ยังไม่ทันสิ้นเสียงนาง มีดของจิ่วหุนถูกล้วงออกมา
เยี่ยเม่ยฟังเสียงการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หันกลับไปส่งสายตาให้จิ่วหุน กล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ให้นางด่าไป คนปกติที่ไม่มีความสามารถต่อกรกับผู้อื่น ถึงเลือกเพียงวิธีการด่าว่าเท่านั้น ส่วนพวกเขาไม่เข้าใจว่า ในสายตาคนมีความสามารถแท้จริง คำพูดเป็นสิ่งที่ไร้ค่ามากที่สุด”
เยี่ยเม่ยพบว่านับตั้งแต่รู้จักเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เหมือนนางจะเรียนเหตุผลบิดเบี้ยวของอีกฝ่ายมาไม่น้อย
คราวนี้เซียวชินและซินเยว่เยี่ยนอดไม่ไหวมองเยี่ยเม่ย
คำพูดนี้ฟังไปแล้วคล้ายมีที่ไหนไม่ถูกต้อง ทว่าไม่รู้ว่าผิดตรงไหน อย่างไรลู่หวานหว่านที่ด่าว่าเยี่ยเม่ยในเวลานี้ก็ไม่มีปัญญาทำร้ายเยี่ยเม่ยได้จริงๆ
ยามนี้สีหน้าลู่หวานหว่านเขียวคล้ำ จ้องเยี่ยเม่ยเขม็ง “นางสารเลว ข้าขอบอกเจ้าไว้ ต่อให้เป็นผีข้าก็ไม่ปล่อยเจ้า”
หลังจากเยี่ยเม่ยฟังแล้ว เพียงแค่ทวีความเย็นชา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าก็คงมีความสามารถแค่เป็นผีมาหลอกข้า อย่างไรเสียยามเจ้าเป็นคนก็ไม่มีความสามารถนี้แล้ว อีกอย่างเจ้ากำลังจะถูกข้าทรมานในไม่ช้า”
สีหน้าลู่หวานหว่านพลันสับสนอลม่าน ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
คนทั้งหมดมองเยี่ยเม่ยด้วยสายตาเลื่อมใส สตรีนางนี้ช่าง…วาจาไม่หยาบคายสักคำเดียว สีหน้าก็ไม่แสดงความเหยียดหยาม ก็ทำให้คนโมโหถึงขั้นนี้ นี่ก็.. นี่ก็นับเป็นความสามารถเช่นกัน
เยี่ยเม่ยไม่มองลู่หวานหว่านอีก มองเซียวชินตรงๆ “ว่ามา ท่านจะแลกเปลี่ยนอย่างไร”
เซียวชินมองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง จากนั้นใช้สายตาตักเตือนลู่หวานหว่านอีกครั้ง เอ่ยปาก “เจ้าขนเสบียงมาทางนี้ ข้าให้คนนำตัวนางส่งไป ลงมือพร้อมกัน”
“ได้” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
จากนั้นนางหันกลับมองหลูเซียงฮั่ว พยักหน้าให้เขา
หลูเซียงฮั่วสีหน้าไม่ยินดี ไม่พอใจ ขนข้าวสารด้วยความไม่ยินยอมไปยังเส้นทางใหญ่
เซียวชินกวาดตามองแม่ทัพที่ติดตามหลังตนทีหนึ่ง แม่ทัพรีบก้าวออกมา กุมตัวลู่หวานหว่านเดินไปทางเยี่ยเม่ย
บรรยากาศทั้งสองฝ่ายตึงเครียด
กระทั่งเสบียงอยู่ต่อหน้าเซียวชิน แม่ทัพก็แทบส่งลู่หวานหว่านไปถึงหน้าเยี่ยเม่ยแล้ว จู่ๆ แม่ทัพผู้นั้นพลันเปลี่ยนสีหน้า จับลู่หวานหว่านวิ่งกลับหลัง เซียวชินก็แทบลงมือในเวลาเดียวกัน แส้ในมือสะบัดใส่แม่ทัพผู้นั้นกับลู่หวานหว่าน
แส้ม้าตวัดเข้าเอวลู่หวานหว่านกับแม่ทัพ ดึงพวกเขากลับมา
ซินเยว่เยี่ยนเห็นเป็นเช่นนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปก็ล้วงผ้าแพรยาวออกจากแขนเสื้อ คิดแย่งคนกลับไป ทว่าในเสี้ยวเวลาชั่ววูบนั้น ก็รู้สึกว่าเยี่ยเม่ยจับข้อมือนางอย่างไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง
ความเร็วของเยี่ยเม่ยเร็วถึงกระทั่งศัตรูไม่พบเห็น หลังจากหยุดยั้งการกระทำของซินเยว่เยี่ยน ก็รีบชักมือกลับ นี่ทำให้ซินเยว่เยี่ยนตะลึงค้างไป
วรยุทธ์ของนาง อยู่ในยุทธภพไม่นับว่าเป็นที่หนึ่งที่สอง แต่ก็เป็นยอดฝีมือ ทว่าสตรีนางถึงกับว่องไวปานนี้…
เมื่อสะกดความแตกตื่นในใจ ก็มองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง ยิ่งทวีความแปลกใจ เยี่ยเม่ยคิดเล่นลูกไม้อะไร ถึงไม่ยอมให้ตนเองช่วย
เยี่ยเม่ยรีบแสดงสีหน้าเดือดดาลเป็นการใหญ่ คล้ายกับถูกเซียวชินทำให้โมโห นางชี้เซียวชิน “เจ้า…เจ้าถึงกับกลับคำ….”
พวกหลูเซียงฮั่วก็หน้าตาเดือดดาล
ในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้น ทหารต้ามั่วหลายพันโอบมาด้วยความรวดเร็ว ล้อมพวกเยี่ยเม่ยเอาไว้
เยี่ยเม่ยเห็นสถานการณ์ อารมณ์เดือดดาลพลันสงบลง มองเซียวชิน เอ่ยเสียงเย็นชา “นี่คือแผนของเจ้า?”
ใบหน้านอกเหนือหน้ากากของเขา มีแววเย็นชา “การศึกไม่หน่ายกลวิธี หากมิใช่แผนการของพวกเราสำเร็จบางทีผู้ที่ดำเนินแผนการสำเร็จก็คือพวกเจ้า”
เยี่ยเม่ยมองจำนวนทหารที่ล้อมไว้คราหนึ่ง สูดลมหายใจ จ้องเซียวชิน “เจ้าคาดว่าอาศัยคนเหล่านี้ ก็สังหารพวกข้าได้หรือ”
“ไม่อย่างนั้นเล่า” แม่ทัพด้านหลังเซียวชินตอบอย่างได้ใจ
จิ่วหุนชักกระบี่ยาวข้างเอวออกมาอย่างเงียบเชียบ มองเซียวชิน กดเสียงต่ำว่า “ฆ่าคนหรือถูกฆ่า บางทีพวกเจ้าต้องถามกระบี่ข้าก่อน”
เซียวชินมองจิ่วหุนทีหนึ่ง จากนั้นมองเยี่ยเม่ย ถึงกระทั่งซินเยว่เยี่ยนที่อยู่ด้านหลังเยี่ยเม่ย หันหน้ากลับมาใช้สายตาตักเตือนไม่ให้แม่ทัพด้านหลังตนปากมากอีก
ทันใดนั้นเขามองเยี่ยเม่ย เอ่ยตรงไปตรงมา “เจ้าเป็นยอดฝีมือ ข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเจ้า ข้างกายเจ้ายังมียอดฝีมืออีกสองคน หากต่อสู้กันจริงๆ ใครก็ไม่ได้เปรียบ ข้าไม่มีเจตนาประมือกับพวกเจ้า ไม่สู้พวกเจ้าปล่อยพวกเราจากไป”
“เหอะ น่าขัน” เยี่ยเม่ยเดือดดาลจนทนไม่ไหว ล้วงมีดสั้นออกมา พุ่งเข้าหาเซียวชิน
เวลานี้เซียวชินกวาดสายตามองคนทั้งหมด ตวาดเสียงเย็นชาว่า “ปล่อยได้”
สิ้นเสียงเขา ทหารต้ามั่วกว่าพันนาย สาดผงพิษใส่เยี่ยเม่ยและทหารด้านหลังนาง
เสี้ยวขณะนี้สายตาเยี่ยเม่ยวาวโรจน์ ไม่สนใจจู่โจมเซียวชิน ล้วงพัดข้างเอว พัดของนางลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว ขวางผงพิษจำนวนมากที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฝีมือเช่นนี้ เซียวชินและซินเยว่เยี่ยนสีหน้าพลันนิ่งไป
ส่วนเซียวชินก็รู้ว่าโอกาสได้เปรียบมีไม่มาก เป้าหมายของเขาคือหนีไปให้ได้ รีบสั่งการว่า “ไป”
สิ้นเสียงเซียวชิน เขารีบพาคนต้ามั่วจากไปอยางรวดเร็ว
หลังจากเยี่ยเม่ยป้องกันผงพิษทั้งหมด พวกเซียวชินก็หนีจากไปไกลแล้ว
จิ่วหุนยกกระบี่เตรียมไล่ตาม เยี่ยเม่ยขวางเขาไว้ สีหน้าสงบ สายตามีแววยินดีที่แผนการสำเร็จ เอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่ต้องตาม เป้าหมายของข้าบรรลุแล้ว”
จิ่วหุนมองเยี่ยเม่ยครั้งหนึ่ง ดวงหน้างดงามมีแววยึดมั่นอยู่หลายส่วน “ข้าจะไปฆ่านาง”
“ใคร” เยี่ยเม่ยตะลึง
จิ่วหุนไม่ตอบ เค้นคำพูดสามคำออกมา “นางด่าเจ้า”
เยี่ยเม่ยพลันเข้าใจ คนที่เขาเอ่ยคือลู่หวานหว่าน
เยี่ยเม่ยยักไหล่ไม่สนใจ กล่าว “ไม่เป็นไร นางเกลียดข้า ด่าข้าก็เป็นเรื่องปกติ คนประเภทนี้ไม่มีน้ำหนักในใจข้า ข้าคร้านจะใส่ใจสักน้อย เจ้าไม่ต้องไป อีกอย่างจั่วอี้อ๋องผู้นั้นไม่ใช่รับมือได้ง่าย อันตรายมาก”
“เขาไม่ใช่คู่มือข้า” จิ่วหุนโพล่งออกอย่างรวดเร็ว แสดงออกว่าตนเองไม่กังวลเรื่องเซียวชิน
เยี่ยเม่ยกวาดตามองเขา “แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเสี่ยงอันตราย เพื่อเรื่องและคนที่ไม่สำคัญเสี่ยงอันตรายไม่คุ้มค่า เป้าหมายของข้าเดิมก็ไม่ใช่ลู่หวานหว่าน ถึงที่สุดแล้วข้ายังต้องขอบคุณนางที่ทำให้ข้ามีเหตุผลมากพอ ทำแผนการนี้ได้ราบรื่นถึงขั้นนี้ อีกอย่างอีกไม่ช้าแผนการของพวกเราจะยิ่งราบรื่นไปอีก เพราะการช่วยนางกลับไปได้สำเร็จในยามนี้”
ระหว่างที่พูดนั้น พวกเซียวชินก็จากไปไกลแล้ว
จิ่วหุนพลันชะงักนิ่งไป เพราะนางเอ่ยว่าไม่อยากให้เขาไปเสี่ยงหัวใจเขาเต้นเป็นลิงโลด เพียงแต่ใบหน้ายังไร้อารมณ์ ถอยไปอยู่หลังเยี่ยเม่ย
หลูเซียงฮั่วมองเยี่ยเม่ย เอ่ยถาม “แม่นางเยี่ยเม่ย แผนของพวกเราเช่นนี้ก็สำเร็จแล้วเหรอ ท่านว่าพวกเขาจะดูพิรุธออกหรือไม่”
เยี่ยเม่ยเสียงเย็นชา “หากลูกไม้เช่นนี้ พวกเขายังดูออกว่ามีปัญหา อย่างนั้นก็ถือว่าข้าลงมือเปล่าประโยชน์ กลับไปจัดทัพเถอะ เตรียมตัวออกรบ ให้หน่วยสอดแนมเฝ้าดูพวกเขาไว้ มีสถานการณ์อะไรรายงานได้ทุกเมื่อ คืนนี้ไม่ก็วันพรุ่งพวกเราเตรียมเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ได้แล้ว”
“ดูท่าจะมีละครฉากสนุกให้ชม?” ซินเยว่เยี่ยนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ไหวถามขึ้น
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ตอบ “ทั้งยังมีสีสันมากด้วย”