” คุณชายน้อย … คุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บ … เขามิอาจขี่ม้าได้แล้ว .. นั่นเป็นเหตุให้เขาต้องนั่งรถม้า ! ”
หน้าผากของผู้นำกลุ่มดูดกลืนวิญญาณ หวางดงเปียกชุ่ม นั่นมิใช่เพราะเขาหวาดกลัว เขาแค่กระทำตัวเองเพื่อให้เกิดผลเช่นนี้ คนผู้นี้คิดหาข้ออ้าง แต่ มันไม่สมเหตุสมผลหรือ ? เขาเป็นผู้ที่มีสติปัญญายิ่ง เขารู้ว่า ก้นของคุณชายน้อยถูกตีในตอนที่เขาแหกกฏทหาร เช่นนั้น เขาจึงเร่งรีบใช้ความจริงนี้เพื่อทำการโกหกอย่างสมเหตุผล
” เร็วเข้า ยกคุณชายน้อยขึ้น เร่งรีบพาเขาไปยังรถม้า และดูแล !
สมาชิกของ กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ จำนวนหนึ่งร้อนรน พวกเขาเป็นกลุ่มของมือสังหาร แต่การแสดงของพวกเขาก็เป็นเลิศ
ตู่กู้เซี่ยวอี้ เร่งรีบลงมา
” ให้ข้าดู ! เร้วเข้า ให้ข้าดู ! เอ๋ ! เร็วเข้า รีบพาตัวเขาไปที่รถม้า ! เขาได้รับการบาดเจ็บจริงๆ … เหตุใดเขาถึงมิได้เอ่ยถึงมัน … !? “
ทุกคนเหงื่อตก มือสิบสี่ข้างยกร้างไร้สติของจวินโม่เซี่ย และ นำตัวเขาไปยังรถม้า
กวนเซียงฮั่นยังคงอยู่ในรถม้า นางต้องการเอ่ยบางสิ่ง แต่ในที่สุดก็ติดสนใจเงียบปากไว้ นางอดยิ้มเล็กน้อย ขณะมองไปยังร่างไร้สติของจวินโม่เซี่ยไม่ได้
ข้ารู้ถึงพฤติกรรมของน้องเขยได้อย่างชัดเจน
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยืดคอ และถามด้วยความร้อนใจ
” เขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ? เขาได้รับความเจ็บปวดเมื่อใด ? บาดเจ็บอย่างไร ? มันรุนแรงหรือไม่ ? เจ้ามียาหรือไม่ ? จักต้องใช้ยาอันใด ? ผู้ใดทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ … ? “
คำถามมากมายทำให้นักรบเลือดเย็นตะลึงงัน พวกเขาคิดหาคำโกหกที่ชาญฉลาดนี้อย่างยากลำบาก แต่ พวกเขาไม่สามารถตอบคำถามที่มากมายเช่นนี้ได้
ความจริงที่ว่า คุณชายน้อยละเมิดกฏทหาร และได้รับการลงโทษตีด้วยกระบอง … มิใช่เรื่องที่ดี ยิ่งกว่านั้น การบาดเจ็บของคุณชายน้อยที่ได้รับจากการลงโทษนั้นก็หายแล้ว เขาหายไปนานแล้ว ….
” เซี่ยวอี้ ! มานี่ก่อน ! อย่าได้ซักไซ้พวกเขา ! ”
เสียงของกวนเซี่ยงฮั่นดังออกมาจากข้างใน เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตู่กู้เซี่ยวอี้ ถึงถอยออกมาและเข้าไปด้านใน นางเป็นกังวลและมันแสดงออกมาจากน้ำเสียงของนาง
” พี่จิ้งฮั่น นี่ … มันจักเป็นอย่างไร ? พวกเราควรทำอะไร ? เอ๋ ! เขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ? เข้าเป็นกงัวลยิ่งนัก … ”
สมาชิก กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ ปาดเหงื่อ
” ฮี่ ฮี่ … ”
กวนเซียงฮั่นมิอาจกลั่นขำได้ จวินโม่เซี่ยค่อยตื่นขึ้นในไม่นาน เขาดูสุขภาพไม่ดี ขณะถาม
” ข้าอยู่ที่ใด ?! “
กวนเซียงฮั่นยังไม่เอ่ยสิ่งใดเมื่อ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ขัดจังหวะด้วยความตื่นเต้น
” ในรถม้า ! เจ้าอยู่ในรถม้า ! เจ้า ..เจ้าตื่นแล้ว ! เอ๋ ! เจ้าได้รับบาดเจ็บอันใด ? เร็วเข้าบอกข้าว่าจักจัดการกับมันได้อย่างไร ? ข้าจักช่วยเจ้า ! ”
แม่นางกวนกรอกตา
เจ้าเด็กสาวผู้นี้ไร้เดียงสายิ่งนัก
” ข้า บาดเจ็บ ? ข้าบาดเจ็บ แต่นั้นหายแล้ว ข้าเพียงแค่สุขภาพไม่ดีนั่นเพราะ .. ข้าได้รับพิษ ”
จวินโม่เซี่ยพึมพัม เขายักไหล่อย่างมีเลศนัย และหายใจสองสามครั้ง
บุรุษและหญิงสาวแตกต่างกันยิ่งนัก ข้าอยู่ในรถม้ามาหลายวัน แต่มันก็ยังมิได้มีกลิ่นเช่นนี้ แต่ หญิงสาวสองผู้ที่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยเพิ่งเข้ามาในรถม้า และมันก็มีกลิ่นที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ …
” เอ๋ ! เช่นนั้นมันเป็นเพราะพิษ ?! “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ตกใจ นางเบิกตากว้าง
“มันคือพิษอันใด ? มันอันตรายหรือไม่ ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคือพิษอันใด ? รักษายากหรือไม่ ? “
” โอ… ข้ามิได้ระมัดระวัง ดังนั้นข้าจึงได้รับพิษ ”
จวินโม่เซี่ยรู้สึกเสียใจยิ่งนัก
” จักบอก อ๊อก อ๊อก มันยากเกินกว่าอธิบาย ข้าจักดีขึ้นหลังจากได้พักผ่อนสักสองวัน มันจักน่าอายที่จักบอกเจ้าทั้งสอง … เจ้าไม่ต้องจัดการกับพิษของข้า …”
” ผู้ใดว่าเช่นนั้น ? เหตุใดเราจึงไม่เต็มใจ ? บอกพวกเราเร็วเข้า ! เราจักช่วยเจ้าได้อย่างไร ? “
ตู่กู้เซี่ยวอี้สอบถามอย่างเร่งรีบ .เหตุใดชายผู้นี้จึงอารมณ์เสีย ? เขาได้รับพิษ .. และเขายังคงโง่เง่า ! ไม่รู้ว่าผู้อื่นเป็นห่วงเจ้ามากเท่าใหร่ ?
” อ๊อก อ๊อก … พิษที่ข้าได้รับนั้น … มันชื่อว่า หยินหยางประสานโอสถ ”
จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้นอย่างมีเลศนัย เขาต้องการชั่งน้ำหนักวาจาของเขาอยางระมัดระวัง จากนั้นเขามองตรงไปยังใบหน้าของ กวนเซียงฮั่น เอาอดใจสั่นไม่ได้หลังจากที่เขามองสีหน้าอันเยือกเย็นของนาง ดังนั้นเขาจึงมิได้เอ่ยต่อ
” หยินหยางประสานโอสถ? ชื่อมันช่างน่ากลัว ! แต่เจ้าบอกว่าใช้มันรักษาได้ ? “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ถามร้อนรน นางเป็นเหมือนแมวที่อยู่บนหลังคาร้อนระอุ จมูกเล็กๆและอ่อนละมุนของนางเปียกชุ่ม
” หยินหยางโอสถ เป็นความจริงที่จักเอ่ยว่ามันเป็นการยากที่จักรักษาพิษนี้ แต่ มันเป็นวิธีรักษาที่ดี ฮี่ฮี่ … อ๊อก อ๊อก … ”
จวินโม่เซี่ยยิ้มอย่างช่วยร้ายชั่วแวปหนึ่ง ดังนั้นเข้าจึงไอเพื่อกลบเกลื่อน
” ไม่มียาใดที่สามารถรักษาพิษนี้ได้ แต่การรักษามันนั้นง่ายดาย แต่ ช่างน่าอายที่จะบอกถึงการรักษา ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจัดต้องเสียสละอย่างมากเพื่อรักษาพิษนี้ ”
” ไม่สำคัญ ! ข้าจักเสียสละทุกสิ่งเพื่อเจ้า ”
สาวน้อยเปล่งเสียง กวนเซียงฮั่นนั่งอยู่ข้างๆพวกเขา ยิ่งนางได้ยินส่งเหล่านี้ … นางยิ่งรู้สึกความพิษรุนบางอย่าง
เจ้าเด็กเหลือขอนี่แกล้งเป็นลม เซี่ยวอี้โง่เง่าที่เป็นห่วงเขา น่างมองไม่เห็นถึงความจริงที่อยู่ในความสับสนนี้ แต่ เขากำลังวางแผนการร้ายอันใดอยู่ ?
” แท้จริงแล้วมันต้อง … อ๊อก อ๊อก … การสังวาสกันระหว่างหญิงและชาย จากนั้น พิษนี้จักถูกถอนออกไปในทันที “
จวินโม่เซี่ยดูเขิลอาย เขาเอามือปิดปากเพื่อไอ
” อ๊อก อ๊อก … มิเช่นนั้นข้าจักต้องตายด้วยกิเลสตันหา หลังจากผ่านไปสามวัน ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องอับอายอย่างมากเพื่อได้ยินเช่นนี้ เช่นนั้น ลืมมันเสีย … นี่เป็นชะตากรรมของข้า ”
คุณชายน้อยจวินเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
” ฮ๊ะ ?! อะไร ?! เพื่อถอนพิษเจ้า … ข้าต้อง…. กับเจ้า ….เจ้า ”
ตู่กู้เซี่ยวอี้ เบิกตากว้างในทันที นางของนางเริ่มแดงขณะที่นางเริ่มเขินอาย นางยังเด็กและไร้เดียงสาง แต่นางรู้ว่าการสังวาสคืออะไร
กวนเซียงฮั่นคิดไว้ว่านางเขยของเขาวางแผนการยางอย่าง แต่ นางไม่เคยคิดว่าเจ้าชั่วร้ายผู้นี้กระทำไร้อางอายเช่นนี้ ! ชัดเจนว่านางไม่คาดว่าเขาจักสกปรกมากมายขนาดนั้น นางคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อนางได้ยินเขาเอ่ยถึง หยินหยางประสานโอสถ นางรู้สึกบางสิ่งน่าสงสัย อย่างไรก็ตาม กวนเซียงฮั่นยังคงไร้ประสบการณ์ เช่นนั้นนางจึงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหญิงและชาย ยิ่งไปกว่านาง นางประเมินความไร้ยางอายของจวินโม่เซี่ยต่ำไป หญิงสาวไม่คากว่าเขาจักทำเช่นนั้นได้
ข้าใจกว้างอย่างมากที่ยอมให้เขาเข้ามาในรถม้า แต่ ..ตอนนี้เขาต้องการ …
” จวินโม่เซี่ย! ”
คิ้วของกวนเซียงฮั่นชี้ขึ้น และดวงตาของนางร้อนผ่าว
” เจ้าตกลมากพอหรือยัง ?! เจ้าต้องการให้ข้าเต่ะเจ้าออกไปอีกหรือ ? เจ้าควรมีความสุขที่ให้ข้าให้เจ้าเข้ามาในรถม้า ! จงพอใจในสิ่งที่เจ้ามีตอนนี้ ! ”
” พี่จิ้งฮั่น อย่าได้มีโทสะไป เขาได้รับพิษ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก ! ”
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มอง กวนเซียงฮั่นอย่างร้อนรนขณะพยายามไกล่เกลี่ย
” เขามิได้บาดเจ็บ หรือได้รับพิษ ! ไม่มี หยินหยางประสานโอสถอันใดนี่ ! ”
กวนเซียงฮั่นเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“เขาสบายดีเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในรถม้า แต่ เขาอ่อนแรงเมื่อขี่ม้าอยู่ด้านนอก คนข้างนอกนั้นบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ เขาบอกว่าเขาได้รับพิษ น้องเซี่ยอี้ เจ้าคิดว่าจะยอมให้เขาหลอกไปอีกนานแค่ใหน ? เจ้าคิดไม่ออกหรือ ? เจ้าใช้หัวน้อยของเจ้าหรือไม่ ? “
” หึม ? พี่เซี่ยวฮั่น .. อย่าได้ฉุนเฉียว .. ท่านบอกว่าเขาแกล้งทำและไม่ได้รับพิษ ? “
ใบหน้าของเซี่ยวอี้เริ่มแดงก่ำ จากนั้นนางเริ่มแสดงท่าทางเนื่องจากฉุนเฉียว
คิดว่าข้าถูกเขาหลอก … ข้าพยายามเพื่อรักษาเขาหากเขาหลอกลองพี่จิ้งฮั่นด้วย …
ตู่กู้เซี่ยวอี้อดที่จะรู้สึกอับอายไม่ได้ คอของนางแดงก่ำภายในไม่กี่วินาที จากนั้นนางมองไปยัง กวนเซียงฮั่นด้วยสีหน้าเขิลอาย และซบหน้าลงที่หน้าอกของนาง นางถูกหลอกและเสียหน้า จากนั้นนางเอ่ย
” ท่านพี่ ! ข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว ! ”
นางกระทืบเท้าต่อเนื่องขณะที่นองเอ่ยสิ่งนี้
” เอ๋ เจ้าไม่คิดจักถอนพิษเขาแล้วหรือ ? “
กวนเซียงฮั่นถามอย่างเยือกเย็น
เจ้าเด็กสาวผู้นี้โง่เง่าเสียจริง !
“เอ๋ ดูเหมือนว่าข้าจำผิดไป ข้ามิได้รับพิษ ”
จวินโม่เซี่ยไอช้าและเบาลง
หญิงสาวทั้งสองกรอกตา
เจ้าจำผิดหรือ ?
จากนั้น จวินโม่เซี่ยยืนขึ้น เขายิ้มขณะเอ่ย
“เส้นทางนี้ยาวไกลไร้สิ้นสุด มันต้องใช้เวลาเนิ่นนางกว่าจักถึงจุดหมาย มันจักน่าเบื่อแบบนี้ เช่นนั้น เจ้าชอบเรื่องราวที่ข้าเล่าไปหรือไม่ ? “
หญิงสาวทั้งสองประหลาดใจ ดวงตาของพวกนางเบิกกว้างขณะที่เพ่งไปยังคุชายน้อยจวิน
เป็นการยากจักเชื่อว่าในโลกนี้จักมีคนที่หนังหนาเช่นนี้ ! เขาถูกจับโกหกได้ … แผนการชั่วร้ายและความต้องการที่สกปรกของเขาถูกเปิดโปง ! แต่เขามิได้เขินอาย ความจริง เขามิได้รู้สึกอับอาย ! และเขาไร้ยางอายที่บอกว่า เขาเล่าเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ที่น่าเบื่อนี้ ?
คนผู้นี้ไม่ลวงโลกไปหน่อยหรือ ? หนังหน้าไม่หนาไปหน่อยหรือ ?
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ผู้น่ารักโบกเสื้อผ้าของนางไปมา
” ข้าให้เจ้าหลอกลวงข้า .. เจ้าเหลือขอ .. เจ้าเหลือขอ ! ”
กองหน้าของคุณชายน้อยจวินเริ่มเริ่มสะดวกสบายขึ้นเมื่อวันเวลาผ่านไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้เงินมามากมายจากการรีดไถเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลระหว่าเดินทาง และ สาวสวยทั้งสองมาติดตามพวกเขา กลิ่นหอมที่เข้มข้นของพวกนางทำให้จวินโม่เซี่ยยินยอมอย่างพึงพอใจ และลืมสิ่งที่เขาเป็นกังวล
ความจริง แม้นความคิดในการฝึกฝนก็ถูกละเลยไป หากเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์มิได้ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ภายใน
คุณชายน้อยจวินก็มีความสุขตลอดการเดินทางนี้ ขอขอดของเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นหมายความว่าเขาจักบรรลุผ่านขั้นเชวียนหยกกลางไปยังเชวียนหยกสูงสุด
ทุกวันเป็นวันที่นองเลือดสำหรับ กลุ่มทำลายสวรรค์และ กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ พวกเขาต่อสู้อย่างคล่องแคล่วทุกวัน และมีอารมณ์แปรปรวนเพิ่มขึ้นในทุกวัน ผู้คนราวสองร้อยเร่มส่งสัญญาณของการบรรลุ กลิ่นอายที่โหดร้ายและเข้มแข็งของกลุ่มทั้งสองเพียงพอจักทำให้ทุกผู้ตกตะลึง
คุณชายน้อยจวิน ต้องการให้การเดินทางที่งดงามนี้ดำเนินต่อไปอีกหลายวัน แต่ กลุ่มทำลายสวรรค์ และ กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ ได้สังหารคนน้อยลงเมื่อคืนวันผ่านไป เช่นนั้น คุณชายน้อยจึงตัดสินใจ …
ภูมิประเทศของหุบเขานี้สูงชันยิ่งขึ้น ถนนเริ่มยากลำบากและป่าเริ่มหนาทึบ สวรรค์ควรทำให้โจรมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับมีจำนวนน้อยลง สิ่งนี้อาจเป็นเพราะพวกเราเข้าไกล้ มณฑลฉือฮั่น ดังนั้น การขโมยเล็กๆน้อยจึงเริ่มลดลง …
” คุณชายน้อย พวกเราห่างจากจุดหมายปลาทาง ป่าเถียร ประมาณสามร้อยกิโลเมตร มณฑลฉือฮั่น อยู่ใกล้กับ … ป่าเถียรฟาเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเราอยู่หน้าหุบเขาสูงสองแห่งในป่า ”
ผู้นำ กลุ่มดูดกลืนวิญญาณ หวางดง ชี้ไปขณะที่เขารายงาน
” เหตุใดพวกเราจึงเดินทางช้ายิ่งนัก ? พวกเราเดินทางมากหลายวันแล้ว …”
จวินโม่เซี่ยถาม เขารู้สึกหงุดหงิด
” ตอนนี้พวกเราเดินทางมานานนับเดือน เจ้ามิได้เดินทางเร็วขึ้นกว่าครั้งก่อนหรือ ? “
” คุณชายน้อย … พวกเราเดินทางได้เร็วเนื่องจากไม่ได้บันทุกของหนัก แต่ ยังมีปัญหาอื่นๆอีก ที่นี่พวกเรามิควรทำความเร็ว พวกเราเดินทางได้เร็วขึ้นกว่าครั้งก่อนอย่างแน่นอน ความจริง พวกเราอาจจะเดินทางได้ หกร้อยห้าสิบกิโลกรัมต่อวัน หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกเราใช้เส้นทางอื่นไปยังป่าเถียรฟา เส้นทางนั้นมี สัตว์เชวียนระดับสูงน้อยกว่า เช่นนั้น เราต้องจัดการกับสัตว์เชวียนระดับต่ำเป็นหลัก ข้ากลัวว่า ไม่มีผู้เราคนใดที่จักทำมันได้หากเลือกเส้นทางนั้น แต่ พวกเรามีกองทหารมากมายอยู่เบื้องหลังพวกเราในตอนนี้ พวกเราคือแนวหน้า แต่พวกเราต้องไม่ทิ้งทัพหลักไว้เบื้องหลังห่างไกลนัก .. และ พวกเราต้องส่งกลุ่มกองออกไปบ่อยขึ้นเนื่องจากจักมีอันตรายมากมาย ดังนั้น ความเร็วขนาดนี้ถือว่ามากยิ่งแล้ว ”
หวางดงอธิบาย
” โอ้ว … ”
จวินโม่เซี่ยเดินลงจากรถม้า เขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีสัตว์เชวียนมากมายอยู่ในป่าเบื้องหน้า ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์เหล่านั้นเรวดเร็วยิ่งนัก ความจริง พวกมันรวดเร็วเป็นพิเศษ พวกมันคล่องแคล่วเกินกว่าสัตว์ธรรมดามากนัก
” ดูเหมือนว่า มีสัตว์เชวียนมากมายอยู่โดยรอยพื้นที่นี้ ป่าเถียรฟานี้ เป็นสถานที่ ที่ดียิ่งนัก …”