บทที่ 1545 ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับอันตราย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1545 ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับอันตราย

แปลโดย iPAT

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นในทวีปผมดำ มนุษย์ขนจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

 

“ฟงจิวเก้อ เจ้าสมควรตาย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

 

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มเย็นชาและบินออกไปอีกครั้ง

 

ยักษ์สวรรค์ยังคงไล่ล่าเขาภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่ก่อนที่ยักษ์สวรรค์จะจากไป มันปลดปล่อยแสงลึกลับออกมาและช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของมนุษย์ขนเหล่านั้น

 

อย่างไรก็ตามมันยังไม่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้โดยรวม

 

ทั้งยักษ์สวรรค์และฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งอีกฝ่าย

 

“ฟางหยวนยังไม่ตอบอีกงั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รับผิดชอบการติดต่อฟางหยวนส่ายศีรษะ

 

“บัดซบ!” จิตวิญญาณแผ่นดินลางหยากัดฟันแน่นก่อนคำราม “ติดต่อไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญ เขาพยายามหลบหนีหรือไม่? ไม่ เขาไม่ใช่คนที่ขาดความกล้าหาญ ตราบเท่าที่เรารวมพลังกัน ผู้อมตะภาคกลางเหล่านี้จะต้องตายที่นี่ นั่นหมายความว่า…ตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าหมายของวังสวรรค์เช่นกันงั้นหรือ?”

 

แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะโกรธจัดแต่เขายังสามารถคิดได้อย่างมีเหตุผล

 

“ผู้อาวุโสสูงสุด เราจะทำอย่างไร เราไม่สามารถไล่ล่าฟงจิวเก้อเช่นนี้ต่อไป!” ผมที่หกถาม

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่เหมือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แม้พวกเขาจะเกิดและอาศัยอยู่ที่นี่ แต่หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ความคิดของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์กับผู้อมตะมีสถานะที่แตกต่างกัน

 

แม้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนจะตาย แต่พวกเขาจะเติบโตขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตามหากผู้อมตะภาคกลางสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณได้สำเร็จ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีปัญหา

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต้องการเตือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่พวกเขาไม่มีความกล้า มีเพียงผมที่หกซึ่งเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถก้าวออกมาในช่วงเวลาวิกฤต

 

เป็นไปตามความคาดหวัง หลังจากได้ยินคำแนะนำของผมที่หก จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดอาละวาดทันที

 

เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “อย่ากังวล ข้าจะลืมผู้อมตะภาคกลางได้อย่างไร แม้จะไม่มีฟางหยวน เราก็มีกำลังเสริม ฮ่าฮ่าฮ่า ฟงจิวเก้อคิดว่าแผนการของเขาจะประสบความสำเร็จ แต่มันเป็นการดิ้นรนที่สูญเปล่า คนเหล่านั้นต้องตายทุกคน!”

 

“อย่าบอกว่า…” ดวงตาของผมที่หกส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ตอบสนองเช่นเดียวกัน

 

“ถูกต้อง เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

 

“แน่นอน นิกายหลางหยาของเราเป็นหนึ่งในพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ผู้อมตะภาคกลางมีกำลังเสริม แต่พวกเราก็มีเช่นกัน!”

 

ในอดีตฟางหยวนได้พิจารณาถึงสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว

 

ฟางหยวนตระหนักถึงความสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เครือข่ายพันธมิตรจะสามารถช่วยเหลือพวกเขา

 

พลังการต่อสู้ที่สำคัญของนิกายหลางหยาคือยักษ์สวรรค์ เมื่อมันกำลังไล่ล่าฟงจิวเก้อ ผู้อมตะภาคกลางจึงคิดว่าพวกเขาปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงนิกายเงากลับมีกำลังเสริม

 

ความจริงก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก มนุษย์หิน และมนุษย์หิมะมาถึงแล้ว พวกเขาเพียงถูกซ่อนเอาไว้เท่านั้น

 

“ในที่สุดก็ถึงเวลาของพวกเราแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หินบนเส้นทางแห่งกฎซื่อเจียงได้รับข้อความจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

“ไปกันเถอะ!” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะปิงเฟิงไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิดกล่าวด้วยความเสียใจ

 

“เรามีค่ายกลวิญญาณอมตะ เหตุใดต้องต่อสู้ด้วยตนเอง?” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หมึกจากเมืองหมึกหัวเราะ

 

นอกเหนือจากสี่ผู้อมตะระดับเจ็ดยังมีผู้อมตะระดับหกอีกจำนวนหนึ่ง

 

นิกายหลางหยาถูกโจมตี ตามข้อตกลงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ อีกสามเผ่าพันธุ์ต้องให้ความช่วยเหลือและรวมเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านศัตรู หากฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก

 

เมื่อฟางหยวนกำหนดข้อตกลงพันธมิตร เขาได้เน้นย้ำถึงความรวดเร็วของการเสริมกำลัง เขาไม่ทิ้งช่องโหว่ใดๆเอาไว้

 

แต่ทั้งสามเผ่าพันธุ์ไม่ได้ถูกบังคับให้มา พวกเขามาด้วยความเต็มใจ โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์กลายพันธุ์ล้วนไม่ชอบมนุษย์ ความกังวลเดียวของพวกเขาคือชีวิตของพวกเขา

 

แต่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีค่ายกลวิญญาณอมตะซ่อนอยู่ สิ่งนี้สามารถบรรเทาความกังวลของพวกเขาไปได้มาก

 

ตั้งแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมระดับแปดถูกทำลายโดยนิกายเงา แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสามารถใช้หม้อหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น

 

การป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอ่อนแอลงมาก แต่ด้วยภูมิปัญญาของฟางหยวน เขาได้แลกเปลี่ยนมรดกมากมายกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะทดแทนหม้อหลอมรวมเพื่อป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะขณะที่ความสำเร็จของฟางหยวนก็มีเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ที่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

 

เขาสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ขึ้นมาโดยพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและกำลังเสริม

 

นอกจากนั้นหากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต้องการโจมตีฟางหยวนด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ มันจะไร้ประโยชน์ ในความเป็นจริงเขาได้ตั้งประตูลับเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินแล้ว

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทำงานร่วมกันโดยใช้พลังงานอมตะของพวกเขาเพื่อกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“มีค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ซ่อนอยู่งั้นหรือ?”

 

“เป็นไปไม่ได้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีกำลังรบจำนวนมากได้อย่างไร?”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและทำให้ผู้อมตะภาคกลางได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

 

ปิงเจาและคนอื่นๆใช้โอกาสนี้โจมตีเป้าหมายของพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง มันทำให้ผู้อมตะภาคกลางสองคนเสียชีวิต

 

การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนแปลงไป

 

“จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แท้จริงแล้วเป็นข้าที่ตกลงสู่กับดักของเจ้า!”

 

ความจริงที่โหดร้ายเหมือนการตบหน้าฟงจิวเก้อ

 

บุคคลในตำนานของยุคปัจจุบันผู้นี้แสดงความโกรธขึ้นบนใบหน้า

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ฟงจิวเก้อไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์เดิมต่อไปได้อีก เขาต้องกลับไปช่วยผู้อมตะภาคกลาง

 

แต่ยักษ์สวรรค์ไม่ปล่อยเขาไป แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีค่ายกลวิญญาณอื่นที่กดดันเขา

 

แม้ฟงจิวเก้อจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูผู้อมตะภาคกลางเสียชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์เท่านั้น

 

‘ข้อมูลของข้าบกพร่องไปมาก แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ!’ ฟงจิวเก้อแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

 

ท่าไม้ตายอมะเพลงหยกเขียว!

 

ในสถานการณ์นี้ช่วยไม่ได้ที่ฟงจิวเก้อต้องใช้ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขาออกมาในที่สุด

 

“ติ๊ง ติ๊ง ติ้ง…”

 

เสียงไข่มุกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกกระทบจานหยกดังขึ้น

 

ร่างของยักษ์เขียวและสภาพแวดล้อมรอบๆเริ่มเปลี่ยนเป็นหยกเขียว

 

“เพลงหยกเขียวช่างทรงพลังนัก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอยู่ในรูปปั้นยักษ์สวรรค์หยกเขียว

 

แต่หลังจากนั้นรูปปั้นหยกเขียวก็แตกออก ยักษ์สวรรค์พุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออีกครั้ง

 

ฟงจิวเก้อไม่แปลกใจ สำหรับยักษ์สวรรค์ เพลงหยกเขียวสามารถขัดขวางมันได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

 

แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สองของฟงจิวเก้อ

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงยอมจำนน!

 

กระบวนท่านี้ประกอบด้วยวิถีแห่งปัญญา ทาส เสียง และจิตวิญญาณ มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจโดยตรง มันถูกสร้างขึ้นโดยมีท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนีเป็นแรงบันดาลใจ มันอาจทำให้สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลกลายเป็นทาสของผู้ขับร้องได้ชั่วคราว

 

อย่างไรก็ตามมันยังไร้ประโยชน์

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะ “ฟงจิวเก้อ เจ้าคิดว่าเราไม่เตรียมตัวรับมือกับมันงั้นหรือ? ฟางหยวนได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงของเจ้าแก่ข้าแล้ว ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งสัตว์อสูรทั้งหมดของเข้าสู่มิติช่องว่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของข้าแล้ว”

 

รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้

 

วังสวรรค์พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็เช่นกัน ฟางหยวนได้แจ้งเตือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับฟงจิวเก้อไว้แล้ว คนผู้นี้เป็นบุคคลที่ต้องระวัง

 

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายต่อไป

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงสวรรค์พิภพ!

 

เพลงนี้สามารถกดดันจิตใจของผู้คนและทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนแอลง

 

แต่ท่าไม้ตายนี้ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

 

ที่นี่เป็นฐานทัพของศัตรู แล้วฟงจิวเก้อจะสามารถใช้พลังของมันได้อย่างไร?

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงแยก!

 

เพลงนี้ไม่ธรรมดา มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกค่ายกลวิญญาณหรือคฤหาสน์วิญญาณ ย้อนกลับไปกระทั่งกระท่อมไม้ไผ่สายลมของวูหยงยังถูกรื้อถอน

 

ยักษ์สวรรค์เป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ แน่นอนว่ามันย่อมได้รับผลกระทบ

 

หากมันถูกรื้อถอน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต้องต่อสู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาจะเปรียบเทียบกับฟงจิวเก้อได้อย่างไร?

 

เดิมทีฟงจิวเก้อไม่สามารถเคลื่อนไหวขณะใช้เพลงแยก แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้พัฒนามันและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในที่สุด

 

เมื่อเพลงนี้เริ่มขึ้น มันเป็นเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบา นั่นทำให้เกิดความหวั่นไหวขึ้นในหัวใจของผู้อมตะทั้งหมด

 

เสียงเพลงค่อยๆดังขึ้น มันสลับระหว่างเสียงต่ำกับเสียงสูง

 

ผู้อมตะเริ่มรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดในหัวใจ

 

ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกโศกเศร้าและอยากร้องไห้

 

ความเจ็บปวดจากการพลัดพราก ความโศกเศร้า และความลังเลใจพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของพวกเขา

 

แยกทางจากคนรัก มิตรสหายจากลา คนสนิทจากไป

 

ห่างกันแต่อดีตยังคงเดิม

 

แยกทางเมื่อสหายเก่าร่ำลา

 

แยกจากเหมือนอาทิตย์ตกดิน

 

จากไปเหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย

 

“ข้าจะแยกร่างมารดาเจ้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำรามเสียงดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ท่าไม้ตายของเขาพร้อมแล้ว

 

ท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์!

 

ยักษ์สวรรค์ปลดปล่อยแสงสีเงินออกมา

 

แสงสีเงินที่เจิดจ้าทำให้เสียงเพลงค่อยๆเงียบลง

 

ใบหน้าของฟงจิวเก้อเผยให้เห็นถึงความตกใจ

 

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดและมันเป็นการตอบโต้เขาโดยตรง

 

“ฟงจิวเก้อ วันนี้ในอีกหนึ่งปีจะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำรามขณะที่ยักษ์สวรรค์ยกเท้าขึ้นกระทืบฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อเร่งล่าถอย สายตาของเขาสั่นไหว พลังการต่อสู้ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาน่าตกใจเกินไป

 

ท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังเก็บไว้จนถึงช่วงเวลาสำคัญและทำให้ฟงจิวเก้อกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

 

ตัวตนในตำนานของภาคกลางรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามา