ตอนที่ 488 การจัดสรรอันดีเลิศที่สุด

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากหลินรั่วจื้อ หลินหรูก็รู้สึกว่าตนเองช่างโง่เง่าเสียเหลือเกินที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ไม่มีค่าคู่ควรกับความห่วงใยของเธอแม้แต่น้อย เธอเมตตาอย่างที่สุดแล้วที่ไม่จับพวกเขาไปทรมานหรือฆ่าพวกเขาเสีย หลังจากได้รู้ความจริงทั้งหมด!

 

 

ถังซี เซียวเจี่ยน และเซียวหงอี้ ล้วนมีท่าทางโกรธจัด หลินรั่วจื้อคนนี้เป็นคนร้ายกาจจริงๆ เขาไม่ได้สำนึกในความผิดที่ได้ทำลงไปแม้แต่น้อย และยังกล้ามาที่นี่…

 

 

“เดี๋ยวก่อน!” หลินหรูรีบตามไป คว้าคอเสื้อด้านหลังของหลินรั่วจื้อไว้ ดึงเขาถอยกลับมา หลินรั่วจื้อสะดุดจนเกือบล้มลง แต่หลินหรูพยุงไว้ทัน หลินรั่วจื้อตกใจมากกับการกระทำของหลินหรู เขามองเธอด้วยสายตาตื่นตระหนก แล้วถอนหายใจ “อาหรู อย่าบังคับกัน ฉันไม่มีวันขัดความต้องการของแม่เธอ ถ้าแม่เธอไม่อนุญาต ฉันก็จะไม่บอกอะไรเธอทั้งนั้น”

 

 

“ฮ่าๆ… คุณจะไม่มีวันขัดความต้องการของเธองั้นเหรอ” หลินหรูยิ้มเยาะ ปล่อยมือจากหลินรั่วจื้อ จ้องเขาด้วยสายตาเยือกเย็น “คุณยอมทำลายชีวิตฉันเพื่อนางมารร้ายนั่น คุณทำร้ายชีวิตคนบริสุทธิ์คนหนึ่งได้เพื่อเธองั้นเหรอ!”

 

 

“หลินหรู! นั่นแม่เธอนะ!” หลินรั่วจื้อโกรธจัดเมื่อได้ยินหลินหรูเรียกเถาเยี่ยนว่านางมารร้าย

 

 

เมื่อเห็นเขาพยายามปกป้องเถาเยี่ยนเต็มที่ หลินหรูก็ยิ้มเยาะ “เธอไม่ใช่แม่ฉัน แต่เป็นนางมาร…”

 

 

หลินรั่วจื้อเงื้อมือจะตบหน้าหลินหรู ซึ่งไม่ยอมหลบ และยืนนิ่งจ้องหน้าหลินรั่วจื้อ “ถ้าคุณกล้าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานอยู่ในคุก ในเมื่อคนพวกนั้นขโมยชีวิตฉันไป ฉันก็จะจัดการให้ทุกคนได้สนุกสนานกับสิ่งที่ฉันจัดไว้ให้ในคุก!” เมื่อเห็นหลินรั่วจื้อชะงัก สีหน้าเธอก็โหดเหี้ยมยิ่งขึ้น “จะลองดูก็ได้นะ”

 

 

“อาหรู อย่าให้มันเกินไปนัก ถ้าเธอกดดันแม่เธอมากเกินไป แม่ก็คงไม่รักษาคำสัญญาไว้อีกต่อไป แล้ว…”

 

 

“ฮ่าๆ เราต้องกลัวผู้หญิงเสียสติคนหนึ่งด้วยเหรอ” ถังซีก้าวมาข้างหน้า จ้องมองหลินรั่วจื้อ คล้องแขนหลินหรูไว้ เชิดคาง แล้วหรี่ตาลง “ไม่สำนึกผิดเลยใช่ไหม แกสลับตัวฉันกับเซียวจิ้นหนิง และเอาฉันไปทิ้งไว้ในบนภูเขาไกลลิบ เราไม่มีวันปล่อยแกไปง่ายๆ แน่! อยากทำอะไรก็เชิญเลย แล้วมาคอยดูกันต่อไปว่าท้ายที่สุดใครจะชนะ!”

 

 

ขณะถังซีก้าวเข้ามาช่วย หลินหรูมองดูเธออย่างขอบใจ ถังซียิ้มให้แล้วกระซิบว่า “แม่คะ อย่าเสียเวลากับคนแบบนี้เลย พูดกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ปล่อยให้กฎหมายลงโทษดีกว่า ในเมื่อหลินรั่วจื้อบอกว่าเถาเยี่ยนมีอิทธิพลมาก เรามารอดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะทำอะไรได้!”

 

 

ดวงตาหลินหรูแดงเรื่อขึ้น เซียวหงอี้ไม่อยากเห็นภรรยาที่รักต้องเศร้าเสียใจอีก จึงเดินเข้ามากอดเธอไว้ ปลอบเธออย่างอ่อนโยน “คุณยังมีพวกเรานะ เราคือครอบครัวของคุณ”

 

 

หลินหรูพยักหน้า เซียวหงอี้พาเธอกลับเข้าไปในบ้าน แต่ถังซียังคงยืนจ้องหน้าหลินรั่วจื้อ ขณะที่เซียวเจี่ยนพยายามชวนเธอกลับเข้าบ้านไปกับเขา “ไปกันเถอะ”

 

 

ถังซีสั่นศีรษะ เธอจับเนื้อความสำคัญบางอย่างได้จากสิ่งที่หลินรั่วจื้อเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ ดูเหมือนเถาเยี่ยนจะมีภูมิหลังที่สำคัญไม่น้อย นางยังไม่ใช้ความสัมพันธ์บางอย่างนี้ช่วยให้นางได้ออกจากคุก เพราะคำสัญญาบางอย่างที่เคยให้ไว้… ถังซีรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ของหลินรั่วจื้อมีข้อมูลที่สำคัญบางอย่างแอบแฝงอยู่!

 

 

แต่ให้ตายเถอะ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าข้อมูลนี้คืออะไร

 

 

“หลินรั่วจื้อ เรามารอดูกันว่าสงครามครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ ฉันเชื่อว่าพระเจ้าย่อมโปรดปรานคนอย่างเรามากกว่าคนชั่วอย่างพวกแก”

 

 

ถังซีกล่าวจบก็หันไปมองเซียวเจี่ยน แล้วหันหลังเตรียมเดินเข้าบ้าน เซียวเจี่ยนขยับยิ้มมุมปาก กล่าวว่า “น้องเปลี่ยนไปมาก นับจากครั้งแรกที่เราพบกัน”

 

 

ถังซีเลิกคิ้วมองเซียวเจี่ยน เซียวเจี่ยนยิ้มให้ และกล่าวว่า “ครั้งแรกที่เธอเจอพี่ เธอกลัวมากเวลาพี่พูดด้วย พี่ก็เลยได้แต่มองๆ แล้วพี่ก็ต้องเดินทางไปจัดการธุรกิจที่อื่น พอพี่กลับมาจากการเดินทางครั้งนั้นก็ได้ยินว่าเธอถูกไล่ออกจากบ้านเพราะขโมยของผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ประสบอุบัติเหตุรถชน พอครั้งที่สองที่ได้พบกัน เธอเพิ่งกลับมาจากสถานพักฟื้นผู้ป่วย มาเยี่ยมคุณปู่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ วันนั้นเป็นวันเดียวกันกับที่เธอเลือกคุณอาเป็นพ่อ”

 

 

ถังซียิ้ม ตอบว่า “นั่นเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่เลือกเซียวจิ้นหนิง”

 

 

เธอได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าเซียวหงอี้กับหลินหรูจะทอดทิ้งเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ เซียวหงลี่กับหยางจิ้งเสียนตัดสินใจเลือกเธอ…

 

 

เธอจึงรู้สึกสำนึกในบุญคุณของพวกเขาอย่างมาก และรู้สึกมีความสุขแทนเซียวโหรว ถึงอย่างไรก็ยังมีคนห่วงใยเธออยู่…

 

 

เซียวเจี่ยนขมวดคิ้วเมื่อหวนนึกถึงความหลัง เขาหยุดเดิน หันกลับมามองถังซี กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “โหรวโหรว พี่ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอในตอนนั้น”

 

 

ถังซีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เซียวเจี่ยนกล่าวต่อไป “พี่เป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าเซียวจิ้นหนิงไม่ได้ทำเรื่องร้ายกาจทั้งหมดนั้น ถ้าเซียวจิ้นหนิงไม่ได้ทำร้ายเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ที่เซียวจิ้นหนิงก่อขึ้น พี่ก็คงไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาหยุดยั้งเซียวจิ้นหนิง พี่เป็นคนที่มักจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง พี่เลยไม่เคยขัดการตัดสินใจของคุณแม่ แต่มาถึงตอนนี้พี่เสียใจจริงๆ ที่เป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยเธอเลย” เขายิ้มเจื่อนๆ อย่างละอายใจ “เป็นความสัตย์จริง ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา พี่รู้สึกละอายใจจนไม่รู้จะมองหน้าเธอยังไง”

 

 

ถังซีขยับริมฝีปาก กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ก็ก่อนหน้านี้พี่ไม่รู้จักฉันนี่นา เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมพี่ถึงไม่คัดค้านพ่อแม่ตัวเองเพื่อช่วยคนแปลกหน้า ฉันเข้าใจค่ะ”

 

 

“เธอไม่คิดว่าพี่เห็นแก่ตัวเหรอ” เซียวเจี่ยนมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ

 

 

ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่หรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ผิด ตอนนั้นฉันอ่อนแอเกินไป ถ้าหากว่า… แต่ก็แน่ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องผ่านช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมาก่อน ฉันก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นปล่อยให้อดีตเป็นอดีตไปเถอะค่ะ เราควรจะก้าวไปข้างหน้ากันดีกว่า”

 

 

ถ้าเธอไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในร่างเซียวโหรว และได้พบกับมารดาเฉียวเหลียงที่สถานพักฟื้นผู้ป่วย เธอก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับเฉียวเหลียงอีกครั้ง…

 

 

ดังนั้น นี่คือการจัดสรรอันดีเลิศที่สุดแล้ว

 

 

เซียวเจี่ยนชำเลืองมองถังซี พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ การที่มีเธอมาอยู่ในครอบครัวเราเป็นการจัดสรรอย่างดีเลิศที่พระเจ้าประทานให้เรา”

 

 

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” ถังซีจูงมือเซียวเจี่ยนเดินเข้าไปในบ้าน