บทที่ 1020 ความฝันที่ยาวนาน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงหยุนยังคงอยู่นอนหลับใหลอยู่ในอาการโคม่า..แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้ยินเสียงพูดของผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นฉินตงเฉี่วย หรือว่าใครๆ
  ในเวลานั้น..หลิงหยุนกำลังออกเดินทางไปไกลหลายพันลี้ผ่านความฝัน มันเป็นความฝันที่แสนยาวนาน และทุกเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่มีหลิงหยุนอยู่ด้วยทั้งสิ้น
  เพียงแต่ในความฝันนั้น..ยังมีหลิงหยุนอีกคนที่เป็นเพียง ‘ผู้ดู’ เท่านั้น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเลย แต่ทุกอย่างก็เหมือนจริงจนเขาเองก็แยกไม่ออกว่า มันคือความฝัน หรือว่าความจริงกันแน่!
  ……
  ตูม!เสียงระเบิดภายในร่างกายดังขึ้น
  “ฮ่า..ฮ่า.. ในที่สุดข้าก็เข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว! คิดไม่ถึงว่าจะง่ายดายเพียงนี้ ไม่เห็นจะยากเย็นดังที่ตำนานว่าไว้เลยสักนิด..”
  ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่..ภายในหุบเขาที่ไร้ชื่อแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มอายุสิบสองปีนามว่าหลิงหยุน.. ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคู่งามของเด็กน้อยหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้น เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก..
  ตามตำรากล่าวไว้ว่า..การที่จะทำให้ร่างกายสร้างพลังปราณได้อย่างไม่รู้จบนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง หลิงหยุนจึงไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากนัก เขาเพียงแค่อยากรู้อยากเห็น และอยากลองเท่านั้น แต่จากการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาติดกันถึงเจ็ดวัน หลิงหยุนกลับสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้สำเร็จ..
  “ไม่น่าเชื่อ..ครั้งนี้ร่างกายของข้าจะอัศจรรย์มากเพียงใดกันนะ”
  หลิงหยุนในฐานะ‘ผู้ดู’ เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาเมื่อได้รู้ว่า ตนเองนั้นได้เริ่มต้นฝึกบ่มเพาะมาตั้งแต่เมื่อใด..
  ……..
  “พี่ใหญ่..พี่ใหญ่คะ.. รอฉันด้วย! ฉันวิ่งตามพี่ไม่ทัน..”
  เด็กหญิงแก้มอมชมพูวิ่งตามก้นเด็กชายในวัยเดียวกันไปพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
  “ฮือ..ฮือ..” แต่แล้วเด็กหญิงก็ร้องไห้ออกมาเมื่อลื่นล้มลงไปกับพื้น
  เด็กชายคนนั้นจึงรีบหยุดวิ่งและรีบกลับไปช่วยพยุงเด็กหญิงให้ลุกขึ้นจากทันที จากนั้นจึงช่วยปัดฝุ่นที่เปื้อนอยู่ตามร่างกายให้ อีกทั้งยังคอยเช็ดน้ำตาให้ด้วย..
  “หลิงยู่..ทำไมถึงวิ่งไม่ระวังแบบนี้ล่ะ แล้วเธอจะคอยวิ่งตามพี่ทำไมกัน?”
  “พี่ใหญ่..ฉันอยากเล่นกับพี่..” ปากเล็กๆ ของหนิงหลิงยู่พูดเจื้อยแจ้ว
  “หลิงยู่งั้นรึนี่.. นี่หลิงยู่ตอนเป็นเด็กงั้นรึ? ถ้าเช่นนั้น.. เด็กผู้ชายคนนั้น..”
  “แล้วข้าที่มองดูอยู่นี่ล่ะ..!”
  หลิงหยุนตกใจอย่างมาก..เพราะนี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ครั้งนี้เขากลายเป็นเพียงผู้ดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น!
  ……..
  “เจ้าหนู..เจ้าอย่าหนีนะ! กล้าขโมยโอสถของอาจารย์ข้างั้นรึ ดูว่าข้าจะจัดการกับเจ้าเช่นใด?”
  เด็กหนุ่มอายุราว17-18 ปี จำนวนสี่คน กำลังล้อมจับเด็กชายอายุสิบสามปีคนหนึ่ง สีหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างมาก!
  และแน่นอนว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือหลิงหยุนนั่นเอง..หลังจากฝึกเพลงกระบี่เหินฟ้าสำเร็จแล้ว เขาก็ได้ไปที่สำนักฝึกปราณแห่งหนึ่งเพื่อขโมยโอสถพลังชี่ แต่กลับถูกศิษย์สำนักนั้นพบเข้า และทั้งสี่คนก็กำลังไล่ล่าหลิงหยุนอย่างไม่ลดละ..
  หลิงหยุนยังใช้เพลงกระบี่เหินฟ้าไม่คล่องนักจึงยังไม่สามารถควบคุมกระบี่ให้ไปในทิศทางที่ต้องการได้ กระบี่เหินฟ้าจึงได้บินฉวัดเฉวียนไปมาจนเขาเองก็แทบทรงตัวไม่อยู่ และดูเหมือนจะสามารถตกลงมาได้อยู่ตลอดเวลา แต่ในระหว่างนั้น.. หลิงหยุนก็รีบโยนโอสถพลังชี่ในมือเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว
  “นี่..พวกเจ้าจะไล่ตามข้าไปถึงใหนกัน ก็แค่ยาเม็ดเพิ่มพลังปราณ รอให้ข้าสามารถกลั่นโอสถเองได้ก่อน แล้วข้าจะนำมาคืนให้พวกเจ้าเป็นกระสอบเลยทีเดียว..”
  หลังจากล้อเลียนศิษย์ทั้งสี่ของสำนักฝึกปราณแห่งนั้นแล้วหลิงหยุนก็รีบกลืนโอสถพลังชี่ลงคอไปทันที และหลังจากที่กินเข้าไปแล้ว ขั้นของหลิงหยุนก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถหนีการไล่ล่าของศิษย์ทั้งสี่คนไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงมองหาสถานที่สำหรับเดินลมปราณต่อ..
  “เจ้าสี่คนนั้นช่างโง่นัก!”
  หลิงหยุนซึ่งเป็น‘ผู้ดู’ พึมพำออกมาอย่างนึกขัน เขาจำได้แม่นยำว่า หลังจากนั้นไม่นานหลิงหยุนก็สามารเข้าสู่ขั้นจินตันได้สำเร็จ ในขณะที่ศิษย์ทั้งสี่คนนี้ยังคงติดอยู่ที่ขั้นพลังชี่ ไม่มีสักคนที่ผ่านเข้าสู่ขั้นชู่วจี (สร้างรากฐานปราณ) ได้เลยสักคน..
  และหลังจากที่หลิงหยุนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นจินตันได้แล้วเขาก็กลับไปที่สำนักฝึกปราณแห่งนั้น และมอบโอสถชู่วจีสำหรับสร้างรากฐานปราณให้กับสำนักแห่งนั้นหลายร้อยเม็ด ทำให้ศิษย์ในสำนักต่างก็พากันตกอกตกใจ..
  ……
  ในโรงเรียนระดับประถมแห่งหนึ่ง..
  “ใครกล้ารังแกน้องสาวของฉันฉันจะไม่ปล่อยมันไว้แน่!”
  เด็กชายอายุเก้าขวบชื่อว่าหลิงหยุนยืนแอ่นอกอยู่หน้าเด็กหญิงหลิงยู่ พร้อมกับกำหมัดเล็กๆนั้นไว้แน่น แล้วตรงเข้าชกเด็กผู้ชายสองสามคนที่กำลังรังแกหนิงหลิงยู่..
  “น้องพี่ไม่ต้องกลัวนะ..พี่ใหญ่จะปกป้องเธอเอง..”
  หลังจากการชกต่อยครั้งนั้นหลิงหยุนก็ช้ำไปทั้งตัว และใบหน้าบวมปูด เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับใช้มือเล็กๆ นั้นลูบบ่าหนิงหลิงยู่อย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบประโลม
  “พี่ใหญ่..พี่เจ็บมากมั๊ยคะ”
  ใบหน้างดงามของหนิงหลิงยู่ซีดขาวด้วยความกลัวและค่อยๆใช้ฝ่ามือเล็กๆนั้นเช็ดหน้าให้กับหลิงหยุน พร้อมกับร้องไห้ออกมา..
  “ไม่เจ็บเลยสักนิด..”
  หลิงหยุนฉีกยิ้มให้พร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังของหนิงหลิงยู่เป็นการปลอบโยนอีกครั้ง..
  “พี่ใหญ่..พี่จะปกป้องฉันไปตลอดเลยมั๊ย” ดวงตาคู่งามชวนฝันของหนิงหลิงยู่จ้องมองหลิงหยุนแน่นิ่ง
  “แน่นอนอยู่แล้ว!”
  หลิงหยุนน้อยเองก็ยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองพร้อมกับตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ..
  “โอ้..ดูเหมือนตอนเด็กๆ เจ้าเด็กนั่นไม่เลวเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนซึ่งเป็น‘ผู้ดู’ นั้นถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และประหลาดใจ
  …..
  ปัง..ปัง.. ปัง..
  หลิงหยุนซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นจินตันกำลังประมืออยู่กับยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทั้งสามคน และความแข็งแกร่งของยอดฝีมือในขั้นปฐมจิตนี้ ก็เท่ากับหลิงหยุนต้องประมือกับศัตรูถึงหกคนพร้อมกัน..
  “วิชาดาราคุ้มกาย!”
  “เงาพันร่าง..หมัดปีศาจเถียนกัง!”
  หลิงหยุนโคจรดาราคุ้มกายพร้อมกับใช้พลังจิตสร้างร่างเสมือนจริงขึ้นมา และหลิงหยุนทั้งสามสิบหกร่างก็พุ่งหมัดปีศาจเถียนกังเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทั้งสามคนพร้อมๆกัน!
  ยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทั้งสามถูกหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนเข้าไปก็ถึงกับตกใจจนต้องการที่จะหลบหนี..
  “พวกเจ้าหนีข้าไม่พ้นแน่!”
  “หยางสะกดเซียน!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปและจู่ๆ แสงสีขาวก็ทำหน้าที่แทนกรงขัง พุ่งเข้าครอบร่างของยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทั้งสามไว้ทันที..
  “ตายซะ!”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นคว้าอากาศธาตุดึงเอาพลังจากผืนดินก่อนจะฟาดฝ่ามือกระแทกเข้ากับร่างของตนเองจนลอยขึ้นไปกลางอากาศ แล้วจึงซัดฝ่ามืออีกข้างออกไปด้านหน้า ปรากฏเป็นกระบี่หยางพิสุททธิ์สามเล่มพุ่งเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทันที!
  ยอดฝีมือขั้นปฐมจิตทั้งสามคนไม่มีแม้แต่เวลาที่จะร้องขอความเมตตา..
  จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้พลังจิตที่แก่กล้าของตนเองเรียกของวิเศษทั้งหมดกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ของตนเองทันที
  “หึ..คิดจะแย่งของวิเศษไปจากข้างั้นรึ พวกเจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้านี่ล่ะคือนักล่าสมบัติที่แท้จริง..”
  หลังจากยึดสมบัติล้ำค่าของยอดฝีมือทั้งสามไปแล้วหลิงหยุนก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ..
  ในขณะที่หลิงหยุนซึ่งเป็นผู้ดูนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจเช่นเดียวกัน..
  ……
  “พี่ชายน้องสาวงั้นเหรอตลกสิ้นดี!”
  “น้องสาวแซ่หนิงส่วนนายแซ่หลิง.. จะเป็นพี่น้องกันได้ยังไง”
  “นายกับน้องสาวคนใดคนหนึ่งจะต้องถูกเก็บมาเลี้ยงแน่ๆ..ฮ่าฮ่า”
  เด็กชายอายุสิบสองปีคนหนึ่งร้องตะโกนบอกความจริงอันเจ็บปวดนี้ต่อหน้าหลิงหยุน..
  ครั้งนั้น..เด็กน้อยหลิงหยุนโกรธดังไฟสุมอก ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะ แต่ทั้งหมดก็เป็นความจริงที่หลิงหยุนไม่สามารถโต้เถียงได้ เขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแทน..
  “พี่ใหญ่..”
  หนิงหลิงยู่ซึ่งเติบโตมาเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามยิ่งนักจ้องมองหลิงหยุนที่นิ่งเงียบด้วยความเป็นห่วงเป็นใย..
  ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยหลิงหยุนไม่ตอบโต้..
  หลิงหยุนซึ่งเวลานี้เป็นเพียง‘ผู้ดู’ นั้น เข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยในวัยนั้นได้เป็นอย่างดี และรู้ว่าเด็กน้อยหลิงหยุนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ..
  หลิงยู่ไม่ได้ถูกเก็บมาเลี้ยง..แต่เป็นฉันต่างหากที่ถูกเก็บมาเลี้ยง!
  พ่อกับแม่..พวกท่านอยู่ที่ใหน ทำไมพวกท่านถึงไม่ต้องการผม? สักวันผมจะตามหาพวกท่านให้พบ และจะถามคำถามนี้กับพวกท่านทั้งสอง..
  ครั้งนั้น..เด็กชายหลิงหยุนเริ่มรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และเป็นครั้งแรกที่ภายในใจต้องการตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเอง..
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงผู้ดูไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไปว่า
  “เจ้าหนู..อย่าได้รู้สึกต่ำต้อย หรือน้อยอกน้อยใจไปเลย.. เวลานี้ครอบครัวของเราอยู่ที่ปักกิ่ง พ่อของพวกเราชื่อหลิงเสี่ยว แม่ของพวกเราคือธิดาพรรคมาร ทุกคนล้วนแล้วแต่ยังอยู่บนโลกใบนี้! พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกต้อยต่ำ แต่ควรต้องภาคภูมิใจต่างหากเล่า..!”.ไอลีนโนเวล.
  แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพียงภาพที่ผุดขึ้นจากความทรงจำเบื้องลึกเท่านั้นต่อให้หลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงผู้ดูจะพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยินอยู่ดี..
  แต่หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเหตุใดเขาจึงใช้คำว่า ‘พวกเรา’
  ……..
  “ฮ่า..ฮ่า.. นี่ข้าสามารถสร้างของวิเศษได้แล้วรึ”
  “โอ้สวรรค์!นี่ข้าต้องรับทัณฑ์สวรรค์อีกแล้วงั้นรึ ครั้งนี้ข้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม..”
  “นี่ธิดาหิมะ..เจ้าเลิกวิ่งตามข้ามาสักทีจะได้หรือไม่ ข้าไปขโมยสมบัติในวังน้ำแข็งของเจ้าหรือยังไงกัน?”
  “แย่แล้ว..วังหิมะส่งยอดฝีมือล้ำเลิศมาตามสังหารข้ามากมายเช่นนี้ ข้าต้องหาที่ซ่อนก่อน..”
  …………
  เด็กวัยรุ่นอายุสิบห้าปีในโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง..
  ตลอดสามปีที่ผ่านมา..หลิงหยุนกลายเป็นคนเงียบขรึมมากขึ้นทุกวัน แต่กลับอ่อนแอลงทุกวันด้วยเช่นกัน ร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อยๆ และเวลานี้ก็กลายเป็นเด็กวัยรุ่นตัวอ้วนกลม..
  “น้องพี่..นี่เป็นเงินค่าขนมที่แม่ให้พี่ไว้ ใกล้จะสอบแล้ว เธอเอาเงินนี่ไปซื้ออาหารดีๆมีประโยชน์กินนะ!”
  หลิงหยุนร่างอ้วนร้องบอกหนิงหลิงยู่พร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอยู่เต็มหน้า..
  “ฉันไม่ต้องการ..เงินจำนวนนี้แม่ให้พี่ พี่ก็เก็บไว้ให้ดีก็แล้วกัน ครั้งนี้อย่าให้ใครมาแย่งไปได้อีกล่ะ!”
  เวลานี้หนิงหลิงยู่นั้นงดงามราวกับดอกไม้แรกแย้มผิวพรรณของเธอนั้นนวลเนียนราวกับหยก แม้ใบหน้าจะงดงามชวนฝัน แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา และน้ำเสียงที่พูดก็ช่างดูถูกเหยียดหยันยิ่งนัก..
  หลิงหยุนซึ่งเป็นเด็กขี้แพ้ในเวลานี้ได้เห็นสีหน้าท่าทางเช่นนี้ของหนิงหลิงยู่มาตลอดสามปี และเขาเองก็เข้าใจดีว่าที่หนิงหลิงยู่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะเป็นการกระตุ้นให้หลิงหยุนที่อ่อนแอ และต้อยต่ำนี้ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง..
  “ฉันจะสอบเข้าเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมจิงฉู..”
  หนิงหลิงยู่พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันทีหลิงหยุนกัดริมฝีปากนิ่งเงียบ และมองตามหลังหนิงหลิงยู่ไปด้วยแววตาเศร้าสร้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา..
  หลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงผู้ดูนั้นได้รับรู้ความทรงจำ และความรู้สึกของหลิงหยุนทั้งหมด และได้รู้ว่าหลังจากนั้นหลิงหยุนตั้งใจที่จะเดินไปที่ร้านขายหนังสือเพื่อซื้อตำราด้านการแพทย์..
  แต่เพียงแค่เดินออกไปนอกประตูโรงเรียนก็ถูกเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ดักรออยู่ รีดไถเอาเงินของเขาไปจนหมด..
  หลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงผู้ดูนั้นทั้งโกรธทั้งแค้นแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรหลิงหยุนได้!
  …..
  ในขั้นอมตะ..
  “ครั้งนี้ถ้าข้าผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จข้าก็จะได้ขึ้นไปอยู่ในโลกของเซียนแล้ว!”
  ในที่สุดหลิงหยุนก็ฝึกมาถึงขั้นอมตะและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะผ่านทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ไปให้ได้..
  หลิงหยุนทุ่มเทเวลาไปกว่าหกปีเพื่อเตรียมพร้อมในครั้งนี้..
  ของวิเศษโอสถต่างๆ ยันต์ และค่ายกล เวลานี้หลิงหยุนเป็นเลิศในทุกๆด้านแล้ว และการเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น..
  สายฟ้าเทวะที่ทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วนกระหน่ำลงมากราวกับห่าฝน!
  ………..
  เมื่ออายุครบสิบหกปีหลิงหยุนก็เข้าสู่มัธยมปลาย..
  หลิงหยุนรู้สึกงุนงงอย่างมากหากเปรียบเทียบระหว่างตนเองกับหนิงหลิงยู่ซึ่งเก่งไปเสียทุกด้านนั้น ตัวเขาเองก็ไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง แต่เพราะเหตุใดแม่ของเขา – นางฉินจิวยื่อ จึงต้องให้เขาออกจากโรงเรียนเก่า และมาเข้าโรงเรียนดีๆเช่นเดียวกับน้องสาวด้วย..
  หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับเผลอยิ้มออกมา“นักเรียนหญิงคนนั้นสวยจังเลย..”
  เขาหลงรักเกาเฉินเฉินตั้งแต่แรกเห็น..
  “นี่เจ้าอ้วน..ฉันจะบออกอะไรให้! ฉันชอบหนิงหลิงยู่น้องสาวของนายมาก ถ้ามีใครมาเกาะแกะหนิงหลิงยู่ นายรีบมาบอกฉันเลยนะ แล้วฉันจะจัดการกับมันเอง!”
  ถังเมิ่งร้องบอกหลิงหยุนและเรียกเขาว่าเจ้าอ้วน..
  “หลิงหยุน..ทำไมนายต้องโดดเรียนบ่อยๆด้วย นี่มัธยมปลายแล้วนะ นายตั้งใจเรียนหน่อยไม่ได้หรือไง?”
  เกาเฉินเฉินพูดกับหลิงหยุนเป็นครั้งแรกหลิงหยุนได้แต่ยืนหน้าแดง และตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก..
  “หลิงหยนุ..ครูคงต้องไปพบผู้ปกครองของเธอแล้วล่ะ!”
  หลังจากผลสอบออกมาครูประจำชั้นคนสวยกงเสี่ยวลู่ก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นในขณะที่พูดกับเขาอย่างเหนื่อยใจ
  แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่นิ่งเฉย..
  “หลิงหยุน..เธอต้องเตรียมตัวสอบเข้มมหาวิทยาลัยแล้วนะ จะมานั่งเล่นเกมแบบนี้ทุกวันไม่ได้ ถ้าเธอสอบเอนทรานซ์ไม่ติด จะมาโทษว่าพี่ซูไม่เตือนไม่ได้นะ..”
  ซูปิงหยานซึ่งเป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นั้นก็มักจะคอยกระตุ้นเตือนหลิงหยุนให้กลับไปตั้งใจเรียนอยู่บ่อยๆ
  “ไม่ต้องห่วงครับพี่ซู!เพราะถึงยังไงผมก็ไม่เข้าสอบอยู่แล้ว สู้อยู่ช่วยงานพี่ซูที่นี่จะดีกว่า..”
  หลิงหยุนตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองซูปิงหยานแต่แล้วซูปิงหยานก็กระเถิบเข้าไปใกล้หลิงหยุน พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปจนหน้าอกใหญ่โตนั้นเบียดกับไหล่ของหลิงหยุน แล้วจึงกระซิบเสียงเบา
  “สองสามวันนี้ฉันเห็นคนคอยสะกดรอยตามเธอเธอต้องระมัดระวังตัวให้มากล่ะ!”
  “ครับพี่ซู!ผมจะระวังตัวครับ!” หลิงหยุนตอบด้วยท่าทีลนลาน
  หลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงผู้ชมนั้นได้แต่ยิ้มออกมากับท่าทีของหลิงหยุน..
  …………
  ความทรงจำต่างๆของหลิงหยุนที่เคยหายไปนั้น ไม่ได้ลบเลือนหายไปเลย แต่กำลังแสดงออกให้เขาเห็นในความฝันทีละเรื่องๆ
  ความทรงจำต่างๆที่ผุดขึ้นในความฝันนั้นทำให้เขาได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของหลิงหยุนทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นความโอหังถือดี ความกล้าหาญ หรือแม้กระทั่งความน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของหลิงหยุน..
  หลิงหยุนค่อยๆรับรู้และสัมผัสไปทีละเรื่อง..
  ความฝันที่แสนยาวนานของหลิงหยุนนี้กำลังหล่อหลอมโลกก่อนกับโลกปัจจุบันของเขาเข้าด้วยกัน!