SD:บทที่ 60 : การตัดสินใจ

“สมาคมนักแข่งรถเพิ่งจะประกาศออกมา เจ้าสัวจากต่างประเทศคนนั้นน่ะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาเลยเข้าร่วมการแข่งนี้ด้วยไม่ได้”

ซู ฉิวไป่ งงงันตั้งแต่ก่อนที่ เฉา ตั้วเฟย จะทันพูดจบด้วยซ้ำ

ไม่แปลกใจเลยที่ กู่ ชิงเทียน ยืนยันให้ กู่ ชิงเหมย ถอนตัว มันต้องมีการสมคบคิดกันแน่ ๆ !

……

สมาคมนักแข่งรถ ณ ขณะนี้ อยู่ในสภาพที่เละเทะวุ่นวายสิ้นดี กู่ ชิงเหมย ซึ่งเดิมทีดีใจเป็นล้นพ้นเมื่อทราบข่าวว่า เอ เป๋ง จะกลับมาจากต่างแดน หญิงสาวนึกว่าในที่สุดเธอก็มีความหวังบ้างเสียที นั่นเป็นสาเหตุที่เธอเร่งประกาศกำหนดเวลาของการแข่งขัน กลับกลายเป็นว่าเมื่อประกาศมันออกไป อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นมาพอดีซะอย่างงั้น

“น้องเหมย เราจะเอายังไงต่อดี”

กู่ ชิงเหมย กลับมาที่ศูนย์บัญชาการของสมาคมแล้ว และตอนนี้เธอกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องประชุม สมาคมตอนนี้กำลังประสบกับวิกฤติซึ่งร้ายแรงที่สุดที่พวกเขาเคยต้องเผชิญ แถมหญิงสาวก็ประกาศกำหนดการของงานแข่งไปเรียบร้อยแล้วอีก ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทุกอย่างจะจบสิ้นทันทีหากไม่มีใครสามารถเข้าร่วมเกมการแข่งนั้นได้

“เอ เป๋ง ตอนนี้อาการเป็นอย่างไงบ้างคะ เขาเข้าร่วมการแข่งนี้ไม่ได้จริง ๆ เหรอ”

กู่ ชิงเหมย นึกเสียใจที่เธอไม่ฟังคำพูดของพี่ชายเธอและยังดึงดันเรื่องการแข่งรถ ทว่าตอนนี้มันสายเกินกว่าจะมามัวนั่งทุกข์ทนแล้ว

“เขาเข้าร่วมการแข่งไม่ได้แน่ ๆ แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์มัน… ดูจะไม่ใช่แค่อุบัติเหตุเนี่ยสิ”

คนที่ตอบคำถามของเธอเป็นชายหัวล้าน เขาเองก็เป็นหนึ่งในบุคลากรอันทรงคุณค่าในสมาคมนักแข่งรถ แม้ประโยคสุดท้ายที่เขาเอ่ยจะเป็นเพียงการคาดเดา แต่ความจริง ทุกคนที่เหลือก็มีความเห็นไม่ต่างกันนัก

กู่ ชิงเหมยไม่พูดอะไร ชัดเจนมากว่าเธอก็มีความคิดเช่นเดียวกันเขา ดีไม่ดีจะเชื่อมั่นในประเด็นดังกล่าวมากกว่าด้วยซ้ำ อุบัติเหตุนั่นต้องมีใครอยู่เบื้องหลัง!

“ฝีมือของพวกนั้นแน่นอนค่ะ ทางเราเอง ก็ต้องหาทางสู้กล้บบ้างแล้ว!”

“ใช่ ลุยกันเลย!”

ใครคนหนึ่งในหมู่พวกเขาตะโกนขึ้นมา ไม่ว่าใครต่างก็เดือดดาลไม่ต่างกัน แต่ใช่ว่าพวกเขาจะมีทางเลือกอื่น ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือชื่อเสียงและเกียรติยศของสมาคมนักแข่งรถ

“ทุกคน เงียบหน่อยค่ะ มาช่วยระดมสมองคิดกัน มีทางไหนที่เรายังจะพอเข้าร่วมได้อีกมั้ยคะ”

ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้น กู่ ชิงเหมย ตั้งใจถามคำถามนี้กับทุกคน ทว่าพวกเขากลับยังคงนิ่งเงียบ

“มีใครเข้าร่วมได้บ้างคะ พวกคุณมีความมั่นใจกันบ้างมั้ย” เนื่องจากเธอยังไม่ได้คำตอบ กู่ ชิงเหมย จึงถามขึ้นมาอีกคราหนึ่ง

กระนั้นคนทั้งห้องประชุมยังเงียบดังเดิม สมาชิกทุกคนรู้ระดับความสามารถของตนเองดี หากพวกเขาเก่งถึงขั้นระดับนั้นล่ะก็ สมาคมนักแข่งรถคงไม่มีมือโปรแค่สามคนหรอก

“หากไม่มีใครจะเข้าร่วมล่ะก็… ฉันทำเองก็ได้ค่ะ”

ท้ายที่สุด กู่ ชิงเหมย สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด พร้อมกับประกาศการตัดสินใจของเธอ ถึงหญิงสาวรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน รวมถึงความจริงที่ว่าเธอแทบไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น!

“เดี๋ยว… บางทีอาจมีคนอื่นที่ทำได้”

เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง ทุกคนหันหน้าไปทางแหล่งต้นกำเนิดเสียงโดยพร้อมเพรียง ใครคนนั้นที่พูดขึ้นมาก็คือ คุน ซาน เขาเพิ่งจะแพ้ให้กับคาร์ล ชายหนุ่มจึงนั่งจุ้มปุกอยู่ที่มุมห้อง

“ใครคะ” นัยน์ตาของ กู่ ชิงเหมย ฉายประกายของความตื่นเต้น หญิงสาวจึงเอ่ยถามเขา

“คนขับรถแท็กซี่ที่ชนะเสี่ยวเตาคราวที่แล้ว เขาต้องทำได้แน่ด้วยทักษะระดับนั้นล่ะก็นะ!”

คุน ซาน ยังคงลังเลในตอนแรก แต่เขาก็สามารถอธิบายด้วยความมั่นใจได้มากขึ้นเมื่อใกล้ถึงช่วงท้าย

“คุณหมายถึง…ผู้ชายที่ถูกเสี่ยวเตาแทงสินะคะ” กู่ ชิงเหมย นึกถึงชายคนขับรถที่ คุน ซาน เคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ได้ทันทีทันใด แม้ตัวเธอจะยังคงมีความเคลือบแคลงอยู่

เขาจะทำได้จริง ๆ น่ะเหรอ

“ใช่ หมอนั่นแหละ!” คุน ซาน พยักหน้า ชายหนุ่มคิดออกได้เพียงแค่ชายคนนั้น

“แต่… ขณะนี้เขาควรจะอยู่ที่เมืองชิงเหอ  และเขาจะยอมช่วยเราจริงแน่เหรอคะ” น้ำเสียงของ กู่ ชิงเหมย แสดงถึงความตะขิดตะขวงอย่างไม่ปิดบัง

“ผมไม่แน่ใจหรอกว่าเขาจะช่วยเรา แต่… ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองตงไห่ เสี่ยวเตาเล่าให้ผมฟังว่าพวกแก็งนักแข่งข้างถนนมาที่นี่พร้อมกับเขาในช่วงไม่กี่วันมานี้!”

บรรยากาศของห้องประชุมเริ่มอึดอัดมากขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ผู้เข้าร่วมได้รับฟังคำของ คุน ซาน

“แล้วถ้ามีใครไปเอ่ยขอกับหมอนั่นล่ะ”

ใครคนหนึ่งในห้องกระซิบพูดขึ้น ถึงจะไม่มีใครตอบก็ตาม

“ฉันไปเองค่ะ ไปติดต่อแก็งนักแข่งข้างถนน พาฉันไปหาคนขับรถแท็กซี่ด้วยค่ะ ฉันต้องการจะคุยกับเค้า!”

กู่ ชิงเหมย ตัดสินใจแล้ว

เวลาจัดการแข่งรถนั้น ตามกำหนดการจะเริ่มเมื่อเวลาเก้านาฬิกาในเช้าวันถัดไป หากคนขับรถแท็กซี่ยังอยู่ในเมืองตงไห่ พวกเขาก็ยังพอมีเวลาต่อชีวิตของสมาคม

การประชุมถูกเร่งรัดตัดจบในบันดล กู่ ชิงเหมย และ คุน ซาน ออกไปตามหา จุน เสี่ยวเตา ทันที

เฉา ตั้วเฟย และเพื่อนพ้องกำลังรอประกาศจากสมาคมนักแข่งรถเกี่ยวกับการแข่งขันในวันพรุ่งนี้อยู่ จนเมื่อเขากลับได้รับสายโทรเข้าจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก เด็กหนุ่มราวกับเป็นใบ้เมื่อได้ยินคู่สาย เธอบอกเขาว่าเธอคือ กู่ ชิงเหมย ตัวจริงเสียงจริง!

เฉา ตั้วเฟย กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เด็กหนุ่มรู้สึกประหลาดเหลือ ทำไมเจ๊ใหญ่แห่งสมาคมนักแข่งรถถึงมาโทรหาฉันได้ล่ะ

“ฉันอยากจะพบกับ ซู ฉิวไป่”

เฉา ตั้วเฟย เข้าใจอย่างรวดเร็วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มตื่นเต้นขึ้นมา

ยัยนี่กำลังเชิญลูกพี่เราไปร่วมแข่ง!

ในฐานะที่เขานับตัวเองว่าเป็นถึงมือขวาและน้องชายต่างสายเลือดของ ซู ฉิวไป่ เขาจึงไม่ลังเลสักนิดที่จะตอบตกลงแทนเจ้าตัว กู่ ชิงเหมย นัดแนะเวลาที่จะพบเจอกับ เฉา ตั้วเฟย จากนั้นก่อนจะวางสาย คู่สนทนายังบอกให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เด็กหนุ่มกล่าวยืนยันด้วยความยินดี ทว่าทันทีที่เขาวางสาย เฉา ตั้วเฟย กล่าวโห่ร้องดีใจกับเหล่าพรรคพวกของตน “กู่ ชิงเหมย เพิ่งเชิญลูกพี่ใหญ่ของเราเข้าร่วมการแข่งของสมาคมนักแข่งรถล่ะโว้ย!”

ด้วยข่าวดีเช่นนั้น ทุกคนออกอาการลิงโลด ต่างก็กระตือรือร้น เลือดสูบฉีดขึ้นมาฉับพลัน!

สำหรับคำเตือนของ กู่ ชิงเหมย… ในความคิดเห็นของ เฉา ตั้วเฟย คนพวกนี้น่ะเขาสนิทสนมประหนึ่งพี่น้องคลานตามกันมา ใช่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน มันจะเป็นอะไรได้ล่ะ!

ราวสิบนาทีให้หลังตามเวลานัด เฉา ตั้วเฟย ได้พบกับ กู่ ชิงเหมย แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าตรงไปโรงพยาบาล

ซู ฉิวไป่ ยังไม่ทราบว่า เฉา ตั้วเฟย กำลังจะพาหญิงสาวมา ก่อนหน้านี้ เขาออกไปขับรถยู่เสียนาน แล้วจึงไปซื้ออาหารจานโปรดของ ซู เซี่ยวเซี่ยว จนตอนนี้เขาถึงเพิ่งอยู่ระหว่างทางกลับ

ยามที่ ซู ฉิวไป่ มาถึงโรงพยาบาลแล้ว เฉา ตั้วเฟย ซึ่งยังนั่งอยู่ในรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่จอดอยู่ข้างถนน เด็กหนุ่มชี้ไปยังรถแท็กซี่ของคนที่พวกเขากำลังตามหา พลางบอก กู่ ชิงเหมย ว่า ซู ฉิวไป่ จะอยู่ในนั้น

เด็กหนุ่มและหญิงสาวเคยปรึกษากันเรื่องนี้แล้ว กู่ ชิงเหมย จะเอ่ยเชิญชวน ซู ฉิวไป่ ให้เข้าร่วมการแข่งด้วยตนเอง เฉา ตั้วเฟย จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

เมื่อเห็นรถแท็กซี่ปรากฏขึ้นต่อหน้า กู่ ชิงเหมย สูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอลงจากรถของตัวเองและมุ่งหน้าตรงไปยังอีกฝ่าย

ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่าขณะเดียวกับที่หญิงสาวลงจากยานพาหนะ ชายหนุ่มในแว่นกันแดดดำสนิทกำลังแอบเฝ้าสังเกตเธอจากรถตู้ที่จอดอยู่ไม่ไกล

ในช่วงเวลานั้นเอง จิตใจของ กู่ ชิงเหมย กระเจิดกระเจิงไปหมด เพราะเธอรู้ว่า จุน เสี่ยวเตา สร้างความเสียหายเอาไว้มากแค่ไหน ถึงเธอจะลงโทษเขาไปแล้วก็เถอะ แต่ในตอนนั้น เด็กหนุ่มก็ยังคงเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมนักแข่งรถอยู่ ซู ฉิวไป่ คงไม่ชอบใจพวกเธอเท่าไรนัก

ฉันเองก็ยังไม่เคยเอ่ยขอโทษกับ ซู ฉิวไป่ ด้วยตัวเองเลยนี่นา พอตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือ ก็โผล่หัวมาง่าย ๆ งี้เลย อืม…น่าเกลียดมากจริง ๆ ด้วย เขาจะยอมช่วยฉันเหรอ

แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาพอให้ถอยกลับไปตั้งหลักแล้ว หาก ซู ฉิวไป่ ไม่ตอบตกลงล่ะก็ สมาคมนักแข่งรถคงย่อยยับเสียสิ้นแบบที่ยากจะฟื้นตัวแน่ หญิงสาวเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับข้อรียกร้องทุกอย่างของอีกฝ่ายแล้ว

เนื่องจาก ซู ฉิวไป่ ยังอยู่ในรถแท็กซี่ของเจ้าตัว หญิงสาวจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก เธอวิ่งไปเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับและกระชากมันเปิด จากนั้นเร่งนั่งลงก่อนที่คนขับจะได้ทันตอบโต้อะไร

หญิงสาวจินตนาการหน้าตาของชายปริศนาผู้มีฝีมือในการขับรถแข่งอย่างประหลาดคนนี้ไว้เสียหลากหลายแบบ ทว่าเมื่อ กู่ ชิงเหมย หันไปเผชิญหน้ากับคนขับรถซึ่งยังงุนงง จากนั้น…กลายเป็นว่าเธอเสียเองที่ต้องตะลึงงัน!

“ทำไมถึงเป็นนายได้ล่ะ!”

หลังจากเวลาผ่านไปเสียนาน เธอตะโกนถามเขาขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ซู ฉิวไป่ ก็อึ้งเงียบไปสักพักเช่นกัน ฉันจะลงจากรถพร้อมกับถุงเกาลัดเคลือบน้ำตาลในมือ แล้วจู่ ๆ เธอก็พุ่งพรวดเข้ามานั่งในนี้ ยังมีหน้ามาถามฉันแบบนี้อีกเหรอ จะเป็นใครได้อีกล่ะ ไอ้รถแท็กซี่คันนี้มันเป็นของฉันหนิ!

“นาย… นายคือ ซู ฉิวไป่ เหรอ”

กู่ ชิงเหมย ชี้มาทาง ซู ฉิวไป่ แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเฉื่อยชา

“นี่พี่สาว… มีอะไรอีกเนี่ย พี่จ่ายค่ารถไปเมื่อเช้าแล้วนี่” ริมฝีปากของเขากระตุก ซู ฉิวไป่ สุดจะทนกับผู้หญิงคนนี้จริง ๆ

กู่ ชิงเหมย ได้สติในที่สุด สีหน้าตกใจของเธอหายไปแล้ว หญิงสาวกล่าวถาม ซู ฉิวไป่ อีกครั้งเพื่อยืนยันตัวตนของเขา

เมื่อเห็นชายคนขับรถพยักหน้า เธอจึงยอมเชื่อได้อย่างสนิทใจ

มันมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ในโลกจริงด้วยสินะ!

“เออ…ฉันต้องการจะเชิญคุณเข้าร่วมการแข่งขันของสมาคมนักแข่งรถค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเจอกับ ซู ฉิวไป่ อย่างยากจะอธิบายแล้ว กระนั้นเธอก็อธิบายจุดประสงค์ที่เธออุตส่าห์มาหาเขาด้วยตนเองถึงที่

“โทษที แต่ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอก พวกเธอไปหาหนทางอื่นดีกว่ามั้ง”

ชายหนุ่มแผ่มือออกแล้วเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมการแข่งขันที่ว่านี่สักนิด

“แต่ตอนนี้ มีแค่คุณที่เอาชนะคาร์ลได้ค่ะ” กู่ ชิงเหมย ยังดื้อรั้นไม่ยอมเขาง่าย ๆ น้ำเสียงของเธอซ่อนไว้ซึ่งความวิตกกังวลในขณะที่เธอกำลังพูด

“อย่างผมเอาชนะหมอนั่นไม่ได้หรอก… ฝ่ายสมาคมอะไรซักอย่างของเธอน่ะแค่ยอมแพ้ไปเหอะ พี่ชายเธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ทำอย่างงั้น แล้วนี่ยังกลัวอะไรอยู่” ซู ฉิวไป่ ไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้าเลย มันก็เป็นแค่การแพ้เพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น ถึงอย่างไร พวกนั้นก็กลับไปร่วมการแข่งแบบนานาชาติได้ในอนาคตอยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องถึงเป็นถึงตายด้วยล่ะเนี่ย

“ไม่ได้ค่ะ… เราจะยอมรับการพ่ายแพ้ไม่ได้! พวกเราจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”

ผิดไปจากที่ ซู ฉิวไป่ คาดไว้ ท่าทางหนักแน่นของหญิงสาวทำให้เขาชะงักงันไปชั่วครู่

ด้วยประกายของความมุ่งมั่นด้วยดวงตา กู่ ชิงเหมย กำลังจะพูดเปลี่ยนใจเขาต่ออยู่แล้ว แต่นอกหน้าต่างรถแท็กซี่ของเขานั้น ซู ฉิวไป่ กลับสังเกตเห็นชายคนหนึ่งเงื้อปืนในมือเล็งมาทางเธอ…