หมู่บ้านตระกูลอวิ๋นที่อยู่ตีนเขาอวี้ซันเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ตั้งแต่ซุ้มประตูตลอดจนต้นถงซู่ทั้งสองด้านของถนนถูกแขวนไว้ด้วยโคมไฟและผ้าไหมสีแดงอยู่เต็มไปหมด ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นที่ทำงานในเมืองฉางอันก็รีบเร่งกลับมา แม้จะบอกว่าปวดใจกับการยอมทิ้งค่าแรงไปสองวัน แต่พวกเขาก็ยังคงรีบกลับมาโดยไม่ขาดหายไปแม้สักคน ควานหาเสื้อผ้าใหม่ที่ตัดเย็บขึ้นเมื่อช่วงตรุษจีนมาสวมใส่ แม้ว่าสวมใส่เสื้อผ้าฤดูหนาวในวันที่อากาศร้อนจะดูไม่ค่อยเหมาะสม แต่หน้าตาของหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นจะให้ขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด ใครจะเหมือนบ้านของหวังซวนยังไม่ถึงเดือนห้าก็จะตัดเสื้อใหม่ เหงื่อไหลไคลย้อยเร่งให้ภรรยานำข้าวสาลีที่ดีที่สุดในบ้านมาบดให้เป็นแป้งละเอียดเพื่อทำเป็นเส้น เลือกเส้นบะหมี่ที่ขาวที่สุดและเลือกเครื่องปรุงเพื่อเตรียมอาหารในงานเลี้ยง
เสื้อผ้าไม่ได้สวยงามก็ไม่มีใครหัวเราะเยาะ พวกชาวบ้านมีเสื้อผ้าใหม่ที่จะสวมใส่ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ไม่น่าขายหน้าแต่อย่างใด แต่ถ้าอาหารทำไม่อร่อยย่อมต้องเป็นอับอายขายหน้าอันยิ่งใหญ่แน่ เหล่าภรรยาของตนเองอย่าได้ฝันว่าจะได้เดินเชิดหน้าชูตาเลย
ดอกทับทิมบานก่อนเวลาจึงปล่อยให้เด็กๆ ที่บ้านปีนขึ้นไปบนต้นทับทิมเด็ดดอกไม้ลงมา แต่ไม่กล้าเด็ดดอกถงถ่งฮัว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทับทิมให้กินในปีนี้ ดอกทับทิมที่เด็ดลงมาถูกห่อด้วยผ้าป่านที่สะอาดโดยพวกผู้ชายแล้ววางไว้ในแท่นหนีบจากนั้นใช้ค้อนน้ำมันตอกใส่ลิ่ม จากนั้นครู่หนึ่งน้ำมันดอกไม้สีแดงสดก็ถูกคั้นออกมา ผู้เป็นแม่ก็จะใช้นิ้วจุ่มขึ้นมาเล็กน้อยและแต้มที่หว่างคิ้วของลูกสาวจุดเล็กๆ ไฝระหว่างคิ้วที่งดงามก็ปรากฏขึ้น หญิงบางคนที่พอจะมีศิลปะก็จะวาดเป็นรูปเปลวไฟ ยังมีรูปดอกบัว เด็กหญิงตัวน้อยๆ ก็วิ่งออกไปโอ้อวด เด็กหนุ่มก็มองจนตาลุกวาวอยากให้ท่านแม่แต้มให้บ้าง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มักจะถูกบิดาที่โกรธจัดเตะจนกระเด็น
แป้งถูกนวดจนเป็นเนื้อละเอียด ในเวลาเหล่าฮูหยินในบ้านจะต้องล้างมือให้สะอาด ใช้หวีที่สะอาด กระบองไม้ กรรไกร ไม้จิ้มฟันเพื่อทำซาลาเปา ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ รูปหน้าเสือ พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของนายท่าน ผลทับทิมที่ยิ่งมีมากยิ่งมีวาสนาต้องทำให้มากๆ หน่อย นกยวนยางที่รักไม่แปรเปลี่ยนต้องทำหนึ่งคู่ ผู้ที่มีฝีมือยังทำเป็นมังกรและหงส์ด้วย สุดท้ายใช้ถั่วดำเพื่อทำเป็นดวงตาและนำไปวางซึ้งนึ่ง ท้ายที่สุดก็วาดด้วยสี เพียงเท่านั้นอาหารหนึ่งตะกร้าก็พร้อมแล้ว ต่างก็รอให้เจ้าสาวเข้าประตูในวันพรุ่งนี้แล้วจากนั้นทั้งครอบครัวก็สามารถไปที่บ้านของนายท่านเพื่อทานอาหารมื้อใหญ่ได้
โก่วจื่อและเลิ่งจื่อนั่งอยู่ในครัวกินอย่างเอร็ดอร่อย ท่านนั่งยิ้มตาหยีอยู่ตรงกันข้ามฉีกน่องไก่ให้พ่อสองหนุ่มน้อย ซาลาเปาไส้หมูที่เพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ หนึ่งตะกร้าหายเข้าท้องในพริบตา เลิ่งจื่อกินจนเรอออกมาแล้วในมือยังถือน่องไก่ไม่ยอมปล่อย
โก่วจื่อเขินจนหน้าแดงและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จึงถูกท่านย่าดุยกใหญ่ ทั้งยังตักน้ำแกงให้โก่วจื่ออีกหนึ่งชามเพื่อให้กลืนได้คล่องคอและกินให้มากอีกหน่อย หากไม่พอขากลับให้นำไก่กลับไปอีกสองตัว
ผู้ที่ช่วยชีวิตเชียวนะ ตระกูลอวิ๋นจึงไม่กล้าที่จะละเลย แต่โก่วจื่อเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมไปกินในห้องอาหารแม้ถูกลากก็ไม่ไป ให้ท่านย่ามอบซาลาเปาให้เขาสักหลายๆ ลูกแล้วนั่งกินตรงธรณีประตูสักมื้อก็ตั้งใจว่าจะกลับแล้ว
โก่วจื่อชอบกินอาหารในห้องครัวของตระกูลอวิ๋นที่สุด ที่นั่นจะมีกลิ่นหอมโชยตลบอบอวล คราวก่อนที่มาก็เคยได้เข้าไปกินครั้งหนึ่งและจะไม่มีวันลืมความอร่อยของซาลาเปา ตอนอยู่ในทุ่งหญ้ากินเนื้อสัตว์จนแทบจะอาเจียนอยู่แล้ว โก่วจื่อคิดว่าซาลาเปาไส้ไข่เค็มใบกุยช่ายนี้เขาคนเดียวสามารถกินได้ร้อยลูก แต่สุดท้ายหนึ่งร้อยลูกก็ไม่ได้กินและไม่กินแม้แต่สามสิบลูกเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาพบว่าซาลาเปาไส้หมูแดงและซี่โครงหมูนั้นอร่อยกว่า
ขณะที่แบกห่ออาหารใบใหญ่ออกมาจากบ้านตระกูลอวิ๋นนั้นเลิ่งจื่อก็สะกิดโก่วจื่อ ดูเหมือนพวกเขาจะลืมขอรับรางวัล ตระกูลอวิ๋นเองก็ดูเหมือนจะลืมให้รางวัล กินข้าวเพียงมื้อเดียวก็จบเรื่องแล้วหรือ เมื่อถามคำถามนี้ต่อหน้าพ่อบ้านตระกูลอวิ๋น โก่วจื่อก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึง อยากจะต่อยจมูกเลิ่งจื่ออีกหลายหมัดแล้วแถมยาพอกให้อีกต่างหากจริงๆ ซึ่งบางทีอาจจะปิดปากที่เหม็นเน่าที่ทำให้เขาอับอายได้
“จะอายอะไรกันเล่า!” พ่อบ้านเฉียนยิ้มพลางพูดกับโก่วจื่อว่า “ไม่ได้ขโมยหรือไม่ได้แย่งใครมา เป็นสิ่งที่สมควรได้รับ ทั้งยังถามอย่างชัดเจนเปิดเผย ข้าชอบเด็กซื่อสัตย์ประเภทนี้” พูดจบก็ลูบท้ายทอยเลิ่งจื่อ
เมื่อมองไปที่ของที่เต็มคันรถ เลิ่งจื่อที่จมูกเขียวและใบหน้าบวมก็หัวเราะเหมือนเด็กโง่ ท่าทางเช่นนั้นได้ทำให้คนรับใช้ตระกูลอวิ๋นหัวเราะเสียงดังลั่น ทำให้โก่วจื่อกัดฟันกรอดๆ คราวหน้าหากมีเรื่องเช่นนี้อีกจะไม่มาพร้อมกับเลิ่งจื่อเด็ดขาด ช่างขายหน้าจริงๆ เลย
โก่วจื่อและเลิ่งจื่อฮัมเพลงสั้นๆ พลางอาบแสงอาทิตย์อัสดงเร่งรีบเดินทางกลับ ทั้งยังหันกลับไปมองรางวัลแห่งชัยชนะที่บรรทุกมาเต็มคันรถเป็นระยะๆ ซึ่งของเหล่านั้นเพียงพอสำหรับพี่เลิ่งจื่อที่จะแต่งงานและมากพอสำหรับโก่วจื่อที่จะสร้างบ้านสักหลัง สำหรับการใช้ผ้าแพรไหมสองพับนั้นสองพี่น้องตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะนำมาใช้อะไร จะสนใจไปทำไม ของแม้มีมากมายแต่ก็ต้องมีทางใช้สอยอยู่ดี
หวงสู่กำลังกัดฟันออกแรงตัดไม้ไผ่ ไม่ได้เพื่อสิ่งอื่นใดนั่นก็เพื่อต้องการทำแพไม้อีกครั้ง พี่ภรรยาจะมาทั้งครอบครัว ตนเองจึงต้องต้อนรับขับสู้ให้ดี การล่องแพในแม่น้ำตงหยางเป็นเรื่องที่อิงเหนียงคุยอวดให้พี่ชายของนางฟังตั้งนานแล้ว ทำให้ญาติของอิงเหนียงวาดฝันเอาไว้อย่างสวยงาม คิดไม่ถึงว่าพี่ภรรยาเองก็เป็นคนมีการศึกษาเช่นกัน แม้ว่าปู่ย่าตายายจะเป็นคนขายเนื้อก็ตาม เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสที่จะได้ล่องแพกับปราชญ์ผู้มีความรู้มีหรือจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ก้าวแรกที่หวงสู่ก้าวเท้าเข้าบ้านครอบครัวของพี่ชายอิงเหนียงก็ก้าวตามมาติดๆ โดยบอกว่าอยากจะพิสูจน์ความวิจิตรงดงามดังที่น้องสาวพูดเสียหน่อยโดยอยากจะล่องแพให้คืนนั้นเลย
ค่ำคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์จะล่องแพอะไรกัน กว่าจะใช้เหล้าดีกรีแรงมอมเหล้าให้พี่ชายอิงเหนียงเมามายได้ไม่ง่ายเลย เตรียมที่จะล่องแพในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ ใครจะคิดว่าจะเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แพไม้ไผ่ของครอบครัวเขาที่ถูกไว้ด้านหลังร้านนั้นหนีไม่พ้นเงื้อมมือมารของหลี่ไท่ เขาอยากกอบกู้โครงเหล็กที่จมอยู่ใต้น้ำตกจึงต้องใช้แพไม้ไผ่ของบ้านเขา
สำหรับหลี่ไท่แล้วหวงสู่ไม่กล้ามีอาการต่อต้านแม้แต่เล็กน้อย ต้องยอมให้หลี่ไท่ถ่อแพไม้ไผ่ไปแต่โดยดีและยังถามว่าจะให้เขาช่วยหรือไม่ หลี่ไท่เหล่มองดูถูกร่างกายที่ดูผอมบางอ่อนแอของเขา แสดงท่าทางว่าไม่ต้องและบอกให้เขารีบๆ ไปให้พ้นสายตา เห็นแล้วชวนให้อารมณ์เสีย
พี่ชายอิงเหนียงกลับมาเป็นครั้งแรก ถ้าหากเหล่าเพือนบ้านของเมืองซินเฟิงรู้ว่าตนเองไม่ได้ต้อนรับขับสู้ให้ดี ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร หวงสู่ที่ก่อนหน้าเคยโดดเดี่ยวอ้างว้างมาโดยตลอดตอนนี้ใส่ใจกับมุมมองของญาติมาก กว่าที่จะมีญาติสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นจึงต้องต้อนรับขับสู้ไม่ให้ตกหล่น ไม่ต้องคิดถึงแพไม้ไผ่ของสำนักศึกษาเลย พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของโหวเหยีย ญาติสนิทมิตรสหายที่เป็นชนชั้นสูงในเมืองฉางอันจะต้องมามากมายนับไม่ถ้วน แพไม้ไผ่ได้ถูกจองไว้ล่วงหน้านานแล้ว
หวงสู่ที่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ถือขวานไปที่ริมแม่น้ำและเตรียมที่จะทำแพไม้ไผ่อีกอัน เพื่อที่จะได้ให้พี่ชายอิงเหนียงผู้มีความรู้ได้ล่องแพในวันพรุ่งนี้ โชคดีที่มีไม้ไผ่มากมายอยู่ริมแม่น้ำ ขอเพียงแค่ยอมลงแรงทำจะต้องมีแพไม้ไผ่อย่างแน่นอน
ป่าไผ่ที่มืดสนิทมีเพียงหวงสู่ที่แขวนตะเกียงไว้ปลายไม้แล้วก็ตัดไม้ไผ่อย่างจริงจัง เมื่อเขาตัดไม้ไผ่ล้มไปหนึ่งต้นก็ต้องออกแรงแบกขึ้นมาด้านหนึ่งแล้วลากออกมาด้านนอก ทันใดนั้นก็ถูกถีบเข้าที่แผ่นหลังหนึ่งที เงาดำพุ่งเข้ามาที่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ดาบที่เงาวูบวาบวางลงที่คอของหวงสู่
หวงสู่ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบผ่อนคลายร่างกาย ร้องขอความเมตตาด้วยเสียงเบาๆ เงาดำผ่อนคลายลง จากนั้นปีนขึ้นหลังของเขาแล้วโยนสายรัดผ้ามาหนึ่งเส้นให้หวงสู่มัดตนเองไว้ ไม่มีทางเลือกมดาบจ่ออยู่ที่คอจึงต้องทำตาม หวงสู่มัดตนเองเสร็จแล้วเหลือมือว่างเพียงมือเดียว ไม่มีทางเลือก เงาดำคนนั้นดึงปมให้เป็นเงื่อนตายด้วยมือเดียว คราวนี้จึงลดดาบลงแล้วถอนหายใจ
“เช้าวันพรุ่งนี้พวกคนตระกูลอวิ๋นจะออกมาไหม ตอบมาให้ดีๆ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ภายแสงสลัวๆ ของตะเกียง ชายชุดดำที่ดูโหดเ**้ยมคนหนึ่งถามหวงสู่ ดาบในมือของเขาก็ส่องแสงวิบวับอยู่เบื้องหน้าของหวงสู่ไม่ยอมหยุด
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หวงสู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ไม่ใช่ศัตรูเก่าของเขา แต่มุ่งเป้าหมายมาที่โหวเหยีย จะต้องจับเจ้าหมอนี่ส่งไปยังจวนโหวให้ได้ ภายหน้าหากขอให้แม่เฒ่าช่วยจัดการเรื่องมงคลขอสาวใช้สักคนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ใบหน้าที่น่าเกลียดไม่จำเป็นต้องเสแสร้งก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรแน่ หวงสู่จึงรีบพูดว่า “จอมยุทธ์ท่านนี้ ข้าน้อยเป็นคนรับใช้ของตระกูลอวิ๋น ตระกูลต่ำช้านี้ทั้งครอบครัวชอบรังแกข้าให้ข้าตัดไม้ไผ่อยู่ที่นี่ในตอนกลางดึก ท่านอยากปล้นตระกูลใหญ่ ยอดเยี่ยมไปเลย ข้าคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดีสามารถนำทางให้ท่านได้ องครักษ์เวรยามของตระกูลอวิ๋นนั้นป้องกันอย่างแน่นหนา เพียงแค่ยอดฝีมือจากกองทัพก็มีกว่าร้อยคน หากท่านฝืนบุกเข้าไปตรงๆ มีแต่ต้องตายเท่านั้น”
ชายฉกรรจ์หัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าเห็นว่าข้าโง่หรืออย่างไร บุกเดี่ยวไปต่อสู้กับคนของกองทัพนั่นไม่ใช่การทำการค้า แต่เป็นการรนหาที่ตาย ข้าไม่คิดจะทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน เพียงแค่ต้องการหาลูกกำพร้าแซ่อวิ๋นที่เล็ดลอดออกไปแล้วฆ่าทิ้งเสียก็พอแล้ว หากเจ้ายอมช่วยข้าหลังจากจบเรื่องแล้วเจ้าจะได้ผลประโยชน์แน่ ให้ดิ้นตายสิ ข้าเพียงแค่คนเดียวมันลงมือลำบากไปเสียหน่อย”
“ที่แท้มีท่านเพียงคนเดียว” หวงสู่เงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใด เขาจึงถามชายชุดดำอย่างมาดมั่น
“ข้าเป็นนักดาบพเนจรเพียงลำพัง การค้าคราวนี้ใหญ่เกินไป ทำคนเดียวไม่มีทางสำเร็จ ดังนั้นจึงหาเจ้ามาช่วย หลังงานสำเร็จข้าจะให้ส่วนแบ่งเจ้าสามส่วน ขอเพียงเจ้ากลืนสิ่งนี้ลงไปต่อไปพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน ร่ำรวยด้วยกัน”
พูดพลางหยิบยาลูกกลอนที่ห่อด้วยขี้ผึ้งออกจากอกเสื้อแล้วจะนำใส่ปากหวงสู่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เชือกบนหวงสู่หลุดขาดลงมา เข็มสีดำยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ปักเข้าไปที่ซี่โครงของชายฉกรรจ์อย่างเงียบๆ
ความรู้สึกเจ็บปวดและชาจากกระดูกซี่โครงเริ่มลุกลามไปทั้งร่าง ชายฉกรรจ์ส่งเสียงอึกเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงต่อหน้าหวงสู่ เขาไม่สนใจชายฉกรรจ์เพราะเขามีความมั่นใจอย่างมากต่อการลงมือของเขา เข็มนั้นได้เจาะทะลุจนไตของหมอนั่นแตกแม้จะรักษาได้ก็ต้องปัสสาวะเป็นเลือดเป็นเวลาครึ่งเดือน พวกโจรปล้นสุสานนั้นมักจะหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาโดยตลอด
เขาหยิบยาลูกกลอนขึ้นมาจากพื้นแล้วบีบแตกเพื่อดมกลิ่น จากนั้นนำใส่ปากเคี้ยวพลางพูดว่า “ข้าไม่ได้กินยาลูกกลอนหวงจิงบำรุงชี่เสริมกำลังเช่นนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ยังมีอีกหรือไม่ ภรรยาข้าเพิ่งคลอดลูก ต้องการการบำรุงอยู่”
หวงสู่กำจัดอุปกรณ์ลูกเล่นทั้งหมดที่มีในตัวของชายฉกรรจ์ทิ้งไป มองหาไม้ไผ่ที่มีความหนาสม่ำเสมอ จากนั้นนำแขนและขาด้านหนึ่งผูกติดไว้ด้านบน แล้วจึงออกแรงดัดไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งให้งอแล้วผูกแขนขาอีกข้างที่เหลือของชายฉกรรจ์ เมื่อปล่อยมือร่างกายของฉกรรจ์ก็ถูกไม้ไผ่สองต้นตรึงออกมาเป็นตัวอักษร “ต้า” เพียงแค่ลงดาบไม่กี่ครั้งชายฉกรรจ์ก็ร่างเปลือยเปล่า หลังจากประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดของการถูกคนห้อมล้อมมองเมื่อครั้งก่อน หวงสู่จึงคิดมาเสมอว่าผู้ชายเปลือยกายเป็นบาดแผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา
หวงสู่ฝังไม้ไผ่หนามที่แหลมคมไว้ตรงตำแหน่งส่วนล่างของชายฉกรรจ์ หากเขากล้าขยับตัวไม้ไผ่หนามก็จะแทงเข้าไปในเนื้อของเขา หลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว หวงสู่ก็ถ่มน้ำลายสองคำใส่ฝ่ามือของเขาแล้วหยิบขวานขึ้นมาเพื่อตัดไม้ไผ่ต่อไป อย่างไรก็ต้องทำแพต่อไปเพราะพรุ่งนี้พี่ใหญ่ยังต้องใช้มันอีก
เมื่อฟ้าเริ่มสาง ในที่สุดก็ต่อแพเสร็จ ชายฉกรรจ์ร้องโหยหวนตลอดทั้งคืนก็ถูกหน่วยลาดตระเวนของตระกูลอวิ๋นนำตัวไป หวงสู่ไม่ได้สนใจในชะตาชีวิตของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่กังวลลูกสาวตัวเล็กที่วิ่งโซเซไปมาเพื่อส่งอาหารมาให้ว่าอย่าได้ล้มเชียว
เขาจึงเดินขึ้นไปข้างหน้าอุ้มลูกสาวขึ้น แล้วใช้หนวดสั้นๆ แข็งๆ ของตนเองจิ้มลงบนใบหน้าเล็กๆ ของนาง ทำให้ลูกสาวพยายามหลบหลีกอย่างสุดแรง เมื่อเล่นสนุกพอแล้ว หวงสู่อุ้มลูกสาวขึ้นไปนั่งบนแพที่เพิ่งต่อขึ้นใหม่และโยนถุงใส่ของใบใหญ่ตามมา ตัดไม้ไผ่มาหนึ่งท่อนเพื่อทำไม้ถ่อแพ เพียงแค่ผลักแพเบาๆ แพไม้ไผ่ก็ไหลเลื่อนลงไปในแม่น้ำตงหยางอย่างเงียบๆ