ศาสตราจารย์เสิ่นสีหน้าขรึม มองศาสตราจารย์ฮั่ว แล้วค่อยๆลุกขึ้น

ทันใดนั้น ทุกสายตาก็หันไปมองที่ศาสตราจารย์เสิ่น

“ฉันเป็นคนแนะนำให้เขาเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ระดับอาจารย์แทนฉันเอง นายมีปัญหาอะไรงั้นหรอ?” ศาสตราจารย์เสิ่นสีหน้าจริงจัง จ้องมองศิษย์พี่คนนี้ของตัวเองอย่างไม่หวาดหวั่น

ศาสตราจารย์ฮั่วยิ้มเยาะ “นายก็ไม่ดูสักหน่อยว่านี่คืองานอะไร!”

“ดูรูปลักษณ์ของเขาแล้ว คงจะเป็นนักศึกษาปีหนึ่งสินะ? นายให้นักศึกษาปีหนึ่งมาอยู่ในระดับเดียวกับรุ่นพี่การศึกษาชีววิทยา นายคิดว่าได้งั้นหรอ?”

ศาสตราจารย์เสิ่นพูดว่า “การศึกษาไม่แบ่งแยกระดับโดยอายุ เพียงแค่เขามีความสามารถ แล้วทำไมเขาจะทำไม่ได้!”

ศาสตราจารย์ฮั่วหัวเราะ “นักศึกษาปีหนึ่งจะมีความสามารถอะไร? ศิษย์น้อง นายคงจะไม่ได้กลัวหรอกใช่มั้ย?”

ในสายตาของทุกคนที่มองไปยังศาสตราจารย์เสิ่น มีความเหยียดหยาม การกระทำเช่นนี้ของศาสตราจารย์เสิ่น เหมือนดั่งที่เฉินโม่พูดก่อนหน้านี้ ก็คือมีความน่าสงสัยว่าหัวหด

ศาสตราจารย์เสิ่นหัวเราะเยาะ แล้วเถียงว่า “ไม่เคยลองสักหน่อย แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่มีความสามารถ?”

ศาสตราจารย์ฮั่วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ศิษย์น้อง นายกับฉันสู้กันมาครึ่งชีวิตแล้ว ต่างก็มีแพ้มีชนะ แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้นายจะกลัวพ่ายแพ้ นายกลัวที่จะแพ้ให้กับฉันขนาดนั้นเชียวหรอ?”

“ตลก ฉันเคยกลัวนายเมื่อไหร่กัน? ฉันให้เฉินโม่กล่าวสุนทรพจน์แทนฉัน เป็นเพราะเขามีความสามารถมากกว่าฉัน!” ศาสตราจารย์เสิ่นพูด

“กลัวแพ้ก็พูดมาตามตรง ให้นักศึกษามารับผลแทน ไม่มีการกระทำของสุภาพบุรุษ!” ศาสตราจารย์ฮั่วไม่เชื่อ เขามั่นใจว่าศาสตราจารย์เสิ่นกลัวแพ้ จึงจงใจให้เฉินโม่ออกมารับผลแทน

“พอแล้ว!” เสียงมีอายุเสียงหนึ่งดังขึ้น แทรกเสียงทะเลาะของทั้งสองคน

หยางจื่อหนิงสีหน้าเย็นชา สายตามองศาสตราจารย์ฮั่วและศาสตราจารย์เสิ่น แล้วพูดนิ่งๆว่า “ความแค้นของพวกนายสองคน ไปจัดการกันเอง ที่นี่คืองานแลกเปลี่ยน”

เป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับต้นทางด้านอณูชีววิทยาเช่นกัน แต่เมื่อศาสตราจารย์ฮั่วอยู่ต่อหน้าหยางจื่อหนิง กลับไม่กล้าเถียงใดๆสักคำ

“ครับ!” ศาสตราจารย์ฮั่วก้มหน้าตอบ

หยางจื่อหนิงพยักหน้า แสดงออกว่าพอใจกับการทำตัวของศาสตราจารย์ฮั่ว จากนั้น สายตาก็หันไปมองศาสตราจารย์เสิ่น “อย่าก่อความวุ่นวายแล้ว รีบขึ้นเวทีไปเถอะ!หากว่าเขามีความสามารถจริงๆ รอการกล่าวสุนทรพจน์ระดับนักศึกษาวันพรุ่งนี้ ค่อยให้ทุกคนได้เห็นแล้วกัน”

เห็นได้ชัดว่าหยางจื่อหนิงเองก็ไม่เชื่อว่าเฉินโม่มีสิทธิ์มากพอที่จะเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ระดับอาจารย์ โดยคนปกติทั่วไปแล้ว ล้วนไม่เชื่อทั้งนั้น

เมื่อเห็นหยางจื่อหนิงออกตัว ทุกคนต่างก็แสดงความคิดเห็น

“มหาวิทยาลัยหัวหนานแย่ลงทุกปีจริงๆ เมื่อก่อนถึงแม้จะได้อันดับท้ายตลอด แต่อย่างน้อยก็ไม่พ่ายแพ้เละเทะขนาดนี้ ให้นักศึกษาปีหนึ่งออกมารับผลแบบนี้ได้ยังไงกัน?” มีคนหัวเราะเยาะ

“อาจารย์แบบนี้ จะสั่งสอนนักศึกษาแบบไหนออกมากัน ไม่ต้องพูดก็รู้แล้ว! หึๆ…”

“ศาสตราจารย์เสิ่นคนนี้ยังเป็นผู้อาวุโสทางด้านชีววิทยาอีกด้วยทำไมถึงได้ใช้วิธีการต่ำช้าแบบนี้นะ? ได้ยินกับได้เจอกับตาแตกต่างกันจริงๆ”

เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยพวกนั้น แม้ศาสตราจารย์เสิ่นจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้อยู่ดี

แต่ว่า เขาพยายามเก็บกดความโมโหไว้ สีหน้าปล่อยวางตัดสินใจเด็ดขาด

“งานแลกเปลี่ยนไม่ได้มีกฎว่าห้ามนักศึกษาเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ระดับอาจารย์ ฉันทำแบบนี้ ไม่ผิดกฎใดๆทั้งสิ้น ไม่มีใครมีสิทธิ์ขัดขวาง” ศาสตราจารย์เสิ่นพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

หยางจื่อหนิงขมวดคิ้ว มองศาสตราจารย์เสิ่น แล้วยิ้มเยาะ “นายมั่นใจว่าจะทำแบบนี้? งานแลกเปลี่ยนไม่มีกฎห้ามนักศึกษาเข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ระดับอาจารย์ แต่หากว่าฝีมือความสามารถของเขาต่ำกว่าที่งานแลกเปลี่ยนกำหนดไว้ มหาวิทยาลัยหัวหนานของพวกนายก็จะถูกตัดสิทธิ์เข้าแข่งขันไปตลอดกาล”