เล่มที่ 16 ตอนที่ 7

Memorize

ยังมีพวกเร่ร่อนหลงเหลืออยู่ประมาณสี่สิบกว่าคน ถ้าเป็นจำนวนที่แน่นอนก็จะมีสี่สิบเอ็ดคน ซึ่งโกยอนจูได้คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีประมาณสี่สิบคน ส่วนตัวผมเอง ตอนที่เห็นพวกมันครั้งแรก ก็คาดไว้ว่าน่าจะมีประมาณห้าสิบคน  

 

 

การคาดเดาของหล่อนในครั้งนี้ผิดพลาดไปก็จริง แต่ทว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ตัวเลขออกมาคลาดเคลื่อน เหตุผลที่ว่าก็คือ ในจำนวนห้าสิบคนเหล่านั้น มีอยู่สิบคนที่เป็นนักเวทกับนักบวช ซึ่งทั้งนักเวทกับนักบวชต่างก็ขี่หลังพวกเร่ร่อนที่เป็นนักสู้ระยะประชิดในช่วงที่กำลังเดินทางมานั่นเอง 

 

 

ตอนที่ผมเห็นภาพเหล่านั้นเป็นครั้งแรกก็นึกขำไม่ได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามนับว่าก็ดีแล้ว ทั้งการบุกโจมตี และการต่อสู้อย่างจริงจังในครั้งนี้ ล้วนเป็นครั้งแรกของพวกเรา ซึ่งตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มต่อสู้กันมา ได้มีคนบาดเจ็บและล้มตายไปแล้วทั้งสิ้นเก้าคน เพียงเท่านี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมากมาย และสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ ณ ตอนนี้คือ เพียงแค่ทำให้พวกมันสับสนเท่านั้น 

 

 

เคร้ง! 

 

 

พลังที่แทรกซึมอยู่ในเกียรติยศแห่งวิคตอเรียและพลังในมีดสั้นได้เกิดการปะทะกัน วินาทีที่แรงกระทบกระเทือนอันแสนหนักหน่วงแล่นเข้ามา ผมรู้สึกเหมือนเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย จะว่ามีดสั้นมาปิดกั้นพลังและศักยภาพของผมก็เห็นทีจะไม่ใช่ 

 

 

หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้มีสีแดงเพลิงแต่งแต้มไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อครั้งที่บุกเข้าไปครั้งแรกนั้น ด้วยความที่ผมรีบร้อนออกมาก่อน ทำให้มองหล่อนได้ไม่ละเอียดเท่าใดนัก แต่พอได้มาเห็นใกล้ๆ เช่นนี้แล้ว ผมกลับรู้สึกเหมือนหล่อนกำลังมอบอารมณ์หรือความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี 

 

 

กึก กึก เพล้ง! 

 

 

ในตอนนั้นเอง มีเสียงใสแจ๋วราวกับเป็นเสียงกระจกแตกกระจายดังขึ้นมา ทันทีที่ผมหันไปมอง ก็พบเข้ากับมีดสั้นที่มีรอยแตกอยู่เหนือร่างคนคนหนึ่งในชุดรัดรูปสีดำที่ตัวสั่นไปมาไม่หยุด ผมเองก็อยากจะอดทนให้ได้ดีกว่านี้ แต่ทว่าก็ไม่สามารถเอาชนะอำนาจนั้นได้ จนถูกพังทลายไปในท้ายที่สุด  

 

 

“มะ ไม่น่าเชื่อ นั่นหมาป่าสีดำเหรอ” 

 

 

วินาทีที่ผมได้ยินเสียงอันแสนเย็นยะเยือกร้องตกใจกับภาพตรงหน้า ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีพลังอำนาจแล่นเข้ามาอยู่ในดวงตาผม เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสนั้น ผมจึงรีบคว้าดาบ แล้วแทงเข้าไปทันที  

 

 

“อึก!” 

 

 

ฉึก! 

 

 

หล่อนยืนโอนเอนอยู่ชั่วครู่ แล้วค่อยๆ ก้าวถอยหลังไป ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมากที่หล่อนเลือกก้มตัววางมีดสั้นลง เพราะดาบของผมที่เล็งไปที่หัวเธอนั้นเฉียดหัวไหล่ไปอย่างหวุดหวิด ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วมีดสั้นเล่มนั้นจะเปลี่ยนมาอยู่ในสภาพเศษเล็กเศษน้อยก็ตาม  

 

 

หลังจากนั้นหล่อนก็ตีลังกา แล้วถอยกลับไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผมไม่ได้ไล่ล่าตามหล่อนไป เพราะว่าผมมีบางสิ่งที่ผมยังอยากจะยืนยันดู อีกทั้งยังมีเหล่าพวกเร่ร่อนที่คอยบุกโจมตีและเฝ้าป้องกันระยะใกล้ๆ อยู่ ณ ที่ที่หล่อนเคลื่อนตัวกลับไปด้วย ซึ่งนี่คือกระบวนการรบในรูปแบบใหม่นั่นเอง  

 

 

แขนซ้ายของหล่อนมีเลือดไหลซึมออกมา ถึงหล่อนจะหลบหลีกไม่ให้ทะลุเข้ามาอย่างไรก็ตาม แต่ทว่าดูเหมือนเนื้อถูกเฉือนออกไปด้วยอำนาจที่โอบล้อมอยู่รอบคมมีดนั้น เหล่าพวกเร่ร่อนรีบมาประคองหล่อนโดยทันที พอหล่อนลุกขึ้นมาได้ ก็พ่นคำด่าออกมาไม่หยุด พร้อมกับความประทับใจของผมที่มีต่อหล่อนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี  

 

 

ตอนนี้ผมจึงเปิดใช้ดวงตาที่สาม โดยผมคิดว่าจะต้องยืนยันข้อมูลสำคัญๆ ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก 

 

 

 

 

 

ข้อมูลผู้เล่น (Player Status) 

 

 

1.ชื่อ (Name) : แพคซอยอน (ปีที่ 5) 

 

 

2.คลาส (Class) : มือสังหารผู้โหดเ**้ยม (Secret, Slayer Of Heatwave, Master) 

 

 

[พละกำลัง 90(+2)] [ความทนทาน 85] [ความคล่องแคล่ว 96(+1)] [ความแข็งแกร่ง 89] [พลังเวท 94] [โชค 67] 

 

 

“ให้ตายเถอะ!” 

 

 

‘นั่นแพคซอยอนนี่’ 

 

 

วินาทีที่ได้รับรู้ข้อมูลผู้เล่นพร้อมกับเสียงหล่อน ผมก็สามารถยืนยันได้เลยในทันที ว่าพวกเร่ร่อนที่ผลัดกันรุก ผลัดกันโจมตีเมื่อครู่นี้คือแพคซอยอนอย่างแน่นอน ซึ่งการที่หล่อนมาปรากฏกายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายสำหรับผม ผมได้แต่ประหลาดใจไปอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่ในทางตรงกันข้ามก็รู้สึกพอใจเหมือนมีลาภลอยมากองอยู่ตรงหน้า ถึงผมจะไม่ได้รู้สึกดีใจสุดขีดเหมือนคราวที่ได้เจอกับเบลเฟกอร์ แต่ความรู้สึกในครั้งนี้ช่างน่าตื่นเต้น ถึงขนาดตัวผมเองยังไม่รู้ว่าทำไมเช่นเดียวกัน 

 

 

ผมเล็งเป้าหมายด้วยเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ด้วยความยินดีปรีดา ไม่ว่าที่แห่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่แพคซอยอนจะต้องถูกฆ่าตาย ไม่ ไม่ใช่สิ การฆ่าหล่อนให้ตายเลย มันยังขาดอะไรไป วิธีที่ผมจะวางไว้เป็นข้อท้ายสุดคือ การฆ่าหล่อนในช่วงที่สภาพจิตใจยังไม่สู้ดีเท่าใดนักนั่นเอง และหากมีโอกาสเมื่อใด ผมก็จะทำให้หล่อนพิการไปเสีย  

 

 

‘พละกำลังสอง, ความคล่องแคล่วหนึ่ง อุปกรณ์ต่างๆ ก็ดี สุดยอดไปเลย’ 

 

 

ผมที่ได้ตัดสินใจออกไปเช่นนั้น ได้แต่ขำเล็กๆ กับตัวเอง ไม่รู้ว่าหล่อนอ่านสีหน้าของผมที่เป็นเช่นนั้นได้หรือไม่ เพราะในดวงตาของแพคซอยอนตอนนี้มีไฟลุกโชนอยู่ หล่อนมีสีหน้าโกรธมาก หลังจากนั้นจึงบ่นพึมพำอะไรบางอย่างออกมา  

 

 

“หน้า, หลัง พร้อม! คัต! ราชินีแห่งเงามืด, หลัง! สิบห้า! สิบหก! สิบ!” 

 

 

เหล่าพวกเร่ร่อนที่ติดตามมาปฏิบัติตามคำสั่งของแพคซอยอนอย่างรีบเร่ง ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิเคราะห์สถานการณ์โดยทันที มีเจ้าพวกนั้นทั้งหมดสิบห้าคนที่อยู่ตรงกลาง แล้วหลังจากนั้นก็แบ่งออกมาเป็นสามกลุ่ม อีกสิกหกคนแบ่งกลุ่มซ้ายและขวาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ พร้อมเดินผ่านหน้าผมไป บางทีพวกมันอาจจะกำลังเพ่งเล็งเหล่าผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังก็เป็นได้ และพวกเร่ร่อนที่ถอยไปด้านหลัง มีอยู่ประมาณสิบ คน ส่วนใหญ่เป็นนักเวทกับนักบวช มีนักธนูเสียเป็นส่วนน้อย ส่วนสิบห้าคนที่อยู่ตรงกึ่งกลางนั้นผมเห็นว่าเป็นนักสู้ระยะประชิดและเหล่านักธนูทั้งหลาย 

 

 

ผมคว้าหมับเข้าที่ด้ามจับ แล้วตวัดฟาดไปตรงกึ่งกลางนั้นทันที มีบางส่วนในสิบห้าคนตรงกึ่งกลางนั้นวิ่งบุกเข้ามาทางด้านหน้า และอีกบางส่วนที่เริ่มกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง 

 

 

‘นักธนูเยอะกว่าที่คิดไว้เยอะแฮะ’ 

 

 

ผมจดจำในจุดๆ นี้ให้ขึ้นใจ แล้วจึงเริ่มขยับเขยื้อนบ้าง โดยในบรรดาพวกเร่ร่อนที่วิ่งบุกมาด้านหน้านั้น มีไอ้เร่ร่อนคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าสุด กำลังถือมีดสั้นที่ยังเหลืออยู่อีกเล่ม และไอ้คนนั้นที่ว่าก็คือ แพคซอยอน  

 

 

และในช่วงที่ต่างคนต่างบุกเข้าไปในเขตของกันและกันนั้น ดาบของพวกเราทั้งสองคนก็เกิดปฏิกิริยาขัดต่อกันอีกครั้งหนึ่ง แพคซอยอนเปิดฉากโจมตีอย่างเนิบๆ ซึ่งต่างไปจากคราวก่อนอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนหล่อนได้ตั้งจุดสำคัญในการป้องกันเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะสามารถถอยทัพกลับไปได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าหล่อนรู้สึกไม่ชอบใจกับการที่ต้องสูญเสียมีดสั้นไปหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งที่เข้ามาปะทะกับดาบของผม ท่าทางหล่อนดูสั่นสะท้าน ยืนโซเซผิดแปลกไป 

 

 

‘นี่แหละความสามารถพิเศษของฉัน’ 

 

 

ผมหัวเราะกับตัวเองอยู่ข้างใน แล้วปล่อยพลังออกไปชุดใหญ่ หลังจากนั้นจึงนำดาบมาทำความสะอาด ขัดถูอย่างเบามือ 

 

 

พลั่ก! 

 

 

“อ๊ะ…?” 

 

 

แพคซอยอนเบิกตากว้าง เพราะแขนขวาของหล่อนถูกจับไพล่ไปอยู่ข้างหลัง ซึ่งนี่เป็นผลที่ได้จากพลังที่ส่งกลับคืนไปนั่นเอง ช่างเป็นโอกาสที่เพอร์เฟกต์สุดๆ 

 

 

เอาเข้าจริงแล้ว แพคซอยอนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายสำหรับผม หล่อนมีความสามารถมากมาย ถึงขนาดเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ของฮอลล์เพลนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการที่หล่อนถดถอยลงมาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่บอกว่าความสามารถผมอยู่เหนือแพคซอยอนมาก ตัวผม ผู้ซึ่งไม่รับรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหล่อน, ไม่เคยต่อสู้กันมาก่อน และตัวผมที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้าการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งสามัญสานึกเช่นนี้เช่นกัน 

 

 

แน่นอนว่าในการต่อสู้กันเป็นครั้งแรกนี้ แพคซอยอนเองก็รับรู้ความแตกต่างระหว่างผมเช่นกัน อีกทั้งยังดูเหมือนได้เตรียมป้องกันอะไรไว้อีกด้วย หลักฐานก็คือผมรู้สึกเหมือนมีพวกเร่ร่อนจำนวนสิบสี่คนกำลังเพ่งเล็งมาทางผม วินาทีที่แขนของหล่อนถูกจับไพล่ไปด้านหลัง ผมก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามา ทั้งเสียงธนูจำนวนมาก อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนโดนจับจ้องไปทั่วทั้งตัว 

 

 

และในตอนนั้น ผมจึงเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ก็สามารถตัดสินใจได้ในที่สุด ที่ผมกังวลก็คือเรื่องคุณค่าของชีวิตคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือแพคซอยอน และพวกเร่ร่อนคนอื่นๆ อีกสิบสี่ชีวิต คำตอบนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองสิ่งต่างก็มีความสำคัญ ผมที่ตัดสินใจออกไปดังนั้นจึงมองไปยังแพคซอยอนที่กำลังรีบเดินถอยไป ส่วนตัวผมก็หยุดเดินไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นผมจึงปลุกพลังอำนาจออกมาให้ลุกโชนเต็มที่ แล้วใช้พลังทั้งวิญญาณและร่างกายกระทืบเท้าลงไปบนพื้นดิน  

 

 

ตึง! 

 

 

ผมรู้สึกว่าพื้นดินที่เท้ากำลังเหยียบย่ำอยู่นี้มีหลุมลึกลงไป จนสุดท้ายแผ่นดินก็แยกขาดจากกันในที่สุด คลื่นที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินนั้นเข้าโอบล้อมเจ้าพวกที่มุ่งหน้ามาโจมตีผม  

 

 

ผลกระทบนั้นทำให้พวกมันหลุดจากวงโคจรไปช่วงหนึ่ง แต่พอกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง พวกมันก็จ้องมาทางผม แต่ทว่าที่กำลังเพ่งเล็งมาทางผมนั้นเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที เพราะตั้งแต่เท้าผมอยู่ติดพื้น ศักยภาพของดาบแห่งแสงจึงเริ่มแผลงฤทธิ์เดชของมันออกมา หลังจากนั้นพลังอำนาจก็สั่นสะท้านไปหมดด้วยพลังของเกียรติยศแห่งวิคตอเรียน ในขณะเดียวกันนั้นเองผมก็ลงมือฟาดดาบ 

 

 

ดาบแห่งแสงทั้งสิบได้เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เสียงกรีดร้องดังโหยหวนไปทั่วทุกหนแห่ง อีกทั้งเลือดยังสาดกระเซ็นไปสุดลูกหูลูกตา ส่วนใหญ่จบสิ้นชีวิตเพราะดาบแห่งแสงนี้ แต่ก็ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง 

 

 

ด้านแพคซอยอนอยู่ในสภาพที่แขนที่เคยถูกจับมัดไว้ ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ผมจึงใช้ความสามารถในการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาทันที  

 

 

ฉึก! พลั่ก! พลั่ก! 

 

 

เสียงของอะไรบางอย่างที่ปักเข้ากับพื้นดิน พอผมหันไปมองก็พบเข้ากับพวกเร่ร่อนประมาณสามสี่คนล้มอยู่บนพื้น และตรงหน้านู้นผมเห็นตัวผมอีกหนึ่งร่างที่ค่อนข้างเลือนราง ในขณะที่ผมใช้สายตาจ้องไปยังด้านหน้าอยู่นั้น ผมก็เห็นแพคซอยอนอยู่เบื้องหน้า 

 

 

“อะไรน่ะ…?” 

 

 

พอเห็นดังนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าหล่อนรู้สึกถึงลางบอกเหตุอะไรแปลกๆ หรือไม่ หล่อนจึงได้หันกลับมา วินาทีที่เราได้สบตาซึ่งกันและกัน ผมก็ฟันดาบลงอย่างแรง 

 

 

และในตอนนั้นเอง ก่อนที่เกียรติยศแห่งวิคตอเรียจะได้ฟันลงตรงเป้าหมาย จู่ๆ กลับมีม่านหมอกปริศนารูปร่างคล้ายมนุษย์วิ่งเข้ามาคั่นกลางระหว่างผมกับแพคซอยอน ผมตกใจจนไม่สามารถทำอะไรได้ไปอยู่ชั่วขณะหนึ่ง 

 

 

‘การแปลงกายเป็นหมอกหรอกงั้นเหรอ’ 

 

 

หากผมจำไม่ผิด เจ้าสิ่งนี้คือความสามารถพิเศษที่ผู้เล่นสามารถแปลงกายเป็นหมอกได้พักหนึ่ง อาจมีข้อด้อยตรงที่ไม่สามารถทำต่อเนื่องได้นานเท่าใดนัก แต่หากมองข้ามข้อด้อยที่ว่านั้นไป ก็นับว่าเป็นความสามารถที่น่าใช้เลยทีเดียว ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวจะสูงขึ้น สามารถใช้พลังบังคับได้อย่างสะดวกสบาย ในด้านพลังอำนาจเองก็มีความทนทานสูงมากเช่นเดียวกัน หากละเว้นเรื่องมนตร์ที่ทำให้เราต้องละทิ้งคุณสมบัติเดิม แล้วพลิกมาเป็นคุณสมบัติใหม่แล้ว สำหรับการต่อสู้ที่จำต้องใช้วิธีตามปกตินั้น ก็นับว่าเป็นความสามารถที่ยุ่งยากกว่าที่คิด  

 

 

หลังจากนั้นม่านหมอกที่ว่าก็เริ่มฉายแสงขุ่นมัวออกมา แล้วพุ่งเข้ามามัดรอบดาบของผมราวกับน้ำที่ไหลเวียนวน 

 

 

‘เห็นแบบนี้แล้ว เจ้านี่ต้องดังขึ้นมากอีกแน่’ 

 

 

ผมจำได้ว่าเคยมีพวกเร่ร่อนใช้ความสามารถพิเศษในการแปลงกายเป็นหมอกนี้ อยู่ประมาณครั้งสองครั้ง หลังจากที่ผมแสดงความเศร้าภายในใจเล็กๆ ออกมา ผมจึงเริ่มวาดลวดลายลงดาบเป็นแนวตั้งอย่างรวดเร็ว 

 

 

ฉึก! 

 

 

“อ๊ากกกกก!” 

 

 

ความรู้สึกที่ได้ขาดหายไปกลับเข้ามาอีกครั้ง มันช่างเป็นความรู้สึกที่หลากหลายเสียเหลือเกิน ผมรู้สึกว่าพอได้หั่นเนื้อผลไม้นุ่มๆ ชุ่มน้ำชุ่มเนื้อแล้ว ท้องฟ้าจึงค่อยแยกออกจากกัน แล้วกลับมาเป็นความรู้สึกตอนที่ได้เฉือนเนื้อคนอีกครั้ง ได้แต่รู้สึกวนเวียนอยู่เช่นนั้น 

 

 

ผมลดตามองต่ำลง แล้วทันใดนั้นม่านหมอกที่เคยเป็นสีขาวเมื่อครู่ก็ขาดออกจากกัน หลังจากนั้นจึงเริ่มมีอะไรบางอย่างสีแดงเพลิงกำลังค่อยๆ ไล่ย้อมม่านสีขาว แพคซอยอนอยู่ในสภาพที่ร่างกายเอนเอียงไปทางซ้าย แล้วหลังจากนั้นผมกลับมองไม่เห็นแขนขวาของหล่อนเลย ไล่ตั้งแต่หัวไหล่ลงมา 

 

 

ฟึ่บ! ตุ้บ! 

 

 

หลังจากนั้นแผ่นดินที่เคยแยกออกจากกันกลับกลายมาเป็นพื้นดินราบเรียบดังเดิม ซึ่งอาจเป็นเพราะการแปลงกายเป็นหมอกนั้นได้เสร็จสิ้นไปแล้วหรือไม่อย่างไร ซากศพค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นช้าๆ และที่อยู่ข้างๆ กันนั้น ผมเห็นแขนเรียวบางที่ยังคงจับมีดสั้นเอาไว้แน่นอยู่ที่พื้น และเลือดก็กำลังพุ่งกระฉูดออกมาด้วย 

 

 

 

 

 

* * *