มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 550
ในสมัยยุคโบราณอันห่างไกลโพ้น ในโลกแสงดาวยังไม่มีร่องรอยของเผ่าพันธุ์ปีศาจ มีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มาร สองเผ่าพันธุ์ใหญ่ที่อยู่คู่กัน และเกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ขึ้นเป็นครั้งคราว

ผู้แข็งแกร่งนามเจ้ามรณะคือผู้ที่ต่อกรกับเผ่าพันธุ์มารโดยเฉพาะ หลังจากอุทิศตนมายาวนานหลายพันปี เริ่มคิดค้นวิชาลับทั้งสามแขนง ทำให้เผ่าพันธุ์มารต้องสั่นสะท้าน!

ทว่าผู้แข็งแกร่งเจ้ามรณะคนนี้กลับเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง ก่อนเสียชีวิต เขาได้เปิดแดนนานาอสูร สร้างบททดสอบขึ้นมากมาย ทิ้งวิชาทั้งหมดของตนเองไว้ให้บุคคลที่มีวาสนา

ภายในของแดนนานาอสูรมีทั้งอสูรและเผ่ามาร ล้วนแต่เป็นอสูรและเผ่ามารที่ถูกเจ้ามรณะจับมาขังไว้ที่นี่ก่อนเสียชีวิต โดยใช้วิชาห้ามค่ายกลควบคุม มีเพียงคนที่สามารถอาศัยความแข็งแกร่งฝ่าอสูรพวกนี้เข้ามา ถึงมีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดของเขา

“คิดไม่ถึงในบรรดาเผ่ามนุษย์ เคยมีผู้แข็งแกร่งแบบนี้ถือกำเนิดขึ้น” ภายในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความตกใจ

ตามที่บนแผ่นศิลามรณะได้บันทึก เมื่อไหร่ที่สามารถฝึกเคล็ดวิชาที่ใช้สยบมารทั้งสามแขนงได้สำเร็จ เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะกลายเป็นดาวหายนะของเผ่ามาร ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งของเผ่ามารตนไหนเจอก็ต้องเดินอ้อม

แน่นอน ถ้าหากมีอสูรของเผ่ามารรู้ว่ากำลังฝึกวิชาลับแบบนี้อยู่ ต้องถูกเผ่ามารทั้งหมดไล่ล่าอย่างแน่นอน เผ่ามารไม่มีทางปล่อยให้วิชาลับแบบนี้ดำรงอยู่

เจ้ามรณะที่เป็นคนคิดค้นวิชาทั้งสามแขนง เป็นเพราะถูกไล่ล่าโดยเผ่ามารอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นมีเทพอสูรระดับนิรันดร์กาลลงมือฆ่าเขา

ก่อนตายเจ้ามรณะได้ทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งเอาไว้ ในคำพูดแฝงไปด้วยอารมณ์ของความโกรธและไม่พอใจ เขาบอกว่า ถ้าหากตนเองสามารถฝึกฝนจนถึงระดับแดนนิรันดร์กาล ถ้าเป็นแบบนั้น เขาสามารถสยบได้แม้กระทั่งเทพอสูรระดับนิรันดร์กาล เจอเขาต้องตายสถานเดียว!

แต่น่าเสียดาย ท้ายที่สุดเจ้ามรณะไม่สามารถบรรลุแดนนิรันดร์กาล ถูกเทพอสูรสังหาร ในระหว่างที่อยู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง

ตามคำพูดของเจ้ามรณะ ด้วยผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง สามารถใช้วิชาคุมมารควบคุมจักรพรรดิอสูรเจ็ดตน ใช้วิชาสยบมารสังหารจักรพรรดิอสูรสามตน!

สวรรค์ริษยาผู้ปราดเปรื่อง หากไม่ได้เป็นเพราะเขาถูกเทพอสูรสังหาร เกรงว่าในฟ้าดินของโลกแสงดาวคงไม่มีเผ่าพันธุ์มารดำรงอยู่อีกแล้ว

หลัวซิวได้รับข้อมูลจำนวนมากที่เจ้ามรณะได้บันทึกเอาไว้ หลังจากเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ภายในเขตที่ห้า เป็นวิชาสืบทอดของเจ้ามรณะ เขตที่หก เขตที่เจ็ด เขตที่แปด เป็นทรัพยากรของวิเศษบางส่วนที่เจ้ามรณะเหลือทิ้งเอาไว้ ขอเพียงผลการฝึกตนของข้าสามารถทะลวงหนึ่งระดับใหญ่ได้สำเร็จ ก็สามารถเดินทางไปเก็บได้แล้ว”

“เมื่อเทียบกัน วิชาสืบทอดที่ถูกเก็บไว้ในเขตที่ห้าถึงจะร้ายกาจที่สุด วิชาลับสามแขนง แย่งชิงความอัศจรรย์การเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ช่างน่าตกใจยิ่งนัก!”

มันมีวงล้อแห่งชีวิตเหล่าเทวเทพสามารถสัมผัสได้ถึงวิชาอันทรงพลังของผังกฎดั้งเดิม บวกกับสุดยอดวิชาหลายแขนงที่ตนเองฝึกมา หลัวซิวคิดว่าตนเองเจออะไรมาเยอะแล้ว

แต่นอกจากวิชาวงล้อแห่งชีวิตเหล่าเทวเทพแขนงนี้ ถึงรวมเข้ากับสุดยอดวิชาทั้งเก้าของสำนักไท่เสวียน เกรงว่าคงไม่สามารถเทียบกับการสืบทอดของเจ้ามรณะ

หลักและเหตุผลนานาที่อยู่ด้านใน ลึกลับละเอียดอ่อน ทำให้หลัวซิวได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ราวกับแสงสุริยะเทพสาดส่อง หัวใจว่างเปล่า ลึกซึ้งและกว้างไกล

หลัวซิวไม่ได้รีบร้อนออกจากที่นี่ แต่ยังคงอยู่ที่นี่สักพักใหญ่เพื่อเข้าถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ด้านใน

ยิ่งเข้าถึงเขายิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง เป็นการยากที่จะซ่อนความตกใจ วิชาลับทั้งสามแขนงลึกลับมาก ซับซ้อนยากที่จะคาดเดา หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งของฟ้าดิน

“ทั้งแดนนานาอสูรก่อตัวขึ้นจากวิชากลั่นมาร ขอเพียงแค่ข้าสามารถฝึกวิชาคุมมารและวิชาสยบมารวิชาใดวิชาหนึ่ง อย่าว่าแต่อสูรที่อยู่ในระดับเดียวกัน ถึงเป็นอสูรที่อยู่ต่างระดับก็สามารถสยบลงได้อย่างง่ายดาย!”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง……”

ด้านล่างของศิลามรณะ หลัวซิวไม่ได้เลือกที่จะฝึกวิชาสยบมารก่อน แต่เลือกที่จะเข้าถึงเคล็ดวิชาคุมมาร

จนกระทั่งหลังจากฝึกวิชาคุมมารได้ถึงระดับหนึ่งที่แน่นอน เขาเพิ่งรู้ เดิมทีทั้งแดนนานาอสูรและศิลามรณะเป็นสมบัติวิญญาณที่ค่อนข้างร้ายกาจ