กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1057 น้องชายของเขา
ทันใดที่ได้ยินว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของตนถูกนางฆ่าตาย ความรู้สึกของอี้หยุนเฟยก็เดือดพล่านขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสโหรงกับผู้อาวุโสฉีห้ามเอาไว้ เกรงว่าเขาคงพุ่งเข้าไปเอาชีวิตของนาง
“เพราะเหตุใด ข้ากับเจ้าโกรธแค้นอะไรกัน เหตุใดเจ้าจึงสังหารเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้า”
“พวกเราไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน หากจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าเติบโตมาคล้ายกับคนผู้นั้นทุกประการ ในร่างกายของเจ้ายังมีกลุ่มวิญญาณของหญิงกากีผู้นั้นอยู่ครึ่งหนึ่ง”
อี้หยุนเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ผู้อาวุโสโหรงกับผู้อาวุโสฉีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนผู้นั้น?
“เจ้าบอกว่าในร่างกายของฝ่าบาทมีวิญญาณของใครอยู่? และเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจิตวิญญาณของฝ่าบาทนั้นไม่สมบูรณ์?”
“แน่นอนว่าข้ารู้ ข้าไม่ได้รู้เพียงเท่านี้ ข้ายังรู้อีกว่าจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ที่แผ่นอักษรสีเหลือง ขอแค่ได้แผ่นอักษรสีเหลืองมาครอบครอง ยืมพลังของแผ่นอักษรสีเหลือง ก็สามารถชดเชยจิตวิญญาณ และรักษาอาการป่วยของเขาให้หายได้”
พวกของผู้อาวุโสโหรงเต็มไปด้วยความสงสัย
ดูเหมือนฮวาอิ่งจะกำลังอารมณ์ดี ไม่ว่าพวกเขาถามอะไร นางก็ตอบออกมาทุกคำถาม
“พวกเจ้าจะต้องสงสัยมากเป็นแน่ เห็นกันอยู่ว่าข้าอยู่ในนครหลวงของรัฐอี้ เหตุใดจึงปรากฏตัวออกมาที่นี่ และใช้วิธีการใดในการสังหารจักรพรรดิอี้และฮองเฮาอี้”
“ฮึฮึฮึ……เพราะข้าเริ่มแผนการตั้งแต่สามปีที่แล้ว จักรพรรดิอี้และฮองเฮาอี้ถูกข้าวางยาพิษตั้งแต่แรก น่าขัน รัฐอี้ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้ากลับไม่มีหมอหลวงคนไหนสังเกตเห็นมันเลย”
“ตอนแรกข้าก็ไม่คิดว่ามันจะยุ่งยากถึงเพียงนี้ แต่ใครใช้ให้รัฐอี้มียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนี้ และลูกสาวของนางตัวกากีนั่นยังกลืนพลังเข้าไปอีก”
อี้หยุนเฟยกัดฟันแน่น ความเกลียดชังเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเขา “พูดมาตั้งนาน เหตุใดเจ้าจึงสังหารเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้า และเจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังฟังไม่รู้เรื่องอีกหรือไง? จักรพรรดิอี้และฮองเฮาอี้ไม่ใช่พ่อแม่ของเจ้า พ่อแม่ของเจ้าเป็นคนของเผ่าหยก พี่ชายของเจ้าชื่ออี้เฉินเฟย อายุมากกว่าเจ้าเพียงไม่กี่ปี เมื่อสามปีก่อนกระโดดลงเตากลั่นยาเพื่อสังเวย”
“ในตอนที่เจ้าเกิดมา แม่ของเจ้าตายด้วยคำสาปเลือด จากนั้นพ่อของเจ้าก็ตายไปเพราะความรักที่มีต่อแม่ของเจ้า โครงสร้างของเจ้านั้นพิเศษ ถูกนางกากีส่งตัวมายังรัฐอี้ด้วยวิชาพลิกฟ้า กลายเป็นลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิอี้ และเป็นลูกชายที่ถูกทะนุถนอมมากที่สุด”
“ข้าเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อมาถึงที่นี่ นางผู้หญิงสารเลวนั่นทิ้งทางหนีไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพียงแค่รอให้เมล็ดพันธุ์อันแสนสกปรกและแห้งเหี่ยวของนางฟื้นขึ้นมาใหม่พร้อมกับร่างกายของเจ้า”
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ ร่างกายของเจ้าคือภาชนะที่ดีที่สุดสำหรับกักเก็บจิตวิญญาณทั้งหมด”
“แน่นอน มันก็ไม่ได้หมายความว่านางต้องการจะช่วยชีวิตของเจ้าไว้จริง ๆ”
“แต่……ขอแค่เป็นคนที่นางคิดจะปกป้อง ข้าผู้นี้จะไม่มีทางปล่อยคนผู้นั้นไปเป็นอันขาด”
ผู้อาวุโสโหรงพูดด้วยความโกรธ “พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ เจ้าสังหารจักรพรรดิและฮองเฮา วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”
อี้หยุนเฟยที่เต็มไปด้วยความโกรธ เวลานี้เขากลับดึงแขนเสื้อของผู้อาวุโสโหรงไว้ ก้าวผ่านผู้อาวุโสโหรงและไปยืนอยู่ด้านหน้าฮวาอิ่ง
“แผ่นอักษรสีเหลืองเล่า? เจ้าไม่ได้เอาศีรษะของท่านปู่เจียงและท่านปู่เฉินมา นั่นก็หมายความว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แผ่นอักษรสีเหลืองเองเจ้าก็ยังไม่ได้มันมาใช่ไหม”
ดวงตาของฮวาอิ่งโหดร้าย จิตสังหารอันชั่วร้ายแผ่ซ่านไปทั่วท้องฟ้า
ดูจากท่าทางการแสดงออกของนาง อี้หยุนเฟยมั่นใจเป็นอย่างมากว่าแผ่นอักษรสีเหลืองยังไม่ได้ตกอยู่ในมือของนาง
“เจ้าบอกว่าในร่างกายของข้ามีจิตวิญญาณของผู้อื่นอยู่ครึ่งหนึ่ง ขอแค่สามารถหาอีกครึ่งหนึ่งพบก็จะรักษาอาการป่วยได้สำเร็จ เช่นนั้นข้ากับจิตวิญญาณนั้นเกี่ยวข้องอะไรกัน เหตุใดเมื่อหาจิตวิญญาณดังกล่าวพบแล้วถึงสามารถรักษาอาการป่วยของข้าได้”
ร่องรอยของความสงสัยส่องประกายผ่านดวงตาที่ชั่วร้ายของฮวาอิ่ง
หัวใจของผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉีสั่นอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้าแต่อย่างใด
“สิ่งที่พูดออกมาราวกับเรื่องเพ้อฝัน เหตุใดข้าถึงต้องเชื่อเจ้า?”
“ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าเชื่อด้วยงั้นหรือ? ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อฆ่าเจ้า”