ทันทีที่ถังซีเดินกลับเข้ามา เซียวจิ่งก็กวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหา “โหรวโหรว มานี่ มาทานซุปนกพิราบ!”
ถังซียิ้มให้เขา นั่งลง แล้วยกซุปขึ้นดื่มอึกใหญ่ อุณหภูมิน้ำซุปกำลังพอเหมาะเลยทีเดียว เธอเลิกคิ้วขึ้นหันไปถามว่า “พี่จิ่ง พี่ทานซุปของฉันไปหรือเปล่า”
เซียวจิ่งทำเสียงไม่พอใจ “ไม่ได้ทาน! พี่แค่เปลี่ยนถ้วยซุปให้เธอ ไม่อย่างนั้นซุปนกของเธอคงจะเย็นชืดไปแล้ว!”
“ลูกพูดแบบนี้ได้ยังไง ดูตัวเองสิ แข็งแรงยังกับม้า แล้วยังจะมาขโมยแย่งซุปของน้องอีก” หยางจิ้งเสียนอดดุเซียวจิ่งไม่ได้
เซียวจิ่งหันไปมองมารดาอย่างน้อยใจ “คุณแม่ครับ นี่ผมเป็นลูกคุณแม่จริงๆ หรือเปล่า”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ แม่เก็บลูกมาจากถังขยะ!” หยางจิ้งเสียนกล่าวพลางส่งซุปอีกถ้วยให้ถังซี “โหรวโหรว ทานซุปอีกถ้วยนะลูก ตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บที่โรงเรียนหนูก็ผอมลงไปอีก เพิ่งจะดูดีแข็งแรงขึ้นช่วงหลังมานี้แท้ๆ แม่ว่าหนูจะต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากกว่านี้”
ถังซีกล่าวขอบคุณหยางจิ้งเสียนด้วยรอยยิ้มสดใส หยางจิ้งเสียนพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วหันกลับไปคุยกับคนอื่นๆ ต่อ ถังซีทานซุปพลางกะพริบตาปริบๆ ใส่เซียวจิ่ง เซียวจิ่งจ้องเธอด้วยสายตาถมึงทึง และทำเสียงไม่พอใจขึ้นจมูก
หยางจิ้งเสียนหันกลับมาทันเห็นเซียวจิ่งกำลังถลึงตาใส่ถังซี จึงตบศีรษะเซียวจิ่งอย่างแรง “ถ้าลูกกล้าถลึงตาใส่น้องแบบนี้อีก แม่จะควักลูกตาลูกออกมา!”
“คุณแม่! นี่ผมไม่ใช่ลูกคุณแม่จริงๆ ใช่ไหมนี่!” เซียวจิ่งสำลัก
หลินหรูรู้สึกขำสองแม่ลูก
“ก็บอกแล้วนี่ว่าไม่ใช่!” หยางจิ้งเสียนกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่อย่างนั้นลูกจะดื้องั้นเหรอ พี่ใหญ่กับพี่รองของลูกออกจะเรียบร้อยน่ารัก!”
“แต่คุณแม่ครับ บางทีผมก็ดื้อเหมือนกันนะ!” เซียวส่าเข้าข้างน้องชาย
“เงียบไปเลย” หยางจิ้งเสียนรู้สึกขำเซียวส่า
เซียวส่าหลิ่วตาให้เซียวจิ่ง ถังซีหัวเราะออกมาเสียงดัง ทุกครั้งที่เซียวจิ่งแกล้งเธอ เขาจะต้องโดนดุ แล้วเขาก็จะหันไป ‘แกล้ง’ เซียวส่าอีกต่อหนึ่ง…
ทำไมเขาถึงไม่ไปแกล้งเซียวเหยา ก็แน่ล่ะสิ ถ้าเขาทำแบบนั้นคงโดนเซียวเหยาซ้อมจนน่วมเลยล่ะ
ถ้าเซียวจิ่งรังแกเธอ เขาก็คงโดน… ทุกคนรุมกระทืบ ดังนั้นเขาจึงไประบายความโกรธใส่พี่ส่า ส่วนพี่เหยา ฮ่า ฮ่า ไม่มีวันยอมเป็นกระสอบทรายให้เขาแน่นอน
เซียวเหยาตบไหล่เซียวจิ่ง “นายก็รู้ว่าถ้ามีโหรวโหรวอยู่ คุณแม่มองไม่เห็นใครทั้งนั้น”
เซียวจิ่งพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยพวกพี่ชายก็โดนมารดาเมินเหมือนกัน
คนอื่นๆ คงรู้สึกอ่อนใจ หากล่วงรู้ว่าเซียวจิ่งกำลังคิดอะไร…
พิธีมอบของขวัญเริ่มขึ้นอีกรอบหลังอาหารค่ำ หยางจิ้งเสียนให้ของขวัญถังซีเป็นผ้าพันคอ หยางจิ้งเชามอบบัตรผ่านทางใบหนึ่งให้เธอ เขาบอกถังซีว่า “โหรวโหรว ใช้บัตรใบนี้ หนูจะสามารถผ่านเข้าออกค่ายทหารเพื่อเข้าไปรับการฝึกได้ ลุงจะจัดคอร์สฝึกพิเศษให้ หนูจะได้เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย”
ถังซีมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ เธอพยายามหาวิธีออกกำลังกายมาตลอด ถ้าไปขอให้เฉียวเหลียงช่วยเขาคงปฏิเสธ เพราะไม่อาจทนเห็นเธอลำบากได้ ถ้าไปขอพี่เหยา… เอ่อ น่าจะเป็นตัวเลือกที่แย่กว่าเฉียวเหลียงเสียอีก
ถังซีรับบัตรนั้นมาถือไว้ กล่าวขอบคุณหยางจิ้งเชาด้วยความตื่นเต้นยินดี
หยางจิ้งเชาดีใจที่ถังซีตื่นเต้นถึงขนาดนี้ ที่ได้รับบัตรผ่านเข้าไปฝึกในค่ายทหาร เขามองไปทางลูกชายคนที่สี่ ถอนหายใจ แล้วนิ่งเงียบไป
“โหรวโหรว มานี่สิ” นายพลหยางกวักมือเรียกถังซี
ถังซีเข้าไปหานายพลหยาง รับคำท่านว่า “ค่ะ คุณตา”
นายพลหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ส่งหยกสีขาวชิ้นหนึ่งให้เธอ “นี่คือหยกอุ่น ดีต่อสุขภาพหนูเมื่อพกติดตัวไว้ เหมือนที่ลุงของหนูพูดนั่นแหละ หนูผอมเกินไป หยกนี่จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น”
ถังซีรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เพราะในขณะที่นายพลหยางส่งหยกอุ่นให้เธอ 008 ก็โผล่ออกมาบอกเธอว่าหยกนี้มีค่ามาก และคะแนนกายภาพของเธอจะพัฒนาสูงขึ้นโดยเร็ว หากพกหยกอุ่นนี้ติดตัวไว้
ถังซีกล่าวขอบคุณนายพลหยาง คนในตระกูลเซียวรู้สึกซาบซึ้งใจกันทุกคน โดยเฉพาะเซียวหงอี้ เขากล่าวขึ้นว่า “ท่านนายพลหยาง หยกนี้มีค่ามากเกินไป พวกเรา…”
“โหรวโหรวเป็นหลานสาวฉัน ไม่ต้องมาบอกว่าฉันจะให้อะไรหลานฉันได้หรือไม่ได้” นายพลหยางทราบดีว่าเซียวหงอี้กำลังจะพูดอะไร ท่านจึงดุอย่างไม่พอใจ และกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เข้าใจไหม”
“ขอบคุณมากครับ” เซียวหงอี้กล่าวเก้อๆ
นายพลหยางโบกมือ แล้วหันกลับมามองถังซี “ชอบไหม”
ถังซีพยักหน้าอย่างแรง เธอรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาซึม “นี่เป็นวันเกิดที่มีความหมายที่สุดเท่าที่หนูเคยมีมาเลยค่ะ”
นอกจากคุณปู่แล้ว ยังไม่เคยมีใครมอบของขวัญวันเกิดที่แสนพิเศษเท่ากับของขวัญที่เธอได้รับในวันนี้เลย
รวมถึงเฉียวเหลียงด้วย…ใช่ไหม
ถังซีหลับตาลง ในอดีตเธอไม่เคยรู้ว่าเฉียวเหลียงมีฐานะร่ำรวย เพราะเขามักแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีนอยู่เสมอ เธอคิดว่าฐานะทางบ้านเขาคงยากจน จึงไม่เคยขอของขวัญวันเกิดจากเขา เธอเพียงแต่ขอให้เขาพาเธอไปเลี้ยงมื้อค่ำ และทุกครั้งเฉียวเหลียงจะพาเธอไปเลี้ยงที่ร้านซึ่งมีอาหารรสเลิศ… ต่อมาภายหลังเมื่อเธอได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงครอบครัวเขามีฐานะร่ำรวย เธอก็ยังคงขอให้เขาพาไปเลี้ยงอาหารอยู่เหมือนเดิม เฉียวเหลียงจึงเข้าใจไปว่าเธอมีความสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียวคือเรื่องอาหาร…
จริงอยู่ถึงแม้เธอจะเป็นนักกิน แต่เฉียวเหลียงไม่เคยรู้เลยว่า เธอเฝ้ารอคอยให้เขาเตรียมของขวัญวันเกิดมามอบให้เป็นเซอร์ไพรซ์แก่เธอ
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันเกิด เขาก็ขอเลิกคบเธอ
“เอ้า นี่คิดอะไรอยู่” เซียวจิ่งโอบไหล่เธอ ส่งกุญแจดอกหนึ่งให้ ถังซีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจสุดขีด “ว้าว กุญแจรถเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ยังจำที่เราเดิมพันกันไว้ได้ไหม ถ้าเธอชนะพี่จะให้ของขวัญเป็นรถสปอร์ต นี่ไง พี่เป็นคนรักษาคำพูด” เซียวจิ่งยิ้ม แล้วหยิบกุญแจออกมาอีกดอกหนึ่ง “แต่นั่นคือรางวัลที่เธอชนะพี่ พี่ยังมีของขวัญวันเกิดให้เธออีกอย่าง”
“นี่กุญแจอะพาร์ตเมนต์หรือเปล่า” ถังซีมองหน้าเซียวจิ่ง “พี่ให้ของขวัญฉันเป็นอะพาร์ตเมนต์เลยเหรอ”
แบบนี้ดูเหมือนไม่ใช่นิสัยเซียวจิ่งเลยนี่!
เซียวจิ่งแตะปลายจมูกเธอ เชิดคางขึ้น กล่าวเสียงดังว่า “ล้อเล่นหรือเปล่า คิดว่าพี่จะใจดีขนาดนั้นเหรอ”
ถังซีรู้สึกขบขันกับคำพูดของเขา “ไม่คิดอย่างแน่นอน!”