TB:บทที่ 93 สิบลูก

 

“ได้สิ ไม่เลวนี่ ฉันชอบนะ เลือกเวลาแข่งมาได้เลย” สายตาของเฉินหลงมีประกายพึงพอใจเป็นที่สุด เขามองด้วยสีหน้าของคนที่ถูกเลือก

“ไปโดนแสงแดดยังดีกว่าเลือกวัน แถวนี้มีสนามบาสอยู่ เราไปแข่งที่นั่นได้”

จางเสี่ยวมองเฉินหลงด้วยใบหน้าที่หยิ่งยโสกว่าเก่า เขาหงุดหงิด แต่เพราะอะไรกันละ หากตัดสินจากตอนที่เฉินหลงผลักเขาล้มลงง่ายๆเหมือนผลักเด็กน้อย มีเขาสักสิบคนก็สู้เฉินหลงไม่ได้

“นำไปเลย” เฉินหลงว่านิ่งๆ

“เพื่อนร่วมชั้นฮ่าว ถ้าเธอไม่มีรถมา ฉันพาเธอไปที่นั่นได้นะ” จางเสี่ยวว่าแบบมีจุดประสงค์

“เรามีรถมา”

จากนั้นเฉินหลงและพวกจางเสี่ยวก็ไปที่ลานจอดรถ

รถของจางเสี่ยวคือรถ บีเอมดับบลิว เอ็กซ์ไฟฟ์ เจ็ดที่นั่ง

“เพื่อนร่วมชั้นฮ่าว ในรถฉันยังว่างนะ อยากจะมานั่งคันนี้ไหม” เมื่อขึ้นรถไปแล้ว จางเสี่ยวมองไปยังฮ่าวฉิเหวิน

เฉินหลงหมดคำจะพูดกับจางเสี่ยว เขาจูงฮ่าวฉิเหวินไปที่ที่เขาจอดรถไว้

“เฮ้ย ดูนั่นสิมีแมคราเรนพีวันอยู่ด้วย อย่างสวยเลย” เพื่อนของจางเสี่ยวมองไปทางที่เฉินหลงเดินไป เพราะมีแมคราเรนพีวันอยู่จึงมีความตื่นเต้นและอิจฉา

“เท่เป็นบ้า ฉันจะถ่ายรูปไว้เป็นความทรงจำ” คนอื่นๆว่าและกำลังจะออกไปจากรถของจางเสี่ยวเพื่อไปถ่ายรูป

“ถ่ายเยอะๆเลยแล้วส่งมาให้ด้วย”

……

เด็กชายทุกคนย่อมคลั่งไคล้รถซุปเปอร์คาร์ หากเป็นนักกีฬามหาลัยด้วยแล้วล่ะก็ ถ้าวันหนึ่งพวกเขาพัฒนาขึ้น พวกเขาอาจจะมีเงินพอจะเป็นพวกที่ซื้อรถหรูๆที่เขานั่งอยู่นี่ได้

อย่างไรเสีย ในตอนนี้พวกเขายังไม่มีปัญญาจะซื้อรถหรูพวกนี้เว้นแต่จะมีอะไรอัศจรรย์เกิดขึ้น

“สวยดีนี่ เดี๋ยวจะขับไปตรงนั้นให้พวกนายถ่ายนะ” พอเห็นเพื่อนของเขาจะลงจากรถเพื่อไปถ่ายรูปแมคราเรนพีวัน จู่ๆจางเสี่ยวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

เขาก็เป็นทายาทเศรษฐีนะ แต่เพื่อนเขาจะไปถ่ายรูปรถหรูคันอื่น

เขาไม่ได้รู้สึกอับอายอะไรหรอก แต่ตอนนี้เฉินหลงยังอยู่แถวนี้ หากพวกนั้นไม่เห็นภาพที่เป็นอยู่นี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไรหรอก จางเสี่ยวยอมให้เพื่อนลงจากรถไปถ่ายรูปไม่ได้เขาจึงทำได้เพียงขับรถไปให้พวกเขาถ่ายรูปเท่านั้น แต่ทำแบบนี้ก็ดูน่าสงสัยอยู่ดี

แต่เมื่อจางเสี่ยวกำลังขับผ่านไป เขาเห็นเฉินหลงเปิดประตูรถแมคราเรนพีวันให้ฮ่าวฉิเหวินเข้าไปในรถ สีหน้าทุกคนในรถจางเสี่ยวสับสน

“นำไป” เฉินหลงกดแตรรถ ลดกระจกลง เขากล่าวกับจางเสี่ยว

เมื่อได้ยินเฉินหลงว่าดังนั้น จางเสี่ยวรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า “ป้าบ ป้าบ ป้าบ” ถึงเฉินหลงจะไม่ได้อวดรวยอะไร แต่แค่รถที่ขับก็ชนะจางเสี่ยวแล้ว

ความรู้สึกนี้ทำให้จางเสี่ยวที่แม้จะเป็นคนหยิ่งยโสเสียเหลือเกินไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ครั้งนี้จางเสี่ยวหวาดกลัวอย่างมากว่าเขาคงไม่มีโอกาสกับฮ่าวฉิเหวิน เขาไม่มีอะไรดีกว่าเฉินหลงเลยไม่ว่าจะมองจากเรื่องหน้าตาหรือความร่ำรวย คงจะแปลกถ้าฮ่าวฉิเหวินจะมาชอบเขา ถึงจะเป็นเช่นนั้นจางเสี่ยวได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเขาจะแข่งกับเฉินหลงแม้จะไม่มีโอกาสทำคะแนน ความรู้สึกเหมือนโดนคนอื่นกดหัวแบบนี้ไม่มีความสุขเอาเสียเลย เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ เขาอยากจะชนะแม้จะแค่ในสนามบาสเกตบอลก็เถอะ

“พี่หลง นี่รถพี่หรือ” เมื่อได้นั่งรถแล้วฮ่าวฉิเหวินถามออกมาอย่างตื่นเต้น

 

เมื่อฮ่าวฉิเหวินเห็นรถคันนี้ แม้ครอบครัวของเธอจะร่ำรวยแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งรถราคาหลายสิบล้าน แน่นอนว่าเธอตื่นเต้นเป็นที่สุด เธอเคยได้ยินจากพ่อมาก่อนว่าเฉินหลงขับแลนด์โรเวอร์ จู่ๆเขามาขับแมคราเรนได้อย่างไรนี่

“ได้มาจากเพื่อนน่ะ” เฉินหลงยิ้ม

ตอนแรกฮ่าวฉิเหวินจะถามเฉินหลงว่าได้มาจากใคร แต่คิดอีกที ผู้ชายคงไม่ชอบผู้หญิงช่างถาม เธอจึงไม่ได้ถามออกไป

เนื่องจากจางเสี่ยวนำทางไป พวกเขาจึงมาถึงสนามบาสเกตบอลอย่างรวดเร็ว หลังจากซื้อตั๋วและเข้าไปแล้ว เฉินหลงก็เดินเข้าไปข้างใน

รถเฉินหลงเตะตาเป็นอย่างยิ่ง และเพราะเป็นเจ้าของรถเฉินหลงจึงเตะตาคนเช่นกัน

ตอนนี้มีคนเล่นบาสเกตบอลอยู่หลายสนามแต่โชคดีที่มีครึ่งของสนามหนึ่งที่ไม่มีคน ทำให้เฉินหลงและจางเสี่ยวแข่งตัวต่อตัวกันได้

“พร้อมไหม” จางเสี่ยวมองเฉินหลง

“นายพร้อมจะคำนับฉันหรือยังละ” เฉินหลงถามจางเสี่ยว

“ฉันไม่อยากเถียงกับนาย วัดกันในสนามดีกว่า เอาเป็นว่าเล่นสิบลูก จะเป็นลูกสามแต้มหรือสองแต้มหรือดังค์ก็นับเป็นหนึ่งแต้ม ในสิบลูกใครทำคะแนนได้มากกว่าชนะไป ว่าไงละ” จางเสี่ยวรอไม่ไหวที่เฉินหลงจะคำนับเขาจนไม่อยากเสียเวลาเถียง

“ไม่ว่าไง เริ่มตอนไหนก็ว่ามาเลย”

จริงๆแล้วแม้เฉินหลงจะเคยดูการแข่งขันบาสเกตบอลแต่เขาไม่เคยเล่นเองมาก่อน  อย่างไรก็ตามด้วยพละกำลังของเขาและหากได้รู้วิธีเล่นแล้วเฉินหลงน่าจะเล่นได้ไม่มีปัญหาอย่างใด ตอนที่ขับรถมาเฉินหลงใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ให้บอกวิธีเล่นกับเขา

จางเสี่ยวเดินเข้าไปยังสนามพร้อมถือลูกบาสเกตบอล เฉินหลงเดินเข้าไปเช่นกัน

“ไม่ต้องหาว่าแกล้งกันนะ ฉันจะให้นายเริ่มรุกเข้ามาก่อน” จางเสี่ยวโยนลูกบอลให้เฉินหลง เขาย่อเข่าทำท่าป้องกัน

เมื่อเฉินหลงได้ลูกแล้วเขาเดาะลูกเหมือนคนไม่เคยเล่น

เฉินหลงได้รู้วิธีการเล่นบาสเกตบอลมาจากระบบแต่เมื่อเล่นจริงจะต้องมีเวลาเพื่อปรับใช้ ด้วยสภาพกำลังกายที่เฉินหลงมี เวลาเพื่อปรับใช้ที่ว่าจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว คือการลองเล่นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

เมื่อเขาเดาะลูกบอลด้วยมือของเขาแล้ว เขาเริ่มจับความรู้สึกได้ เฉินหลงรู้วิธีการหลักๆที่จะเล่นบาสเกตบอลแล้ว

จางเสี่ยวได้เห็นเฉินหลงเดาะลูกบาสเกตบอลเหมือนคนที่ไม่ชำนาญอะไรแล้วเขาเกือบหลุดขำออกมา เขามีฝีมือระดับพวกเริ่มเล่นแล้วยังกล้าจะแข่งกับเขาอีกหรือ จางเสี่ยวไม่เข้าใจว่าเฉินหลงเอาความมั่นใจมาจากไหน

เมื่อคิดได้ดังนั้น จางเสี่ยวก็พุ่งเข้าไปแย่งลูกบอลจากเฉินหลงทันที

แต่ตอนนั้นเฉินหลงหมุนตัวผ่านจางเสี่ยวไปได้ทั้งตัว เมื่อได้เลี้ยงลูกบอลไปได้สองครั้งเฉินหลงมาถึงหน้าแป้นบาสเกตบอล และด้วยการใช้กำลังขาเพียงน้อยนิด เฉินหลงดันลูกบอลลงห่วงด้วยมือข้างเดียว

จางเสี่ยวได้แต่ยืนนิ่งกับการกระโดดทำคะแนนด้วยมือข้างเดียวของเฉินหลง ไม่ใช่ว่าคนคนนี้ไวไม่พอจะชู้ตลูกทำคะแนนหรือ เขาโยนลูกลงห่วงด้วยมือข้างเดียวได้อย่างไร เขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ คนคนนี้เป็นระดับมืออาชีพ

ฮ่าวฉิเหวินที่นั่งมองดูการแข่งอยู่ที่ขอบสนามกับคนอื่นๆอีกหลายคนมองดูเฉินหลงดังค์แล้วรู้สึกพรั่นพรึง แต่ต่อมา ฮ่าวฉิเหวินก็โห่ร้องและปรบมือ

เช่นเดียวกับหลายๆคนที่ดูการแข่งที่สนามนี้ พวกเขาทึ่งไปกับการดังค์ของเฉินหลง

“เยี่ยมสุดๆไปเลย ดังค์อีกลูกสิ”

“ดังค์อีกลูกเลยๆ”

……

เฉินหลงโยนลูกบาสเกตบอลไปให้จางเสี่ยวแต่จางเสี่ยวโยนกลับมาให้เฉินหลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำยอมให้เฉินหลงได้หน้าคนเดียว

ต่อจากนั้นเฉินหลงเลี้ยงลูกบอลไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเลี้ยงลูกบอลด้วยท่าทางเหมือนผ่านการฝึกมานับสิบปี เขามีฝีมืออย่างมาก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเขามองเห็นจางเสี่ยว