บทที่ 1546 ลมมรณะของฟงจิวเก้อ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1546 ลมมรณะของฟงจิวเก้อ

แปลโดย iPAT

 

ภาคเหนือ

 

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ทอดตัวยาวไปจนสุดขอบฟ้า

 

ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ มันดูว่างเปล่าแต่มีผู้อมตะสามคนกำลังซ่อนตัวอยู่กลางอากาศ

 

‘ตามการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามากที่สุด’ ผู้นำกลุ่มผู้อมตะคิดกับตนเอง

 

หากผู้อมตะภาคเหนือเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา พวกเขาจะอ้าปากค้างเพราะคนผู้นี้ก็คือองค์ชายฟงเซี่ยน

 

เขาเป็นหนึ่งในห้าผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ

 

ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและภรรยาของเขาหายตัวไปหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะถูกทำลาย

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าเหยา เหยากวงได้รับคัดเลือกจากถ้ำสวรรค์นิรันดรให้เป็นราชันใต้คนใหม่ นี่ทำให้เขาต้องออกจากเผ่า

 

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษแต่ตอนนี้เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่และกลายเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ

 

ปรมาจารย์ห้าธาตุยังติดอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณแท่นบูชาแห่งโชคของถ้ำสวรรค์นิรันดร

 

หลังจากการรุกรานของวังสวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดเกือบทั้งหมดกลายเป็นฝ่ายธรรมะ ดังนั้นปีศาจอมตะจึงต้องซ่อนตัวอยู่ในความมืด

 

ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดทั้งห้ามีเพียงองค์ชายฟงเซี่ยนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

คนผู้นี้มีสถานะพิเศษ ภายนอกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ากงและเป็นสามีของกงหว่านถิง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือสายลับของภาคกลาง

 

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนมาเป็นเวลานาน นางส่งฟงจิวเก้อและคนอื่นๆบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา นอกจากนั้นยังมีเฉินอี้เป็นกำลังเสริมรวมถึงองค์ชายฟงเซี่ยน

 

“นายท่าน สันเขาไร้สิ้นสุดเป็นหนึ่งในสิบสถานที่อันตรายของภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาควรอยู่ในบริเวณนี้” ผู้อมตะหญิงระดับหกกล่าวมาจากด้านข้างองค์ชายฟงเซี่ยน

 

นอกจากองค์ชายฟงเซี่ยนยังมีสาวใช้สองคนที่มีชื่อเสียง

 

พวกนางคือเล่อเหยาและหยูหลาน ทั้งสองมาจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลางเช่นกัน คนที่กล่าวคือเล่อเหยาในชุดสีเหลือง

 

หยูหลานไม่ได้ติดตามองค์ชายฟงเซี่ยนมาในครั้งนี้

 

องค์ชายฟงเซี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย เขาสามารถคาดเดาเช่นเดียวกัน

 

เขาชำเลืองมองผู้อมตะที่อยู่ด้านข้าง คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์ขน!

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ถูกควบคุมโดยองค์ชายฟงเซี่ยน

 

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ เขาจะจดจำได้ทันที

 

เพราะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนเดินทางมาจากภาคใต้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคนออกมารับเขา อย่างไรก็ตามหนึ่งในสองเสียชีวิตขณะที่อีกหนึ่งหายสาบสูญ

 

แต่มันกลายเป็นว่าเขาถูกจับตัวโดยองค์ชายฟงเซี่ยน องค์ชายฟงเซี่ยนได้รับข้อมูลมากมายและเป็นเบาะแสสำคัญในการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ยเพื่อค้นหาที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

เพราะเขารู้จักภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยตรง

 

เล่อเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางถามด้วยความกังวล “ดูจากเวลาแล้ว ฟงจิวเก้อและคนอื่นๆควรจะเข้าไปแล้ว แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่ส่งข้อมูลใดๆออกมา พวกเขาพบปัญหางั้นหรือ?”

 

องค์ชายฟงเซี่ยนไตร่ตรองก่อนกล่าว “ย่อมมีปัญหาแน่นอน แม้เราจะมีข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยา แต่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลใบนี้และมีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว มันมีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึง พวกเขาย่อมต้องมีไพ่ตายซ่อนอยู่”

 

เล่อเหยาขมวดคิ้วลึกกว่าเดิม “ภาคกลางส่งผู้อมตะระดับเจ็ดเข้าไปเพียงเจ็ดคน พวกเขามั่นใจเกินไปหรือไม่?”

 

องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่คุ้นเคยกับฟงจิวเก้อ”

 

“โอ้?” เล่อเหยารู้สึกประหลาดใจ

 

ในนิกายคฤหาสน์วิญญาณมีคำกล่าวที่ว่า เหนือฟง กลางฟง ทั้งคู่เป็นตัวตนที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันหมายถึง ฟงเซี่ยน และฟงจิวเก้อ

 

คนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน แต่องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งขณะที่ฟงจิวเก้อมีชื่อเสียงด้านพรสวรรค์

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ในระดับเดียวกับผู้อมตะระดับแปด เล่อเหยาและหยูหลานเคยไม่พอใจกับเรื่องนี้ กระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนก็ไม่มีความสุข

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเล่อเหยาและหยูหลานก็ค่อยๆเข้าใจ

 

สำหรับทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์ชายฟงเซี่ยน มันเป็นเพราะเขาเคยต่อสู้กับฟงจิวเก้อมาก่อน

 

หลายปีก่อนเมื่อวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง ฟงจิวเก้อนำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางเดินทางมายังภาคเหนือเพื่อค้นหาความจริง ในฐานะผู้อาวุโส องค์ชายฟงเซี่ยนจึงได้พบกับฟงจิวเก้อเป็นการส่วนตัว

 

ในการพบปะในครั้งนั้น พวกเขาได้ประลองฝีมือ ผลลัพธ์น่าตกใจมาก เพราะกระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนจะใช้กำลังเต็มที่แต่เขาก็จบลงด้วยการเสมอกับฟงจิวเก้อเท่านั้น

 

เมื่อนึกถึงฉากการต่อสู้ของพวกเขา องค์ชายฟงเซี่ยนก็ต้องถอนหายใจ “ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้ระดับแปดแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าตกใจ สิ่งที่สามารถกระตุ้นข้าได้อย่างแท้จริงคือท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์”

 

“ท่าไม้ตายอมตะเช่นนั้นหรือ?” เล่อเหยาถาม

 

องค์ชายฟงเซี่ยกล่าวอย่างช้าๆ “ฟงจิวเก้อตั้งชื่อมันว่าเพลงลมมรณะ”

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึก เพลงแยกไร้ประโยชน์ ณ จุดนี้เขาเหลือวิธีเดียวเท่านั้น

 

เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายนี้หากไม่จำเป็น

 

เพราะเมื่อกระตุ้นใช้งานมันแล้ว นอกจากจะมีความเสี่ยงมหาศาล มันยังจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง กำไรของการต่อสู้จะลดลงอย่างมาก ดังนั้นฟงจิวเห้อจึงต้องระมัดระวัง

 

แต่ตอนนี้เขาถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตัน

 

เขาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจากเทพธิดาจื่อเว่ย แต่หลังการต่อสู้ เขาตระหนักว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปไกลมาก

 

ไม่เพียงค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยอดเยี่ยมแต่ยังรวมไปถึงผู้อมตะที่ซ่อนตัวอยู่ภายในและท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์

 

ฟงจิวเก้อรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถตอบโต้เส้นทางแห่งเสียงที่เรียกว่าโลกสงบสุข

 

แต่เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนพัฒนามันขึ้นเป็นความเงียบสัมบูรณ์

 

ฟงจิวเก้อมีวิธีป้องกันท่าไม้ตายอมตะโลกสงบสุขแต่สำหรับท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์ มันแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงลมมรณะ!

 

ฟงจิวเก้อหลบไปทางซ้ายและขวาเพื่อหาโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

 

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

 

สายลมกรรโชกแรงทำให้สภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

เมื่อลมชนิดนี้ปรากฏขึ้น การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยไปทันที ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อื่นๆที่รู้สึกพูดไม่ออก

 

มันคือลมมรณะ!

 

สายลมที่จะดูดกลืนทุกสิ่ง มีเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถรับมือมัน

 

เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงจุดจบ ลมชนิดนี้จะพัดเข้ามาทำลายล้างมัน

 

“นี่คือลมมรณะ? เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนกรีดร้อง

 

“ไม่น่าเชื่อ คนผู้นี้สามารถควบคุมลมมรณะได้งั้นหรือ?” ปิงเจาตกตะลึง ดวงตาของเขาแทบหลุดออกมาจากเบ้า ท่าทางเย็นชาของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์

 

ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมลมมรณะ แต่ตอนนี้บันทึกนี้ถูกทำลายเรียบร้อยแล้วโดยฟงจิวเก้อ

 

เขาสามารถปล่อยลมมรณะออกมาได้จริงๆ!

 

ในปัจจุบันฟงจิวเก้อมีเพลงอยู่เจ็ดเพลง เพลงรับสมบัติและเพลงสู่สวรรค์ใช้ในการบ่มเพาะ เพลงหยกเขียว เพลงสวรรค์พิภพ เพลงยอมจำนน และเพลงแยกเป็นท่าไม้ตายหลักที่เขาใช้ในการต่อสู้ สำหรับเพลงที่เจ็ด เพลงลมมรณะ เขาจะไม่ใช้มันหากไม่จำเป็น

 

หากเขาล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานเพลงลมมรณะ ฟงจิวเก้อจะเป็นคนแรกที่ถูกลมมรณะดูดกลืน นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก

 

หลายเพลงของเขาสามารถเปลี่ยนเป็นนักรบเพลง แต่เพลงลมมรณะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนักรบเพลง มันเป็นเพลงที่พิเศษที่สุด

 

ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังเกินไป มันจะพลิกสถานการณ์ทั้งหมดทันที

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

 

เพราะวิธีทั่วไปจะยิ่งทำให้ลมมรณะทรงพลังขึ้น

 

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลก แต่เผชิญหน้ากับลมมรณะ มันก็ยังจะถูกทำลาย!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินกล่าวด้วยความสิ้นหวัง

 

“มันจะไม่เกิดขึ้น!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้อง เขาต้องยกขวัญกำลังใจของพวกพ้อง

 

เขาตะโกน “นี่คือลมมรณะจริงๆ ข้าไม่เชื่อเมื่อฟางหยวนบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า ข้าต้องเชื่อเขาเท่านั้น!”

 

“ทุกคน อย่ากังวล เรามีวิธีรับมือลมมรณะ!”

 

“อันใด? ฟางหยวนมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนมีบทบาทสำคัญและสามารถรักษาขวัญกำลังใจของทุกคนเอาไว้แม้ตัวเขาจะไม่อยู่

 

ฟางหยวนมีความทรงจำจากอนาคต เขารู้ถึงความดุร้ายของท่าไม้ตายนี้ ในสงครามห้าภูมิภาค ฟงจิวเก้อใช้ท่าไม้ตายนี้สังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องบอกเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในการต่อสู้กับฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้ ฟางหยวนก็ต้องระวังท่าไม้ตายนี้เช่นกัน

 

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่สำคัญ ตัวอย่างเช่นฟางหยวนสามารถหลบเลี่ยงได้หากฟงจิวเก้อใช้มันที่โลกภายนอก

 

แต่ในสถานการณ์นี้ลมมรณะพัดมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้ววิธีการใดที่จะสามารถต่อต้านลมมรณะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?