ปังปัง!
เย่เทียนต่อยหมัดหนักลงบนร่างของคนร่างกำยำสองคน ทั้งสองเจ็บปวดกะทันหันและอดไม่ได้ที่ต้องร้องออกมา ทั้งสองคนล้มลงไปทางด้านหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“สมควรตาย!”
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนสะดุดล้มไปหลายก้าวก็จริงแต่ก็ยังสามารถทรงตัวกลับมาได้ ไม่คิดเลยว่าจะกล้ำกลืนความโกรธนี้ไว้
ชั่วครู่ สีหน้าที่พวกเขามองมาที่เย่เทียนดูรุนแรงขึ้น แอบสาบานอยู่ภายในใจว่าจะต้องทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดให้ได้!
“หึหึ ฉันบอกไปแล้วไงว่าพวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
มุมปากของเย่เทียนขดรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ออกมาพร้อมกับสั่นหัวไปมาและพูดว่า “เมื่อสักครู่เป็นแค่คำเตือนเท่านั้น หากพวกนายยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีกก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน!”
“ได้คืบก็จะเอาศอกแล้วใช่ไหมล่ะ?!”
ชายร่างกำยำคนหนึ่งคำรามพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เย่เทียนราวกับหมาป่า
เย่เทียนส่ายหัวอย่างลับๆ ในเมื่ออีกฝ่ายมีตาหามีแววไม่ เช่นนั้นก็อย่ามาโทษที่เขาโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!
ซวบ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็ได้วางเท้าเล็กน้อยและร่างก็หายวาบไปอยู่ที่ด้านหน้าของชายร่างกำยำ เขายกมือขึ้นพร้อมกับตบหน้าเข้าไปฉาดใหญ่อย่างหนักหน่วง
เพี๊ยะ!
เสียงตบอันดังชัดสนั่นขึ้นในทันที ชายร่างกำยำที่อย่างน้อยต้องมีน้ำหนักหนึ่งร้อยห้าสิบกรัมก็ลอยออกไปเป็นรูปโค้งที่สวยงามและกระแทกลงพื้นอย่างจังจนหมดสติไป
เย่เทียนเก็บมือกลับมาพร้อมกับส่งหันหัวส่งยิ้มไปให้ชายร่างกำยำที่บ้าคลั่งอีกคน
ชายร่างกำยำอีกคนตกใจ ไม่คิดว่าพละกำลังของเย่เทียนจะมากมายขนาดนี้!
“อะไร?อย่ายืนบื้ออยู่ตรงนั้นสิ!”
เมื่อได้ยินคำพูดยุยงของเย่เทียน ใจของชายร่างกำยำก็รู้สึกสั่นไหว เมื่อกวาดสายตามองไปหาเพื่อนที่หมดสติไปก็ได้แต่กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
หลังจะค้างงันไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ค่อยๆตอบสนอง เมื่อมองเห็นการแสดงออกของเย่เทียนที่ดูยิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่งก็รู้สึกได้ว่าตนเองถูกดูถูกเยาะเย้ยเข้าเสียแล้ว ความนับถือในตนเองได้ถูกโจมตีเข้าแล้ว!
“ไอ้เด็กเหลือขอ!อย่าหยิ่งยโสมากเกินไปหน่อยเลย!”
ชายร่างกำยำส่งเสียงคำรามเพื่อให้กำลังใจตนเองก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปหาเย่เทียน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอย่างรนหาที่ตาย เย่เทียนจึงส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มุมปากขดรอยยิ้มแปลกๆออกมา
ในขณะที่ร่างของอีกฝ่ายห่างไม่ถึงครึ่งเมตร เย่เทียนก็ได้เคลื่อนไหวหลบการโจมตีของอีกฝ่ายและเตะอัดใส่อีกฝ่ายเต็มแรง
เมื่อชายร่างกำยำพลาดการชกไปจึงรู้สึกได้ถึงความซวย ดวงตาเห็นเย่เทียนที่กำลังเตะมา ในใจอยากที่จะต่อต้านแต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองเร็วเท่าสมองสั่งการ
ปัง!
เสียงดังสนั่น ชายร่างกำยำรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างและลอยออกไปอย่างไม่ตั้งใจตามเพื่อนไปในทันที ร่างล้มลงกับพื้นและสลบเหมือดไป
เย่เทียนปรบมือเมื่อจัดการชายร่างกำยำสองคนได้อย่างง่ายดาย เขาส่ายหัวพร้อมกับขยิบตาให้กับจี้เยียนหรัน
“ดูนายภูมิใจนะ ตรงนี้ยังมีคนอยู่!”
แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนยังไม่ทันได้รอการตอบสนองของจี้เยียนหรันก็ได้ยินเสียงของหยุนเหมิงหยานที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงออกมา
“ยังมีคน?”
เย่เทียนตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะว่าคนที่หยุนเหมิงหยานหมายถึงคือผางอานคาง
แปะแปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้น ใบหน้าของผางอานคางไม่เพียงแต่ไม่แสดงความกลัวแต่ยังเต็มไปด้วยเจตนาของการต่อสู้
“ฉันดูไม่ออกจริงๆว่าเด็กเหลือขออย่างนายก็มีความสามารถอยู่บ้าง!”
“แต่นายคิดว่าแค่นี้ก็เรียกว่าชนะแล้วงั้นเหรอ?”
ผางอานคางยิ้มเยาะเย้ยพร้อมกับค่อยๆเดินออกมา
เย่เทียนรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของเขาทำให้ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ เย่เทียนตระหนักได้ถึงคลื่นแห่งจิตวิญญาณบนร่างกายของเขา!
เกรงว่าผางอานคางก็เป็นนักรบเช่นกัน!
“ทำไม?นายยังคิดว่านายยังเป็นคู่ต่อสู้ของฉันอยู่ไหม?”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเย่เทียนที่มองไปที่ผางอานคางก็ดูขี้เล่น “นายไม่เห็นจุดจบของลูกน้องสองคนนั้นเหรอ?”
“เหอะ!นายไม่ใช่แค่เอาชนะน้องเล็กของฉันเหรอ?มีอะไรให้น่าภูมิใจกัน!มาดูว่าฉันจะจัดการนายยังไงดีกว่า!”
ผางอานคางไม่ใช่ลูกชายผู้ลากมากดีอย่างตู้เคอหลิน ตระกูล庞เป็นตระกูลนักรบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเข้าร่วมกับกองทัพเลย
ในตอนนี้ที่เขาเห็นทักษะของเย่เทียน เขาไม่เพียงแต่ไม่กลัวแจ่ในทางกลับกันเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่อยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเย่เทียนแบบตัวต่อตัว
จี้เยียนหรันกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็น หล่อนคิดว่าเรื่องมันจะจบแต่ที่ไหนได้ไม่คิดเลยว่าผางอานคางจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้
“เยียนหรัน ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก”
เมื่อหยุนเหมิงหยานรับรู้ได้ถึงความกังวลของเพื่อนสาวคนสนิทจึงจำใจปลอบไปแต่สมองของเธอกลับอดคิดถึงเรื่องที่เกิดบนเครื่องบิน ใบหน้าแสนสวยอดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อ
“เหมิงหยาน แบบนี้มันไม่ดีเลยนะ?ผางอานคางเป็นคนมารับพวกเรา หาก…..”
เพียงแค่จี้เยียนหรันที่มีความสัมพันธ์กับเย่เทียนจะไม่กังวลได้ยังไงกันล่ะ?
“หมานจื่อ ยังไม่รีบพูดออกมาอีก!”
หยุนเหมิงหยานขมวดคิ้วพร้อมกับใช้ศอกกระทุ้งไปที่ด้านข้างของเซวหมานจื่อที่กำลังดูด้วยความสนอกสนใจ
เซวหมานจื่อกลับมามีสติพร้อมกับพูดอย่างหนักแน่นว่า “เยียนหรัน เมื่อหลายปีก่อนฉันเคยต่อสู้กับผางอานคาง เด็กนั่นไม่สามารถต้านทานยี่สิบกระบวนท่าของฉันได้ คนชนะต้องเป็นเย่เทียนอย่างแน่นอน อย่ากังวลไปเลย”
พูดถึงขนาดนี้ จี้เยียนหรันทำได้แค่พยักหน้าและไม่ตอบอะไร
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ล่ะว่าเย่เทียนไม่ธรรมดาแต่หากเย่เทียนโดนเตะขึ้นมา หล่อนเองก็คงเจ็บปวดใจ!
เย่เทียนจะไม่รู้สิ่งที่จี้เยียนหรันคิดได้ยังไง เขายิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่งจ้องมองมาที่ผางอานคางพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ชายร่างกำยำสองคนและพูดอย่างขี้เล่นว่า “ทำไม นายยังคิดอยากจะสู้กับฉันอีกเหรอ?”
“ไม่!”
ผางอานคางส่งเสียงเหอะออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “ฉันไม่สู้กับนาย!แค่ทุบตีนายเท่านั้น!”
“อย่าพูดมาก นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ฉันแนะนำว่าอย่ามาหาเรื่องฉันดีกว่า”
เย่เทียนหัวเราะอย่างโง่เขลาพร้อมกับเหยียดมือออกไปและส่ายหัว จากนั้นพูดอย่างดูถูกว่า “ไม่อย่างงั้น นายก็ตามรอยสองคนนั้นไปได้เลย!”
ผางอานคางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าเย่เทียนจะหยิ่งยโสถึงเพียงนี้แต่ด้วยการแสดงของเย่เทียนก่อนหน้านี้ทำให้เขาพอจะรู้ว่าเย่เทียนก็พอมีความสามารถอยู่และไม่อาจเพิกเฉยได้
“น้ำเสียงไม่เบาเลยนะ!มาให้ฉันดูหน่อยสิว่านายมีกำลังหรือไม่!”
เมื่อพูดจบ ผางอานคางก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป พลังของเขาเทลงมาที่ปลายเท้าและทันใดนั้นร่างของเขาหายไปในทันที เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็คือมาที่ด้านหน้าของเย่เทียนแล้ว!
“เอ๊ะ?!”
ดวงตาสีเข้มทั้งสองข้างของเย่เทียนหรี่ตาลง ไม่น่าแปลกใจที่ผางอานคางส่งเสียงดัง รู้สึกได้ว่าเป็นเพียงระดับเหลืองชั้นต่ำแต่ความสามารถเท่านี้ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้!
เย่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น เขาเพิ่งลงจากเครื่องบินไม่นานก็ต้องมาเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเจอปัญหาอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม เย่เทียนไม่ได้กังวลมากนัก ยังไงซะจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้อย่างทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!
ขอเพียงแค่ไม่เจอสัตว์ประหลาดตัวเก่า เย่เทียนมั่นใจว่าหากไม่ชนะแต่ก็จะไม่มีใครรั้งเขาไว้ได้!