บทที่ 136: การต่อสู้ที่อันตราย
เจ้าอ้วนและฉุ่ยจิ้งหาได้สนใจยู่เฟิงที่โกรธจัดแต่อย่างใด พวกเขากลับมองหน้ากันและกันพร้อมหัวเราะออก ไม่ช้าเจ้าอ้วนพลันสะบัดมือหนึ่งครั้งเพื่อโยนขวดหยกไปให้ฉุ่ยจิ้ง
ฉุ่ยจิ้งรับขวดไว้อย่างแม่นยำและดื่มมันเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านใน จากนั้นนางก็เก็บขวดไว้กับตนเอง
เมื่อเห็นว่าน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าได้หายไปอยู่ในมือของฉุ่ยจิ้งเรียบร้อยแล้ว เจ้าอ้วนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารู้ดีว่าฉุ่ยจิ้งคงรู้ว่าเขายังมีน้ำพวกนี้อีกมากมาย นางจึงเก็บส่วนนั้นไว้โดยไม่เอ่ยปากแต่อย่างใด
เมื่อเห็นความเข้าขากันของพวกเขาทั้งสอง ยู่เฟิงที่กำลังสับสนจึงกล่าวออกมาอย่างเหลืออด “ฮ่าฮ่า แม่นางฉุ่ยจิ้ง ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าจะมีีพวกพ้องมาซุ่มโจมตีข้าในสถานที่แห่งนี้!”
ฉุ่ยจิ้งหัวเราะออกมาในขณะที่นางกำลังจัดการทรงผมของตนเอง จากนั้นนางกล่าวออกมาอย่างสงบนิ่ง “ศิษย์พี่ยู่เฟิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับศิษย์พี่ซ่งนั้นเพิ่งได้พบกันครั้งแรกภายในภูเขาแห่งนี้ และเราทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจที่จะซุ่มโจมตีท่าน!”
“ไร้สาระ ถ้าหากเจ้าทั้งสองคนไม่ได้วางแผนมาก่อน จะบอกข้าว่าการที่เขาปรากฏตัวที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ!” ยู่เฟิงตอบกลับอย่างไม่เชื่อถือ
“หึ!” ฉุ่ยจิ้งหัวเราะเบา ๆ และกล่าวตอบอย่างชาญฉลาด “ศิษย์พี่ยู่เฟิงเหมือนจะลืมว่าสิ่งใดที่ข้าถนัดที่สุด!”
“เจ้าทำนายมันได้ทั้งหมด!?” ยู่เฟิงอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ฮ่าฮ่า ถูกต้องแล้ว!” ฉุ่ยจิ้งอธิบายพร้อมเผยยิ้มเล็กน้อย “ในขณะที่ข้าถูกล้อมรอบด้วยพวกท่านทั้งสาม ข้าทำนายหาเส้นทางแห่งความโชคดี ถ้าหากข้าวิ่งมาในทิศทางนี้สิบลี้และหยุดตรงนี้ ข้าจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นพรแห่งสวรรค์ได้! ข้าขอกล่าวอย่างสัตย์จริงว่า ข้าไม่รู้ว่าจะศิษย์พี่ซ่งเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือข้า! แต่เมื่อข้าได้คิดดูแล้ว ในภูเขาแห่งนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถต่อกรกับภาพวาดหญิงงามทั้งเก้าได้!”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น ฉุ่ยจิ้งมองไปยังเจ้าอ้วนพร้อมยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ในขณะที่ยู่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างอหังการ “เหอะ ช่างเป็นเรื่องไร้สาระ! ถ้าหากเจ้ากล่าวว่าบุคคลที่จะสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้คือหานปิงเอ๋อจากหอเฉวียนจี้ผู้ครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ข้าก็จะพอเชื่อถือเจ้าอยู่ แต่นี่เจ้ากลับบอกว่าไอ้อ้วนนี่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้! ฮ่าฮ่า เจ้าไม่รู้สึกว่ามันจะเกินไปหน่อยงั้นหรือ? เจ้าคิดงั้นหรือว่ามันจะเอาชนะภาพวาดหญิงงามทั้งเก้าด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ปรับแต่งด้วยพลังของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน?”
เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อว่า “ศิษย์พี่ยู่เฟิง ท่านคิดว่าบนโลกนี้มีสมบัติวิญญาณอยู่เพียงเท่านี้งั้นหรือ? เหมือนว่าท่านจะมองทุกคนต่ำเกินไป!”
“หืม?” เมื่อยู่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาตื่นตระหนกทันทีพร้อมรีบถามอย่างรวดเร็ว “อย่าบอกนะว่าไอ้อ้วนผู้นี้ก็มีอยู่เช่นกัน? ข้าไม่เชื่อ!”
“ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ข้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสงบ “บนใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความโชคร้ายอย่างถึงขีดสุดแล้ว และภัยพิบัติของท่านก็เดินทางมาถึงในวันนี้! อีกอย่างคือไม่มีใครสามารถช่วยท่านได้!”
“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องโกหกทั้งหลายที่เจ้าพ่นมางั้นหรือ?” ยู่เฟิงตอบกลับอย่างหัวเสีย “สมบัติวิญญาณนั้นไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะค้นพบได้ง่ายเช่นเหล่าเศษขยะ อีกอย่างถึงแม้ว่าเจ้าบัดซบนั่นจะครอบครองสมบัติวิญญาณจริงก็ไม่เห็นจะน่าเกรงกลัว เพราะว่าภาพวาดหญิงงามทั้งเก้านั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมบัติวิญญาณ กล่าวก็คือไม่มีสมบัติชิ้นไหนคู่ควรที่จะต่อสู้กับมัน! แล้วข้าผู้นี้จะต้องเกรงกลัวสิ่งใดงั้นหรือ?”
“ความเย่อหยิ่งนั้นนำมาซึ่งหายนะเสมอ!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสงบนิ่งและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
ในขณะนั้น ใบหน้าของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความกังวลพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างขมขื่น “ศิษย์น้องหญิง เจ้าช่วยหยุดเยินยอข้าก่อนได้หรือไม่? มองข้าตอนนี้สิ ข้าเป็นเพียงก้อนไขมันเดินได้ อีกทั้งข้ายังไม่มีสมบัติวิญญาณสักชิ้น!”
เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางเพียงแค่ยิ้มและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ แต่เมื่อยู่เฟิงได้ยินเข้าก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที “ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าเพียงเล่นละครกันเท่านั้น!”
“ถ้าหากท่านคิดเช่นนั้น สำหรับข้าก็ไม่ติดขัดสิ่งใด!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ในความจริงเหตุผลเดียวที่นางเสียพูดมากในตอนนี้ก็เพื่อซื้อเวลาฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณของตนเอง แม้ว่าน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าจะน่าประหลาดใจยิ่งนัก แต่มันก็ไม่อาจทำให้ปราณจิตวิญญาณของนางกลับคืนมาได้ทันที ซึ่งต้องใช้เวลาต่ออีกสักหน่อย และในตอนนี้ปราณจิตวิญญาณของนางฟื้นฟูใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
ในขณะนั้น ยู่เฟิงสังเกตุเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวก่อน ทำไมเจ้าถึงฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณได้รวดเร็วเช่นนี้? ข้ายังไม่เห็นว่าเจ้าเข้าสู่สมาธิเลย นี่เป็นผลของสิ่งที่เจ้าดื่มไปเมื่อสักครู่งั้นหรือ?”
“หึ” ฉุ่ยจิ้งเพียงหัวเราะคิกคัก “ศิษย์พี่ฉลาดขึ้นแล้ว ถูกต้องแล้ว สิ่งที่ข้าดื่มไปเมื่อครู่นี้สามารถฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณของข้าได้ อีกทั้งยังรวดเร็วยิ่ง ในตอนนี้น้องสาวของท่านพร้อมต่อสู้อีกครั้งแล้ว! ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะไม่ตระหนี่ที่จะสอนบทเรียนให้กับข้า!”
ขณะที่ยู่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดทันที เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉุ่ยจิ้งจะใช้เทคนิคเช่นนี้กับเขา ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือการฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณอย่างรวดเร็วนั้นสามารถทำได้โดยใช้ยาอายุวัฒนะ และมันไม่มีในรูปแบบของเหลวอย่างเช่นสิ่งที่ฉุ่ยจิ้งดื่มเข้าไป ในขณะที่นางดื่มน้ำนั้นเข้าไป เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำเช่นนั้นของนาง
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากที่สุดคือความเร็วในการฟื้นฟูของนาง โดยปกติแล้วถ้าหากว่าใช้ยาอายุวัฒนะก็ยังต้องเข้าสู่สมาธิด้วยเพื่อความรวดเร็วของยา แต่สำหรับฉุ่ยจิ้งนางไม่ได้เข้าสู่สมาธิ อีกทั้งยังยืนอยู่อย่างนั้นใช้เวลาเพียงครึ่งนาทีเท่านั้น เรื่องราวทั้งหมดทำให้เขารู้สึกโง่เขลาอย่างไม่อาจช่วยได้
ยู่เฟิงถามออกไปอย่างหดหู่ “เจ้าดื่มสิ่งใดเข้าไปกัน? เหตุใดมันจึงรวดเร็วเช่นนี้?”
“มันเป็นเพียงแค่น้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าเท่านั้น!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“น้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้างั้นหรือ? สายน้ำบริสุทธิ์พันปีงั้นหรือ? เจ้าดื่มมันอย่างเช่นน้ำเปล่าเลยงั้นหรือ?” ยู่เฟิงกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า มันไม่ใช่ของข้าสักหน่อย แล้วทำไมข้าต้องใส่ใจด้วยกันเล่า?” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสบาย ๆ
ในขณะนั้นเจ้าอ้วนจนปัญญาทันที เขามองไปที่ฉุ่ยจิ้งอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้พร้อมกล่าวออกมาว่า “ศิษย์น้องหญิง ที่จริงเจ้าควรจะคืนมันมาให้ข้า!”
“ศิษย์พี่วางใจเถิด ว่าในอนาคตข้าจะทำมากกว่านี้เสียอีก!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับพร้อมขยิบตาให้เขา ซึ่งเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง
เมื่อหันมองหนุ่มสาวทั้งสองจีบกัน ยู่เฟิงโกรธจัดจนหน้าแดง ในตอนนี้สถานการณ์เลยเถิดไปไกลแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมัวนั่งเสียใจ เขากล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “เหอะ! เพียงแค่ฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณได้ไม่เห็นมีสิ่งใดที่ข้าต้องเกรงกลัว เพราะว่าข้าคือผู้ครอบครองภาพวาดหญิงงามทั้งเก้า!”
ฉุ่ยจิ้งไม่ได้ตอบกลับสิ่งใด นางขยิบตาให้กับเจ้าอ้วน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนเข้าใจความหมายที่ฉุ่ยจิ้งจะสื่อได้ทันที นางต้องการให้เขาเปิดฉากโจมตีก่อน จากนั้นนางจะตามหลังเขา
เมื่อเจ้าอ้วนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาเริ่มจู่โจมทันที พร้อมกับเผยยิ้มออกมาและกล่าวอย่างตื่นเต้น “โอ้ ภาพวาดหญิงงามทั้งเก้านั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก! ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันจะสามารถทำลายระฆังใบนี้ได้หรือไม่?” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบเอาระฆังลมทองแดงออกมาไว้ในมือ ราวกับว่าเขาไม่อยากให้มีสิ่งใดผิดพลาดแม้แต่น้อย
ยู่เฟิงตกใจในทันทีที่มองเห็นระฆังในมือของเจ้าอ้วน มันเป็นระฆังที่เต็มไปด้วยหลุมขนาดใหญ่และรอยขีดข่วนมากมายจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งระฆังนั้นสร้างมาจากวัสดุระดับต่ำเพียงลมทองแดงเท่านั้น อีกทั้งการปรับแต่งของมันยังถือได้ว่าต่ำช้าอย่างมาก ไม่ว่าจะมองอย่างไร เขาก็มองว่ามันคือเศษขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ยู่เฟิงโกรธจัดจนแทบจะกระอักเลือดตายตกไป เขาคิดว่าเจ้าอ้วนกำลังล้อเล่น อีกทั้งยังทำให้เขาดูไม่ต่างกับคนโง่งม ด้วยความโกรธจัดเขาจึงโพล่งด่าทอออกไป “ไขมันบัดซบ ไม่เพียงแต่นายน้อยผู้นี้ของเจ้าจะทำลายระฆังขยะนั่น แต่ข้าจะตัดหัวของเจ้าและส่งเจ้าไปสู่ความตาย!!!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น มือของเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย มันกวาดไปรอบในอากาศ จากนั้นปรากฏสาวงามทั้งห้าที่ใช้ดาบกระโดดออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีเจ้าอ้วนด้วยพลังแห่งธาตุทั้งห้า เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น เจ้าอ้วนรีบใช้ระฆังลมทองแดงทันที มันขยายใหญ่สามสิบฟุตพร้อมทั้งพุ่งเข้าชนกับผู้ฝึกตนทั้งห้าทันที ราวกับว่าพวกเขาที่กำลังวิ่งมาชนเข้ากับเนินภูเขาขนาดย่อม ทำให้เกิดการปะทะอย่างรุนแรง
ในขณะนั้น ยู่เฟิงคิดว่าเขาสามารถใช้สาวงามทั้งห้าเพื่อจัดการระฆังและสังหารเจ้าอ้วนได้แล้ว แต่ในขณะนี้เขาโกรธอีกครั้งเพราะเจ้าอ้วนยังไม่ได้ถูกสังหาร ดังนั้น เขาจึงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “หั่นระฆังบัดซบนั่นซะ!”
ในขณะที่เขาสั่ง สาวงามทั้งห้าเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของตนเองทันที
โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน รวมกันเป็นห้าธาตุที่บริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ คลื่นพลังเหล่านี้ล้อมรอบระฆังลมทองแดงไว้ จากนั้นเกิดเสียงปะทะกับโลหะอย่างสนั่นหวั่นไหว ระฆังลมทองแดงถูกทุบแตกทันที เป็นผลให้เศษของลมทองแดงปลิวว่อนอยู่ในอากาศลอยเต็มท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ยู่เฟิงคิดว่าในตอนนี้เขาระเบิดระฆังลมทองแดงได้แล้ว ไม่ผิดที่เขาจะระเบิดหัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเสียงหัวเราะของเขาจำเป็นต้องหยุดลงอย่างรวดเร็วเพราะการปรากฏตัวของแสงสีทอง
ท้องฟ้าในนี้ปรากฏซึ่งระฆังทองแดงใหญ่โตอีกทั้งยังสง่างามเป็นอย่างยิ่ง แสงจากตัวของระฆังเรืองรอง อีกทั้งยังมีภาพสลักบนตัวระฆัง ท้องฟ้า ดวงดาว อสูรสายฟ้า เทพเจ้า มังกร เต่าดำ ภาพสลักทั้งหมดคล้ายกับมีชีวิตอยู่จริง
ไม่ว่าจะเป็นขนาดของมันหรือภาพสลัก ทุกสิ่งอย่างสามารถบอกได้ทันทีว่าระฆังนี้ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะออร่าของมันที่ส่งออกมา ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ล้วนแต่สั่นไหวไม่อาจต้านทานได้
ตอนนี้ทั้งยู่เฟิงและฉุ่ยจิ้งต่างเผยสีหน้าไม่ต่างกันนัก ความประทับใจเกิดขึ้นในใจของนางอย่างล้นหลาม ในตอนแรกนางคิดว่าเจ้าอ้วนก็คงจะพอมีสมบัติวิญญาณอยู่บ้าง เพราะว่าการทำนายของนางอาจจะล้มเหลวก็ได้ในครั้งแรกที่นำพาให้มาเจอเขา แต่ในตอนนี้นางไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นนี้ไว้ได้ กลิ่นอายของระฆังใบนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ซึ่งมันแข็งแกร่งเสียกว่ากระดองเต่าดำและเหรียญชะตาฟ้าดินรวมกันเสียอีก นางยืนมองมันอย่างโง่งม ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะเกรงกลัวการถูกไล่ล่า
สำหรับยู่เฟิง เขาตกใจมากเช่นกัน เขาไม่เคยคาดมาก่อนว่าจะมีสิ่งใดที่น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ เพียงแค่การปรากฏตัวของมันยังสามารถหยุดทุกการเคลื่อนไหวโดยรอบได้อย่างอัศจรรย์ มันทำให้สมบัติวิญญาณที่เขามีอยู่ด้อยค่าลงไปทันที
ในขณะที่ยู่เฟิงกำลังตกใจ เจ้าอ้วนนั้นไม่แปลกใจเพราะเขาคุ้นเคยกับมันอย่างดี จากนั้นเขาโบกมือในอากาศส่งผลให้ระฆังขยายตัวใหญ่ขึ้นห้าร้อยฟุตทันที มันพุ่งชนสาวงามทั้งห้าพร้อมทั้งทุบตียู่เฟิงอย่างต่อเนื่อง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยู่เฟิงไม่มีโอกาสได้หลบหนีเลย แต่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเรียกคืนสาวงามทั้งห้าก่อนที่จะถูกคุมขังอยู่ในระฆัง
หลังจากที่สามารถจับกุมยู่เฟิงไว้ในระฆังได้ เจ้าอ้วนรีบเรียกพยัคฆ์ปีกแหลมออกมาพร้อมบินขึ้นไปด้านบนสุดของระฆังทันที
ในขณะนั้น เจ้าอ้วนเริ่มการวาดยันต์กลางอากาศด้วยมือขวา เกิดเป็นไฟปฐมภูมิสีเทาขึ้นมา ยันต์วิญญาณถูกปรับแต่งจากปราณจิตวิญญาณของเขาเอง หลังจากนั้นเพียงครู่เขามาถึงด้านบนของระฆังพอดี เขาทุบยันต์วิญญาณลงบนระฆังทันทีอย่างไม่รีรอ
ไม่ช้าพลันเกิดคลื่นเสียงขึ้นรอบตัวระฆัง ฉุ่ยจิ้งที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินเสียงของระฆัง มันยังดังไปต่ออีกหลายร้อยลี้แ ต่นางกลับไม่ได้ผลกระทบอะไรจากเสียงนี้ แต่มันกลับสร้างประโยชน์ให้กับนางเสียด้วยซ้ำ
แต่ยู่เฟิงที่ติดอยู่ด้านในของระฆัง ด้วยเสียงที่ดังนั้นเพียงพอที่จะสังหารเขาได้! เกิดเป็นแสงมากมายพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งมันตัดกันกับคลื่นเสียงที่อัดแน่นอยู่ด้านใน ก่อนที่ทุกอย่างทั้งหมดจะพุ่งเข้าหาตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความตื่นตระหนก ยู่เฟิงเรียกสาวงามทั้งเก้าออกมาเพื่อช่วยปกป้องตัวเองทันที การป้องกันทั้งสองชั้นจากด้านนอกก็ยังไม่อาจช่วยอะไรเขาได้
ด้านในของระฆังน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ทุกอย่างที่เขาพยายามทำในตอนนี้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง สาวงามทั้งเก้าที่ก่อตัวขึ้นมาได้เพียงครู่เดียวก็ถูกทำลายหายไปทันที พวกนางทั้งหมดหายกลับเข้าไปในภาพวาดหญิงงามทั้งเก้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายพวกนางได้ แต่พวกนางเหล่านั้นก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก อย่างน้อยในตอนนี้พวกนางก็ไม่อาจปกป้องเจ้านายของตนได้เป็นระยะเวลาชั่วครู่หนึ่ง
ทางด้านสมบัติวิเศษสำหรับป้องกันทั้งสามชิ้น ด้วยระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง มันแทบถูกทำลายไปในทันที
แต่การเสียสละทั้งหมดของพวกมันก็นับว่ายังได้ผล เคล็ดวิชาเสียงอมตะทำลายล้างกระดูกนั้นเบาลงไปแล้วกว่าหกในสิบ แม้ว่าทุกอย่างจะถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ผลกระทบที่ตกมาถึงร่างกายของเขาก็นับได้ว่าสาหัสอย่างยิ่ง
แม้ว่ายู่เฟิงจะสามารถหลบหนีความตายด้วยสมบัติทั้งหมดที่ครอบครอง แต่นั่นสามารถทำได้หากเขายังมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ ในตอนนี้อวัยวะของเขาทั้งหมดถูกบดขยี้ ทำให้เกิดเลือดออกจากทุกทวารบนร่างกาย แม้แต่การยกศีรษะขึ้นในตอนนี้เขายังไม่อาจทำได้
ในเวลาเดียวกัน เจ้าอ้วนก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดูดีนัก เขาหอบอย่างหนักหลังจากใช้ปราณจิตวิญญาณจำนวนมาก ร่างกายของเขาอ่อนแอทันที ระฆังทองแดงสูญเสียปราณจิตวิญญาณที่เขาต้องส่งมาหล่อเลี้ยง ในตอนนี้มันจึงไม่อาจคงขนาดของมันไว้ได้ แน่นอนว่ามันย้ายตัวเองเข้าสู่มิติลึกลับของเจ้าอ้วนทันที เขาสูญเสียความสามารถในการบินพร้อมกับล่วงลงสู่พื้นทันที ขอบคุณสวรรค์ที่พยัคฆ์ปีกแหลมผู้ภักดีของเขาได้บินเข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้และพาเขาลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย