จวินโม่เซี่ยจักไม่รู้ชื่อ และชื่อสกุลของแม่เขาได้อย่างไร หลังจากที่เขารวบรวมข้อมูลได้มากมายเช่นนี้ ? ยิ่งกว่านั้น บุรุษทั้งสามดูเหมือนสะเทือนอารมณ์ สีหน้าของเขาเป็นมิตร ราวกับพวกเขาพยายามแสดงความรู้สึกเมื่อได้พบกับญาติพวกเขา จวินโม่เซี่ยจักไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยคิด
นี่มิใช่เรื่องที่บังเอิญไปหรอกหรือ ?
ข้าเพียงแค่บอกชื่อ … และข้าก็ได้ลุงสามคนมาในเวลาเดียวกัน ?
จวินโม่เซี่ยฝืนยิ้ม เขารู้สึกเสียความมั่นใจเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาแสร้งหัวเราะและเอ่ย
” ข้า … น้า น้าชาย … น้าสามของข้ากำลังตามมา … เอิ่ม … จะมาถึงในไม่ช้า .. ดังนั้น เขา เขา … นี่… พวกท่าน ..จักรอเขาหรือไม่ ? “
” เหตุใดเขาจึงตามหลังเจ้า ? “
ตงฟางเหวินเจี้ยนเลิกคิ้วและถามดวงตาเขียว
” เหตุใดเขาจึงมิได้นำหน้า ? “
” น้าสามเป็นผู้นำทัพหลัก เช่นนั้น เขาจึงเดินทางพร้อมพวกเขา ข้าเป็นผู้นำแนวหน้า ”
ผู้นำทัพหน้าจวินเอ่ยต่อ
” ข้าเดินทางมาก่อนเพื่อจัดการกับเส้นทางหุบเขาและสร้างสะพานเพื่อทัพหลัก ”
จวินโม่เซี่ยเหงื่อแตกในตอนที่เขาหยุดพูด แม้แต่ ตู่กู้เซี่ยวอี้ และ กวนเซียงฮั่นก็มิอาจกลั้นขำคิดคักได้
เมื่อใดกันที่เจ้าเหลือขอนี้ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำทัพหน้า ? เมื่อใดกันที่เขาจัดการเส้นทานหุบเขาและสร้างสะพาน ?
เขาเปิดเส้นทางหุบเขา…ให้กว้างขึ้นเพียงแค่รถม้าของเขาผ่านได้ สำหรับสะพาน … เจ้ากำลังเอ่ยเรื่องไร้สาระอันใด … ?
” อะไรนะ ? จวินวูอี้เจ้าระยำนั้น เขาส่งลูกชายของน้องสาวข้ามาเป็นทัพหน้า ? เขาจักทำเช่นไรหากมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้า ? เขาไร้ความทรงจำเลยหรืออย่างไร ? หรือ เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไปแล้ว ? “
ตงฟางเหวินชิงเอ่ยด้วยโทสะ
“น้องสาวข้ามีบุตรชายที่ยอดเยี่ยม ! เขามิได้มีฝีมือที่จักได้เป็นขุนพลหรือ? น่าอับอายยิ่งนัก ! ไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง ! ”
ตงฟางเหวินเจี้ยน และ ตงฟางเหวินชิงแลดูเกี้ยวกราด ดูเหมือนพวกเขาพร้อมจักทำให้จวินวูอี้อับอาย
ทุกผู้ตะลึงงัน
สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกัน ? ทั้งสามยังมิได้รับการยืนยันว่าเป็นลุงฝ่ายแม่ของเขา แต่พวกเขาพร้อมที่จักเริ่มปกป้องเขา ?
” โม่เซี่ย … ข่าวลือที่ว่าคุณชานน้อยสามแห่งสกุลจวินกลายเป็นคนเกเร .. กระทำตัวป่าเถื่อน และ กลั่นแกล้งผู้คน พวกเขาบอกว่าเขากระทำตัวผิดศีลธรรม และ .. และ เป็นนักเลย .. คนผู้นั้น .. มิใช่เจ้าใช่ไหม ? มีใครเกี่ยวข้องกับเจ้าโดยมีชื่อเดียวกันกับเจ้าหรือไม่ ? “
ตงฟางเหวินชิงถามด้วยความลำบากใจ ชัดเจนว่าเขามีปัญหาในการตั้งคำถามที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นการยากที่จักเชื่อพวกเขา แม้นว่าจักเป็นการคาดเดา …
จวินโม่เซี่ย กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ และแม้แต่องครักษ์ทั้งสี่ ต่างตกตะลึง สีหน้ามืดมนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
” เอ่อ พี่ใหญ่ ท่านกำลังเอ่ยสิ่งใด ? คำถามเหล่านี้มิใช่สิ่งทีต้องกังวล ! ”
ตงฟางเหวินชิงบอกพี่ของเขาด้วยทีท่าไม่พอใจ
“ดูหลานชายเราสิ ตงฟางเหวินเจี้ยน เขางดงาม สง่างาม และสูงส่ง อีกทั้งมีความสามารถเช่นนี้ในวัยเพียงเท่านี้ ฝีมือของเขาทำให้โลกตกตะลึง ความจริง เขายังจัดการกับน้องสามพวกเราในการต่อสู้ประชัดตัวได้ เขาดูเป็นนักเลงต่ำต้องในสายตาของท่านหรือ ? “
“ผู้ใดถูกเขาจัดการ ? “
ตงฟางเหวินต้าเอ่ยด้วยความไม่พอใจขณะที่เขาตอบกลับ
” ข้าเห็นเขายังเด็ก …ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นหลานของเรา … ข้าเพียงแค่หยอกเล่นกับเขา เจ้าคิดว่าข้าจักพ่ายแพ้เขาทั้งที่ข้ามีฝีมือเช่นนี้หรือ ? เจ้าเชื่อว่าข้าจักพ่ายแพ้ให้กับเด็กอมมือหรอกหรือ ? ”
” อุบ๊ะ ! เอ่ยได้มิไร้ยางอาย ! ตอนนี้เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาคือหลานชายของเรา ? เจ้าเพียงพยายามโอ้อวนในช่วงเวลาวุ่นวายนี้ ! ”
ตงฟางเหวินเจี้ยนคำรามทางจมูกด้วยคาวมรังเกียจ และเอ่ย
” ฝีมือของเจ้ามิได้สมบูรณ์แบบ และ เจ้าดูเหมือนจักพยายามแก้ตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าเพียงแพ้หลานชาย มิจำเป็นต้องอับอาย เช่นนั้น เจ้าจักแก้ต่างเพื่ออันใด ? แท้จริงแล้ว เจ้าไม่มีท่าทีดั่งผู้อาวุโส ! ”
จากนั้น เขาหยุดชั่วขณะ และเอ่ย
” เช่นเดียวกันพี่ใหญ่ เขาเป็นหลานชายที่ยอดเยี่ยม ลุงเช่นไรกันที่เอ่ยเรื่องไร้สาระกับหลานชายของเขา … ”
” ข้าเพียงแค่ถาม ! ”
ตงฟางเหวินชิงเอ่ยด้วยทีท่าสง่าผ่าเผย
” เจ้าทั้งสองหุบปากไปเสีย ! ”
สีหน้าจวินโม่เซี่ยเริ่มเขินอาย
เขาแทบมิเคยรู้สึกอายเลยในชีวิต อย่างแรก เขาพลาดที่รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับลุงเหล่านี้ จากนั้นเขาแทงลุงฝ่ายแม่ของตัวเอง หลังจากนั้น เขาโอ้อวดชื่อสกุล เขาคิดว่าชื่อนี้โด่งดังไปทั่วโลกในทางที่ดี แต่จากนั้นเขาก็ได้รู้ว่ามันตรงข้าม เขารู้ว่าชื่อองเขามิได้เจิดจ้าดั่งแสงจันทรา และกลับกายเป็นที่รู้จักในทางลบ
เสียง หึ ดังออกมาจากปากของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ จากนั้น นางหัวเราะลั่น เขาเอามือกุมท้องขณะเริ่มตัวสั่น นางแสดงสีหน้าชั่วร้ายให้จวินโม่เซี่ยครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นนางขยับตาให้เขา และเริ่มหัวเราะดังขึ้น
องครักษ์สี่คนหันหลังไป พวกเขาไม่ต้องการให้จวินโม่เซี่ยเห็ใบหน้าที่บิดเบี้ยวจากการกันหัวเราะ เสียง หึ ดังต่อเนื่องจากลำคอพวกเขา ..
กวนเซียงฮั่นสามารถหักห้ามร้อยยิ้มของนางได้สำเร็จ แต่งมีร่องรอยการเยาะเย้ยบนใบหน้าขงนาง นางรู้ถึงความบริสุทธิ์ของแม่บุญธรรมของนางเนื่องจากนางคือสะใภ้สกุลจวิน กวนเซียงฮั่นรู้ว่าแม่บุญธรรมของนามิได้มีชื่อเสียงมากมาย แต่ นางรู้มาอยู่บ้างว่าพวกเขามีพลังอำนาจ อย่างไรก็ตาม นางยังคงประหลาดใจเนื่องจากบุรุษทั้งสามที่เรียกตัวเองว่าเป็น ลุงของนางเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน
กวนเซียงฮั่นอุทาน ความกังวลตรงก้นบึ้งหัวใจของนางผ่อนคลายลง แน่นอนว่าพวกเขาต้องเผชิญกับ มณฑลฉือฮั่นระหว่างทางไปยังเถียรฟาอย่างแน่นอน และนางมั่นใจว่าจักต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นเนื่องจากจวินวูอี้และจวินโม่เซี่ยอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยนางรู้สึกสบายใจขึ้นเนื่องจากยอดฝีมือทรงพลังเหล่านี้อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา
จวินโม่เซี่ยเหลือบมอง และจากนั้นเกาหัว เขาเอามือลงและแผ่ออกไป จากนั้นเขายักไหล่และเอ่ยด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
” นครเทียนเชียง … ไม่มีจวินโม่เซี่ยคนอื่น .. และ รุ่นที่สามไร้ชายอื่นแล้ว แต่ … ท่านแน่ใจในข่าวลือเกี่ยวกับข้าหรือ ? “
” คนผู้นั้นเป็นเจ้าจริงๆหรือ ? “
ตงฟางเหวินชิงถาม บุรุษทั้งสามเพ่งมองด้วยความประหลาด
” เจ้าคือผู้ที่ข่าวลือบอกว่า … เป็นอันธพาลเลวร้าย และ ไร้เมตตา ? “
” แม่เจ้า ! ”
ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยดำมืดด้วยโทสะ
” ผู้ใดทำลายชื่อเสียงของพี่ผู้นี้ ? ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ …?! นี่เป็นเลห์เพทุบาย ! ไร้สาระอย่างที่สุด ! พี่ผู้นี้ยังหนุ่ม และมีความหวัง ใจดี และใจบุญ หล่อเหลา และอารี และ เป็นเลิศ ! เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความดี ในนครเทียนเชียง ! ความกล้าหาญ อีกทั้งเขาใจผู้คน ! เขามีบุคลิกเป็นนักรบ และหัวใจของศิลปิน ! บอกได้ว่า ข้าเป็นที่รู้จักอย่างดี และทุกผู้ชื่นชมข้า ! ผู้ใดไม่รู้เรื่องนี้ … ”
ตู่กู้เซี่ยวอี้ เปล่งเสียง หึ อีกครั้ง และกุมท้อง
ใบหน้าของ ตงฟางเหวินชิงและอีกสองผู้ตกตะลึง พวกเขาเริ่มกระตุก ตงฟางเหวินเจี้ยนเหลือ
“เจ้าเหลือขอ ! พี่ใหญ่ผู้นี้เป็นใคร ?! พวกเราคือลุงของเจ้า ! เจ้าไร้ความเคารพหรืออย่างไร ?! “
จวินโม่เซี่ยดึงผม เขาเศร้าสลดอย่างมาก
” ตัวตนของท่านยังมิได้รับการยืนยันในตอนนี้ ! พวกเราจักรอจนกว่าน้าสามาจะมีถือและยืนยัน ! ”
สามยอดฝีมือเทพเชวียนเริ่มมีโทสะก่อน … และจากนั้นหม่นหมอง
เขากำลังเอ่ยสิ่งใด ? สถานะของ ลุงฝ่ายแม่ของเราจักจบลงหาก น้าสามาของเขาลืมพวกเราอย่างนั้นหรือ ?
กระโจมถูกยกขึ้นในยามค่ำคืน และ สามพี่น้องตงฝางได้ครอบครองพวกมันคนละหนึ่งอัน
กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ แอบออกไปอาบน้ำตอนกลางคืน คุณชายน้อยจวิน ถอนใจเนื่องจากพลาดโอกาสที่จักได้แอบดูเนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นกระทันหันนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาอดที่จักหดหู่มิได้เนื่องจากลุงทั้งสามทำให้เขาอับอายอย่างมาก ความจริง เขาหวังว่าตัวตนของเขาจักไม่ได้รับการพิสูจน์ แล้วเขาจักโยนพวเขาออกไปจากค่ายนี้
จวินโม่เซี่ยเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนในหัวใจ
ข้าไม่เป็นท่านเป็นลุงฝ่ายแม่ ! ทำไมข้าต้องทำ ?! ฮึ่ม ! เข้าจักโยนพวกท่านออกไปในตอนเช้าหากสามารถจัดการได้ …
แผนการของข้าจักต้องไม่ถูกล้มเลิกเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ !
ข้าต้องไม่ล้มเหลวในการลงมือทำตามแผนการ ! แผนการของข้าจักไม่ต่างอันใดบกับภาพที่สวยหรูหากไม่ลงมือทำ … !
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้าต้องเสียพลังงานไปกับการพูดกับคนเหล่านี้แทนที่จักใช้มันวางแผนการ !
การพูดกับคนเหล่านี้เป็นดั่งการโดนเก็บส่วย …
” แล้วเจ้ากำลังบอกว่าการเดินทางไปยังป่าเถียรฟานี้คือกับดัก ? และ ผู้คนจำนวนมากต้องตายเพราะติดกับดักนี้โดยไม่เป็นการสมควรอย่างนั้นหรือ ? “
ตงฟางเหวินชิง มีสีหน้าสง่างาม
มันไม่สำคัญว่าจักเห็นกับดักหรือไม่ เถียรฟา คือสถานที่ซึ่งศัตรูของข้ารวมตัวอยู่ ”
จวินโม่เซี่ยยิ้ม
” ยิ่งกว่านั้น ศัตรูของข้าบางคนก็มิใช่สามัญ นครพายุหิมะสีเงินเป็นตัวอย่างที่หนึ่ง .. และ มณฑลฉือฮั่นคืออีกตัวอย่าง … สำหรับคนอื่น … อืม ! มีเด็กสองคนในค่ายที่จักพยายามสร้างปัญหาให้ข้า แต่พวกเขาไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง ”
บุรุษทั้งสามถอนใจยาว
” พวกเราเข้าใจเรื่อง นครพายุหิมะสีเงิน แต่ มณฑลฉือฮั่นนั้นมีปัญหาอันใด ? “
จวินโม่เซี่ยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาบรรยายถึงเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด และ เอ่ยด้วยที่าหมดหนทาง
” พี่สะใภ้ยืนยันจักเดินทางมาด้วยเนื่องจากนางเป็นห่วงเรื่องของข้ากับน้าสาม ข้าจักมิรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนางได้อย่างไร ? นางห่างไกลจากเรื่องราวของโลกมาตลอด เช่นนั้น คนที่อยู่ห่างไกลและสงบสุข จักทะเลาะกันเช่นนี้ และขู่ว่าจักไปตายที่เถียรฟาได้อย่างไร ? ข้ารู้มานานแล้ว แต่ข้ากำลังคิดหาวิธีแก้ไข ”
” ลูกชายผู้หยาบคายของ ลีจื้อเทียนต้องการคว้าตัวเมียของน้องเขยพวกเราหรือ ? อุบะ ! เขาช่างกล้า ! และกล้าหาญบางอย่าง !”
จวินโม่เซี่ยเอ่ยกำลังจะจบ ในตอนที่ ตงฟางเหวินชิง และอีกสองคนกระโดดขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และพวกเขาดูมิอาจกลั้นโทสะไว้ได้
” อาวุโสผู้นี้จักไปยัง มณฑลฉือฮั่น และกำจัดเจ้าเหลือขอนั่น ! เขาหลงผิดอย่างร้ายแรง ! เจ้าคางคกนั่นอยากกินเนื้อหงษ์ ! แม่เจ้า ! ข้าจักไม่ปล่อยให้เขาสามารถฉี่ได้ ! ”
ตงฟางเหวินต้าโบกมืออย่างมีโทสะ
จวินโม่เซี่ยสะอึก เขาไม่คาดว่าจักได้รับการตอบสนองที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นจากบุรุษทั้งสาม
” โมเสี่ย เจ้าบอกว่าพี่สะใภ้ของเจ้า … มิได้เย็นชากับเจ้าอีกแล้วหรือ ? “
ตงฟางเหวินชิงถามอย่างรอบคอบ
” อ่อ ใช่ ”
จวินโม่เซี่ยตอบโดยมิได้คิด เขารู้สึกว่าบุรุษทั้งสามถามถึงสิ่งที่่น่าเบื่อ เขาเริ่มรู้สึกง่วงแล้วตอนนี้
” โอ้ … เด็กโชคร้าย ! สามีที่ได้พบกันไม่กี่ครั้งต้องตายไป ! จากนั้นนางเลือกที่จะอยู่เป็นหม้ายในกุลจวินของเจ้า .. และตอนนี้ ! นางเป็นดั่งองค์หญิงที่แสนเศร้าในตำนาน ความสาวของนางถูกขว้างทิ้ง และตอนนี้นางทำได้เพียงนั่งมอห้องที่ว่างเปล่า ความทุกข์ทรมาณอันใดกัน ?! “
ใบหน้าผอม และโหดเหี้ยมของตงฟางเหวินเจี้ยนแสดงรอยย้อม
” โม่เซี่ย เด็กสาวผู้นี้น่ารักน่าชังนัก นางมีร่างกายที่งดงาม จักทำให้เกิดสิ่งดีกับบุรุษทุกคน ยิ่งกว่านั้น นางยังสดใสและมีชีวิตชีวา ? “
จวินโม่เซี่ยเอามือท้าวคางและเอ่ย
“เป็นเช่นนั้น นางมีชีวิตชีวาและอ่อนช้อย…. ”
จากนั้นเขากลืนน้ำลาย
” ใช่ เออ ข้าจักพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ? “
ตงฟางเหวินต้าประมือ จากนั้นเขาเอ่ยอย่างสนุกสนาน
” กระนั้นชื่อสกุลยังคงเป็นจวิน … เจ้าจักหนีจากสิ่งนี้หรือไม่ ? น้องชายจักก้าวขึ้นแทนที่เมื่อพี่ใหญ่สิ้นใจ ดั่งภาษิต อย่าปล่อยน้ำเจ้าใส่ไร่ผู้อื่น
” เงียบเสียน้องสาม และ อย่าเอ่ยเรื่องไร้สาระ ! ”
ใบหน้าของ ตงฟางเหวินชิงจริงจังขณะเขาตำหนิ
” อะไรคือ อย่าปล่อยน้ำของเจ้าใส่ไร่คนอื่น ? นี่คือสิ่งที่ลุงควรเอ่ยกับหลานชายอย่างนั้นหรือ
? มันเป็นการยาบคายอย่างยิ่งที่เอ่ยเรื่องเช่นนี้ ! นี่คือสิ่งที่นาอับอายยิ่งนัก ! ”
ตงฟางเหวินต้า หวาดกลัวพี่ใหญ่ของเขาอย่างมาก เขาหดตัวลงทันทีเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มบ้าคลั่ง เขาก้มหัว และไม่กล้าเอ่ยวาจาอื่นใด
จวินโม่เซี่ยคืนสติจากความงุนงงทันทีเนื่องจากเสียงตะโกนที่น่ากลัวนั้น เขาได้สติและถามด้วยความงุนงง
” ผู้ใด … อะไร … อย่าปล่อยน้ำของเจ้าใส่ไร่คนอื่น ? ”