SD:บทที่ 62 : คนขับรถผู้ใจเลื่อนลอย
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวทั่วทั้งสนามแข่ง!
ทว่าไม่มีใครอาจทราบได้เลยว่าคนขับรถคนนั้นเป็นใครกัน
“พี่เฟย นั่นใช่ลูกพี่ป่ะ”
สมาชิกแก็งนักแข่งข้างถนนต่างพยายามชะเง้อหัวดูหน้าของคนขับในรถแข่งคันนั้นให้ชัดขึ้น แต่ก็เปล่าประโยชน์ ที่นั่งของผู้ชมอยู่ห่างจากลู่ทางบนสนามแข่งเบื้องล่างมากเกินไป อีกทั้งคนขับยังสวมหมวกนิรภัยเสียอีก ไม่มีทางที่พวกเขาจะเห็นได้เลยว่าคนขับปริศนาหน้าตาเป็นเช่นไร
นอกจากแก็งนักแข่งข้างถนนแล้ว ผู้ชมคนอื่น ๆ ก็กำลังคาดคะเนสันนิษฐานตัวตนของนักแข่งตัวแทนสมาคมนักแข่งรถ ชายชื่อ เอ เป๋ง ที่เคยป่าวประกาศว่าเขาจะเข้าร่วม บัดนี้ก็บาดเจ็บเกินจะมาลงแข่งได้ อีกทั้งยังไม่มีข่าวคราวเลยว่าใครกันจะมาเป็นตัวแทนของสมาคมนักแข่งรถแทนที่เขา
ณ มุมหนึ่งอันห่างไกลบนอัฒจันทร์ กลุ่มชาวต่างชาติหลากสัญชาติได้ลุกพรวดขึ้นพร้อมกันเมื่อพวกเขาทอดสายตาไปเห็นรถเฟอร์รารี่เข้า
“เป็นไปได้อย่างไรกัน พวกมันยังมีผู้ที่เข้าร่วมแข่งได้อีกหรอกเหรอ”
ชายที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างเจ้าเนื้อผู้มีท่าทางเย็นชาชอบกล ชื่อของเขาคือ จอร์จ และเขาเป็นหัวหน้าใหญ่ของคาร์ล ชายคนดังกล่าวซ่อนความตกใจบนสีหน้าเขาไม่ได้เลย
“บางที พวกนั่นอาจแค่ส่งใครก็ไม่รู้มาก็ได้…” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจในคำอธิบายของตนมากเท่าไรนัก
จอร์จตกอยู่ในความเงียบงัน ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นในส่วนที่ลึกที่สุดของความคิดเขา แรกเริ่ม พวกเขาอุตส่าห์ควบคุมทุกอย่างได้แล้วเชียว ใครเล่าจะคาดเดาได้ว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น
“ส่งข้อความไปถึงคาร์ล เขาต้องชนะเกมนี้ให้ได้ หากมันแพ้ล่ะก็… มันก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกแล้ว!”
หลังจากที่เขามอบคำสั่งเสร็จสิ้น จอร์จนั่งลงอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาของชายวัยกลางคนกระพริบถี่จัด ไม่มีใครรู้ว่าภายในหัวเขากำลังครุ่นคิดเรื่องใดอยู่กัน
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น
คาร์ลหัวเราะพรวดออกมายามได้ยินคำสั่งจากหัวหน้า แม้ว่าชายต่างชาติจะไม่ทราบว่าใครที่ไหนจะกล้าพอจะมาเป็นตัวแทนของสมาคมนักแข่งรถ ถึงอย่างไรมันก็ไม่สำคัญอยู่ดี เพราะอย่างที่ทราบกัน ไม่มีใครเอาชนะเขาได้!
รถทั้งสองคันเคลื่อนตัวมายังเส้นเริ่มอย่างเชื่องช้า และเมื่อสัญญานไฟกลายเป็นสีเขียว คนขับทั้งสองก็เร่งเหยียบคันเร่งพร้อมกัน
รถของคาร์ลพุ่งทะยานออกไป แต่เฟอร์รารี่สีดำคันนั้นยังคงนิ่งไม่ไหวติง
พอดีกับที่ผู้ชมเริ่มจะคาดการณ์ว่าเกิดความขัดข้องกับเครื่องยนต์รถแล้ว รถเฟอร์รารี่ก็เริ่มขยับออกมาอย่างอืดอาด นับเป็นครั้งแรกที่ ซู ฉิวไป่ ได้ลองขับรถยนต์จำพวกนี้ ชายหนุ่มต้องการเวลาในการทำความคุ้นเคยกับมัน ท้ายที่สุด กลายเป็นว่าผู้ชมจำต้องเฝ้าดูรถเฟอร์รารี่หรูหราโซซัดโซเซไปข้างหน้าราวกับคนเมา หลังจากนั้นสักพัก มันจึงหยุดลง
ไม่นะ…สมาคมคนขับรถต้องยอมแพ้โดยสมบูรณ์แล้วแน่ ถึงได้ส่งคนแบบนี้มาแข่ง*!*
ผู้ชมล้วนมีความคิดเช่นเดียวกัน สีหน้าทุกคนบูดบึ้งด้วยความผิดหวังและความแค้นเคือง
มีเพียงจอร์จซึ่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าจากอีกฝั่งของอัฒจันทร์ที่อดยิ้มไม่ได้ หากคนอย่างมันเอาชนะคาร์ลได้ล่ะก็ เขายอมกินรถแข่งของฝั่งเขาเลยเอ้า!
“พี่เฟย ไอ้นี่คงไม่ใช่ลูกพี่หรอกนะ ใช่มั้ย มันห่วยขนาดนี้ ไม่ใช่ลูกพี่ใหญ่หรอก”
เหล่าพี่น้องแห่งแก็งนักแข่งข้างถนนเองก็งงงัน เฉา ตั้วเฟย อยากจะเอ่ยสักสองสามคำ แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากเขา เด็กหนุ่มได้แต่จ้องมองรถแข่งอย่างสิ้นหวัง
บางที คนที่สงบที่สุดในสนามแข่งนี้คงเป็น ซู ฉิวไป่ ชายหนุ่มในตอนนี้ไม่ต่างจากมือใหม่หัดขับ เขาลองสำรวจและเรียนรู้การควบคุมระบบการทำงานของรถทั้งหมด ยามเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาเขาฉายไปด้วยแววของความตื่นเต้น
ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม… มาให้ป๋าสอนวิธีขับรถให้มามะ*!*
ด้วยความคิดเช่นนั้น รถเฟอร์รารี่พุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าฟาดสีดำต่อหน้าต่อตาทุกคน ก่อนจะไปโผล่ที่จุดสิ้นสุดของลู่แข่ง
หลังจากความเงียบสนิทไปชั่วขณะ เหล่าผู้ชมต่างโห่ร้องเชียร์เขาดังลั่น ความเร็วของรถนั้นมากเสียจนน่าประหลาดใจ! ความหวังจุดประกายขึ้นในหัวใจของทุกคนอีกครั้งหนึ่ง
คาร์ลรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคู่แข่ง ณ จุดเริ่มต้นผ่านชุดหูฟังในหมวกนิรภัยของเขา คนขับรถหนุ่มจากต่างแดนหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น
แต่ทว่าเสียงของจอร์จกลับดังขึ้น “มันกำลังมาแล้ว!”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น คาร์ลทันสังเกตเห็นรถของอีกฝ่ายจากกระจกหลังพอดี ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเร่งความเร็วรถขึ้นทันทีทันใด ในใจก็เตรียมตัวเผชิญกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อไป อย่างไรก็ดี เขากลับรู้สึกถึงแค่แรงต้านจากความเปลี่ยนแปลงของกระแสลมเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อเขาชะเง้อหัวขึ้น รถเฟอร์รารี่กลับปรากฏตัวหน้ารถเขาแล้ว
คาร์ลอ้าปากค้าง เขาไม่อาจตอบโต้อะไรได้อีก ประหนึ่งว่ามีคนยิงเขาตายระหว่างที่เขาเตรียมจะสู้ตะลุมบอนด้วยเพียงหมัดอย่างไรอย่างนั้น
ก่อนที่ชายหนุ่มต่างชาติจะทันทำความเข้าใจกับสถานการณ์ รถเฟอร์รารี่ก็หายไปแล้ว
เหตุการณ์ตอนที่รถทั้งสองคันต้องประจันหน้ากันถูกบันทึกไว้เป็นอย่างดีโดยกล้องซึ่งติดตั้งประจำที่ ณ สนามแข่ง ข้อมูลนั้นถูกส่งกลับไปที่จอแสดงผลยักษ์ที่จุดเริ่มต้น รวมถึงการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ทั้งสื่อท้องถิ่นและนานาชาติก็ด้วย ทุกคนต่างได้เป็นพยานซึ่งฉากเดียวกัน
ผู้ชมซึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ใกล้จุดเริ่มต้นไม่ได้คิดอะไรมากนัก สนไปทำไมล่ะว่าเขานำรถของคาร์ลได้ยังไง ตราบใดที่มันยังเป็นฝ่ายนำ แค่นี้ก็ถือว่าได้เปรียบแล้วล่ะน่า*!*
ช่องทางการแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ทุกสารทิศ ต่างก็แทบจะค้างไปด้วยคอมเมนต์ซึ่งปะทุขึ้นมาอย่างล้นหลามโดยฉับพลัน
“หมอนี่ใครกัน เอาเป็นว่าไอ้ฝรั่งนั่นคงอึ้งแดกไปแล้วสิท่า*!!!”*
“ไม่รู้นะว่าเขาเป็นใคร แต่นับถือเลย โคตรโปรไปเลยพี่*!”*
“คนบ้าอะไรมันจะขับได้เร็วขนาดนี้ เดี๋ยวต้องหาซื้อรถแบบเนี้ยบ้างละ”
“จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรกับการแข่งนี้หรอก มานั่งส่องคอมเมนต์อย่างเดียว ตลกมากกก… ”
……
ในชั่วเวลาเดียวกันนั้น ณ เมืองเป่ยตู ในห้องพักคนไข้อันธรรมดา กู่ ชิงเทียนซึ่งหน้ายังคงซีดเผือกเองก็จับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกับคนอีกมาก ดวงตาเขาส่องประกายยามที่เห็นรถเฟอร์รารี่แซงหน้ารถของคาร์ลไปได้
คนอื่นอาจจะไม่ทันสังเกตเห็น เนื่องจากทุกอย่างนั้นดำเนินไปด้วยความเร็วสูงมาก แต่เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยามเมื่อรถทั้งสองต้องเผชิญหน้ากัน
ฝ่ายของคาร์ลนั้น โดยรวมแล้วเขาได้ปิดกั้นทุกหนทางและความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะแซงเขา ดังนั้นตามสามัญสำนึกพื้นฐานแล้ว รถเฟอร์รารี่จึงควรจะชะลอความเร็วลงเมื่อตามอีกฝ่ายทัน แล้วค่อยขับประกบตามติดเพื่อหาโอกาสอื่นในการรุดผ่าน แต่มันดันไม่เป็นเช่นนั้น!
พอดีกับที่รถทั้งสองจะชนกันแล้วนั่นเอง รถเฟอร์รารี่กลับยกสองล้อขึ้นแล้วเร่งความเร็วเป็นอย่างมาก ด้วยท่าประหลาดซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้นี้ คนขับรถฝ่ายนั้นจึงสามารถเคลื่อนที่ผ่านรถของคาร์ลจากด้านข้างไปได้!
คนนี้น่ะเหรอคือคนขับรถมากฝีมือที่น้องสาวฉันพูดถึง ชายคนนี้…ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย*!*
ด้วยความคิดดังกล่าว กู่ ชิงเทียนหัวเราะเบา ๆ จะอย่างไรก็เถอะ แต่นักแข่งรถมือโปร ซู ฉิวไป่ ก็เป็นตัวแทนของสมาคมนักแข่งรถ
โชคยังดี ชายหนุ่มยังไม่ทราบว่า กู่ ชิงเหมย ได้หายตัวไปอีกมิติหนึ่งเพราะตัว ซู ฉิวไป่ เองนั่นแหละ หากเขารู้ล่ะก็ เขาไม่ปล่อยตัวชายคนขับรถไปเป็นแน่!
ณ อีกด้านหนึ่งของโลก ในสหรัฐอเมริกา ผู้คนมากมายก็สนใจในการแข่งนี้เช่นกัน เหล่าคนที่เคยมั่นใจในนักแข่งของประเทศตนกลับต้องเงียบสงัด
ทุกคนล้วนตกตะลึงไปด้วยสถานการณ์ที่พลิกผันรวดเร็วเช่นนี้ มีไม่กี่คนหรอกที่มีฝีมือพอทำแบบนี้ได้!
ชั่วขณะนั้นเอง ชื่อของสมาคมคนขับรถก็ถูกจารึกสลักแน่นในความคิดของผู้คนเสียแล้ว
……
กลับมาที่ ซู ฉิวไป่ การแข่งขันนั้นเป็นการแข่งขับรถระยะทางครบสองรอบสนาม ดังนั้นเมื่อแซงคาร์ลไปได้แล้ว คนขับรถหนุ่มจึงพินิจได้ว่าเกมนี้มันไร้ความหมายอีกต่อไปแล้ว
ไม่มีใครตามฉันทันได้ แม้แต่จรวดก็ตามเถอะ!
ฉะนั้นเอง ซู ฉิวไป่ จึงผ่อนคลายลง ชายหนุ่มเริ่มต้นสำรวจการพัฒนายกระดับของระบบการนำทาง ความเปลี่ยนแปลงซึ่งเห็นได้ขัดเจนที่สุด ก็คงเป็นปุ่มแดงหวือหวาซึ่งเชิญชวนให้กดอันนี้ล่ะ! และยังมีประกาศการทดสอบของระบบใต้ปุ่มนั่นอีกเล่า!
ซู ฉิวไป่ กระวนกระวายและเกิดลังเลขึ้นมา การทดสอบของระบบ… มันคืออะไรอีกวะเนี่ย
ด้วยความกลัวและความกังวลต่อสิ่งลึกลับอันยากจะใคร่รู้ เขาจึงควรจะระแวดระวังมากเป็นพิเศษ แต่ทว่า หากเขาไม่ทำการทดสอบนั้นล่ะก็ จะไม่มีหนทางอื่นซึ่งเขาจะเลื่อนขั้นใบขับขี่ของเขาได้เลย และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว… กู่ ชิงเหมย ไม่มีทางกลับมาได้อีกแน่! เพราะฉะนั้น ซู ฉิวไป่ จึงต้องติดอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้เอง เอาไงดีล่ะ ฉันควรทำไอ้การทดสอบนี่มั้ย
ขณะที่เขามุ่งครุ่นคิด รถเฟอร์รารี่กลับชะลอลงอย่างน่าใจหาย
ผู้ชมพลันตึงเครียดและประหลาดใจ ยามได้เห็นเหตุการณ์กลายเป็นแบบนี้
อ่าวเฮ้ย อีกไม่กี่ร้อยเมตรจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว จะลดความเร็วลงทำไมอีกเนี่ย*!*
หรือว่ารถจะเกิดเหตุขัดข้องขึ้นมากะทันหันรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ซู ฉิวไป่ ไม่อาจทราบได้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เขาหยุดรถขึ้นมาจริง ๆ
เอากับมันสิ จะชนะอยู่แล้ว ไอ้บ้านี่ดันจอดรถกะทันหันแบบนี้ซะงั้น*!*
หลังจากความเงียบสงัดระยะสั้น กล้องจึงจับภาพได้ว่าชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ คนขับรถควักเอากล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แต่เมื่อเขาพยายามจะสูบมัน เขาดันเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังสวมหมวกกันน็อกอยู่ คนขับนิรนามจึงยอมเก็บกล่องบุหรี่ลงไปเช่นเดิม!
บ้าอะไรเนี่ย… ทุกคนต่างอึดอัดและกระสับกระส่าย ราวกับตนเองกำลังขาดอากาศหายใจ ณ กลางอัฒจันทร์ตรงนั้นเลย!
คุณเอ๋ย ใครเค้าอนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ฮะ ไม่รู้ตัวรึไงว่าการแข่งมันยังไม่จบ นี่คิดจะสูบจริง ๆ ใช่มั้ยถ้าไม่ได้สวมหมวกกันน็อกอยู่น่ะ*!*
ไม่มีใครรู้ได้ว่าตอนนี้ ซู ฉิวไป่ กำลังกังวลมากแค่ไหน เป็นนิสัยติดตัวของชายหนุ่มที่เขาจะสูบบุหรี่เพื่อทำใจตนเองให้เย็นลงยามที่เขาเครียดจัด อย่างเช่นในตอนนี้ที่เหงื่อเย็นฉาบกำลังไหลท่วมตัวเขา
คาร์ลคิดว่าเขาหมดโอกาสที่จะชนะการแข่งแล้ว แต่เมื่อได้ยินจากหัวหน้าใหญ่ของตนผ่านชุดเครื่องหูฟังว่า ซู ฉิวไป่ หยุดรถกะทันหัน จะด้วยเหตุผลใดก็เถอะ แต่ชายหนุ่มตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลัน!
แน่นอน เมื่อเขาเลี้ยวผ่านโค้งสุดท้าย คาร์ลชำเลืองหางตาเห็นรถเฟอร์รารี่สีดำของคู่แข่งจอดสนิทข้างลู่สนาม
ในเวลาเดียวกันนั้น ซู ฉิวไป่ ได้ตัดสินใจจะทำการทดสอบ เขาเพียงแค่ต้องกดปุ่มแดงเท่านั้น
ส่วนเรื่องการแข่งขัน ชายหนุ่มลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท
แต่ไหนแต่ไร เขาก็มาเข้าร่วมการแข่งนี้เพราะ กู่ ชิงเหมย ขอร้องเอาไว้ก่อนเธอจะหายตัวไป ใช่ว่าเขาจะสนใจการแข่งนี้เสียที่ไหน หากเขาช่วยหญิงสาวให้กลับมาได้แล้ว การแข่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีก ยังไงทางสมาคมนักแข่งรถก็ลงแข่งระดับชาติในปีอื่นได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มไม่อาจทำความเข้าใจเลยว่าสมาคมจะจริงจังกับเรื่องนี้ทำไมนัก หากแพ้ก็ยอมรับเสียว่าแพ้ แค่นั้นเอง
คนขับรถหนุ่มหันไปสนใจกับปุ่มแดงเจ้าปัญหานี้แทน
ส่วนคาร์ลนั้นก็เริ่มจะนับถอยหลัง
ในอีกแค่สามวินาที เขาจะแซงคู่แข่งและเข้าสู่เส้นชัย
สาม สอง หนึ่ง…