บทที่ 1547 ไร้ความหวัง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1547 ไร้ความหวัง

แปลโดย iPAT

 

“เปลี่ยนร่าง!” ท่ามกลางลมมรณะ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

 

ด้วยท่าไม้ตายนี้ ร่างของยักษ์สวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

ยักษ์ร่างมนุษย์ขยายใหญ่และกลายเป็นต้นไม้ขนาดมหึมาที่มีลำต้นสีขาว กิ่งก้านและใบจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีเส้นสายสีเงิน เมื่อใบไม้กระทบกัน มันปลดปล่อยเสียงอันแหลมคมออกมา

 

กิ่งก้านและใบเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเผชิญหน้ากับลมมรณะ

 

ลมมรณะที่อาละวาดไปทุกหนทุกแห่งถูกต้นไม้ใหญ่กีดขวางขณะที่ความเร็วในการเติบโตของมันลดลงครึ่งหนึ่ง

 

“นี่!?”

 

“ลมมรณะหยุดลงแล้ว!”

 

“ไม่น่าเชื่อ! รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช่างลึกล้ำนัก!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เห็นสิ่งนี้และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

“โอ้ นี่คือ…ต้นไม้แห่งความมั่งคงงั้นหรือ?” แสงสีแดงขาวพุ่งออกมาจากลมมรณะ มันก็คือฟงจิวเก้อ

 

แม้เขาจะสามารถเรียกลมมรณะ แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นแล้ว เขาก็ต้องออกมาจากจุดศูนย์กลาง มิฉะนั้นเขาจะถูกทำลายล้างไปพร้อมกัน

 

ฟงจิวเก้ออยู่ไม่ไกลจากสนามรบ ขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการลมมรณะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรบกวนฟงจิวเก้อ

 

“นี่คือต้นไม้แห่งความมั่งคง ผู้ใดจะคิดว่ามันจะสามารถต่อต้านลมมรณะได้จริงๆ” ฟงจิวเก้อมองจากระยะไกลด้วยดวงตาส่องประกาย

 

ต้นไม้แห่งความมั่งคงเป็นพืชอสูรแรกกำเนิดในตำนาน มันมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ มันมีอยู่ตั้งแต่ก่อนที่มนุษย์คนแรกจะถือกำเนิด

 

ต้นไม้ต้นนี้มีวิญญาณอมตะป่าอยู่มากมาย ท่ามกลางพวกมันยังมีวิญญาณอมตะระดับแปดอยู่หลายดวง เมื่อเทพอมตะบัวสวรรค์ยังเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาเดินทางไปยังทะเลตะวันออกและเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อโลกทั้งใบ เทพอมตะบัวสวรรค์ไม่สามารถหยุดคลื่นยักษ์ดังกล่าวและต้องหยิบยืมวิญญาณอมตะสองดวงจากต้นไม้แห่งความมั่งคง

 

แต่พืชอสูรแรกกำเนิดในตำนานต้นนี้ปฏิเสธที่จะให้ยืมวิญญาณอมตะ เทพอมตะบัวสวรรค์โกรธมาก เขาต่อสู้กับมันและฆ่ามันเพื่อขโมยวิญญาณอมตะ สุดท้ายจึงสามารถหยุดคลื่นยักษ์ได้ในที่สุด

 

แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะสามารถสังหารต้นไม้แห่งความมั่งคง แต่เขาก็รู้สึกยกย่องมันเป็นอย่างมาก หลังจากกลายเป็นเทพอมตะ เขายังต้องถอนหายใจกับเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาต้องกำจัดต้นไม้ต้นนี้เพราะมันสามารถต่อต้านลมมรณะ!

 

ฟางหยวนเป็นผู้กลับชาติมาเกิดและรู้จักเพลงลมมรณะของฟงจิวเก้อ ท่าไม้ตายนี้น่าตกใจเกินไป มันสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในสงครามห้าภูมิภาค ดังนั้นผู้อมตะจำนวนมากจึงต้องคิดค้นวิธีต่อต้านมัน

 

ในโลกนี้ไม่มีท่าไม้ตายใดที่ไม่สามารถต่อต้าน มีเพียงผู้คนที่ไม่สามารถก้าวผ่าน

 

แม้เพลงลมมรณะจะทรงพลัง แต่มันก็เป็นเพียงท่าไม้ตาย มันสามารถถูกตอบโต้

 

ในสงครามห้าภูมิภาค บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกพยายามค้นหาจุดอ่อนของมัน เขาขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นพลังอำนาจของต้นไม้แห่งความมั่งคงในสายธารแห่งกาลเวลา หลังจากนั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงสร้างท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคงขึ้นมา

 

ท่าไม้ตายนี้สามารถต่อต้านลมมรณะ!

 

ในเวลานั้นฟงจิวเก้อเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถบังคับให้ผู้อมตะระดับแปดหาวิธีตอบโต้ท่าไม้ตายของเขา นี่แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเพลงลมมรณะอย่างชัดเจน

 

ฟางหยวนจำเรื่องนี้ได้ เขาเตรียมตัวล่วงหน้าเกี่ยวกับการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของฟงจิวเก้อและด้วยแสงแห่งปัญญา เขาจึงสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคง

 

ท่าไม้ตายนี้เป็นฉบับที่เรียบง่ายที่สุด แต่เพลงลมมรณะของฟงจิวเก้อก็ยังไม่ใช่ท่าไม้ตายที่สมบูรณ์

 

ดังนั้นหลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงสามารถต้อต้านลมมรณะของฟงจิวเก้อ

 

“ไปจัดการฟงจิวเก้อ อย่าปล่อยให้เขาเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ หลังจากที่ข้ากำจัดลมมรณะ ข้าจะไปช่วยพวกเจ้าฆ่าเขา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคำสั่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามเผ่าพันธุ์

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตอบสนองโดยการใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะโจมตีฟงจิวเก้อ

 

หน้าผากของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อรักษาท่าไม้ตายนี้เอาไว้และรับมือกับลมมรณะ

 

เขาถอนหายใจและคิดกับตนเองด้วยความขมขื่น ‘ฟางหยวนสอนท่านี้ให้ข้า แต่ข้าพบว่ามันลำบากเกินไปและไม่ได้ฝึกฝนมันมากนัก ผู้ใดจะคิดว่าฟงจิวเก้อจะมีท่าไม้ตายเช่นนี้จริงๆ!’

 

การต่อสู้กับลมมรณะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาติดอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน

 

ท่าไม้ตายที่สามารถตอบโต้ลมมรณะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล มันใช้พลังงานอมตะจำนวนมากรวมถึงพลังจิตของผู้อมตะ

 

ในไม่ช้าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลายคนก็เริ่มหมดแรง

 

“อดทนไว้ เราต้องอดทน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนให้กำลังใจ

 

“นายท่าน เหตุใดเราไม่สละแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่ง?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนถาม

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถตัดส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไปและมันจะสามารถป้องกันลมมรณะ

 

เปรียบเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด พื้นที่ส่วนเล็กๆไม่ถือเป็นสิ่งใด

 

“ไม่!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธทันที เขานึกถึงคำกล่าวของฟางหยวนขณะอธิบาย “หากเราทำเช่นนั้นเราจะตกลงสู่หลุมพรางของพวกเขา การตัดส่วนหนึ่งออกไปหมายความว่าเราต้องเชื่อมต่อกับโลกภายนอก เราจะเปิดทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะทำให้ศัตรูสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้น!”

 

“หือ? จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายอมจ่ายราคามหาศาลเพื่อจัดการลมมรณะดีกว่าการสละส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?” ฟงจิวเก้อตระหนักถึงเรื่องนี้และรู้สึกประหลาดใจ

 

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำเช่นนั้น องค์ชายฟงเซี่ยนที่รออยู่ด้านนอกจะสังเกตเห็นและสามารถเป็นกำลังเสริม

 

ด้วยความช่วยเหลือจากองค์ชายฟงเซี่ยน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้อีก

 

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น แผนการของฟงจิวเก้อไม่ประสบความสำเร็จ

 

“เปรี้ยง!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่สายฟ้าฟาดลงมาที่ฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ราวกับควัน เขาหายตัวไปจากจุดนั้นทันที

 

เขามองท้องฟ้าและคิดอย่างรวดเร็ว ‘ยักษ์สวรรค์ติดอยู่ในลมมรณะ เหลือเพียงค่ายกลวิญญาณอมตะ มันจัดการได้ง่ายกว่า’

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงแยก!

 

ฟงจิวเก้อใช้เพลงแยกขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มแยกออกจากกัน

 

แม้เพลงแยกจะไม่มีพลังโจมตี แต่ผลกระทบของมันน่าเหลือเชื่อมาก มันสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณทุกชนิด

 

แต่โชคดีที่ฟางหยวนเป็นผู้ออกแบบมัน เขาได้พิจารณาและสร้างค่ายกลวิญญาณหลายชั้น

 

เพลงแยกของฟงจิวเก้อทำลายชั้นนอกสุดของค่ายกลวิญญาณขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ภายในยังปลอดภัย

 

ฟงจิวเก้อต้องใช้เพลงแยกอีกครั้งและสามารถแยกชั้นที่สอง

 

แต่ชั้นที่สามกลับปรากฏขึ้นหลังจากนั้น

 

“โอ้ ข้าอยากรู้ว่ามันมีกี่ชั้น!” ดวงตาของฟงจิวเก้อส่องประกายขึ้น เขาใช้เพลงแยกอย่างต่อเนื่อง หลังจากหกชั้น เขาก็หยุด

 

กระทั่งฟงจิวเก้อที่ทรงพลังยังอยากอาเจียนออกมาเป็นเลือดในเวลานี้

 

“มันมีกี่ชั้นกันแน่!?”

 

เพลงแยกกลืนกินพลังงานอมตะของเขาไปเป็นจำนวนมาก หลังจากใช้หลายครั้ง คลังเก็บพลังงานอมตะของฟงจิวเก้อก็เหลือไม่ถึงสามสิบส่วน

 

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือเพลงลมมรณะ

 

‘เพลงลมมรณะสามารถจับคู่กับเพลงแยก แต่มันเสี่ยงเกินไป…’ ฟงจิวเก้อส่ายศีรษะและปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไป

 

แม้มันจะทรงพลัง แต่มันก็มีความเสี่ยงสูง ฟงจิวเก้อไม่ค่อยได้ใช้มัน

 

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เขาต่อสู้กับองค์ชายฟงเซี่ยน เขาสามารถใช้มันเพราะไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก ความเสี่ยงในครั้งนั้นค่อนข้างต่ำ

 

แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ลมมรณะสลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว อีกไม่นานจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีเวลาจัดการเขา

 

‘มีเวลาน้อยเกินไป’ ฟงจิวเก้อถอนหายใจ

 

ยักษ์สวรรค์มีทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกัน กระทั่งลมมรณะก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ หากฟงจิวเก้อโจมตีต้นไม้แห่งความมั่งคงตอนนี้ มันจะเป็นเพียงเรื่องที่ไร้ประโยชน์

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแสดงความแข็งแกร่งอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ มันไกลเกินกว่าความคาดหวังของวังสวรรค์ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงเริ่มคิดถึงการล่าถอย

 

‘ก่อนจากไปข้ามีบางสิ่งที่ต้องทำ’

 

เขายิ้มขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบก่อนจะเคลื่อนที่ในพริบตาไปปรากฏตัวต่อหน้าฟางเจิ้ง!

 

“มากับข้า!” ก่อนที่ฟางเจิ้งจะสามารถตอบสนอง เขาก็ถูกฟงจิวเก้อส่งเข้าไปในมิติช่องว่างเรียบร้อยแล้ว

 

“และที่นี่ด้วย!” ฟงจิวเก้อบินไปยังภูเขาตงฮัน

 

“มา!” เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้ เขาเก็บภูเขาตงฮันไว้ในมิติช่องว่างของตน

 

“เมืองเมฆาเหล่านี้ล้วนเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ แต่มีชนชั้นสูงเผ่ามนุษย์ขนจำนวนมากอาศัยอยู่ พวกเขาล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ดี พวกเขาทั้งหมดเป็นของข้า!” ต่อมาฟงจิวเก้อก็โจมตีและเก็บเมืองเมฆาเอาไว้

 

ในช่วงเวลาที่เขาทำสิ่งนี้ เขาถูกโจมตีด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่เนื่องจากมันสูญเสียไปหลายชั้น พลังอำนาจของมันจึงลดลงอย่างมาก

 

สำหรับยักษ์สวรรค์ มันติดอยู่ในลมมรณะ หากมันพยายามออกมา ลมมรณะจะแข็งแกร่งขึ้น การทำงานหนักทั้งหมดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะกลายเป็นสูญเปล่า

 

“กลิ่นอายนี้!?” ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะที่ทรงพลัง!

 

ในไม่ช้าเขาก็มาถึงด้านหน้าวิญญาณอมตะดวงนั้น รูม่านตาของเขาหดเล็กลงด้วยความตกใจ “หากข้าไม่เห็นมันกับตาของตนเองข้าจะไม่เชื่อ นี่คือวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!?”