ตอนที่ 5 ประมุขเจดีย์อสนี โดย Ink Stone_Fantasy
ประมุขวังเนตรทมิฬซึ่งถูกผนึกกำลังและนอนหมดท่าอยู่ตรงนั้นสีหน้าเปลี่ยนแปรไป เขาพูดด้วยความโมโหว่า “ตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าอย่าเกินไปหน่อยเลย!” ในฐานะที่เป็นผู้แกร่งกล้า เขาไม่เกรงกลัวการลงโทษเลย ในเวลาที่คนของการบำเพ็ญระบบทิพย์ทดลองตนเองนั้นก็มีการลงมือกับตนเองบ้าง เพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกายหรือแม้กระทั่งวิญญาณ! แม้จะไม่เกรงกลัวการลงโทษ แต่การช่วงชิงสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของเขาไปกลับทำให้ประมุขวังเนตรทมิฬแทบจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว ในฐานะผู้บำเพ็ญระบบทิพย์คนหนึ่ง จึงย่อมให้ความสำคัญกับทรัพยากรเป็นอันมาก วัสดุล้ำค่ามากมายล้วนเป็นการสั่งสมตลอดคืนวันอันยาวนาน จู่ๆ ก็มาถูกชิงเอาไป สำหรับเขาแล้ว ช่างเป็นการเอาชีวิตครึ่งหนึ่งไปทิ้งจริงๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง คร้านที่จะพูดให้มากความ เพียงแค่โบกมือคราหนึ่งเท่านั้น
สวบ
ประมุขวังเนตรทมิฬที่อยู่บนพื้นหายวับไปกับตา เขาถูกเก็บเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์เสียแล้ว
“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ชายชราผมขาวท่าทางเรียบง่ายกลางฟากฟ้าไกลออกไปกลับเอ่ยขึ้นด้วยความจนใจว่า “กว่าการบำเพ็ญระบบทิพย์ของพวกเราเก็บรวบรวมทรัพยากรและวัสดุชนิดต่างๆ ที่ใช้ในการทดลองมาได้นั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย หากท่านชิงเอาไปหมด แม้จะมิได้สังหารศิษย์น้องของข้าคนนี้ให้ตายแต่ก็เหมือนฆ่าเขาไปครึ่งชีวิตแล้ว ถอยสักก้าวหนึ่งดีหรือไม่เล่า”
“ถอยสักก้าวหนึ่งหรือ ประมุขเจดีย์อสนี แม้ข้าจะเคารพท่าน แต่ก่อนหน้านี้ประมุขวังเนตรทมิฬลงมือกับข้า บอกว่าจะชิงเอาสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของข้าไป และจะใช้วิธีการบางอย่างทรมานข้าท่านก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเย็น “ทำไมรึ ตอนนี้ศิษย์น้องของท่านพ่ายแพ้แล้วตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า ข้าจะใช้วิธีเดียวกันจัดการกับเขา ท่านกลับร้อนใจขึ้นมาเสียแล้ว”
ประมุขเจดีย์อสนีขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นคนนอก จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไรเขาก็ย่อมไม่แยแสอยู่แล้ว แต่ศิษย์น้องของตนเสียเปรียบมากมายถึงเพียงนี้ ที่สำคัญที่สุดก็คือเขา อสนีโรจน์อยู่ในที่นี้ด้วย! หากเรื่องราวแพร่ออกไป…เกรงว่าผู้ร่วมสำนักบรรพชนทิพย์ทั้งหลายคงจะมองว่าอสนีโรจน์ไร้ความสามารถ อยู่ข้างๆ แท้ กลับปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจับประมุขวังเนตรทมิฬไปทั้งเป็นเสียได้
“ผู้ใดจะไปคิดว่าเคล็ดภาพลวงของเขาร้ายกาจถึงขั้นนี้กันเล่า แม้แต่เนตรทมิฬก็ยังต้านทานเอาไว้มิได้เลย” ประมุขเจดีย์อสนีพึมพำ
ต่อให้เขาลงมือเอง ประมุขวังเนตรทมิฬก็สามารถใช้วิธีการมากมายมารับมือ หรือถึงขั้นใช้วัตถุต่างๆ มาสกัดกั้น คิดจะจับทั้งเป็นในพริบตาเดียวน่ะหรือ เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย!
จนใจ…
ประมุขวังเนตรทมิฬได้พบกับตงป๋อเสวี่ยอิง ซึ่งเคล็ดภาพลวงเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแห่งยุคนี้
“แค่เขตลวงก็สามารถฝึกได้ถึงขั้นนี้แล้วหรือ” ประมุขเจดีย์อสนีลอบส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเสียด้วยซ้ำ เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดนั้นมีเขตลวงที่ร้ายกาจอย่างยิ่งในบรรดาศาสตร์โบราณ แต่ก็มิได้มีอานุภาพขนาดนี้ ‘ประมุขโลกอนธการ’ เป็นยอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์ของศาสตร์โบราณซึ่งอาศัยพรสวรรค์ทางด้านศาสตร์โบราณสร้างโลกขึ้นแล้วบ่มเพาะใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ขึ้นมาเท่านั้นเอง”
ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่ง อาศัยเขตลวงล้วนๆ ก็สามารถจับยอดฝีมืออย่างประมุขวังเนตรทมิฬได้แล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!
ไหนเลยเขาจะล่วงรู้ว่า…
ตงป๋อเสวี่ยอิงไร้เทียมทานด้านวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นมาก ตอนนั้นก็ทำให้บรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ให้ความสำคัญเป็นอันมาก แต่พรสวรรค์ทางงด้านวิถีโลกเทียมกลับสูงยิ่งกว่า! หลังจากได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดของศาสตร์โบราณแล้ว ก็ยิ่งผลักดันให้เขตลวงยกระดับไปถึงขั้นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
……
แม้ในใจของประมุขเจดีย์อสนีจะรู้สึกซับซ้อนไปหมด แต่ก็ยังคงกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อ ท่านทำเช่นนี้ก็ทำให้ข้าลำบากใจแล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์น้อง”
“พลังสู้ผู้อื่นมิได้ จะตำหนิใครได้เล่า อย่างข้าก็นับมิได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแล้วข่มเหงผู้ที่อ่อนแอเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
หากยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนลงมือกับขั้นรวมเป็นหนึ่ง หรือเทพจักรวาลลงมือกับขั้นอลวน…ก็สามารถกล่าวได้ว่า แข็งแกร่งแล้วข่มเหงผู้ที่อ่อนแอ!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน แม้แต่บุคคลระดับสูงในสำนักของบรรพชนทิพย์ก็ไม่สะดวกใจที่จะเอ่ยปาก
“ต่อให้เป็นเช่นนี้”
สีหน้าของประมุขเจดีย์อสนีเยือกเย็นลง “เช่นนั้นก็จะดูว่า ที่แท้แล้วเขตลวงของผู้อาวุโสตงป๋อร้ายกาจเพียงใดกันแน่!”
“ฮ่าฮ่า ดี ข้าก็อยากประลองกับประมุขเจดีย์อสนีเสียหน่อย” นัยน์ตาทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงแฝงแววรอคอย
อสนีโรจน์ ประมุขเจดีย์อสนี
ผู้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกทิพย์ทั้งสาม พลังจะต้องเป็นขั้นเจดีย์ดาวชั้นที่หกระดับยอดสุดอย่างแน่นอน ว่ากันว่าตอนที่เขาทดลองบุกชั้นที่เจ็ดนั้น…เขาล้างสังหารฝูงมารผลาญทำลายไปกว่าครึ่งแล้วจึงสำเร็จครั้งใหญ่ บวกกับในฐานะการบำเพ็ญระบบทิพย์ซึ่งมีวิธีการต่อสู้มากมายยิ่งนัก แม้จะมีขั้นรวมเป็นหนึ่งของโลกทิพย์ทั้งสามหลายคนที่บรรลุเจดีย์ดาวชั้นที่หก แต่ก็อ่อนแอกว่าอยู่ขุมหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลกใจในพลังของตนอยู่บ้าง หลังจากบำเพ็ญศาสตร์โบราณควบคู่กันแล้ว วิญญาณก็แข็งแกร่ง เมื่อปะทุออกมาอย่างเต็มแรงจึงสามารถสำแดงใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ออกมาได้สิบห้าสาย! ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนมีคุณสมบัติพอจะโจมตีชั้นที่เจ็ดได้แล้ว
ประมุขเจดีย์อสนีสามารถพิสูจน์พลังของตนได้พอดี!
“ดีมาก”
ประมุขเจดีย์อสนีในอาภรณ์อันเรียบง่ายผู้มีผมขาวโพลนทั้งศีรษะพูดเสียงเรียบว่า “ข้าก็มิได้ประมือกับขั้นรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว” ด้วยความหยิ่งผยองของเขา สงครามใหญ่หลายครั้งก่อนหน้านี้ล้วนแต่ต่อกรกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทั้งสิ้น
มือขวาของประมุขเจดีย์อสนียื่นออกไป กลางฝ่ามือมีเปลวเพลิงสีดำกองหนึ่งผุดขึ้นมา เปลวเพลิงส่งเสียงดังพึ่บพั่บ ทำให้อากาศรอบด้านบิดเบี้ยวไป เขาพูดเสียงอ่อนว่า “แม้ข้าจะเป็นการบำเพ็ญระบบทิพย์ แต่สิ่งที่เชี่ยวชาญกลับมีไม่มากนัก…”
“ตู้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับคร้านที่จะพูดจาไร้สาระ เขาสำแดงกระบวนท่าอันโหดเหี้ยมออกไปในทันที
ทันใดนั้นโลกอนธการอันใหญ่มหึมาก็ร่อนลงมาจากกลางฟากฟ้าแล้วปกคลุมประมุขเจดีย์อสนีเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ประมุขเจดีย์อสนีก็เงยหน้ามองโลกที่ปกคลุมตนเอาไว้แห่งนี้ มันยังคงสงบนิ่งนัก “ศาสตร์ลับของประมุขโลกอนธการหรือ” ทว่าโลกอนธการแห่งนี้กลับมีผนังอยู่ถึงสองพันเจ็ดร้อยชั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงลงมือก็สำแดงโลกอนธการหลากชั้นอย่างสุดกำลังโลกอนธการหลากชั้น
นี่คือโลกอนธการหลากชั้นที่เขาสามารถสำแดงออกมาได้ภายใต้ข้อจำกัด…สองพันเจ็ดร้อยชั้น!
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กลัวว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียวหรือไม่ เพราะเขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของ ‘ประมุขเจดีย์อสนี’ ผู้นี้ดีเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของกายหยาบของประมุขเจดีย์อสนี…เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด! นี่รวมถึงโลกทิพย์อีกสองแห่ง ‘โลกทิพย์โบราณ’ และ ‘โลกจอมมารดา’ ด้วย หากพูดถึงพลังโดยรวมแล้ว ประมุขเจดีย์อสนีก็นับว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกทิพย์ขั้นรวมเป็นหนึ่ง แต่หากพูดถึงความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียว กลับเป็นอันดับหนึ่งของขั้นรวมเป็นหนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้า!
อาศัยโลกอนธการสองพันเจ็ดร้อยชั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดจะอาศัยสิ่งนี้สอดส่องดูว่าที่แท้แล้วอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงใด
“ตู้มมมม…”
ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ พลังฟ้าดินโหมซัดสาด
ชั่วขณะที่โลกอนธการสองพันเจ็ดร้อยชั้นก่อตัวขึ้นมานั้นก็แตกทำลายลงทันที พละกำลังทำลายล้างโลกที่เกิดขึ้นมานั้นลงไปที่ร่างของประมุขเจดีย์อสนีเพียงคนเดียวทั้งหมด
จากนั้น
หลังจากโลกอนธการแตกสลายไปแล้ว ก็มีรูปร่างของประมุขเจดีย์อสนีปรากฏขึ้นมา อาภรณ์บนร่างของเขาสมบูรณ์ดี ผิวหนังตรงใบหน้าได้รับความเสียหายเล็กน้อย เผยให้เห็นกระดูก บาดแผลบนร่างถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็ว
“แข็งแกร่งมาก” ประมุขเจดีย์อสนีจ้องตงป๋อเสวี่ยอิงเขม็ง ดวงตาหนึ่งในสองของเขาเสียหายไป และกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกลับมาอีกครั้ง “หากประมุขโลกอนธการมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าท่าน ลำพังแค่กระบวนท่านี้ก็มีอานุภาพระดับเจดีย์ดาวชั้นที่เจ็ดแล้ว ทว่าหากไปบุกฝ่าชั้นที่เจ็ด ท่านต้องต้านทานการร่วมมือโจมตีของฝูงมารผลาญทำลายทั้งสิบอย่างแน่นอน”
“ร่างกายของท่านก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน” ด้านหลังตงป๋อเสวี่ยอิงพลันมีวิหคเพลิงปีศาจชาดอันมหึมาตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ปีศาจชาดสยายปีกออกมา ราวกับบดบังท้องฟ้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง กระแสอากาศสีแดงเพลิงพลันแผ่กำจายไปปกคลุมทางประมุขเจดีย์อสนีเอาไว้
เขตลวงเริ่มรุกรานประมุขเจดีย์อสนี
ประมุขเจดีย์อสนีแตกต่างกับประมุขวังเนตรทมิฬและจ้าวทะเลสาบชี่หูก่อนหน้านี้ เขาสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ จิตใจย่อมบรรลุถึงระดับสาม…จิตข้าคือจิตฟ้าแล้ว
“เป็นเขตลวงที่ร้ายกาจนัก มิน่าเล่า เนตรทมิฬจึงพลาดท่าไปได้” ประมุขเจดีย์อสนีขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าเขตลวงระลอกแล้วระลอกเล่าโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ปณิธานของจิตใจเขาจะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว แต่พลังจิตก็ยังคงได้รับผลกระทบอยู่บ้าง “ต้องให้ข้าแบ่งพลังจิตมาถึงสามส่วนจึงจะสามารถต้านทานไว้ได้ ก็ดี สำแดงกระบวนท่าที่เสียพลังจิตน้อยหน่อยก็แล้วกัน”
“ผู้อาวุโสตงป๋อ ท่านก็รับมือข้าสักกระบวนท่าหนึ่งเถิด” ประมุขเจดีย์อสนีหัวเราะ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม
ทันใดนั้นเลือดเนื้อก้อนใหญ่ของเขาก็ลอยออกไปหลายก้อน หลังจากลอยออกไปแล้วก็กลายเป็นยักษ์ผิวหนังเปล่าเปลือยหลายตน ยักษ์แต่ละตนล้วนมีผิวหนังดุจก้อนหิน ใบหน้ากลับเหมือนกับประมุขเจดีย์อสนีราวกับพิมพ์เดียวกัน ยักษ์ถึงสี่ตนปรากฏขึ้นมา แต่ละตนเงยหน้าเปล่งเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วฟ้า เสียงคำรามถึงขั้นก่อให้เกิดคลื่นโจมตีไปกว่าพันลี้ บริเวณที่ผ่านไป พื้นที่เขียวชอุ่มและพื้นหญ้าล้วนราบเป็นหน้ากลองไปหมด
นี่คือโลกทิพย์ เพียงแค่คำรามก็มีอานุภาพถึงเพียงนี้แล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ว่ากลเม็ดนี้ของอีกฝ่ายนั้น ประมุขเจดีย์อสนีได้ฝึกร่างกายจนถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อ ถึงขั้นสามารถแบ่งเลือดเนื้อส่วนหนึ่งออกมาแล้วก่อให้เกิดร่างของยักษ์ถึงสี่ตนได้ การป้องกันของร่างยักษ์อาจจะอ่อนแอกว่าร่างจริงอยู่บ้าง แต่พละกำลังกลับแข็งแกร่งกว่าร่างจริง ในตอนแรกที่สร้างร่างยักษ์แต่ละตนขึ้นมา ประมุขเจดีย์อสนีก็ได้ทำให้พวกมันมีพลังในการต่อสู้ประชิดตัวถึงขั้นสุด แต่ละตนล้วนนับได้ว่าเป็นระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หก
และนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในลูกไม้ของประมุขเจดีย์อสนีซึ่งมีชื่อเสียงก้องไปทั่วโลกทิพย์ทั้งห้าเท่านั้น
…………………………………….