ถึงแม้หลินหรูจะนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับหยางจิ้งเสียนและผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่โต๊ะหนึ่ง แต่สายตาเธอกลับจับจ้องอยู่ที่ถังซี เมื่อเห็นว่าถังซีกำลังพูดคุยกับพวกพี่ชายและลูกพี่ลูกน้องอย่างมีความสุข เธอก็รู้สึกเศร้าใจ
ทำไมคนเหล่านี้ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับโหรวโหรวเลยแม้แต่น้อย กลับดีกับโหรวโหรวถึงเพียงนี้ ในขณะที่พ่อแม่เธอเองกลับไม่ใส่ใจไยดีเลย วันนี้เป็นวันเกิดโหรวโหรว แต่ไม่มีสมาชิกในครอบครัวหลินหรูคนใดมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอ… หลินหรูก้มศีรษะลงต่ำอย่างเศร้าเสียใจ ห้วงความคิดเธอเต็มไปด้วยเรื่องราวสับสนวุ่นวาย
หยางจิ้งเสียนสังเกตเห็นอาการเศร้าสร้อยของหลินหรู เมื่อได้อยู่ร่วมบ้านกับหลินหรูในช่วงหลังมานี้ หยางจิ้งเสียนพบว่าแท้ที่จริงแล้วหลินหรูเป็นคนดีน่ารัก เธอเพียงต้องแสร้งทำเป็นคนแข็งกระด้างเพื่อปกป้องตนเอง และเธอประสบความทุกข์ยากมามากมาย จึงเปราะบางกว่าคนทั่วไป
หยางจิ้งเสียนแตะหลินหรูเบาๆ วางชามในมือลง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาหรู เราไปดูซุปนกพิราบมาเพิ่มกันหน่อยดีกว่า โหรวโหรวขาดสารอาหารมาตั้งแต่ยังเด็ก ควรให้ทานซุปนกพิราบบำรุงมากๆ หน่อย”
หลินหรูชะงักไปนิดหนึ่ง เมื่อเห็นหยางจิ้งเสียนขยิบตาให้ เธอจึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม หันไปยิ้มให้นายพลหยาง “ท่านนายพลคะ ทานซุปนกพิราบก่อนนะคะ จิ้งเสียนกับฉันได้นกมาจากฟาร์ม เป็นนกที่เลี้ยงแบบธรรมชาติจริงๆ ค่ะ”
“ได้สิ ขอบใจมากนะ” นายพลหยางรู้สึกว่าหลินหรูมีอัธยาศัยดีกว่าเมื่อก่อน หรือจะเป็นเพราะว่าเธอมีท่าทีสุภาพมากขึ้น
หลินหรูยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอบคุณจิ้งเสียนที่สอนฉันทำอาหาร และเธอยังทำอาหารทั้งหมดนี้ให้พวกเราทานด้วย เธอเหนื่อยมากทีเดียวค่ะ เดี๋ยวเราขอไปดูซุปมาเพิ่มกันก่อน ทานกันไปก่อนนะคะ”
หยางจิ้งเชาและหยางจิ้งเสียนมองสบตากัน เลิกคิ้วเล็กน้อย และหันกลับไปทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป
ทันทีที่หลินหรูเข้าไปถึงในครัวพร้อมกับหยางจิ้งเสียน เธอก็เอนกายพิงผนัง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองหยางจิ้งเสียนด้วยสายตาเศร้า “จิ้งเสียน ฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ใช่ไหม”
หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนั้น “อาหรู ไม่จริงเลย! เธอทำประโยชน์มากมายให้ครอบครัวเรา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เราก็คงไม่ได้เจริญรุ่งเรืองกันมาถึงขนาดนี้”
หลินหรูยิ้มเศร้า “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันอยากพูดว่าแม้แต่คุณพ่อและครอบครัวพี่ชายเธอก็ยังมาร่วมฉลองวันเกิดโหรวโหรว แต่… ครอบครัวฉันเองแท้ๆ กลับเป็นต้นเหตุแยกโหรวโหรวไปจากฉัน แล้วยังพยายามฆ่าเราแม่ลูกด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ฉันหายใจไม่ออกเลย”
หยางจิ้งเสียนรู้สึกเห็นใจหลินหรูมาก เธอเม้มริมฝีปาก เดินเข้ามากอดหลินหรูไว้ ปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน “อย่าคิดมากเลย คนพวกนั้นไม่ใช่ครอบครัวของเธอ โหรวโหรวพิสูจน์ให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ กับเธอ อย่าเศร้าไปเลย”
“แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็เป็นคนไม่มีครอบครัว!” หลินหรูร้องไห้สะอึกสะอื้น “ความจริงข้อนี้ยิ่งทำให้ฉันเศร้าใจมากขึ้นไปอีก ทำไมพระเจ้าถึงลงโทษฉันอย่างนี้”
หยางจิ้งเสียนเม้มริมฝีปาก ตบหลังหลินหรูเบาๆ อย่างอ่อนโยน “อาหรู เซียวเจี่ยนและโหรวโหรวเป็นลูกของเธอ เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดพวกเขา เธอยังจะพูดว่าตัวเองไม่มีครอบครัวได้ยังไง”
“เอาละนะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว โหรวโหรวดูสุขภาพดีขึ้นมากนับตั้งแต่มาอยู่กับเรา ฉันว่าคงเป็นเพราะยัยหนูได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ เรามาช่วยกันดูแลให้เธอได้ทานอาหารดีๆ ที่มีประโยชน์ให้มากยิ่งขึ้นกันเถอะ ที่ผ่านมาโหรวโหรวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เลยผอมบางจนลมแทบจะพัดปลิวทีเดียว…”
แม้จะยังรู้สึกเศร้าใจ แต่หลินหรูก็รู้ว่าไม่ควรเอาแต่ร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอจึงสงบจิตใจ เช็ดน้ำตา และช่วยหยางจิ้งเสียนนำซุปมาเติมให้คนอื่นๆ ในห้องรับประทานอาหาร
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่มาก ห้องครัวอยู่ห่างจากห้องทานอาหารค่อนข้างมาก เมื่อทั้งสองเดินมาถึงห้องโถงรับประทานอาหารก็ไม่มีคราบน้ำตาบนใบหน้าหลินหรูแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเธอเดินกลับมาถึงก็พบว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปแบบแปลกๆ หยางจิ้งเสียนนิ่วหน้ามองเซียวหงลี่ ฝ่ายหลังมองตอบ แล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “อาหรู พ่อบ้านมาบอกว่า… คุณหลินมารอพบเธอ เธออยากจะพบเขาไหม”
หลินหรูนิ่งชะงักไป แต่แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัว…
เธอส่งยิ้มให้ทุกคน “ฉันจะไปพบเขาค่ะ ทานอาหารกันไปก่อนนะคะ” แล้วเธอก็หันไปบอกถังซีว่า “โหรวโหรว ทานซุปอีกนะจ๊ะ”
ถังซีขมวดคิ้ว หันไปขอให้เซียวจิ่งช่วยเติมซุปลงในถ้วยให้เธอ แล้วลุกยืนขึ้น “หนูไปด้วยค่ะ ซุปยังร้อนเกินไป หนูยังทานไม่ได้ตอนนี้หรอก”
เซียวหงอี้ก็ลุกขึ้นด้วย เขากล่าวขอตัวกับสมาชิกตระกูลหยาง แล้วเดินตามหลินหรูกับถังซีออกไปนอกห้อง เซียวเจี่ยนมองตามพวกเขา แล้วลุกเดินตามออกไป นายพลหยางขมวดคิ้ว “หลินหรูได้พบกับครอบครัวที่แท้จริงของเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”
คุณปู่เซียวนิ่วหน้า ตอบพร้อมกับถอนหายใจ “เรื่องไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”
หลินหรูอยู่ในวัยเกือบจะห้าสิบ เวลาล่วงเลยมาหลายสิบปี เธอจะตามหาครอบครัวพบง่ายๆ ได้อย่างไร
ถังซีกับอีกสามคนออกไปที่ประตูรั้วของคฤหาสน์ และพบหลินรั่วจื้อยืนรออยู่ สภาพเขาดูแก่และทรุดโทรม ผู้คนทั่วไปคงรู้สึกสงสารเห็นใจชายชราที่น่าสงสารคนนี้ในแวบแรกที่เห็น แต่ถังซีไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาได้รับอยู่นั้นสาสมแล้ว และครอบครัวเธอก็มีเมตตามากแล้ว ที่ไม่จับเขาโยนเข้าคุก
เมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของหลินรั่วจื้อ หลินหรูรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่ง แม้สีหน้าเธอจะยังคงเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก แต่เธอกำมือแน่น ขณะนั้นนั่นเองหลินรั่วจื้อก็หันกลับมา เมื่อเห็นหลินหรูเขารีบก้าวเข้ามาหาสองก้าว แต่แล้วเหมือนกับเขานึกอะไรขึ้นมาได้จึงหยุดชะงักไปทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินหรูก็ยิ่งกำมือแน่นขึ้น เธอขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาที่นี่ทำไมคะ”
“อาหรู ใกล้จะถึงตรุษจีนแล้ว ตำรวจไม่ยอมให้พ่อไปเยี่ยมแม่ของเธอ แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดจิ้นหนิง เธอช่วย… ช่วยให้พ่อได้เข้าเยี่ยมพวกเขาได้ไหม”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ!” ความรู้สึกห่วงใยที่หลินหรูมีต่อหลินรั่วจื้อมลายสิ้นไปในทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ความหวังที่ยังคงเหลืออยู่ต่อหลินรั่วจื้อโดนทำลายลงด้วยคำพูดของเขา หลินหรูกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เถาเยี่ยนทำในสิ่งที่ร้ายกาจมาก ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ คุณจะไม่มีวันได้พบเธออีก!”
“อาหรู!” หลินรั่วจื้อจ้องมองหลินหรูด้วยสายตาอ้อนวอน และถอนใจเฮือก “ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน เธอจะช่วย…”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกฉันมาสิ ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันเป็นใคร! ถ้ายอมบอกความจริง ฉันจะยอมให้คุณได้พบพวกเขา” ขณะกล่าวออกไปเช่นนั้น หลินหรูรู้สึกตื่นเต้นด้วยความคาดหวัง บางทีหลินรั่วจื้ออาจยอมบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอคือใคร!
แต่หลินรั่วจื้อแค่เพียงทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ จ้องมองหลินหรูนิ่งอยู่ แล้วในที่สุดเขาก็ส่ายศีรษะ “ช่างเถอะ เธอคงกำลังยุ่งอยู่ ฉันจะไปแล้ว”