หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 837 วิญญาณสงคราม
ครืน**!**
รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ไร้ขอบเขตเดือดพล่าน กวาดตัวออกมารุนแรงราวกับพายุ ตรงด้านหลังของมู่เฉิน รัศมีจั้นยี่พวยพุ่งขึ้นราวกับคลื่นสูงขึ้น…สูงขึ้นจนสุดท้ายกลายเป็นคลื่นขนาดหมื่นจั้งแขวนบนขอบฟ้าในแนวนอน
ขณะที่รัศมีจั้นยี่พวยพุ่ง ทุกคนก็สัมผัสได้ว่ามีคลื่นความผันผวนแปลกประหลาดแผ่ออกมา
ความผันผวนนี้เลือนรางมากแต่ก็ไม่มีใครสามารถมองข้ามไปได้ ความผันผวนนี้แค่สัมผัสเล็กน้อยก็ทำให้เลือดในกายเดือดพล่านพร้อมกับเสียงต่อสู้ก้องดังอยู่ในหัวสมองของพวกเขา
หลายคนถึงกับมีสีหน้างันงงพร้อมกับสายตาเปลี่ยนไป หลังจากนั้นครู่หนึ่งเหล่าจอมยุทธ์ที่มีความรู้เกี่ยวกับรัศมีจั้นยี่อยู่บ้างก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปรุนแรง ขณะที่จ้องมองรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ที่พลุ่งพล่านด้วยความหวาดผวา
“ความผันผวนแบบนี้…หรือว่าจะเป็น?”
ใบหน้าของลู่ขุยซีดเผือดขณะมองคลื่นสีดำเมื่อมอย่างไม่อยากเชื่อ ในส่วนลึกของคลื่น ความผันผวนผิดปกติทำให้เสียงของเขาแห้งผากไปหมด
“วิญญาณสงคราม?!”
เมื่อมีบางคนอุทานคำนั้นออกมา ทุกคนในบริเวณนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นลึกสุดปอดด้วยแววตกตะลึงในดวงตา เพราะคำเหล่านี้นำความตกใจรุนแรงมาสู่พวกเขา
วิญญาณสงคราม?
เล่าลือกันว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดได้เฉพาะเมื่อเข้าใจศาสตร์รัศมีจั้นยี่ในระดับสูง นอกจากนี้เมื่อชำระวิญญาณสงครามได้ก็จะทำให้พลังของรัศมีจั้นยี่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์
ทว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจรัศมีจั้นยี่ถึงขั้นนี้ ว่ากันว่านี่เป็นพื้นฐานเริ่มต้นที่จำเป็นของจั้นเจิ้นซือ จากมุมหนึ่งมีเพียงผู้ฝึกที่สามารถชำระวิญญาณสงครามได้จึงจะมีคุณสมบัติการเป็นจั้นเจิ้นซือ
ทว่าผู้ฝึกที่มีความเข้าใจถึงระดับนี้มีจำนวนน้อยนิด แม้ลู่ขุยจะมีพรสวรรค์ในด้านรัศมีจั้นยี่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชำระวิญญาณสงครามได้
ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่ามู่เฉินชำระวิญญาณสงครามได้ ความตกตะลึงที่ได้รับจึงรุนแรงนัก
“เป็นไปไม่ได้! ไม่ง่ายที่จะชำระวิญญาณสงคราม! หยุดโอ้อวดได้แล้ว!” ลู่ขุยคำรามโกรธคลั่ง แม้ว่าความผันผวนนั่นจะเหมือนกับวิญญาณสงครามอย่างยิ่ง แต่เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าไอ้หนูคนนี้จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำไม่ได้!
ทุกคนพยักหน้าในใจกับเสียงคำรามของลู่ขุย แววกังขาวูบไหวในดวงตาแต่ละคู่ การชำระวิญญาณสงครามไม่ใช่สิ่งที่ใครก็จะสามารถทำสำเร็จได้
แม่ทัพที่สามารถควบคุมนักรบหลายพันไม่ใช่คนหายากสำหรับขั้วอำนาจใหญ่น้อย เพราะแค่ผู้ที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์รัศมีจั้นยี่เพียงเล็กน้อยก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝน แต่หากเป็นแม่ทัพที่ชำระวิญญาณสงครามได้ ก็จะทำให้ขั้วอำนาจต่างๆ ใจสั่นแน่นอน
เพราะแม่ทัพทั่วไปสามารถปล่อยพลังกองทัพได้ไม่ถึงครึ่งเท่านั้น มีเพียงแม่ทัพที่ชำระวิญญาณสงครามได้จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังกองทัพออกมาได้อย่างแท้จริง แม้กระทั่งสำแดงพลังเหนือกว่านั้นก็ได้!
ยิ่งกว่านั้นการชำระวิญญาณสงครามได้ก็หมายความว่าเขามีคุณสมบัติในการเป็นจั้นเจิ้นซือ ทันทีที่เป็นจั้นเจิ้นซือ แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือก็ยังอยากได้ตัว นั่นเพราะทุกคนรู้ดีว่ากองทัพทรงพลังภายใต้การควบคุมของจั้นเจิ้นซือนั้นมีพลังน่ากลัวเพียงใด
ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาได้แสดงคุณสมบัติเหล่านั้นออกมา แล้วพวกเขาจะข่มใจให้สงบได้อย่างไร?
ทว่ามู่เฉินยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งต่อหน้าสายตาตกตะลึง เขามองลู่ขุยที่ภายนอกกล้าแต่ข้างในกลัวรอยยิ้มสมใจก็ผุดที่มุมปาก
เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร แค่สูดหายใจวาดตราประทับเร็วรี่
ครืน! ครืน!
รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ที่พล่านเบื้องหลังเดือดขึ้นมากกว่าเดิมขณะเสาแสงขนาดใหญ่ระเบิดออกมา ท่ามกลางเสาแสงทุกคนมองเห็นปีกสีดำคู่หนึ่งที่มีขนาดราวร้อยจั้งแผ่สยายเบื้องหน้าครรลองสายตา
ปีกคู่ใหญ่กระพือขึ้นลง ทำให้เสาแสงแหลกสลาย วิหคโลกันตร์สีดำก็ปรากฏอยู่เหนือมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่
วิหคโลกันตร์มีสีควันดำไม่ใช่ของจริง เพราะควันนี้ก่อร่างจากรัศมีจั้นยี่ที่เดือดพล่าน มิหนำซ้ำยังสามารถมองเห็นลวดลายบนร่างขนาดใหญ่ได้เลือนราง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อรัศมีจั้นยี่ถูกกลั่นจนถึงจุดหนึ่ง
ทุกคนตะลึงไปเมื่อมองวิหคโลกันตร์สีดำ ก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะพังทลายลงพร้อมกับแววตกตะลึงปีนไต่ขึ้นมาแทนที่ ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถหลอกตัวเองอีกแล้ว เนื่องจากวิหคโลกันตร์ที่ปกคลุมด้วยลวดลายมากมายคือวิญญาณสงครามที่แท้จริง!
นี่คือวิญญาณสงครามของหน่วยรบวิหคโลกันตร์!
ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะสามารถกลั่นวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์ออกมาได้จริงๆ!
ที่เบื้องล่างดวงตาของนักรบวิหคโลกันตร์ร้อนแรงเมื่อมองไปที่ร่างบนท้องฟ้าอย่างเทิดทูน วิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์ก่อตัวจากคลื่นพลังความมุ่งมั่นของพวกเขา มีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่มีความสามารถทำให้ความมุ่งมั่นของพวกเขาก่อตัวขึ้น สิ่งนี้ทำให้พวกเขาที่เป็นนักรบธรรมดาสามารถเชิดหน้ามองทุกคนที่นี่ด้วยความภาคภูมิใจ
“ชัยชนะเพื่อหน่วยรบวิหคโลกันตร์!”
เสียงคำรามดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วทำให้แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
“นี่คือวิญญาณสงครามจริงๆ…”
บนท้องฟ้า แม้แต่จิ่วโยวกับลู่หวูยังตกตะลึงกับฉากนี้ จิ่วโยวรู้ว่ามู่เฉินมีพรสวรรค์ด้านจั้นเจิ้นซืออยู่แล้ว แต่นางไม่คิดเลยว่าเขาจะชำระและกลั่นวิญญาณสงครามได้ในเวลานี้!
เทียบกับความตกตะลึงของจิ่วโยว หัวใจของลู่หวูกลับพลิกคว่ำพลิกหงายขณะที่จ้องมองมู่เฉินด้วยความรู้สึกตกใจในดวงตา ในฐานะเจ้าสำนักพาฬมังกร เขารู้ว่าแม่ทัพที่สามารถชำระจนกลั่นวิญญาณสงครามได้มีพลังอำนาจมากขนาดไหน
“เป็นไปได้ยังไง?!”
สีหน้าของลู่ขุยซีดเผือดลงขณะมองภาพนี้ด้วยความตะลึงลาน ทันทีที่วิญญาณสงครามถูกกลั่นออกมา เขาก็รู้ว่าตนเองพ่ายแพ้หมดท่าในการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว
กองทัพที่มีวิญญาณสงครามและภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต้านทานได้!
วิญญาณสงครามจะช่วยให้พลังของหน่วยรบวิหคโลกันตร์มาถึงจุดสูงสุดที่น่าตกใจ!
มู่เฉินมองลู่ขุยที่อยู่ในอาการว่างเปล่าด้วยสายตาไม่แยแส จากนั้นเขาก็เคลื่อนไปปรากฏบนศีรษะของวิญญาณสงคราม ก่อนจะชี้นิ้วเรียวมาที่ลู่ขุยแต่ไกล
รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ส่งเสียงร้องดังก้อง รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า สามารถสัมผัสได้กระทั่งอยู่ไกลพันลี้
ปีกวิหคโลกันตร์ที่ลุกโชนด้วยรัศมีจั้นยี่กวาดออกมาราวกับลำแสงฉีกผ่านขอบฟ้าเมื่อร่อนลง ทะลวงผ่านมิติและปรากฏตัวด้านบนกองทัพพาฬก่อนจะฟันลงมาประหนึ่งกระบี่สวรรค์
แม้แต่พื้นดินยังถูกฉีกออกจากกัน
ใบหน้าลู่ขุยเปลี่ยนไปรุนแรงขณะที่ขนทุกเส้นลุกชูชัน นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต ทันใดนั้นเขาก็เปล่งเสียงคำราม รัศมีจั้นยี่พาฬโถมไปข้างหน้า ก่อตัวเป็นเสาแสงรัศมีจั้นยี่จำนวนมากพุ่งตรงไปยังแสงสีดำหมายจะต้านทานไว้
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่การต้านทานก็ไร้ผล เมื่อลำแสงพุ่งผ่านก็ทำลายรัศมีจั้นยี่เหล่านั้นทันที ก่อนจะกระแทกร่างลู่ขุยภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน
พรูด! พรูด!
ลู่ขุยกระอักเลือดออกมาขณะที่แผ่นอกยุบลง ร่างร่วงลงมาในบึงน้ำทิ้งร่องลึกราวร้อยจั้งไว้ แม้แต่บึงน้ำที่ไหลเข้ามายังไม่สามารถปกคลุมหลุมได้ภายในเวลาอันสั้น
พรูดๆๆๆ!
กองทัพพาฬได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน นักรบจำนวนมากกระอักเลือดออกจากปากก่อนจะหมดสติ รัศมีจั้นยี่เหนือร่างก็หายไปอย่างหมดสิ้นในตอนนี้
จากภาพที่เห็น แม้ว่าพวกเขาสามารถรักษาตัวได้ พลังกองทัพพาฬก็ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง!
ทุกคนในบริเวณนี้ต่างมองกองทัพพาฬที่พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวด้วยอาการตกตะลึง กว่าจะหลุดจากอาการตกใจได้ก็หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ขณะแลกเปลี่ยนสายตากันก็เห็นแววตกตะลึงเข้มข้นและความหวาดกลัวฉายในดวงตาของกันและกัน
ตอนแรกรัศมีจั้นยี่พาฬไม่ได้ด้อยกว่าวิหคโลกันตร์เลย แต่เมื่อวิญญาณสงครามปรากฏก็สยบอีกฝ่ายจนได้รับชัยชนะไป
ดังนั้นนี่บอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างสองกองทัพ
ลู่หวูมองกองทัพพาฬและลู่ขุยที่พ่ายแพ้ ร่างกายก็อดสั่นเทิ้มไม่ได้ จากนั้นก็จ้องมองมู่เฉินด้วยรังสีสังหารเชี่ยวกรากในดวงตา
มู่เฉินน่าสะพรึงนัก เขาสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ถึงระดับนี้ด้วยอายุเท่านี้ หากรอให้เขากลายเป็นจั้นเจิ้นซือจริงๆ เขาจะเป็นภัยคุกคามน่ากลัวขนาดไหนกัน?!
ณ จุดนั้นแม้แต่สำนักพาฬมังกรก็คงจะถูกล้างบางหมดสิ้น!
อันตรายใหญ่หลวงในอนาคตแบบนี้จะปล่อยไปไม่ได้
ไอ้เด็กนี่ต้องตาย
รังสีสังหารพวยพุ่ง ลู่หวูก็ไม่ลังเลพุ่งไปหามู่เฉินปานสายฟ้าแลบ
“แกช่างกล้า!” ทันใดนั้นจิ่วโยวก็ตะเบ็งเสียงเย็น ก่อนจะกำหมัด กระบี่ขนนกสีดำปรากฏขึ้นในมือนาง เปลี่ยนเป็นแสงสีดำพุ่งตรงไปที่จุดตายบนแผ่นหลังของลู่ขุย
ทว่าลู่หวูกลับขบฟันเผชิญกับรังสีสังหารของจิ่วโยวและปรากฏตัวเหนือมู่เฉิน ซัดฝ่ามือลงไปพร้อมกับคลื่นหลิงน่ากลัวครางหวีดหวิวพุ่งใส่มู่เฉิน
คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดลงมาหามู่เฉิน
จิ่วโยวอดมีสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้ นางไม่คิดว่าลู่หวูจะยอมรับอาการบาดเจ็บหนักจากกระบวนท่าของนางเพื่อจะฆ่ามู่เฉิน!
ชัดว่าเขาสังเกตได้ถึงอันตรายที่มู่เฉินมีหากเติบโตขึ้น!
“มู่เฉินระวัง!”
เมื่อเสียงตะโกนของจิ่วโยวดังเข้าหูของมู่เฉิน เขาก็เงยหน้าขึ้นเห็นพลังฝ่ามือเต็มกำลังอันน่ากลัวจากลู่หวู ดังนั้นเขาจึงเกร็งกล้ามเนื้อขึ้นในเวลานี้
ตอนนี้เขาดูราวกับผู้ล่าที่กำลังจะกระโจนตะครุบเหยื่อ
แสงเหี้ยมวาบวับในนัยน์ตาเขา ในเมื่ออยากฆ่าข้า เจ้าก็ต้องจ่ายเลือดหนักเหมือนกัน!