เล่มที่ 20 เล่มที่ 20 ตอนที่ 571 สามชาติสามภพ ตำนานพันปี

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

ราวกับโลกทั้งใบเงียบสงัดในพริบตา

เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจของตนเอง

เกล็ดหิมะโปรยปรายทั่วท้องฟ้าอย่างอิสระ ราวกับกำลังถ่ายทอดความงดงามครั้งสุดท้ายของชีวิตในโลกใบนี้

สิ่งที่โหดร้ายที่สุดในโลกนี้คือ การได้เห็นคนที่เรารักหายตัวไปต่อหน้าต่อตา หายไปทีละนิ้ว… ทีละนิ้ว… ทีละนิ้ว โดยที่เราไม่สามารถทำสิ่งใดได้

“ซีเอ๋อร์… เหตุใดจึงโหดร้ายกับข้าเช่นนี้ เหตุใด? เหตุใด? ”

“ไม่ใช่… ไม่ใช่… ”

หลังจากคว้าได้เพียงความว่างเปล่า จิ่วหรงก็ล้มลงบนพื้น เขาค่อยๆ ขดตัวเข้าหากัน

ท่ามกลางกองเลือดแดงฉาน

ทหารของจวนจิ่นอีโหวและทหารที่ฮ่องเต้นำมาปิดล้อมจวนล้วนอยู่ในเหตุการณ์ ต่อหน้าทหารจำนวนมาก จิ่วหรงเป็นถึงนายน้อยของจิ่นอีโหว ทว่าเขากลับร่ำไห้ด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า เสียงนั้นค่อยๆ ดังขึ้น เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เขาร่ำไห้ราวกับเด็กน้อย

เขารำพึงรำพันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ไม่ใช่… ไม่ใช่… ไม่ใช่”

ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาหมายถึงอันใด

ซูจิ่นซีที่อยู่ในเหตุกาณ์ยังคงไม่ได้สติ นางรู้สึกว่าร่างกายของตนมีความร้อนแผ่ซ่านออกมา ราวกับจะดึงนางออกไปจากเหตุการณ์เบื้องหน้า ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เลือนรางราวกับคลื่นน้ำ

เหตุการณ์ที่จวนจิ่นอีโหวและภาพมิติของอาคมกำไลปี่อั้น ซ้อนทับกันอย่างเชื่องช้า ภาพเหตุการณ์แรกค่อยๆ เลือนรางภาพเหตุการณ์หลังกลับชัดเจนมากขึ้น

ขณะที่ภาพเหตุการณ์ในจวนจิ่นอีโหวถูกภาพมิติของอาคมกำไลปี่อั้นเข้าแทนที่ นึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะเห็นโอรสของฮ่องเต้ปรากฏตัวที่จวนจิ่นอีโหว เขาคือรัชทายาทเสวียนเยี่ยแห่งซีโจว และมีใบหน้าเหมือนเยี่ยโยวเหยาทุกประการ ขณะเดียวกัน ฉ่ายเวยที่เสียชีวิตไปแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

เรื่องราวทั้งหมด… กลับคืนสู่ท้องฟ้าสีครามสดใสในอาคมกำไลปี่อั้นอีกครั้ง

หินหยกขาวบนแท่นบูชาด้านหน้าเปล่งประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า ผสานกับผลึกดอกปี่อั้นสีโลหิตที่อยู่อีกด้าน

ในยุคสมัยที่ห่างกันนับพันปี จวนจิ่นอีโหวแห่งซีโจวเป็นดั่งความฝันอันไกลแสนไกล ทว่าเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้าเมื่อครู่ กลับทำให้ดวงตาของซูจิ่นซีเปล่งประกาย ความจริงเหล่านั้นชัดเจนมากจนทำให้นางตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่

ความทุกข์ระทมในความรักของเทพธิดา ความตื่นตระหนกของจิ่วหรงจากการสูญเสียสตรีอันเป็นที่รัก และท้ายที่สุด การปรากฏตัวของรัชทายาทเสวียนเยี่ยที่จวนจิ่นอีโหว ราวกับท้องฟ้าพังทลาย ภาพเหตุการณ์ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของนาง

อย่างไรก็ตาม ความโศกเศร้าและความตื่นตระหนกนั้นราวกับเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวนางเอง มันทำให้นางแน่นไปทั้งหน้าอก จนแทบหายใจไม่ออก

นางอยากรู้ว่า เกิดอันใดขึ้นหลังจากเทพธิดาสังเวยชีวิตต่อฟ้าดิน เพื่อช่วยให้ฉ่ายเวยฟื้นคืนชีพ?

จิ่วหรงรักเทพธิดามาก ทว่าสุดท้าย เทพธิดากลับเสียชีวิตอย่างโหดร้ายต่อหน้าเขา มันแทบทำลายชีวิตเขาไปจนหมดสิ้น จากนั้นเขาจะทำเช่นไร

ยังมีรัชทายาทเสวียนเยี่ยที่มีใบหน้าเหมือนเยี่ยโยวเหยาทุกประการ แม้ในภาพมายา เขาจะปรากฏตัวไม่บ่อยมากนัก ทว่าซูจิ่นซีรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเขามีความรักต่อเทพธิดาไม่น้อยไปกว่าจิ่วหรง เช่นนั้น เขาจะทำอย่างไรต่อไป?

ทั้งหมดนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับอั้นหรานเซียวหุนและตำนานนับพันปีของสุสานจิ่นอีโหว?

เรื่องราวทั้งหมดเต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมาย อารมณ์ของซูจิ่นซีพลันนิ่งขรึม ผ่านไปครู่ใหญ่ จิตของนางจึงออกจากอาคมกำไลปี่อั้นกลับเข้าสู่ร่าง

เวลานี้ พลังสยบมังกรและพลังเดิมในร่างของนางเกือบหลอมรวมกันแล้ว ซูจิ่นซีขับเคลื่อนพลังภายในมาผนึกรวมกันที่จุดตันเถียน จากนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ครั้งนี้ ซูจิ่นซีใช้เวลานานกว่าจะปรับลมหายใจของตนเองได้ เมื่อลืมตาขึ้น แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความหม่นหมองอย่างผิดปกติ

แม้อู๋จุนจะมีนิสัยไม่ใส่ใจสิ่งใด ทว่าเขากลับใส่ใจความผิดปกติของซูจิ่นซี จึงรีบเข้าไปถามไถ่

“แม่นางพิษน้อย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เป็นอย่างไร? พลังภายในทั้งสองผสานกันดีหรือไม่? ไม่เกิดปัญหาอันใดใช่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีมีท่าทีเรียบเฉย “ราบรื่นดีมาก ไม่มีปัญหาอันใด” จากนั้นนางก็ลุกขึ้น

มู่หรงอวิ๋นไห่ต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด เขากลับเปลี่ยนเป็นคำพูดอื่น “ในเมื่อไม่มีอันใดก็รีบหาทางออกเถิด! พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

ซูจิ่นซีพยักหน้า นางมองไปรอบๆ ถ้ำ ก่อนจะเดินไปทางหินก้อนมหึมาทางทิศตะวันตก

“มีทางเดินอยู่ด้านหลังหินก้อนยักษ์ ขั้นแรก พวกเราต้องเปิดทางเดินนี้ก่อน จากนั้นก็เดินไปตามเส้นทางแคบ”

ซูจิ่นซีพูดพลางรวบรวมพลังภายใน นางคิดจะลงมือด้วยตนเอง ทว่าอู๋จุนกลับรีบมายืนขวางอยู่ด้านหน้า

“เรื่องออกแรงเช่นนี้ ให้พี่จุนทำเถิด แม่นางพิษน้อย เจ้ามายืนรอทางนี้”

ซูจิ่นซีไม่ได้โต้แย้ง นางถอยไปยืนอีกด้านหนึ่ง

อู๋จุนค่อยๆ แยกเท้าออกจากกันและยืนอย่างมั่นคง สองมือรวบรวมพลังลมปราณจนเกิดแสงสว่าง เขานำแสงสว่างนั้นมาผนึกรวมกันเบื้องหน้า และซัดใส่หินก้อนมหึมาอย่างดุดัน

หินก้อนมหึมาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดัง ‘ครืน’ ปรากฏเป็นทางเดินแคบยาวอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสาม

อู๋จุนตกตะลึงเล็กน้อย เขามองซูจิ่นซีด้วยแววตาประหลาดใจ

“แม่นางพิษน้อย เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก! เจ้าหามันพบได้อย่างไร เจ้าพบมันได้อย่างไร? ”

ซูจิ่นซีใช้อาคมกำไลปี่อั้นค้นหา

หลังจากอาคมกำไลปี่อั้นเพิ่มระดับ มันไม่เพียงเพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้นาง ทว่ายังเพิ่มความสามารถด้านการได้ยินและการดมกลิ่นให้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกเท่าตัว

ซูจิ่นซีใช้หูตรวจจับเสียงการไหลเวียนของอากาศที่อยู่ด้านหลังกำแพงหิน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอากาศไหลเวียนค่อนข้างมาก

ทว่าสิ่งเหล่านี้ ซูจิ่นซีไม่ได้อดทนอธิบายให้อู๋จุนฟัง

นางไม่พูดสิ่งใด และเดินเข้าไปในทางเดินแคบด้วยท่าทีสงบนิ่ง

มู่หรงอวิ๋นไห่รีบเดินตามไปอย่างใกล้ชิด

อู๋จุนยืนอยู่ที่เดิม เขายกมือทั้งสองกอดอกพลางบ่นพึมพำกับตนเอง

แม่นางพิษน้อยเป็นอันใด? ดูเหมือน… แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก!

ทว่าเป็นเพียงการควบคุมลมหายใจเท่านั้น หรือว่า… นางคิดเรื่องบางอย่างที่ไม่ควรคิดขึ้นมาได้?

พวกเขาเดินตามซูจิ่นซีไปในเส้นทางที่ทั้งแคบและยาว

อย่างไรก็ตาม ยิ่งพวกเขาเดินไกลเท่าไร แสงสว่างก็ยิ่งลดน้อยลง ทั้งพื้นยังเปียกชื้นมากขึ้น

“นางหนู เจ้าคงไม่ได้นำมาผิดทางกระมัง? เส้นทางนี้เป็นทางออกจริงหรือ? ” มู่หรงอวิ๋นไห่ถาม

ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด

สำหรับนางแล้ว สถานะของมู่หรงอวิ๋นไห่ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจ หากนางตอบกลับด้วยวาจารุนแรง ก็ดูเป็นการไม่ให้เกียรติ หากตอบกลับด้วยความอ่อนน้อม ก็ทำให้ตนเองรู้สึกคับข้องใจ มิสู้ไม่พูดอันใดเลยดีกว่า

ทว่าอู๋จุนที่อยู่ด้านข้างกลับไม่ปล่อยมู่หรงอวิ๋นไห่ไปง่ายๆ

“ฮ่องเต้มู่หรงเฒ่า หากเจ้าไม่เชื่อแม่นางพิษน้อย ก็ไม่ต้องตามมา! ข้าจะบอกเจ้าให้ เส้นทางนี้ไม่เพียงไร้ทางออกเท่านั้น ทว่ายังมีงูพิษและสัตว์พิษอีกมากมาย รวมถึงตะขาบ และแมงป่องที่มีพิษร้ายแรงอีกด้วย”

เห็นได้ชัดว่าเป็นถ้อยคำหลอกเด็ก มู่หรงอวิ๋นไห่หันไปกระชากเสียงเย็นชาใส่อู๋จุนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

สามารถทำให้มู่หรงอวิ๋นไห่เถียงไม่ออก นับว่าเขาได้บรรเทาความเกลียดชังแทนแม่นางพิษน้อยไปชั่วขณะ อู๋จุนรู้สึกสบายใจอย่างมาก และรีบเดินตามซูจิ่นซีไปด้วยความภูมิใจ

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะพูดว่า “อู๋จุนพูดไม่ผิด ข้างหน้ามีสิ่งมีพิษอยู่จริงๆ ต้องระมัดระวังให้มาก”

เคราของมู่หรงอวิ๋นไห่พลันกระตุก

ทันใดนั้น อู๋จุนก็คว้าแขนซูจิ่นซี “มีงูพิษจริงหรือ? แม่นางพิษน้อย พี่จุนหวาดกลัวยิ่งนัก เจ้าต้องคุ้มครองพี่จุน! ” อู๋จุนพูดพลางเบียดตนเองไปชิดร่างของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางแทงเข็มเงินไปที่อู๋จุนอย่างไม่เกรงใจ อู๋จุนจึงรีบปล่อยมือ

อู๋จุนขมวดคิ้วเล็กน้อยภายใต้หน้ากากเย็นชา

“แม่นางพิษน้อย เจ้าใจร้ายยิ่งนัก พี่จุนไม่ได้ถูกงูพิษกัดตาย แต่จะตายเพราะเข็มเงินของเจ้า หากพี่จุนตายไป ผู้ใดจะคอยเอาอกเอาใจเจ้า? ”

ซูจิ่นซีไม่สนใจอู๋จุน นางเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง

คิดจะฉวยโอกาสลวนลามนางหรือ ฝันไปเถิด