” พี่ใหญ่ ท่านว่าอย่างไรหากเราไปยังเทียนเชียงหลังจากเรื่องที่เถียรฟาจบลง ? “

บุรุษอ้วนเตี้ยถามผู้ที่อยู่ข้างๆสุขุมจริงจัง

” เราจักไปทำอันใดที่นั่น ?  พวกเราจะก่อเรื่องและสังหารผู้คนหรือ ?  มันไม่เป็นสิ่งที่ยากลำบากและไร้ค่าหรือ ?  เจ้าจำบทเรียนครั้งล่าสุดมิได้หรืออย่างไร ? “

บุรุษหนวดดำวัยกลางคนกรอกตา

 

” ไม่  ข้าจักลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนได้อย่างไร ?  ข้าแค่สงสัยว่าหากข้าจักไปพบจวินโม่เซี่ยและพาเขาไปอยู่กับน้องสาวของเราสักสองสามวัน  ข้าได้ยินว่าเจ้าเด็กนั่นแตกต่างไปจากแต่ก่อน  เดี่ยวนี้ผู้คนเอ่ยกล่าวกันว่าเขาทำตัวป่าเถื่อน เขาข่มเห่งผู้คนตลอดเวลา  เขาได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก  น้องเล็ก .. นางไร้สติมานับสิบปี ”

บุรุษอ้วนเตี้ยเอ่ยพร้อมความโศกบนใบหน้า

 

” เรื่องนี้ … จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อตัดสินใจ  ข้ามิได้รักน้องสาวหรือ ?  แต่การกระทำของเจ้าเด็กน้อยผู้นั้นน่าอับอายยิ่ง  ตั้งแต่เริ่มแรกเขามีพฤติกรรมที่เลวร้าย  นอกจากนั้น ท่านแม่กำลังรอข่าวดีด้วยความหวังครั้งสุดท้ายในตอนที่ข้ากลับไปรายงานถึงพฤติกรรมของหลานชาย  นางคาดหวังกับเขาไว้อย่างมาก  แต่ นางกลับมีโทสะอย่างยิ่งหลังจากได้ยินถึงพฤติกรรมของเขาจนเกือบฆ่าตัวตาย ..​หรือเจ้าลืมเรื่องนั้นไปแล้ว ?  ข้าคงจักทิ้งเขาไป หากเขามิใช่หลานของข้า !  ข่าวลือกล่าวกันว่า … เขาดีขึ้นแล้ว  แต่ มันเป็นเพียงข่าวลือ จักเป็นเช่นไร หากข่าวลือนั้นไม่เป็นจริงและ พฤติกรรมของเจ้าเด็กเหลือขอนั่นเลวร้ายยิ่งกว่าข่าวลือ ?  ท่านแม่จักมิรู้สึกโกรธแค้นอย่างนั้นหรือ ?  เช่นนั้น เก็บมันไว้เป็นความลับก่อน … ”

บุรุษเคราดำถอนใจแววตาหม่นหมอง

 

” อืม .. ท่านถูก  เจ้าเด็กเหลือขอผู้นั้นน่าผิดหวังอย่างยิ่ง  พรสวรรค์ของน้องสาวนั้นเป็นเลิศ และน้องเขย วูเห่ยนั้นเป็นดั่งมังกรในร่างมนุษย์  ผู้ที่สืบสันดานจากเขามาจักต้านทานได้อย่างไรกัน ?  พวกเราจำต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ  แต่ จักเกิดอันใดหากลูกชานผู้ฟุ่มเฟยกลับมา ?  มันจักมิเป็นเหตุการณ์ที่มีความสุขยิ่งหรอกหรือ ?  แต่กระนั้น มันก็ยากยิ่งสำหรับเราที่จักแสดงตัวในเวลานี้  มีโอกาสที่บางสิ่งอาจเกิดขึ้นหากเรากลับไป  พี่ใหญ่ … นครพายุหิมะสีเงิน จักส่งคนส่วนใหญ่ไปยัง เถียรฟา  เรามิควรจักถกเรื่องเล็กๆกับพวกเขาสักหน่อยหรือ ?  และและหากเอ่ยถึงความโกรธ … เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยจากนครภายุหิมะสีเงินนั้นก็เป็นเปลวไฟที่ลุกโชน ”

บุรุษอ้วนเตี้ยกัดฟัน  รอยยิ้มชั่วช้าปรากฏขึ้นอย่างลับๆบนใบหน้าของเขา

 

” ดีมาก ไม่มีเรื่องร้ายอันใดในการสังหารหรือเล่นกับคนเหล่านั้นสักเล็กน้อย ”

แต่กระนั้น บุรุษเคราดำเตือน

“แต่ ต้องไม่มีผู้ใดรู้ว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้อง ”

 

” เป็นเช่นนั้น !  เด็กๆจาก นครพายุหิมะสีเงินจักตายโดยไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของปัญหา อุ่นใดได้  พวกเราถือว่านี่คือการแก้แค้นเพื่อน้องเขย และปลดปล่อยความโกรธสำหรับอาการของน้องสาว ”

ชายทั้งสองยิ้มชั่วร้ายขณะพวกเขาเตรียมตัวเพื่อต่อสู้

 

 

….ด้านนอกป่าทึบ ตรงทางแยกถนนสามสาย ….

 

จวินโม่เซี่ยยืนพร้อมมือไขว้หลัง  ทันใดนั้น เขาดูเหมือนจักเริ่มตกใจเล็กน้อย  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ไม่นานมันก็กลับเป็นดั่งเดิม  คุณชายน้อยจวินกำลังจดจ่อไปยังทิศทางหนึ่ง  เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงผู้ทรงพลังและสง่างามสามคน และเห็นร่างของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วยิ่งนัก  เส้นทางของพวกเขายังไม่เปลี่ยนไป และเขาคิดว่าจุดที่เขาอยู่คือเป้าหมายของพวกเขา

 

จวินโม่เซี่หหรี่ตาและเพ่งมอง  เขาคิด …

.ข้ามิเคยรู้เลยว่าโลกภายนอกเทียนเชียงนั้นยิ่งใหญ่นัก  แม่น้ำหุบเขาเหล่านั้นงดงาม

ถูกต้องแล้วที่เขาเอ่ยเช่นนี้

 

ดูจากกลิ่นอาย พวกเขาทั้งสามอยู่ในขั้นเทพเชวียน  ความจริง วรยุทธ์ของพวกเขา ไม่มากน้อยเช่นผู้อาวุโสจาก นครพายุหิมะสีเงิน อย่างไรก็ตาม มือสังหารจวินจักต้องไม่ประมาทเพราะเรื่องนี้  … เนื่องจากว่า จิตสังหารของพวกเขาเจือจางอย่างยิ่งในตอนนี้  และ จวินโม่เซี่ยไม่เคยผิดพลาดในเรื่องนี้เพราะเขาคือมือสังหารอันดับหนึ่ง  ความจริง  เขามั่นใจว่าผู้อาวุโสสาม หก และเก้าจากนครพายุหิมะสีเงินจักต้องจบชีวิตอย่างน่าเวทนา เมื่อได้พบกับสามคนนี้

 

แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จักหายอดฝีมือเช่นนี้ในเขตนครหลวง  แต่เขาพบทั้งสามที่นี่

 

ข้าจักรู้ถึงการมีอยู่อย่างมากมายของคนเช่นนี้ได้อย่างไรหากข้ายังคงคอยู่ในรังภายในเทียนเชียง ?  ข้าแทบมิได้ออกมาและมีสหายผู้ยอดเยี่ยมปรากฏขึ้นมากมาย ดูเหมือนว่าข้าควรจักออกมาบ่อยๆ

 

ความคิดของจวินโม่เซี่ยพรั่งพรูเมื่อเงาร่างของทั้งสามปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา

 

พวกเขามีผู้นำคือบุรุษเคราและชุดสีดำ  เขามีสีหน้าที่อบอุ่น อีกผู้หนึ่มีรูปร่างที่เตี้ยงลงมา เขาผอมเพรียว คนที่สามนั้นเตี้ยมาก เขามีหัวที่ใหญ่โตและดวงตาเล็กๆ  ดูราวกับลิง ช่างน่าขันยิ่งนัก

 

ทั้งสามร่อนลงบนพื้นภายในพริบตา และจากนั้น พวกเขาเพ่งมองอย่างงุนงง

 

พวกเขาสามารถสัมผัสถึงจิตสังหารที่เข้มข้นในท้องฟ้าเมื่อไม่นานมานี้  พวกเขาคิดว่ามันต้องเป็นของผู้ที่เกินสามัญ  ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมุ่งหน้ามาด้วยความอยากรู้ และอาจจะสร้างมิตรกับคนผู้นี้ได้ … พวกเขามิได้คิดว่าจะมีอันใดที่พิเศษ  อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีจิตสังหารที่น่ากลัวนั้น คือผู้ที่คุ้มค่าจักพบปะ  แต่ พวกเขาก็ได้รู้ว่าสิ่งๆต่างๆเปลี่ยนไปจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิงเมื่อพวกเขามาถึง

 

พวกเขาเห็นเด็กสามคน หนึ่งเด็กหนุ่ม และสองเด็กสาว  มีคนอีกสี่อยู่ข้างๆพวกเขา  วรยุทธ์ของคนทั้งเจ็ดนี้ชัดเจนอย่างมากต่อหน้าผู้มาใหม่  สองหญิงสาวอยู่ในขั้นเชวียนทองกลาง  แต่ ทั้งสองนั้นถือได้ว่ามีพรสวรรค์เนื่องจากพวกนางสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ในวัยเพียงเท่านี้ …

 

สำหรับเด็กหนุ่ม เขาอยู่ในขั้นเชวียนหยกด้วยวัยนี้  เขาจักเหนือกว่าคนอื่นๆในวัยเดียวกันได้ในเวลาไม่นาน

 

วรยุทธ์เช่นนี้หาได้ยากยิ่งในคนหนุ่มสาว  และพวกเขาไม่เคยคาดว่าจะได้มาพบกับเด็กทั้งสาม  ถ้าจักเอ่ยให้น้อยที่สุด พวกเขาประหลาดใจมาก

พลังอันใดที่สามารถทำให้เด็กทั้งสามมีวรยุทธได้ถึงเพียงนี้ ?

พวกเขามิได้รู้สึกว่าถูกคุกคามเลย

 

ชายทั้งสี่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังมีสีหน้าที่ร้ายกาจ แต่วรยุทธของพวกเขานั้นอยู่ในระดับกลาง  ผู้ที่มี วรยุทธสูงที่สุดคือ เชวียนหยก อีกสามคนนั้นอยู่ในขั้นเชวียนทอง  พวกเขามิได้ถือว่าอ่อนแอหากเทียบกับอายุของพวกเขา  แต่พวกเขาไม่มีค่าเพียงพอจักเอ่ยถึง

 

ยิ่งไปกว่านั้น คนอีกนับร้อยที่กำลังทำงานอยู่ในป่าใกล้ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในขั้นเชวียนทอง  เป็นสิ่งที่ยากและมีค่าสำหรับกองกำลังเล็กๆเช่นนี้  อย่างไรก็ตาม พวกเขามิได้เป็นเลิศในสายตาของผู้มาใหม่

 

ควาจริง การฝึกฝนกองกำลังเล็กๆที่มีคนนับสองร้อยให้สำเร็จถึงขั้นเชวียนทองได้นั้นหาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าทหารที่มีอายุเท่านี้  มันมันเป็นความฟุ่มเฟือยที่หลายอาณาจักรในโลกนี้ก็อาจจ่ายได้  ฝีมือเกินธรรมดาเช่นนี้น่าประหลาดใจยิ่งนัก  ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่เรื่องง่ายสำหรับอาณาจักรใหญ่ที่จักจัดกองกำลังเชวียนทองเล็กๆ แม้นว่าจักพยายามอย่างเต็มที่

 

ดังนั้น อาจบอกได้ว่า กองกำลังของจวินโม่เซี่ยสามารถเปลี่ยนทิศทางของสงครามโลกได้ !

 

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของกองกำลังนี้ก็มิได้สำคัญอันใดกับยอดฝีมือทั้งสาม  ทหารเหล่านี้มิต่างจากคนสามัญในสายตาของพวกเขา  ในสายตาของพวกเขา อย่างดีที่สุดก็เป็นเพียงสิ่งที่แข็งแกร่งกว่ามดปลวก  ทุกคนมีความสำคัญแตกต่างกัน  กองทหารเล็กๆนี้สามารถทำให้อารมณ์ขององค์จักพรรดิเปลี่ยนไป แต่ไม่มีผลต่อยอดฝีมือทั้งสาม

 

ความแข็งแกร่งของกองทหารเหล่านี้จะทำให้ยอดฝีมือทั้งสามสับสนกับจิตสังหารที่ชั่วช้าได้อย่างไร ?

 

“เด็กน้อย อาวุโสผู้นี้มีบางสิ่งสอบถาม  ที่นี่มีผู้อื่นอยู่และหายไปภายในพริบตาหรือไม่ ?  ข้าขอให้เจ้าตอบด้วยความจริง มันจักดีกับเจ้า  เช่นนั้น เจ้าเข้าใจไหม ? “

บุรุษอ้วนเตี้ยถาม  ชื่อของเขาคือ  ตงฟางเหวินต้า เขามีอายุน้อยที่สุดในเหล่ายอดฝีมือทั้งสาม  บุรุษเคราดำวัยกลางคนคือ ตงฟางเหวินชิง และ ผู้ที่ร่างสมส่วนนั้นคือ ตงฟางเหวินเจี้ยน ทั้งสามเป็นพี่น้องแท้ๆของกันและกัน

 

ตงฟางเหวินต้า รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขาไม่ประสงค์จักเอ่ยปาก  เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจถาม เนื่องจากสถานะของเขานั้นต่ำที่สุดในหมู่ทั้งสาม

 

คำถามของเขาไม่มีสิ่งใดผิด  แต่ ไม่สามารถเอ่ยถึงท่าทางของเขาขณะถามได้  เขาไม่มองไปยังพวกเขาขณะถาม ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเอ่ยด้วยความหยิ่งทะนงยิ่ง ดูเหมือนว่านี่จักเป็นการซักไซไต่ถาม

 

ไม่เป็นที่น่าประหลาดใจที่ ตงฟางเหวินต้าเอ่ยเช่นนั้น  ความแข็งแกร่งของเขานั้นอ่อนด้วอยกว่าพี่ๆ แต่ยังคงอยู่ในขั้น เทพเชวียน  อัตตาของเขายังคงมีอยู่เนื่องจากได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือหยกเชวียนมากมาย เช่นนั้น เขาจึงพูดเพื่อชื่อเสียงของเขา  ยิ่งไปกว่านั้น มันฟังดูราวกับวาจาของเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชะตาของพวกเขา

 

ถือว่าเป็นความปราณีอย่างยิ่งที่จักได้รับคำแนะนำจากยอดฝีมือเทพชเวียน  คนผู้หนึ่งจักได้รับประโยชน์จากคำแนะนำไปตลอดชีวิต … แม้นจักเป็นเพียงครึ่งประโยค หรือแค่หนึ่งวาจา

 

แม้แต่พี่ใหญ่และพี่รองของตงฟาก็คิดว่านี่คือวิถีปฏิบัติที่เป็นปกติ  พวกเขาไม่คิดว่ามีสิ่งใดผิดในวิธีการถามคำถามของน้องชายพวกเขา

 

เขาถามคำถาม และคาดว่าฝ่ายตรงข้ามจักรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา  เขาคาดว่าฝ่ายตรงข้ามจะปิติ และอาจจะพยายามอย่างมากเพื่อประจบพวกเขา

 

แต่ น่าเสียดายที่เขาได้พบกับจวินโม่เซี่ย

 

คนผู้นี้มิอาจบังคับได้ด้วยกำลัง การเกลี้ยกล่อม หรือผลประโยชน์วัตถุ  ยิ่งกว่านั้น เขามิเคยก้มหัวให้การคุกคามใดๆ

 

แม้นว่าภัยคุกคามนั้นจักมาจาก สามยอดฝีมือเทพเชวียน …

 

จวินโม่เซี่ยคนเก่า ได้พบลุงทั้งสามของเขาในช่วงสั้นๆ  แต่ มันเกิดขึ้นมากว่าสิบปีแล้ว  ในช่วงที่เขามีอายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบ  และ ได้ลืมเรื่องราวของพวกเขาไปแล้ว  จวินโม่เซี่ยในตอนนี้ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวตกของเขาเลย เขาจักจำได้ หากจวินโม่เซี่ยคนเก่า มิได้มีความทรงจำที่เป็นประโยชน์เหล่านี้

 

สำหรับลุงทั้งสามของเขา จักรู้จักได้อย่างไร ?  ครั้งสุดท้ายพวกเขาได้เห็นจวินโม่เซี่ยนเมื่อสิบปีก่อน  เขาเคยเป็นเด็กดื้อที่เต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา  อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้พวกเขาได้เผชิญหน้ากับหนุ่มสาวใบหน้าเป็นประกาย และลักษณะที่โดดเด่น

พวกเราเคยเห็นเด็กที่หล่อเหลาและมากสามารถเช่นนี้ที่ใดกัน ?  ข้าจำมิได้  เด็กหนุ่มผู้นี้หล่อเหลายิ่งนัก  และ ยังมีอะไรบางอย่างเลือนลางเกี่ยวกับเขา

อย่างไรด็ตาม มันมิได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเป็นผู้ใด

 

ความคิดของพวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงด้วยข่าวลือ  ดังนั้น หลานชายของพวกเขาคงเป็นพวก นักเลง และขยะไร้ประโยชน์  จักคล้ายกับเด็กหนุ่มผู้หล่อเหล่านี้ได้อย่างไร ?  ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มผู้นี้ยังอยู่ในขั้นเชวียนหยกกลาง อาจจสูงเล็กน้อย  แต่ ข่าวลือนั้นบอกว่า หลานชยของเขาสุญเสียเส้นลมปราณด้วยพิษสุรา  ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จักเกี่ยวข้องกันได้

 

” ฮ่า ฮ่า … น้องเซี่ยวอี้ สุดท้ายเจ้าก็ได้เห็นใช่หรือไม่ ?  ต้นไม้ไม่เหมือนกังผู้ที่อยู่ใน สาทรฤดู ใบไม้ของมันกลายเป็นสีเงิน แต่พวกมันก็ยังมิได้ร่วงหล่น  พวกมันจักเปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ง เมื่อ วสันตฤดูกลับมา  ไม่ประหลาดใจหรือไม่ ?  พวกเรามิควรนำกลับบ้านไปสักสองสามอันหรือ ? “

จวินโม่เซี่ยแสร้งเหมือนมิได้ยินคำถามของ ตงฟางเหวินต้า เขายิ้มไม่รีบร้อนขณะชี้ไปยังต้นไม้เพื่อแสดงให้ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เห็น

 

ตงฟางเหวินต้า มีโทสะขึ้นในทันที

 

.แม้แต่พวกเราก็ไม่มีค่าเพียงพอในสายตาของเจ้าหรือ ?

นั่นเป็นดั่งการตบหน้าเหล่าพี่น้อง ตงฟางอย่างมาก  เขาถามดุร้าย

” เจ้าเหลือขอ !  ข้ากำลังถามเจ้า หูหนวกหรืออย่างไร ?  เจ้ามิได้ยินคำถามของอาวุโสผู้นี้หรือ ?  เจ้ารนหาที่หรืออยอย่างไร ? “

 

ตงฟางเหวินชิงยินอยู่ข้างเขา  เขาขมวดคิ้วและเอ่ย

” อย่าได้เกรงกลัวคำถามของน้องสามเลยเด็กน้อย ”

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายใน

เจ้าเหลือของผู้นี้อาจสัมผัสถึงวรยุทธอันยิ่งใหญ่ของเรามิได้  กระนั้น เขาไม่เพียงแต่ไม่ประลหาดใจ … เขายังคงสงบ ..​และมิได้สนใจถึงการมีอยู่ของเรา !  หรือเขาจักมีผู้ทรงอำนาจอยู่เบื้องหลัง ?  หรือว่าเขาจักมาจากสกลุที่มีชื่อ ?

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็มิควรกระทำการยะโสต่อหน้าสามยอดฝีมือเทพเชวียนแม้นว่าเขาจักมีผู้ทรงอำนาจอยู่เบื้องหลังหรอกหรือ ?  ข้ามิอาจสัมผัสภึงบางสิ่งแปลกประหลาดได้ที่นี่ .. แต่ผู้ที่มีจิตสังหารที่่น่ากลัวผู้นั้นจักเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่หรือไม่ ?  หรือ … คนผู้นี้จักมีบางสิ่งหลบซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งกัน ?

 

จากนั้น ตงฟางเหวินต้าหันไปและยิ้ม  จากนั้นเขาหัวเราะ

” พี่ใหญ่ ข้ารู้เสมอว่าการสั่งสอนเด็กเป็นครั้งคราวนั้นดี ”

 

จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูกและหรือตาขณะมองไปที่พวกเขาและถาม

” เจ้า .. ถามข้า ? ”