พวกเราออกแรงวิ่งกันสุดแรงเกิด ซึ่งตอนนี้กำลังวิ่งผ่านป่าที่อยู่บริเวณรอบๆ นี้แล้ว ไม่รู้ว่าโชคดีของผมด้วยหรือเปล่า ที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่เร็วไปมากกว่าผม เพราะหลังจากเกิดการจู่โจมอย่างกะทันหันเมื่อครู่ ผมก็สามารถแทรกตัวเข้ามาอยู่ในเขตที่กำหนดไว้ได้ อีกทั้งระยะทางยังไกลออกไปประมาณหนึ่งด้วย แต่ทว่าระยะทางที่ว่านั้น ห่างกันไม่ถึงสามสิบเมตร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงตะโกนที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้นภายในนั้น อีกทั้งยังสังหรณ์ใจว่ามีคนจำนวนมากกำลังวิ่งตามไล่หลังผมมาอยู่
สวบ! สวบ!
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! ให้ตายเถอะ วอนซะแล้ว!”
“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย! ระวังกับดักก็แล้วกัน!”
‘รู้แล้วน่า’
เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังผมมีเสียงขำเล็กๆ ปนอยู่ในนั้นด้วย แต่ไม่เป็นไร แค่ในช่วงเพิ่งเริ่มต้นนี้ ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเจ้าพวกนั้นมีอยู่ประมาณเท่าไหร่ และแผนของผมคือ แผนที่คิดมาเพื่อคอยคำนึงถึงจุดนั้น ผมวางไว้ว่าในช่วงแรกผมจะจัดการกับพวกมันชุดใหญ่ โดยจะต้องไม่ใช้เวลานานจนเกินไป
ผมวิ่งหนีอยู่เช่นนั้นได้ประมาณสิบนาที แล้วหลังจากนั้นก็มีกลุ่มก้อนเงาดำก้อนใหญ่บังเกิดอยู่ตรงหน้า หากมองเผินๆ คงเป็นเพียงความมืดมิดที่กระจายอยู่รอบๆ บริเวณป่าแห่งนี้ แต่ทว่าผมรู้ดีว่าความมืดมิดนี้คืออะไร ความมืดมิดที่ว่านี้ หากจะให้เรียกให้ถูกต้องคือ ‘ม่านดำ’ ที่พวกเงาทั้งหลายรวมตัวกันสรรสร้างนั่นเอง
หลังจากนั้นในช่วงที่ผมอยากจะลากพวกมันเข้ามาอยู่ข้างใน ผมจึงรีบหมุนตัว และทันใดนั้นสายตาผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าพวกเร่ร่อนที่กำลังวิ่งไล่ตามและเล็งดาบมาที่ผมเกิดสะดุ้งตกใจ เกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยู่ในมือ ณ ขณะนี้กำลังส่งแสงรางๆ ออกมา
“หยุด! ทุกคนหยุด!”
“ระวังดาบแห่งแสง!”
และในตอนนั้นเอง พวกเร่ร่อนจึงหยุดวิ่ง พร้อมกันกับกลุ่มก้อนเงาดำที่มลายหายไปในพริบตาเดียว และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง พอกลุ่มเงาที่ว่านั้นเลือนหายไป เหล่าผู้เล่นที่คอยซุ่มอยู่ข้างในก็แสดงตัวออกมา พวกเขาปล่อยพลังเวทและยิงธนูอย่างไม่รีรอ อาจเป็นเพราะพวกเขาจำคำที่ผมบอกไว้ว่าอย่าปล่อยให้มีช่องว่าง ให้รีบลงมือทันทีนั่นเอง
ฉึก! ฉึก!
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทั้งเวทมนตร์ ทั้งลูกธนู รวมไปถึงกลุ่มเงามากมายหลั่งไหลเข้ามาออกันอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าพวกเร่ร่อนเองก็ไม่นิ่งเฉย พวกมันลงมือสร้างม่านดำกึ่งโปร่งแสงให้มีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในชั่วพริบตา ดูจากท่าทีแล้ว เหมือนสร้างม่านขึ้นมาให้คลุมกลุ่มคนที่หนีออกไปก่อน ซึ่งดูเหมือนวางแผนเตรียมการณ์มาล่วงหน้าอย่างดีแล้ว
ผมเห็นดังนั้นจึงปลุกพลังดาบแห่งแสงและทักษะแฝงในเกียรติยศแห่งชัยชนะที่ได้เตรียมเมื่อก่อนหน้านี้
และในวินาทีนั้นเอง ดาบแห่งแสงก็ได้ลุกโชนส่องแสงสว่างออกมา
[เกียรติยศแห่งวิคตอเรีย : ดาบแห่งแสง]
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียนี้จะมีพลังสีขาวประกายเงินไหลวนเวียนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งธาตุแท้ของพลังนี้คือส่วนหนึ่งในอำนาจและศักยภาพของเทวดาผู้คุ้มครองรักษากษัตริย์ในสมัยโบราณของวิคตอเรีย ที่ชื่อว่า ‘ไดอาน่า’ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือดาบแห่งแสงนั่นเอง หากจะเริ่มลงมือใช้พลังที่ว่านี้ แสงที่ไหลวนเวียนอยู่บริเวณคมมีดจะส่องประกายลุกโชนออกมา และยังสามารถใช้เป็นพลังในการบังคับหรือพลังอำนาจต่างๆ ได้อีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว พลังดาบแห่งแสงนี้ไม่ได้มีมากมายเท่าใดนัก แต่สามารถเพิ่มพละกำลัง หรือตัวเลขให้สูงเท่าไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้งานด้วย ซึ่งพลังดาบแห่งแสงนี้สามารถใช้ได้เพียงสามครั้งต่อวันเท่านั้น หากพ้นหนึ่งวันไปแล้ว จำนวนการใช้งานพลังดาบแห่งแสงนี้ก็จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
ในช่วงแรกผมคิดจะใช้ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ตั้ง แผนของผมคือจะเข้าไปบุกตีก่อนแล้วจึงค่อยหาทางรอดกลับมา แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นมันไร้ประโยชน์มากเพียงใด เพราะเหล่าผู้เล่นที่ผมจะนำทางเขาไปนั้น ทุกคนล้วนยังขาดประสบการณ์ในการรบแบบซุ่มโจมตี รวมไปถึงยังขาดศักยภาพในการต่อสู้และความเร็วอีกด้วย
ผมเองยังมองว่าควรจะเข้าไปจู่โจมพวกมันแบบฉับพลันตัวคนเดียวไปเลยเสียยังดีกว่า แต่หลังจากนั้นผมก็ทำได้แต่ส่ายหัวไปมา เพราะถึงแม้จะบอกว่ายังมีราชินีแห่งเงามืดอยู่ แต่ในวินาทีที่ผมไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สิ่งนั้นจะทำให้ศักยภาพในการต่อสู้ยิ่งถดถอยลงไป ดังนั้นความกังวลของผมที่หลงเหลืออยู่ข้างใน จึงได้กลายมาเป็นความวางใจให้กับผมแทน
และแล้ววิธีที่ผมเลือกมาก็คือการซุ่มโจมตี ผมไม่ใช่กลยุทธ์โจมตีซึ่งหน้าแน่นอน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมตั้งใจว่าจะต้องทำสำเร็จให้ได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่พวกเร่ร่อนจะมาถึง พวกเราจะต้องบุกไปโจมตีพวกมันก่อน ซึ่งหนทางที่ว่านี้ดีกว่าการยืนรออยู่เฉยๆ เป็นร้อยเท่าพันเท่า ดังนั้นแล้วผมและเหล่าผู้เล่นคนอื่นๆ จึงย้ายไปยังเขตพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการประจันหน้าต่อสู้กับพวกมัน หลังจากนั้นพอผมสามารถรอดพ้นอันตรายมาได้แล้ว ผมจะทำให้เจ้าพวกเร่ร่อนที่ไล่ล่าผมเกิดความสับสนสักเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็คือในช่วงที่เหล่าผู้เล่นคนอื่นๆ กำลังรอจังหวะเตรียมวิ่งไปยังสถานที่อื่น ผมก็จะคอยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันเอาไว้นั่นเอง
และแผนการณ์ ณ ขณะนี้เริ่มเห็นผลก่อนที่จะได้ลงมือจริงๆ เสียแล้ว
* * *
เหล่าพวกเร่ร่อนที่ไล่ตามคิมซูฮยอนมานั้นล้วนเป็นกลุ่มที่มีทักษะในระดับหนึ่ง แสงสว่างที่ยิงพุ่งออกมาจากคมมีดทำให้ในช่วงแรกๆ ของการบุกโจมตีนั้น พวกเร่ร่อนต้องสูญเสียสหายร่วมรบไป แต่ทว่าในครั้งนี้เป็นการจู่โจมที่อยู่เหนือการคาดการณ์ทั้งปวง จะไม่ตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน ดังนั้นในช่วงที่ตามไล่ล่าคิมซูฮยอน พวกมันจึงเตรียมพร้อมรับมือ และในคราวที่ถูกเพ่งเล็งด้วยดาบที่กำลังส่องแสงสีเงินออกมา ยังสามารถรับมือและตอบโต้ได้อีกด้วย
การเปล่งประกายของลำแสงจำนวนมาก, สายฝนแห่งความมืดสลัว, ลูกธนูและมนตร์ต่างๆ กำลังร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน และในตอนนั้นเองพวกเร่ร่อนจึงผสานม่านกึ่งโปร่งแสงขึ้นมาอีกหลายๆ ชั้นเพื่อป้องกันส่วนบนของพวกมัน โดยพวกเร่ร่อนเหล่านี้เชื่อว่าม่านกำบังที่ตนเนรมิตขึ้นมาหลายๆ ชั้นนี้จะสามารถป้องกันการจู่โจมที่อยู่ตรงหน้าได้ หรือไม่เช่นนั้นก็อย่างน้อยก็คงช่วยบรรเทาพวกมันได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งพวกมันเองก็ไม่ได้เคลือบแคลงใจอะไรในจุดนี้ หลังจากนั้นพวกมันก็คาดหวังที่จะทำอะไรสนุกๆ อย่างการฆ่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ อีกทั้งยังปลุกพลังอำนาจให้ลุกโชนออกมาอย่างเต็มที่
แต่ทว่าความคิดเช่นนั้นกลับต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นความตะลึงงันในชั่วพริบตา เมื่อแสงจากคมมีดได้ทะลุผ่านเข้ามายังม่านกำบังชั้นแรกสุด
ชิ้ง!
เพล้ง! เพล้ง!
แสงสีเงินเรืองรองที่พุ่งออกมาจากคมมีดนั้นมีพลังคล้ายคลึงกับมีดจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงทำให้ม่านกำบังของพวกเร่ร่อนแตกกระจายและมลายหายไปจนหมดสิ้น เสียงโอดครวญที่อัดแน่นไปด้วยความเศร้าเสียใจเริ่มดังชัดเจนขึ้น ส่วนพวกเร่ร่อนที่ร่ายมนต์นั้น เนื่องจากเกิดการปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จึงทำให้พวกมันมีอาการโซซัดโซเซ และในจังหวะที่ม่านกำบังได้แตกสลายไปแล้วนั่นเอง การบุกจู่โจมของเหล่าผู้เล่นก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ฉึก! ฉึก! ปัง! ปัง ปัง ปัง!
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ปัง! ปัง ปัปัง!
“อ๊าก!”
“อึก…อ๊าก!”
สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะนี้คือ มีสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับลูกคลื่นพลังมหาศาลพัดพาเข้ามาดูดร่าง กลืนกินพวกเร่ร่อนที่อยู่ตรงหน้าจนราบเป็นหน้ากลอง ม่านกำบังก็ถูกทำลายไปแล้ว อีกทั้งดาบแห่งแสงที่อาจยังมีพลังหลงเหลืออยู่ เริ่มจะกระจายพลังแสงอันน่าหวาดเสียวไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้พวกเร่ร่อนที่อยู่ ณ บริเวณโดนหั่นร่างออกเป็นชิ้นๆ อย่างน่าสยดสยอง พลังเงาดำเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง ร่างกายของพวกมันโดนเสียบโดยลูกธนูและมนตร์ต่างๆ จนพรุนไปหมด ณ ที่แห่งนี้กำลังเต็มไปด้วยเสียงระเบิดและเสียงร้องครวญครางดังไม่ขาดสาย พวกเร่ร่อนที่หลงเหลืออยู่บางส่วนนั้นก็ไม่เพียงพอสำหรับการสู้ต่อ และแล้วหลังจากนั้นพวกมันจึงพบกับมวลฝุ่นดินเม็ดหยาบจำนวนมากที่ลมพัดปลิวมา จนสุดท้ายแล้วพวกมันก็ลื่นไถลเข้าไปกับมวลพลังมหาศาลนั้น
“ให้ตายเถอะ! ทุกคนหลบ!”
เวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง และยิ่งไปกว่านั้นคือมวลฝุ่นดินอันแสนหนาทึบกำลังเริ่มก่อตัวแล้ว แต่ทว่าหากคืนสภาพให้กลับมาอยู่ในระดับที่ดีมากพอ อุปสรรคชนิดนี้ที่กำลังเผชิญก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นมาสอดแทรกมวลฝุ่นอันขุ่นมัว และแล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งในชุดรัดรูปสีดำกระเด็นออกมาจากในนั้น ผมของหล่อนเป็นสีดำเสียส่วนใหญ่ก็จริง แต่ทว่ายังมีสีแดงเพลิงแซมเข้าไปอยู่ในนั้นบ้าง ทุกครั้งที่ร่างกายของหล่อนสั่นไหว เส้นผมที่เป็นสีแดงบางส่วนก็จะค่อยๆ เผยโฉมออกมาราวกับว่ากำลังโบกสะพัดพลิ้วอยู่บนฟากฟ้า นัยน์ตาของหล่อนเองก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงเช่นกัน อาจเป็นเพราะหล่อนได้รับผลกระทบมาจากมวลฝุ่นดินที่ว่าก็เป็นได้
ไม่เพียงเท่านั้น มีดสั้นที่อยู่ในมือทั้งสองข้างของหล่อนเองก็กำลังค่อยๆ ส่งพลังสีแดงออกมา เหมือนกับว่ากำลังส่งพลังเข้าไปในมีดสั้นเล่มนั้นอย่างเต็มที่
“ฮึบ!”
แพคซอยอน หญิงสาวในชุดรัดรูปสีดำเริ่มรวมพลังทั้งแรงกายและแรงใจเข้าด้วยกัน พร้อมกันนั้นก็นำมีดสั้นชี้ไปที่ด้านหน้าแล้ววาดลวดลายออกมาเป็นรูปตัวเอ็กซ์ หลังจากนั้นพลังอำนาจที่ได้ห่อหุ้มมีดสั้นเมื่อครู่นี้ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น อีกทั้งความยาวของมีดเล่มนั้นยังเพิ่มขึ้นในพริบตาอย่างน่าตกใจ
ทันทีที่เธอออกแรงที่มือ เส้นโค้งอันเกิดจากรอยคมมีดก็ยิ่งลึกเข้ามากขึ้น กลุ่มพลังอำนาจจำนวนมหาศาลที่กำลังผลักเข้าผลักออกนั้นเริ่มโอบล้อมรอบทิศทาง
ตูม!
“อึก!”
และทันใดจึงเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกสารทิศ แพคซอยอนครวญครางออกมาสั้นๆ พร้อมกับสะดุ้งเฮือก ทั้งๆ ที่พลังนั้นได้ไหลซึมเข้ามาแล้ว แต่เนื่องจากเกิดการกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วง จึงทำให้พลังนั้นเข้าครอบงำไปทั่วร่างของหล่อน
แพคซอยอนกัดฟันสู้ แต่แล้วก็บังเกิดสีหน้าสงสัยขึ้นมา จึงได้เลิกคิ้วขึ้น ในวินาทีที่กลุ่มเงามืดกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า เหมือนกับประทัดระเบิดก็เกิดแสงวูบวาบพุ่งเฉียดผ่านดวงตาหล่อน
“อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจหมดแล้วตอนนี้ ราชินีแห่งเงามืดน่ะ…เอ๊ะ?”
อาจเป็นเพราะตอนนี้อาการเริ่มทุเลาลงไปมาก แพคซอยอนส่งเสียงบ่นงึมงำออกมาพอพูดคำสุดท้ายจบ หล่อนก็เงยหน้าขึ้น
ฟิ้ว!
เสียงลมอันแสนแหลมคมเหมือนกับฟ้าจะแยกออกจากกันดังขึ้น อารมณ์คลุ้มคลั่งในหัวของแพคซอยอนค่อยๆ ทุเลาลง จากที่ก่อนหน้านี้เสียงของหล่อนช่างแสนจะเย็นชา
หล่อนได้แต่คิดไปมาว่าจะต้องจับพวกมันมาให้หมด อย่างน้อยที่สุดตอนนี้คือจะต้องทำให้พวกมันกลัวให้ได้ แล้วจึงค่อยหลงเหลือไว้เพียงร่องรอยของการล่าสัตว์อันแสนโหดเ**้ยมเท่านั้นก็เพียงพอ แต่ทว่าความจริงกลับไม่เป็นดั่งที่หล่อนคิด การเข้าจู่โจมของคิมซูฮยอนทำเอาหล่อนจนตรอกเหมือนโดนมรสุม อีกทั้งยังไม่เว้นช่องว่างให้หล่อนพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงทำเอาหล่อนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
แพคซอยอนมองร่องรอยของแสงสีเงินที่พุ่งออกมาเฉือนร่างพรรคพวกราวกับผีพุ่งใต้ หล่อนควักมีดสั้นออกมา แล้วโน้มตัวลง และแล้วพลังสีแดงเมื่อครู่นี้ก็เริ่มออกฤทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
ฉับ!
เสียงมีดดังก้องไปทั่วทั้งผืนป่า วินาทีที่พลังสีแดงเพลิงปะทะเข้ากับพลังสีเงิน จึงบังเกิดประกายแสงอันแสนรุ่งโรจน์ปะทุออกมาราวกับระเบิด
ในที่สุดการต่อสู้แบบตัวของตัวครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นลงโดยเหล่าผู้เล่นช่วงชิงโอกาสไว้ได้เกือบหมด
และคลื่นพลังเวทมนตร์ก็ได้ไหลวนรวมตัวกัน ซึ่งเป็นสัญญาญหนึ่งที่บ่งบอกว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงการต่อสู้กันอย่างจริงจังแล้ว
* * *