ตอนที่ 684 อยู่สูงกว่าเดิม
ซิงเหอต้องการที่จะรู้ทุกอย่างที่อีเฉินรู้!
ซิงเหอพบร้านกาแฟเงียบๆ สำหรับพักดื่มกาแฟ อีเฉินต้องการคุยกับซิงเหอตามลำพังและนั่นเป็นความต้องการของซิงเหอเช่นกัน พวกเขานั่งร่วมโต๊ะกันที่มุมในสุดของร้านซึ่งไม่มีใครสามารถแอบฟังได้ อาลิและคนที่เหลือนั่งอยู่ห่างออกไปเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์พวกเขา หรือถ้าให้ชัดเจนกว่านั้น พวกเขากำลังเฝ้าสังเกตอีเฉินเพราะกลัวว่าเขาอาจจะทำร้ายซิงเหอ
อีเฉินแอบมองพวกแซมและหัวเราะ “คนพวกนั้นเป็นเพื่อนคุณเหรอ พวกเขาดูไม่เหมือนบอดี้การ์ดในสายตาผมนะ”
“ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน” ซิงเหอตอบอย่างนุ่มนวลและเอ่ยถาม “บอกฉันมาว่าคุณมาที่นี่ทำไม และทำไมคุณถึงออกมาหาฉัน”
อีเฉินไม่ตอบในทันทีแต่เลือกที่จะใช้เวลาเพื่อศึกษากรอบความคิดของซิงเหอ “เวลาเพิ่งผ่านไปแค่ปีเดียวเองนะคุณเซี่ย แต่คุณสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ว่าแต่ปีที่ผ่านมาของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ไม่เลว แต่ฉันคิดว่าเราไม่ได้มานั่งคุยถามไถ่กันแบบหวือหวาหรอกนะ” ซิงเหอกล่าว เธอพูดเข้าประเด็นทันที “อีเฉิน ฉันอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโปรเจกต์กาแล็กซี อย่าเล่นแง่กับฉันและบางทีคราวนี้เราอาจจะร่วมมือกันได้”
ริมฝีปากของอีเฉินโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “คุณเซี่ยนี่ยังเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนเดิมเลยนะ แต่คุณแน่ใจแล้วเหรอที่จะร่วมมือกับผมน่ะ ความร่วมมือจะต้องขึ้นอยู่กับ…”
“ฉันมีเท่านี้ พอไหม” ซิงเหอชูนิ้วขึ้นสี่นิ้ว และดวงตาที่ไร้ความสนใจในตอนแรกของอีเฉินก็เปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้นในทันที
เขาอึ้งและถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณกำลังพูดถึงของนั่นใช่ไหม”
“แล้วจะมีอะไรอีกล่ะ”
“คุณต้องล้อเล่นแน่ คุณหาที่อยู่ของมันได้เยอะขนาดนั้นได้ยังไง!” อีเฉินอ้าปากค้างด้วยความตะลึง เพราะเขาใช้เวลาทั้งปีในการหาแต่ละชิ้น จนทำให้มีอยู่ในความครอบครองของเขาสองชิ้น
ในระยะเวลาเท่ากัน ซิงเหอกลับหาได้ถึงสี่ชิ้น! เขาจะเชื่อเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน
ซิงเหอจิบกาแฟอย่างไม่รีบร้อนและกล่าวอย่างช้าๆ “คิดว่าฉันโกหกงั้นเหรอ”
“…” อีเฉินชำเลืองมองอย่างจริงจัง เขาเชื่อว่าซิงเหอไม่ได้หลอกเขา ถ้านี่เป็นคนอื่นเขาคงรู้สึกสงสัยแต่ซิงเหอสามารถทำให้เขาประหลาดใจได้ถึงสองครั้งเมื่อปีก่อนเพียงปีเดียวที่พวกเขาบังเอิญพบกัน เธอไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเขา…
อีเฉินตระหนักได้ถึงความไร้ประโยชน์ของตัวเอง เมื่อเทียบกับซิงเหอแล้วเขารู้สึกไร้ความสามารถอย่างมาก เขาคิดว่าเขาจะสามารถไปสู่จุดเดียวกันกับเธอได้หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี แต่เขาตระหนักได้ว่าระยะห่างระหว่างเขาทั้งสองคนนั้นมีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
อีเฉินอดบ่นไม่ได้ “คุณเซี่ยจะช่วยให้โอกาสคนอื่นอีกครั้งไม่ได้เหรอ คุณหาเจอเยอะขนาดนั้นในเวลาปีเดียวได้ยังไงกัน”
“ทั้งหมดเป็นแค่ความบังเอิญ” ซิงเหอตอบอย่างสัตย์ซื่อ ใช่แล้ว ราวกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ถูกเขียนเอาไว้ให้เธอและผลประโยชน์ต่างๆ พากันหล่นมาอยู่บนหน้าตักของเธอ
อีเฉินรู้สึกอยากไอเป็นเลือด ซิงเหอไม่เพียงแต่มีความสามารถแต่โชคยังเข้าข้างเธออีกด้วย การไม่ร่วมมือกับเธอดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้
“ผมจะร่วมมือกับคุณ!” อีเฉินประกาศด้วยน้ำเสียงตั้งมั่นในการตัดสินใจของตัวเองที่จะร่วมมือกับเธอ “ดังนั้นคุณต้องร่วมมือกับผมด้วยเหมือนกัน ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการ แต่ผมก็จะเกาะคิดคุณไปตลอดชีวิต”
ซิงเหอพูดไม่ออก “แผนเดิมของฉันคือการร่วมมือกับคุณอยู่แล้ว ตอนนี้จะบอกทุกอย่างที่คุณรู้ให้ฉันฟังได้หรือยัง”
ตอนที่ 685 คิดว่าเป็นแม่ของคุณ
“โอเค!” อีเฉินให้ความร่วมมือและเอาจริงเอาจังมากขึ้น
เขาจ้องมองซิงเหอและถาม “ว่าแต่ก่อนอื่นผมมีเรื่องอยากรู้… คุณมาพัวพันกับตระกูลเฮ่อหลานได้ยังไง”
ซิงเหอถามกลับ “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานกับพวกเขา”
คนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่าตระกูลเฮ่อหลานเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในการตามหาลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน ความจริงที่ว่าอีเฉินรู้เรื่องนี้หมายความว่าเขาเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตระกูลเฮ่อหลานอยู่
คำตอบของอีเฉินช่วยยืนยันความคิดนี้ “เพราะผมตรวจสอบพวกเขามาได้สักพักแล้ว อีกอย่างการที่มีสื่อมากมายออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะระบุว่าใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง”
“คุณพูดถูก พวกเขามีเป็นคนควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ ฉันเกี่ยวพันกับพวกเขาเพราะฉันกำลังตามหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลเฮ่อหลาน” ซิงเหอตอบอย่างสัตย์ซื่อ “และผู้หญิงคนนั้นมีพื้นเพที่ไม่เหมือนใครซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเฮ่อหลานยินดีที่จะช่วย”
“ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ” อีเฉินยังคงจดจ้องอยู่กับซิงเหอและถาม
ซิงเหอชะงักเพราะคำถามที่น่าสงสัยนี้แต่เธอก็ยังตอบ “ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน แต่อย่างที่ฉันบอก เธอมีพื้นเพที่ไม่เหมือนใคร”
อีเฉินประหลาดใจ “ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเสียอีก อย่างเป็นแม่ของคุณหรืออะไรแบบนั้น ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อหลานได้ยังไง”
ซิงเหออึ้งอีกกว่าเดิม “คุณหมายความว่ายังไง”
อีเฉินสังเกตเห็นและรู้ได้ว่าซิงเหอยังคงไม่รู้ในอีกหลายเรื่อง
“คุณไม่รู้เหรอว่าโปรเจกต์กาแล็กซีเกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อหลาน” เขาซักถาม
ซิงเหอพยักหน้า “ฉันรู้ แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวทางไหน”
“งั้นจะตามหาทำไม” อีเฉินสับสน “ผมคิดว่าเป็นเพราะคุณรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างคุณถึงได้มาตามหาที่นี่”
“คุณทำฉันสับสน” ซิงเหอขมวดคิ้วด้วยความสับสน “ทำไมเราไม่เริ่มตั้งแต่แรก มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลาน”
“มีอะไรไม่ผิดเกี่ยวกับพวกมันบ้าง!” แววตาของอีเฉินดำมืดขึ้น “พวกมันเป็นคนริเริ่มโปรเจกต์กาแล็กซีและพ่อแม่ของพวกเราก็ถูกกำหนดให้เข้าร่วมโปรเจกต์นี้ตั้งแต่พวกเขายังเด็กมาก”
ซิงเหออึ้ง แต่วินาทีต่อมาทุกอย่างก็เริ่มปะติดปะต่อ “คุณหมายถึงพวกเขากำหนดให้บรรดาเด็กกำพร้าจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเขาเข้าร่วมโปรเจกต์นี้งั้นเหรอ”
“ถูกต้อง” อีเฉินพยักหน้า เขายังคงประทับใจความสามารถที่จะเข้าใจข้อมูลของเธอ “วัตถุประสงค์เบื้องหลังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ใช่เรื่องของการกุศลเลยสักนิด! การกุศลนั่นเป็นแค่เครื่องบังหน้าเพื่อให้พวกมันสามารถเลือกเด็กกำพร้าที่เหมาะสมไปใช้ในโปรเจกต์กาแล็กซีได้ และพ่อแม่ของเราก็ถูกเลือกเพราะอย่างนั้น”
นี่เป็นความจริงที่ซิงเหอไม่ได้คาดคิด แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วโปรเจกต์กาแล็กซีคืออะไร แต่เธอมั่นใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่!
“โปรเจกต์กาแล็กซีคืออะไรกันแน่ วัตถุประสงค์ของมันคืออะไร แล้วคุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง” ซิงเหอยิงคำถามเป็นชุด
คราวนี้อีเฉินส่ายหัว “โชคไม่ดีที่ผมเองก็บอกเป้าหมายจริงๆ ของโปรเจกต์นี้ไม่ได้เหมือนกัน ผมแค่ได้ยินมาจากพ่อว่ามันเป็นเรื่องที่อำมหิตอย่างไม่น่าเชื่อ เขาตามหาตระกูลเฮ่อหลานมาตลอดหลายปีนั้น แต่เขาก็หาพวกมันไม่พบ และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไม เพราะพ่อคิดว่าตระกูลเฮ่อหลานนั่นอยู่ที่จีน แต่ที่จริงแล้วมันซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศ R มาตลอด”