคะ ที่เตือนสติฉัน” ถังซีรู้สึกโชคดีที่มีพี่ชายที่ดีเช่นนี้
ตอนยังเป็นถังซี เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่เอาแต่ประจบประแจง มีเพียงไม่กี่คนที่ใส่ใจเธออย่างแท้จริง คนตระกูลถังแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นเธอผิดพลาด เพื่อพวกเขาจะได้ค่อยๆ แย่งชิงเอ็มไพร์กรุปไปจากเธอ…
อย่างไรก็ตามคนตระกูลเซียวนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทุกคนจะวิเคราะห์เธอจากมุมมองของผู้สังเกตการณ์ และบอกให้เธอรู้ว่าเธอทำอะไรผิดไปบ้าง…
เซียวส่ายิ้ม “ถ้าเธอทำในสิ่งที่ถูกต้องเราจะชื่นชมเธอ และยินดีไปกับเธอด้วย แต่ถ้าเธอทำอะไรผิดพลาด เราจะช่วยเธอแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดนั้นอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ครอบครัวควรทำ”
ถังซีรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ใช่ นี่คือสิ่งที่ครอบครัวควรทำ ครอบครัวจะพาคุณก้าวไปสู่หนทางที่ถูกต้อง และดึงคุณกลับมาเมื่อคุณก้าวไปในหนทางที่ผิด
…
เซียวเหยายังคงมีความสุขสนุกสนานกับวันหยุดยาว หลังจากทุกคนย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวแล้ว เขาก็อยู่บ้านตลอดทั้งวัน ยกเว้นตอนไปรับถังซีเป็นครั้งคราว เซียวเจี่ยนและเซียวจิ่งก็กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว เซียวส่าว่างวันนี้เขาจึงมารับถังซี
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้าน หลินหรูกับหยางจิ้งเสียนได้เตรียมอาหารไว้ให้แล้ว ทุกคนรอทั้งสองคนมาทานอาหารค่ำพร้อมกัน
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาหลินหรูก็กวักมือเรียกคนรับใช้ให้ยกอาหารมาขึ้นโต๊ะ และบอกให้ทั้งสองไปล้างมือ มารับประทานอาหารค่ำกัน
ถังซีมองดูอาหารและกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมีอาหารมากมายจังเลย” จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปหยิบอาหารจากจานหนึ่งมาชิม
หลินหรูตีมือเธอเบาๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปล้างมือก่อน”
ถังซีทำหน้ามุ่ยเดินไปล้างมือ แล้วมานั่งลงข้างๆ คุณปู่เซียว เธอขยิบตาให้คุณปู่เซียวแล้วกระซิบว่า “คุณปู่คะ วันนี้วันอะไรเหรอคะ ทำไมมาม๊ากับคุณแม่ทำอาหารมากมายขนาดนี้”
เนื่องจากครอบครัวเซียวหงอี้กับครอบครัวเซียวหงลี่ได้ปรับความเข้าใจกันระหว่างพวกเขาแล้ว และย้ายกลับมาอยู่คฤหาสน์ตระกูลเซียว คฤหาสน์จึงอบอุ่นมีความสุขมากขึ้น ทำให้สุขภาพกายสุขภาพใจคุณปู่เซียวเริ่มดีขึ้น และเนื่องจากตอนนี้หลินหรูได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจากหยางจิ้งเสียน พ่อครัวของคฤหาสน์จึงเกือบตกงาน ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเซียวยังคงต้องจัดงานเลี้ยงเป็นครั้งคราว พ่อครัวคงได้ตกงานอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณปู่เซียวยิ้ม ขยิบตาให้ถังซีด้วยเหมือนกัน ถังซีกะพริบตาปริบๆ ด้วยความสับสน เซียวส่าส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะลืม”
“ฮึ อะไรเหรอคะ” ประกายความสงสัยกะพริบไปทั่วดวงตาถังซี “แล้ววันนี้เป็นวันอะไรล่ะ”
“นี่พวกคุณเริ่มลงมือทานอาหารกันแล้วเหรอ ทำไมไม่รอพวกเราสักหน่อยล่ะ” เสียงดังกังวานของแม่ทัพหยางดังขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าคุณปู่เซียวระบายไปทั่ว เมื่อเห็นคนตระกูลหยางมากันครบทุกคน ท่านหัวเราะ “ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่มาร่วมฉลองวันเกิดหลานผมที่นี่ เชิญครับ เชิญนั่ง”