ตอนที่ 103-1 ร้องขอความตายต่างหากยากลำบากที่สุด

จำนนรักชายาตัวร้าย

“รู้แล้วน่า!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีตอบรับเสียงดังจนกระเทือนถึงแผลที่เอว เขาถึงกับต้องสูดปากด้วยความเจ็บแล้วค่อยๆ หย่อนกายนอนลงบนเตียง

 

 

“เจ็บละสิท่า ดูซิว่าคราวหน้าท่านยังจะกล้าไม่เชื่อฟังอีกหรือไม่!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยลุกขึ้นยืนแล้วฟาดไปที่ก้นตี้อู่เฮ่ออีอีกสองสามครั้ง ทั้งยังใช้นิ้วจิ้มไปที่ก้นเขาสองสามที

 

 

“แรงดีดกลับไม่เลวทีเดียว ดูไม่ออกเลยนะนี่ว่าเจ้าที่ผอมแห้งราวกับนกน้อยเช่นนี้ ในส่วนที่สำคัญของร่างกายกลับมีเนื้อมีหนังกับเขาเหมือนกัน!”

 

 

“เจ้า…” ตี้อู่เฮ่ออีใบหน้าแดงก่ำ “เจ้ามันยัยบ้า!”

 

 

“เหอะๆ! ” เชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งลงที่ข้างเตียง หัวเราะจนหน้าตาบูดเบี้ยว

 

 

“ข้าจะรังแกเจ้าเสียอย่าง เจ้าจะทำอะไรข้าได้!”

 

 

“เจ้าทึ่ม หากคราวหน้าเจ้าไม่เชื่อฟัง ไม่ตั้งใจรักษาบาดแผลล่ะก็ ข้าจะเป็นนักเลงตลอดไปเลย ข้าเป็นอ๋องเจ้าสำราญมาตั้งหลายปี ข้ามีวิธีมากนักที่จะรับมือกับคนเช่นเจ้า!”

 

 

ถูกนางข่มขู่มากเข้า ตี้อู่เฮ่ออีชักจะเกรงกลัวขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว

 

 

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นหญิงแกร่งเพียงนี้ เขาก็ไม่ควรช่วยนางเอาไว้ตั้งแต่แรก!

 

 

ชักศึกเข้าบ้านโดยแท้!

 

 

จิ้งจอกสาวนางนี้!

 

 

น่ากลัวจริงเชียว!

 

 

เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฮ่ออีก็เชื่อฟังในที่สุด เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้ทันทีว่าการข่มขู่ของตนได้ผล นางดับตะเกียงแล้วกลับไปเอนกายนอนลงที่เตียงไม้ไผ่

 

 

นางเพียงแค่เอนกายหัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับทันที ผิดกับตี้อู่เฮ่ออี ที่เอาแต่หน้าแดงราวกับกุ้งสุกอย่างไรอย่างนั้น ในหัวเขาปรากฏภาพเชียนเยี่ยเสวี่ยฟาดก้นเขาเองลอยไปลอยมาไม่หยุด

 

 

หญิงผู้นี้ช่างอาจหาญยิ่งนัก!

 

 

รอให้เขาหายดีก่อนเถอะ จะต้องสั่งสอนนางให้ได้รับความลำบากบ้าง!

 

 

จะให้ดีต้องใช้สลอด ให้นางท้องเสียเสียให้เข็ด!

 

 

คิดไปคิดมา ตี้อู่เฮ่ออีก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกไป รู้สึกหนักหัวราวกับเริ่มที่จะเป็นไข้

 

 

“นี่ เชียนเยี่ยเสวี่ย…”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีเสียแหบแห้ง ร้องเรียกขึ้น

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยเองก็ไม่ได้หลับสนิท ด้วยเกรงว่าตี้อู่เฮ่ออีจะเกิดเรื่อง ดังนั้นนางจึงยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น

 

 

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของตี้อู่เฮ่ออี นางก็รีบกระเด้งตัวขึ้นมา จุดตะเกียงที่หัวเตียง

 

 

“เจ้าทึ่ม เป็นอะไรไป”

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของตี้อู่หงเยี่ย เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

 

 

“ข้าจะไปตามช่าช่า…”

 

 

“ไม่ต้อง!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีเรียกนางเอาไว้

 

 

“ข้าเองก็เป็นหมอคนหนึ่ง อวี้หลัวช่ายุ่งมาทั้งวันแล้ว ให้นางนอนเถอะ เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน!”

 

 

“ได้!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยตอบตกลงทันที

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีสั่งให้เชียนเยี่ยเสวี่ยไปตักน้ำอุ่นมา ถอดเสื้อผ้าของเขาออกแล้วให้นางทำการเช็ดตัวให้เขา

 

 

“เพราะอะไรถึงใช้น้ำอุ่น ข้าคิดมาตลอดว่าควรจะใช้น้ำเย็น!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวถามขึ้น

 

 

“น้ำเย็นจะทำให้ผิวหนังถูกกระตุ้นจนหดตัว ตรงกันข้ามน้ำอุ่นจะสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการระบายความร้อน”

 

 

ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยถอดเสื้อผ้าออก ตี้อู่เฮ่ออียังเขินอายเล็กน้อย ใครจะคาดคิดเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า

 

 

“ข้าก็ถูกท่านเห็นหมดแล้วเช่นกันมิใช่หรือ คราวนี้ท่านให้ข้าดูบ้าง เท่ากับเราสองคนเสมอกัน!”

 

 

คำพูดนี้ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีแทบกระอักเลือด

 

 

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดคำพูดตอบโต้เชียนเยี่ยเสวี่ยอยู่นั้น ร่างของเขาก็เปลือยเปล่า ทำเอาเขาตกใจจนรีบเอามือมาปิดหน้าอกตนเอาไว้ทันที

 

 

รอบนี้ ถึงคราวเชียนเยี่ยเสวี่ยสนุกสนานบ้าง

 

 

“ข้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายกับเจ้าสักหน่อย ท่านเป็นชายองอาจคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้ทำท่าทางราวกับหญิงสาวอย่างนั้น อีกอย่าง หน้าอกเจ้าก็ไม่มีอะไรสวยงามน่ามองเสียหน่อย เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยมือบิดผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ แล้วปัดมือตี้อู่เฮ่ออีออก เริ่มเช็ดไปทั่วร่างของเขา

 

 

มือก็เช็ดตัวให้เขาไป ปากก็วิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย

 

 

“เห็นเจ้าทีไรพาลให้ข้านึกถึงนายผอมแห้งของช่าช่าขึ้นมาเจ้าทึ่ม ปกติเจ้าก็กินไม่น้อยนี่นา แล้วเนื้อมันไปออกตรงไหนหมด”

 

 

พลันเมื่อข้าขนหนูเช็ดผ่านไปที่หน้าอกตี้อู่เฮ่ออี สัมผัสเข้ากับตำแหน่งที่นูนออกมันมาให้ความรู้สึกซาบซ่าน หน้าตี้อู่เฮ่ออียิ่งแดงซ่านมากขึ้น

 

 

บวกกับคำพูดเหล่านั้นของเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้ชายหนุ่มเขินอายเป็นอย่างมาก สุดท้าย ตี้อู่เฮ่ออีจึงปิดตาลงเสียเลยพร้อมกับปิดปากให้สนิท ตัวตรงแน่ว

 

 

“เหอะ ตัวกะเปี๊ยกเท่านี้ คิดว่าข้าเป็นอันธพาลจริงหรืออย่างไรหา!”

 

 

ท่าทางเชียนเยี่ยเสวี่ยรวดเร็วว่องไว หลังจากเช็ดตัวให้กับตี้อู่เฮ่ออีแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็จัดแจงป้อนน้ำให้กับเขา

 

 

ด้วยความใกล้ชิด ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวจากร่างเชียนเยี่ยเสวี่ย กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมสะอาด ไม่มีกลิ่นเครื่องประทินผิวเจือปน มันให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ด้วยไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างเลยสักชิ้น ไม่นานตี้อู่เฮ่ออีจึงรู้สึกได้ถึงสิ่งที่แตะอยู่ที่แผ่นหลังตนอยู่ สิ่งนั้นเป็นคู่นุ่มนิ่มอ่อนยวบ

 

 

ในตอนนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยบาดเจ็บที่บริเวณหน้าอก

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีต้องถอดเสื้อผ้านางออก ถึงได้พบว่าคนที่ตนเองช่วยชีวิตเป็นผู้หญิง

 

 

ในตอนนั้นเขารีบร้อนจะช่วยชีวิตคน จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย

 

 

ในตอนนี้สิ่งนุ่มนิ่มที่แนบชิดแผ่นหลัง ความรู้สึกที่ชัดเจนนี้ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีหวนนึกภาพแห่งความงามนั้น

 

 

ถึงแม้ขนาดจะไม่ใหญ่โต แต่ก็ได้รูปสวยงาม

 

 

ราวกับสาลี่ที่เพิ่งสุกงอมบนภูเขายามฤดูใบไม้ผลิ…

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีก็พลันหน้าแดงขึ้นแล้วลามไปทั่วทั้งตัว เนื้อตัวของเขาเป็นสีชมพูระเรื่อ

 

 

เห็นตี้อู่เฮ่ออีมีปฏิกิริยาเช่นนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงคิดไปว่าเพราะเขาอาการไข้ของเขา จึงรีบประคองเขานอนลง แล้วไปเปลี่ยนน้ำอุ่นเพื่อมาเช็ดตัวให้เขาใหม่

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยเช็ดตัวสลับกับป้อนน้ำให้กับตี้อู่เฮ่ออีซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งคืน

 

 

จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อตี้อู่เฮ่ออีตื่นขึ้นมาก็พบว่าไข้ตนได้ลดลงไปแล้ว

 

 

เมื่อก้มลงมองดู เขาก็พบเชียนเยี่ยเสวี่ยที่ฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียง ในมือนางยังถือผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดเอาไว้ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงเป็นอย่างมาก

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยหลับอย่างไม่สงบนัก นางขมวดคิ้วตลอดเวลา ปากก็เอาแต่เพ้อว่า ‘เสด็จแม่’

 

 

ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะแผ่วเบา แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็ได้ยินอย่างชัดเจน

 

 

หลังจากเขาช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางมักจะหลับฝันละเมอเรียกเสด็จแม่ของนางบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉู่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว นางถึงกับร่ำไห้ออกมาอย่างหนักแม้ในขณะที่ฝัน…

 

 

ถึงแม้ว่าในเวลากลางวัน เชียนเยี่ยเสวี่ยจะมีอารมณ์ขันด่าทอ ท่าทางสดใสเย่อหยิ่ง แต่ทว่าในฝัน นางกลับกลายเป็นเด็กน้อยที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพาใดๆ

 

 

คิ้วอันงดงาม ยามขมวดขึ้นมาไม่น่าดูเลย

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีในใจครุ่นคิด มือก็ยื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว อยากจะไปลูบไล้คลายความเจ็บปวดให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยให้คิ้วนางเหยียดตรงสวยงาม

 

 

“แค่กๆ! ”

 

 

ทันใดนั้น เสียงไอจากด้านนอกดังขึ้นขัดจังหวะ

 

 

มือที่กำลังยื่นไปของตี้อู่เฮ่ออี ชะงักกลางอากาศ

 

 

“เอ่อ…ท่านต่อเถอะ อีกสักครู่ข้าค่อยมาใหม่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มน้อยๆ ขณะใช้สายตาสำรวจตี้อู่เฮ่ออีอย่างถ้วนทั่ว

 

 

“ไม่เลวนี่นา!”

 

 

“เสวี่ยนี่เยี่ยมยอดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!

 

 

สยบตี้อู่เฮ่ออีได้ในคืนเดียว!

 

 

ในตอนที่อวี้เฟยเยียนกำลังเอ่ยปากพูดอยู่นั่นเอง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลืมตาตื่นขึ้น นางเห็นมืออันผ่ายผอมซีดขาวอยู่ใกล้กับใบหน้าของตนเองเต็มตา ถึงกับกระเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

“หนอยแน่ เจ้าทึ่ม ข้ารึสู้อุตส่าห์ดูแลเจ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เจ้ากลับอาศัยตอนที่ข้านอนลักหลับข้าได้”

 

 

“ข้าตีเจ้าไปเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ก็รีบร้อนมาทวงคืนเสียแล้ว จิตใจคับแคบยิ่งนัก! หากเจ้าไม่ยอมรับ รอให้เจ้าหายดี ข้าจะเป็นคู่ซ้อมเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”

 

 

เดิมทีภาพที่ทั้งอ่อนโยนทั้งงดงาม เพียงแค่เชียนเยี่ยเสวี่ยพูดเช่นนี้เข้า บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดในทันที

 

 

“ข้าไม่ได้ใจแคบสักหน่อย…”

 

 

ว่าแล้วตี้อู่เฮ่ออีก็รีบชักมือกลับทันที

 

 

“เมื่อครู่มีแมลงอยู่บนหน้าของเจ้า ข้าเพียงแต่อยากจะช่วยนำมันออกไป!”

 

 

“จริงหรือเปล่า”

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าขาวสะอาดของตี้อู่เฮ่ออีแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพู เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด

 

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าที่เจ้าหน้าแดงเนี่ย มิใช่เพราะเจ้ากลัวความผิด มิใช่เพราะถูกข้าเปิดโปงจิตใจอันชั่วร้ายของเจ้านะ”

 

 

“ไม่ใช่!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยทำให้ยัวะจนตะคอกออกมา

 

 

เดิมทีเขานิสัยอ่อนโยน เรียบร้อย แต่เมื่อได้พบกับเชียนเยี่ยเสวี่ย เขาราวกับเปลี่ยนเป็น ‘ผีบ้า’ ก็ไม่ปาน

 

 

“ช่าช่า เจ้าจะต้องเห็นอะไรเป็นแน่! บอกข้าทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”